ข่าว
ฝนถล่มกรุงเก่าหนักสุดในรอบปี น้ำท่วมเกาะเมืองรวดเร็ว

ว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยเมื่อวันที่ 12 กันยายน ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้กิดฝนตกหนักที่สุดในรอบปี โดยตกติดต่อกันนานกว่า 2 ชั่วโมง ทำให้ปริมาณน้ำฝนที่ตกทั่วเกาะเมือง 18 ตารางกิโมเมตร ไหลตามท่อระบายน้ำมารวมกันที่คลองมะขามเรียง แต่มีการปิดประตูน้ำปากคลองมะขามเรียงไว้ เพราะแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูง ดังนั้นการนำน้ำในเกาะเมืองออก จึงต้องใช้วิธีสูบน้ำด้วยเครื่องสูบน้ำพลังแรงสูงลงแม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้น แต่เนื่องจากเกิดกระแสไฟฟ้าดับทั่วเมืองเป็นเวลานาน ทำให้ไม่สามารถสูบน้ำในชั่วโมงวิกฤตออกได้ทัน ทำให้น้ำท่วมชุมชนริมคลองมะขามเรียงอย่างรวดเร็วเกือบ 50 หลังคาเรือน ประมาณ 30 เซ็นติเมตร แต่เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าตามปกติ ก็สามารถสูบน้ำออกได้อย่างรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง และทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตามจะเร่งสำรวจความเสียหายทรัพย์สินของประชาชน เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป และจะเร่งนำเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้ามาติดตั้งเพื่อสำรอง เพื่อใช้กับเครื่องสูบน้ำ หากเกิดกระแสไฟฟ้าดับอีก ทั้งนี้ นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา ได้กล่าวยืนยันว่า กระแสข่าวลือน้ำท่วมเข้าเกาะเมืองไม่เป็นความจริง โดยน้ำที่ท่วมเกิดจากฝนตกเพราะระบายไม่ทันด้วยกระแสไฟฟ้าดับเท่านั้น ซึ่งระดับน้ำ ในแม่เจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรี ยังต่ำกว่าระดับถนนอู่ทองที่เป็นเขื่อนรอบเกาะเมืองประมาณ 1 เมตรเศษ และเทศบาลเองจะเร่งเสริมแนวคันดินป้องกันน้ำท่วมบนถนนอู่ทองรอบเกาะเมืองโดยเร็วเช่นกัน

จำคุก 2 เดือน นักร้องสาว"กิ๊ฟซ่า"เมาแล้วขับ ปรับ6พันบาท

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 12 กันยายน ที่ศาลจังหวัดพระโขนงมีคำพิพากษามีการพิจารณาคดีที่น.ส.ปิยา พงศ์กุลภา หรือ กิ๊ฟซ่า นักร้องสาวจากวง เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ที่ถูก ข้อหาเมาแล้วขับและไม่มีใบขับขี่ซึ่งข้อหาเมาแลวขับ มีอัตราโทษจำคุก2เดือน ปรับ6,000บาท ข้อหาไม่มีใบขับขี่ปรับ1,000บาท ซึ่งรับสารภาพและไม่เคยประพฤติผิดมาก่อนศาลจึงพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง และรอลงอาญา2ปี ระหว่างการรอลงอาญา น.ส.ปิยา ต้องมารายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้งใน 1 ปี และทำงานบริการสังคมตามทึ่ตกลงไว้กับทางอัยการเป็นเวลา12ชั่วโมง ก่อนหน้านี้ เวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.คลองตัน นำตัวน.ส.ปิยา พงศ์กุลภา หรือ กิ๊ฟซ่า นักร้องสาวจากวง เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ที่ถูกจับในคดีเมาแล้วขับเมื่อวานนี้มาส่งฟ้องศาลจังหวัดพระโขนง โดยทางน.ส.ปิยา มีสีหน้าเรียบเฉยยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับทางสื่อมวลชนแต่ย่างใด ขณะที่นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด(มหาชน) ก็ไม่ได้เดินทางมาพร้อมกับ กิ๊ฟซ่า ตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ หลังจากมีการสั่งลงโทษนักร้องสาวด้วยการพักงานไปแล้ว 3 เดือน อย่างไรก็ตามก่อนที่ศาลจะตัดสิน ผู้พิพากษาประจำศาลจังหวัดพระโขนงได้มีคำสั่ง แจ้งกับสื่อมวลชนกว่า 50 คนว่า ไม่อนุญาตให้เก็บภาพใดๆทั้งสิ้นที่อยู่ในบริเวณรั้วศาลทั้งหมด ซึ่งเป็นคำสั่งห้ามโดยไม่มีข้อยกเว้น หากฝ่าฝืนจะถือว่าละเมิดอำนาจศาล ส่วนที่สื่อบางสำนักได้ออกอากาศไปแล้วก่อนศาลมีคำสั่ง ถือว่าไม่เป็นไร โดยขอให้สื่อมวลชนทุกคนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด


"บิ๊กโอ๋"เตรียมอุทธรณ์คำสั่งศาลปค.คืนตำแหน่ง"พล.อ.ชาตรี"

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ภายหลังจากศาลปกครองมีคำสั่งให้คืนตำแหน่งให้พล.อ.ชาตรี ทัตติ กลับไปปฏิบัติหน้าที่รองปลัดกระทรวงกลาโหมดังกล่าวออกมาแล้ว พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้ทหารพระธรรมนูญไปศึกษารายละเอียดของคำสั่ง เพื่อยื่นอุทธรณ์แสดงความไม่เห็นด้วยต่อกรณีที่ศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาคำสั่งกระทรวงกลาโหมในการให้ พล.อ.ชาตรี ไปช่วยราชการสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมแล้ว โดยสั่งให้คณะกรรมการสอบวินัยความผิดดำเนินการสอบเพิ่มเติม เรื่องที่พล.อ.ชาตรี กระทำผิดวินัยทหาร กรณีนำความลับราชการไปเปิดเผย เพื่อคัดค้านคำร้องของ พล.อ.ชาตรี ที่แจ้งต่อศาลปกครองว่าไม่มีตำแหน่งเกี่ยวข้องในการจัดทำบัญชีรายชื่อ และไม่ได้นำความลับทางราชการไปเปิดเผย

“สำหรับกรณีของ พล.อ.เสถียร ถือได้ว่าจบแล้ว เพราะครั้งแรกที่ยื่นขอไต่สวนฉุกเฉินก็ถูกศาลยกคำร้อง ครั้งที่ 2 ก็ไปร้องศาลขอให้ทุเลาคำสั่งช่วยราชการศาลก็ยกคำร้อง ดังนั้นคงทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะทางเราได้ระบุความผิดไปในเรื่องวินัย เมื่อเป็นเรื่องทางวินัย ศาลปกครองก็ไม่รับ เพราะเป็นเรื่องภายในกระทรวงกลาโหม ศาลไม่เกี่ยว” แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหม ระบุ

“กล้านรงค์”จวกเอแบคโพลล์ตั้งคำถามชี้นำสังคม

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงผลสำรวจของประชาชนจากเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในหัวข้อ “ยอมรับได้หากรัฐบาลมีการทุจริตและทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง ตัวเองอยู่ดีกินดี“ว่า การสำรวจความคิดเห็นในลักษณะนี้ออกมาหลายครั้ง ในระหว่าง ปี 2554-2555 มีถึง 4 ครั้งและตัวเลขผู้เห็นด้วยกับคำถามเป็นตัวเลขที่สูง

“การตั้งคำถามลักษณะนี้เป็นการชี้นำ และขัดกับหลักตรรกะ เพราะหากมีการทุจริตคอร์รัปชั่น ประเทศชาติจะไม่เจริญรุ่งเรือง และหากถามคำถามในลักษณะนี้เรื่อย ๆ เกรงว่า จะทำให้เกิดการสับสน หากคำว่า “ถ้า” หายไป จะกลายเป็นว่า รัฐบาลคอร์รัปชั่นทุจริตและทำให้ประเทศรุ่งเรือง ตัวเองอยู่ดีกินดี เป็นเรื่องที่อันตราย และเชื่อว่าคนที่ลงคะแนนเห็นด้วยในผลการสำรวจนั้น ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการคอร์รัปชั่น แต่ตอบเห็นด้วยเพราะความสับสนของโพลล์” นายกล้านรงค์ กล่าว

นายกล้านรงค์ กล่าวต่อว่า ขอเรียนไปยังผู้จัดทำเอแบคโพลล์ ขอให้ตั้งคำถามว่า “เชื่อหรือไม่ว่า ถ้ารัฐบาลมีการทุจริตแล้วจะทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง” เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะไม่เชื่อ แต่ถ้าหากผลการสำรวจออกมาว่า เชื่อเป็นจำนวนมาก คิดว่าบ้านเมืองคงไปไม่รอด จึงขอสะท้อนไปยังเอแบคโพลล์ว่า ขอให้คำนึงถึงการตั้งคำถามที่เป็นการชี้นำและอาจทำให้ประชาชนมีความเข้าใจผิดได้ว่าการคอร์รัปชั่น จะทำให้ประเทศมีความเจริญรุ่งเรือง

นายกล้านรงค์ กล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจความคิดเห็นของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและนิด้า ที่ตั้งหัวข้อว่า คนไทยกับปัญหาคอร์รัปชั่น โดยมีผลออกมา ร้อยละ 76.63 มองว่าการคอรัปชั่นเป็นเรื่องสำคัญและเป็นปัญหากับประเทศชาติและยืนยันจะแจ้งเบาะแสหากพบการคอร์รัปชั่น จึงสะท้อนให้เห็นว่าโพลล์ทั้ง 3 มหาวิทยาลัยมีความขัดแย้งกัน ดังนั้น จึงเชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการทุจริตคอรัปชั่น