ข่าว
ศาลฎีกายืนประหาร‘สจ.รักษ์-จ่ามี’จ้างวานฆ่าแม่‘คมคาย’

วันที่ 18 ก.ย. เวลา 09.30 น. ศาลอาญา รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการ จ.จันทบุรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ในคดีลอบสังหารมารดา นางคมคาย พลบุตร อดีต ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เสียชีวิต คดีนี้อัยการยื่นฟ้อง นายประสงค์ แสงจันทร์ หรือ หมู แก่งคอย นายสิทธิพร ขำอาจ หรือ จ่ามี อดีต ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ นายเอกสิทธิ์ อยู่สุข หรือ ส.จ.รักษ์ และ จ.ส.อ.นิคม จิตรกุล หรือ จ่าเปี๊ยก ซีโฟร์ เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่า และ พ.ร.บ.อาวุธปืน คดีนี้ ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายประสงค์ ในฐานะมือปืน และ จ.ส.อ.นิคม ในฐานะ ผู้ลงมือนำระเบิดไปติดใต้ท้องรถ ส่วน นายสิทธิพร และ นายเอกสิทธิ์ ศาลอุทธรณ์ สั่งลงโทษประหารชีวิต ในฐานผู้จ้างวานฆ่า สำหรับคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2540 จำเลยทั้ง 4 คน ร่วมกันวางแผนฆ่า นายสนิท เฟื่องประยูร อดีต ส.จ.จันทบุรี บิดาของ นางคมคาย โดยนำระเบิดแสวงเครื่องไปติดใต้ท้องรถของ นายสนิท แต่ นางปัทมา เฟื่องประยูร ภรรยา เป็นผู้รับเคราะห์แทน เพราะใช้รถคันดังกล่าว เป็นเหตุให้เสียชีวิต ล่าสุด ศาลฎีกายืนประหารสถานเดียว ส.จ.รักษ์-เอกสิทธิ์ อยู่สุข และ จ่ามี-สิทธิพร ขำอาจ จ้างวานฆ่าแม่คมคาย พลบุตร อดีตส.ส.ปชป. ปี40 ขณะที่ สองมือระเบิดคุกตลอดชีวิต

วอลเลย์บอลสาวไทยถลุงจีนหมดรูป3-1คว้าแชมป์เอวีซีคัพ

ทีมวอลเลย์บอลสาวไทยระเบิดฟอร์มสุดยอดต้อนจีน แชมป์เก่า ขาดลอย 3-1 เซต ในศึกวอลเลย์บอลหญิงเอวีซี คัพ ครั้งที่ 3 รอบชิงชนะเลิศ ที่่คาซัคสถาน วันที่ 16 กันยายน 2 ปีก่อนในการแข่งขันครั้งที่ 2 จีนเอาชนะไทย 3-0 เซตในรอบชิงชนะเลิศ ดังนั้นจึงถือเป็นการล้างตาของสาวไทย แม้ว่าในการเจอกันครั้งล่าสุดของวอลเลย์บอลหญิงเวิลด์ กรังด์ ปรีซ์ 2012 ไทยจะชนะจีน 3-2 ทั้งสองทีมลงสนามด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมเล่นกันมาทีมละ 5 นัดชนะรวดทั้งคู่ จีนไม่เสียเซตให้ทีมใดเลย ขณะที่ไทยเสียเพียงแค่เซตเดียว จีนตั้งเป้าหมายคว้าแชมป์สมัยที่สามติดต่อกัน แม้จะได้โควต้าเข้าร่วมการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงเวิลด์ กรังด์ ปรีซ์ 2013 แต่ก็ส่งผู้เล่นชุดใหญ่เข้าร่วมการแข่งขัน เซตแรกการเล่นสูสีคู่คี่ตั้งแต่ต้นเซตช่วงแรกไทยไล่ตีเสมอจีน พลิกนำ 10-8 จีนตามตีเสมอแบบไม่ยอมให้หนีห่าง ก่อนจะนำบ้าง 19-18 อย่างไรก็ตามไทยไม่เสียขวัญตีเสมอ 20-20 และไปจ่อเซตพอยท์ 24-23 แต่จีนฮึดสุดๆเซฟเซตพอยท์ได้ถึง 5 ครั้งก่อนพลาดท่าให้ไทย 30-28 เซตที่สองสาวไทยเป็นฝายนำให้จีนไล่ตีเสมอ 10-10 และเป็นฝ่ายนำไทยบ้าง 13-11,14-17,16-18 ไทยตึเสมอ 18-18,21-21 ก่อนออกนำและได้สองเซตพอยท์ที่สกอร๋ 24-22 แต่เก็บชัยชนะไม่ได้โดนจีนตีเสมอ 24-24 แต่สาวไทยยังทำคะแนนนำอีก 25-24 พร้อมกับได้เซตพอยท์ครั้งที่ 3 แต่ปิดเซตไม่สำเร็จ จีนตีเสมอ 25-25 ก่อนหมวยจีนทำอีกสองคะแนนชนะไปอย่างตื่นเต้นเร้าใจ 27-25 ตีเสมอเป็น 1-1 เซต เซตที่สามไทยเป็นฝ่ายนำให้จีนไล่ตีเสมอตลอด 7-7,11-11 แต่สาวไทยไม่เคยปล่อยให้จีนเป็นฝ่ายนำเลย อาศัยการเสิร์ฟสั้นยาว หนักเบา ทำเอาจีนหัวปั่นทำคะแนนนำห่าง 19-12,23-19และชนะไป 25-21 นำ 2-1 เซต ต้องการอีกเซตเดียวจะคว้าแชมป์ เซตที่สี่ไทยยังเครื่องร้อนไม่หยุดออกนำจีน 2-0,7-3 ทำให้จีนต้องขอเวลานอก แต่ก็ไม่เป็นผลสาวไทยไล่ยำจีนอยู่ฝ่ายเดียวทำคะแนนนำห่าง 9-5,13-9,16-9,19-13 จึนกัดฟันสู้ไล่มาเป็น 19-21 สาวไทยไม่ตระหนกยังเล่นด้วยฟอร์มยอดเยี่ยมทำสามคะแนนไปจ่อแชมเปี้ยนชิพพอยท์ 24-20 ก่อนวิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ จะอัดจังหวะสองให้ไทยชนะ 25-20 ทำให้ไทยชนะจีนไป 3-1 เซตคว้าแชมป์เป็นครั้งแรก ชัยชนะดังกล่าวถือเป็นการถอนแค้นที่สาวไทยปราชัยจีนได้ในรอบชิงชนะเลิศอย่างสะใจและยังเป็นตอกย้ำชัยชนะครั้งล่าสุดที่ไทยเอาชนะจีน 3-2 ในวอลเลย์บอลเวิลด์ กรังด์ ปรีซ์ 2012 รอบชิงชนะเลิศอีกด้วย


ชาวเน็ตกดไลค์! ภาพน้ำท่วมลานพระบรมรูปทรงม้ามากที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ในโลกสังคมออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ต่างพากันแชร์ภาพถ่ายบรรยากาศน้ำท่วมขังบนถนนทั่วกรุงเทพมหานคร หลังฝนตกลงมาอย่างหนักตั้่งแต่ช่วงบ่าย จนส่งผลให้มีน้ำท่วมขังถนนทั่วกรุงฯ อาทิ ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนพหลโยธิน ถนนพระราม 6 ถนนราชวิถี ฯลฯโดยภาพที่คนส่งต่อมากที่สุดเห็นจะเป็นภาพน้ำท่วมขังถนนที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งมีการส่งต่อไปและกดไลค์กระหน่ำไปทั่วโลกออนไลน์

ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ฝนตกทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานครช่วงบ่ายของวานนี้ พบว่ามีปริมาณฝนมากที่สุดที่ย่านถนนเทเวศร์ เขตดุสิต 107 มิลลิเมตร รองลงมาเขตดินแดง ปริมาณฝน 106 มิลลิเมตร ส่งผลให้น้ำท่วมขังรวม 29 จุด อาทิ ถนนศรีอยุธยา ถนนราชเทวี ถนนดินแดง และถนนพระราม 6 ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 10-15 เซนติเมตร

จำคุก"สนธิ ลิ้มทองกุล"3เดือน ไม่รอลงอาญา คดีหมิ่น"นพดล"

จากกรณีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2550 จำเลยกับพวกรวม 8 คน ร่วมกันจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ออกอากาศทางโทรทัศน์เอเอสทีวี และอินเตอร์เน็ต โดยนายสนธิ กล่าวหา นายนพดล ว่าทรยศต่อทุนหลวง โดยมีจำเลยที่ 2 ถึง 8 บันทึกภาพและเสียงและเผยแพร่ทั่วราชอาณาจักร ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีเจตนาใส่ความโจทก์เพื่อให้เสียชื่อเสียง และถูกดูหมิ่นเกลียดชัง

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้จำคุกนายสนธิ เป็นเวลา 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 2 และ 6 ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน คนละ 2หมื่นบาท และจำเลยที่ 1,2 และ6 ให้ลงโฆษณาคำพิพากษาย่อ ลงในหนังสือพิมพ์รายวัน จำนวน 3 ฉบับ เป็นเวลาติดต่อกัน 7 วัน และยกฟ้องจำเลยที่ 3,4,5,7 และ 8

แต่ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วว่าการกระทำของโจทก์ในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของอดีตนายกรัฐมนตรีที่แสดงออกอย่างเปิดเผย จึงมีทั้งผู้ที่พอใจและไม่พอใจ แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น อีกทั้งศาลเห็นว่าจำเลยไม่เคยโกรธเคืองกับโจทก์มาก่อน และนายสนธิ เป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ขึ้นปราศรัยไม่เคยหวังผลประโยชน์ทางการเมือง ประกอบจำเลยมีอายุมาก จึงพิพากษาแก้เหลือโทษจำคุก 3 เดือน และลงให้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ เดลินิวส์ และมติชนรายวัน เป็นเวลา 3 วัน ส่วนจำเลยที่ 2 และ 6 ให้ยกฟ้อง

ทั้งนี้ศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ซึ่งมีการเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ตไปทั่วโลก ดังนั้นเพื่อให้จำเลยที่ 1 เข็ดหลาบไม่ดำเนินการใดที่จะเป็นการละเมิดสิทธิ์บุคคลใดอีกจึงไม่สมควรให้รอการลงโทษ แต่เนื่องจากการกระทำของจำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้เป็นเพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง หรือผลทางการเมือง ประกอบกับจำเลยที่ 1 มีอายุมากแล้ว ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 6 เดือนนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นควรแก้เป็นจำคุก 3 เดือน

ทั้งนี้นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความได้ยื่นคำร้องของประกันตัวพร้อมหลักทรัพย์กรมธรรม์ประกันอิสรภาพวงเงิน 1 แสนบาท ขณะเดียวกันได้ยื่นคำร้องฎีกาคดีดังกล่าวด้วย