ข่าว
สาวถูกไฟชอร์ตตายคาหัองน้ำ ชาร์จไอโฟนแล้วแชทตอนอาบน้ำ

เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศรายงานว่า น.ส.ยิวจิเนีย ซิวิริเดนโก สาวรัสเซียวัย 24 ปี เสียชีวิตลงอย่างน่าสลดที่แฟลตในกรุงมอสโค หลังจากเข้าไปอาบน้ำ แล้วนำไอโฟนเข้าไปชาร์จแบตด้วย แต่เกิดพลาดทำตกน้ำ ทำให้ถูกไฟชอร์ต ด้านน.ส.ยาโรสลาฟ ดูบิเนียนา รูมเมทของยิวจิเนีย เผยว่า ตนรู้สึกเอะใจที่เห็นเพื่อนตัวเองเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ จึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปดู และก็พบว่าเธอเสียชีวิตแล้ว "ฉันเดินเข้าไปดูเพื่อน แล้วก็เห็นเธอนอนร่างซีดอยู่ในอ่างอาบน้ำ โดยที่ไอโฟนเธอก็อยู่ในน้ำด้วย จากนั้นฉันก็ดึงตัวเธอออกมา ทำให้เห็นว่าตัวเธอสั่นระริกไปหมดเพราะถูกไฟฟ้าชอร์ต"น.ส.ยาโรสลาฟให้การกับตำรวจ จากเหตุการณ์นี้ทำให้สันนิษฐานได้ว่า น.ส.ยิวจิเนียน่าจะเข้าไปอาบน้ำโดยที่นำไอโฟนเข้าไปชาร์จแบตด้วย และก็กำลังแชต และเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คอยู่ แต่เกิดพลาดทำหลุดมือร่วงลงไปในอ่างอาบน้ำ จนถูกไฟชอร์ตเสียชีวิตในที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังคงเป็นที่ฉงนกันอยู่ว่า ที่ชาร์จแบตที่น.ส.ยิวจิเนียใช้ อาจไม่ใช่สินค้าของแท้ตามมาตรฐานบริษัทแอปเปิ้ล เนื่องจากว่าของแท้นั้นจะมีระบบตัดไฟอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้เคยมีวัยรุ่นสาวอายุ 16 ปี เสียชีวิตแล้วเช่นกัน หลังนำที่ชาร์จแบตมือถือเข้าไปในห้องอาบน้ำด้วย ส่วนกรณีของน.ส.ยิวจิเนียนั้นแม้จะชันสูตรศพแล้วพบว่าเธอเสียชีวิตเพราะถูกไฟชอร์ต แต่ก็ยังคงต้องมีการสืบสวนหาความคืบหน้าต่อไป

จับ"กัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์" เสพยาไอซ์ในโรงแรมชื่อดัง

เมื่อวันที่ 12 ก.พ. พ.ต.อ.คมสัน แตงจุ้ย ผกก.สน.สุทธิสาร พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ ศรีประเสริฐ รอง ผกก.สส.ร.ต.อ.สัมพันธ์ แสวง สว.สส.พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร ร่วมกันจับกุมตัว "นายกัณฑ์อเนก ปัจฉิมสวัสดิ์" อายุ 64 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และไฮโซชื่อดัง พร้อมของกลางยาไอซ์ 1.07 กรัมและอุปกรณ์เสพยาจำนวนหนึ่ง โดยจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าภายในห้องพักเลขที่ 703 ชั้น 7 ของโรงแรมดังกล่าว มีการมั่วสุมเสพยาเสพติดจึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงได้เคาะประตูเรียก ปรากฏว่านายกัณฑ์อเนกเปิดประตูออกมาเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ นายกัณฑ์อเนกถึงกับหน้าถอดสี เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้น กระทั่งพบอุปกรณ์การเสพและยาเสพติดจำนวนดังกล่าวอยู่ภายในห้องพัก ก่อนนำตัวนายกัณฑ์อเนกไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดเบื้องต้นผลออกมาเป็นสีม่วงจึงควบคุมตัวมาสอบสวน

จากการสอบสวนนายกัณฑ์อเนกผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า ครอบครองยาเสพติดประเภท1(ยาไอซ์) เพื่อจำหน่าย และเสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาไอซ์) นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสารดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับนายกัณฑ์เอนกปัจฉิมสวัสดิ์ ไฮโซชื่อดัง จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคมเบลล์สหรัฐอเมริกา สมรสกับ "สาวิณี ปัจฉิมสวัสดิ์" (ปะการะนัง) นางสาวไทยคนที่ 22 ประจำปี 2527 และอดีตดารานักแสดงชื่อดัง โดยนายกัณฑ์อเนก เคยลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขตเลือกตั้งที่ 20เขตบึงกุ่ม ในนาม "พรรคถิ่นไทย" ของนายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม.กลุ่มมดงานเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2554 แต่เป็นเพราะตัวนายกัณฑ์อเนก ไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปอีกทั้งพรรคถิ่นไทยเป็นพรรคเล็ก จึงสอบตกไปด้วยคะแนนเพียง 3,426 คะแนนเท่านั้น

อย่างไรก็ดี นายกัณฑ์อเนก เคยตกเป็นข่าวโด่งดังจากคดีนายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือ "หมูแฮม" ผู้เป็นบุตรชาย เกิดบันดาลโทสะนำก้อนหินทุ่มใส่พนักงานขับรถโดยสารประจำทางสาย 513 ปากน้ำ-รังสิต และก่อเหตุขับรถเบนซ์ สีดำ พุ่งชนเข้าไปในป้ายหยุดรถโดยสารประจำทางบนถนนสุขุมวิทที่มีประชาชนยืนรอรถอยู่จำนวนมาก ทำให้มีผู้ได้บาดเจ็บหลายราย และมีผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นพนักงานเก็บเงินค่าโดยสาร 1 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ก.ค.2550 จนเกิดเป็นข่าวใหญ่โต และด้วยคำพูดที่ว่า “เขาโกหก เพราะเขาเป็นพวกเดียวกัน เขาเป็นคนไม่มีการศึกษา คนไม่มีการศึกษาเกลียดคนรวยอยู่แล้ว เกลียดตำรวจอยู่แล้ว คนไร้การศึกษาก็เป็นอย่างนี้ มองอะไรด้านเดียว” ทำให้กระแสสังคมออกมารุมประณามนายกัณฑ์อเนกและครอบครัวอย่างหนัก จนในที่สุดนายกัณฑ์อเนกต้องยอมออกมายกมือไหว้พร้อมเอ่ยปากขอโทษ


"ประยุทธ์"พ้อเป็นนายกฯ จำเลยสังคม"ทำดีเสมอตัว"

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานสัมมนาทางวิชาการประจำปีของการใช้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 ในหัวข้อเรื่อง "ข้อมูลข่าวสารกับความโปร่งใสในการบริหารงานภาครัฐ" โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่ง ว่า พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการต้องเป็นความร่วมมือของทุกฝ่ายที่จะมีส่วนสำคัญ ทั้งในกระบวนการแก้ปัญหาการทุจริต ลดความขัดแย้ง ความเห็นต่าง และยังเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เชื่อมโยงกับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศเพื่อรองรับกระทรวงดิจิตอลเศรษฐกิจเพื่อสังคม แม้ปัจจุบันไทยจะมีอันดับความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของไทยที่ดีขึ้น แต่ก็ต้องดำเนินการต่อไป โดยเน้นสร้างความเชื่อมั่นความเป็นธรรมและให้บริการประชาชน และต้องมีมาตรฐานการชี้วัดประสิทธิภาพในการให้บริการและดำเนินการอย่างรวดเร็ว เข้าถึงประชาชน และทุกหน่วยงานต้องบูรณาการและขับเคลื่อนงานตามนโยบายของรัฐบาลให้ได้ และผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งตนจะประเมินด้วยตนเอง หากทำไม่ได้ก็จะมีผลในการปรับย้ายในปีนี้ นอกจากนี้จะต้องดูเรื่องการแต่งตั้งและเลื่อนตำแหน่งให้เป็นไปด้วยความเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ เช่น บางหน่วยงานมีการแต่งตั้งข้ามสายงานหรือเข้าสู่ตำแหน่งสูงเร็วเกินไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตนรู้ว่าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็คิดว่าหากมาจากการเลือกตั้งแล้ว ไม่สามารถทำประโยชน์ได้ ก็ไม่ควรเข้ามา แต่ต้องคิดว่าทำไมหลายคนถึงอยากเข้ามาอยู่ในตำแหน่งนี้หรือต้องทำให้คนเหล่านี้ไม่ต้องการที่จะเข้ามาอยู่ในตำแหน่ง อย่างไรก็ตามมองว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลยของสังคม เพราะหากทำดีก็ดีไป แต่ถ้าทำไม่ดีต้องคิดหนัก แต่วันนี้ตนมีความหนักแน่น และจะพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะดูแลทุกคน แต่ขอให้อยู่ในกรอบและกติกา

"ตอนนี้การปฏิรูปอยู่ในขั้นที่ 2 แต่มีหลายคนกังวลว่า เรื่องปฏิรูปมีหลายเรื่อง เราจะไหวหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของรัฐบาลต่อไปที่จะสานต่อ พวกท่านก็ต้องเลือกกันมาให้ดี และอย่ากังวลว่าผมจะใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์ หรือเปลี่ยนขั้วอำนาจ ไม่ต้องห่วง ผมไม่มีขั้ว ตราบใดที่ทำทุกอย่างสุจริต ไม่ต้องกังวลอะไร ผมไม่เคยขอเงินใคร วันนี้มีข่าวว่ามีชื่อรัฐมนตรีไปเรียกรับผลประโยชน์ 30-50 เปอร์เซ็นต์ เป็นการกล่าวอ้างทั้งนั้น ถ้ามีจริงไปหามา ถ้าเรียกรับผลประโยชน์ถึง 50 เปอร์เซ็นต์จริงคงต้องเอาไปประหารชีวิตเลย หากมีธรรมาภิบาลถูกต้องไม่ต้องกังวลว่าใครจะทำ วันนี้ผมจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง สร้างกลไกให้แข็งแรงทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ใครต่อต้าน"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการกล่าวปาฐกถา นายกรัฐมนตรีได้เดินชมงานและนิทรรศการต่าง ๆ ที่มาเปิดแสดงในงาน อาทิ บูธ ของกรมการปกครอง ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้มีการถ่ายรูปเพื่อทำบัตรประชาชนใหม่ โดยบัตรประชาชนใบเดิมของนายกรัฐมนตรี จะหมดอายุภายในปี 2560 และบัตรใหม่ที่ทำในวันนี้จะหมดอายุในเดือน มี.ค. 2566 ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าคำนำหน้าของนายกรัฐมนตรีนั้น ใช้คำว่านายประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มียศทางทหารนำหน้าชื่อแต่อย่างใด และเมื่อทำบัตรเสร็จแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ของกรมการปกครองก็ได้มอบบัตรประชาชนใบใหม่ให้แก่นายกรัฐมนตรีโดยทันที พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังได้ต่ออายุใบขับขี่ที่บูธของกรมการขนส่งทางบก และร่วมถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ได้ระบุว่าได้พูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้บอกว่าพร้อมสู้คดีจำนำข้าว ว่า เป็นการพูดคุยกันตั้งแต่สมัยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นรัฐบาล และตนเป็น ผบ.ทบ. ก็ได้ไปบอกถึงปัญหาในโครงการดังกล่าว ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็บอกว่าไม่เป็นไร มีข้อมูลหลักฐานต่าง ๆพร้อม เมื่อเป็นเช่นนั้นก็แล้วแต่ท่าน เพราะท่านเป็นรัฐบาล เมื่อถามว่าเป็นการเตือนแล้วไม่ฟังใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะที่ผ่านมา ผบ.ทบ.ทุกคนให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเป็นอย่างดี เป็นเพียงการแจ้งปัญหาที่เห็นให้ทราบเท่านั้น เมื่อถามต่อว่า คดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีการตั้งธงไว้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ปัดโธ่ ก็ถามมากี่ครั้งแล้ว พูดเหมือนเดิม"

พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมลงชื่อคัดค้านการเปิดสัมปทานปิโตเลียมครั้งที่ 21 ว่า เป็นเรื่องของกระทรวงพลังงานที่ต้องหารือกับคนที่มีความเห็นแตกต่าง แต่ยืนยันว่าการเปิดสัมปทานปิโตเลียมที่มีกำหนดการไว้เดิม ต้องเดินหน้าต่อ จะมีตามกติกาที่วางไว้ อาจมีปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ก็ในพื้นที่สัมปทานใหม่เท่านั้น กลุ่มที่คัดค้านต้องเอาข้อมูลมาพูดกันด้วยเหตุผล สู้ด้วยข้อเท็จจริง เอาข้อมูลมาเจอกัน ถ้าสู้ไม่ได้ก็ไม่ได้ และหลังจากนี้เมื่อเปิดสัมปทานแล้วก็ต้องใช้ระยะเวลาในการสำรวจถึง 5 ปี ใช้เงินเป็นจำนวนมาก ถ้าเราทำเองก็ใช้เงินมหาศาล จึงต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าด้วย.


อ้างเบื้องสูง!ขู่ลงโทษบีบยกมือไหว้ ขวางป.ป.ส.ค้นบ้านค้ายาเสพติด

13 ก.พ. 58 เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายเลปกร ศิริมังกร อายุ 36 ปี พนักงานสืบสวนสอบสวนปฏิบัติการ 5 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้เข้าพบ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบก.ป. รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. และพ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พงส.ผทค.บก.ป. เพื่อร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีนายชากานต์ ภาคภูมิ และนายปรีชา ดาราไตร ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

นายเลปกร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2557 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ได้นำหมายค้นศาลอาญาขอเข้าตรวจค้นบ้านทาวน์โฮม ย่านเกษตร-นวมินทร์ ซึ่งขณะนั้นเชื่อว่าเกี่ยวพันกับการค้ายาเสพติด ระหว่างการเข้าตรวจค้นทางผู้เช่าอาศัยบ้านหลังดังกล่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามนายปรีชา ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ก่อนที่นายปรีชา จะรีบเดินทางมา พร้อมกล่าวด้วยท่าทางที่ไม่พอใจ โดยมีการอ้างว่า บ้านหลังดังกล่าวมีผู้ใหญ่ดูแลอยู่ จากนั้นจึงต่อสายให้ตนพูดโทรศัพท์กับชายคนหนึ่ง ทราบชื่อต่อมาภายหลังคือ นายชากานต์ อ้างว่าเป็นเลขาฯ ของนายณัฐพล สุวะดี (ยศขณะนั้นคือ พ.ต.ณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา ราชองครักษ์) และไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว

ต่อมาวันที่ 17 กันยายน 2557 นายชากานต์ และนายปรีชา ได้เดินทางไปที่ ป.ป.ส. พร้อมทั้งเรียกเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.เข้าพบ แล้วมีการอ้างถึงเบื้องสูง ก่อนที่นายชากานต์ จะบังคับให้ไหว้ขอโทษนายปรีชา ไม่เช่นนั้นจะหาวิธีการลงโทษเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ทั้งหมด ซึ่งยอมรับว่าเกรงกลัว จึงตัดสินใจไหว้ขอโทษทั้งสองคนไป กระทั่งเห็นข่าวว่าเครือข่าย 'สุวะดี' ถูกจับกุม จึงนำเรื่องเรียนผู้บังคับบัญชาก่อนเดินทางเข้าร้องทุกข์ในที่สุด

"ในช่วงที่ปฏิบัติหน้าที่เข้าตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติดนั้น ยอมรับว่า เคยเจอคนที่แอบอ้างผู้หลักผู้ใหญ่ คนใหญ่คนโต แต่กรณีแอบอ้างเบื้องสูงเช่นนี้ ถือว่าเจอเป็นครั้งแรก ตอนนั้นเลยไม่กล้าขัดขืน หรือทำอะไรมาก"

ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวว่า นายชากานต์ และนายปรีชา เป็นเครือข่ายผู้ต้องหาในคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามมาตรา 112 ในหลายท้องที่ และถูกจับกุมไปก่อนหน้า โดยขณะนี้นายชากานต์ ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขณะที่นายปรีชา ยังคงหลบหนีอยู่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะสอบปากคำพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


"ลีน่า จัง" ถูกบุกตบคว่ำ เรื่องนี้ต้องถึงประยุทธ์!

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นางลีน่า จังจรรจา อายุ 55 ปี นักธุรกิจเครื่องสำอาง และอดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กรณีถูกชายฉกรรจ์บุกเดี่ยวตบหน้าขณะกำลังเปิดประตูเหล็กหน้าบ้านย่านประตูน้ำ เหตุเกิดเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

"อยากร้องขอความเป็นธรรมกับ ผบ.ตร.ให้เร่งรัดจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก เปิดประตูบ้านออกมาก็โดนตบเลย ขณะเดียวกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการกระทำที่ทุกอาจเกิดขึ้นกลางเมือง ย่านธุรกิจ ที่สำคัญห่างกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพียงนิดเดียว หากตำรวจไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ภายใน 16.30 น.วันนี้ ตนจะไปร้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เพราะมองว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นขณะที่มีการประกาศกฎอัยการศึกด้วย" นางลีน่ากล่าว

ฮิวแมนไรต์วอตช์โวยคสช. เตือนไทยเข้าสู่ยุคเผด็จการ

รอยเตอร์ - องค์กรสิทธิมนุษยชน "ฮิวแมนไรต์วอตช์" เมื่อวันศุกร์(13ก.พ.) ออกคำแถลงเรียกร้องสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โหวตคว่ำข้อเสนอให้อำนาจทหารควบคุมตัวพลเรือนนานสูงสุด 3 เดือนโดยไม่ต้องมีคำสั่งศาล ชี้มันคือเผด็จการถาวร ไม่ใช่ประชาธิปไตย

ฮิวแมนไรต์วอตช์ ระบุว่ามาตรการนี้จะถูกหยิบยกขึ้นพิจารณาโดย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของทหารในช่วงปลายเดือนกุมพกาพันธ์ คือการกระชับอำนาจอย่างกว้างขวางของกองทัพและเปิดทางให้เหล่าผู้บัญชาการกองทัพควบคุมตัวพลเรือนอย่างไม่มีกฎเกณฑ์

"การควบคุมตัวโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อกล่าวหาและการสอบสวนทางทหารกับพลเรือนในไทย จะเป็นเผด็จการถาวร ไม่ใช่ประชาธิปไตย" แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียของฮิวแมนไรท์ วอทช์ ระบุในถ้อยแถลง

รอยเตอร์รายงานว่ากองทัพไทยเข้ายึดอำนาจเมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน โดยอ้างถึงความจำเป็นในการคืนความสงบเรียบร้อย ตามหลัง 6 เดือนแห่งความยุ่งเหยิงทางหารเมือง เบื้องต้นทหารควบคุมตัวนักวิชาการ ผู้สื่อข่าวและนักเคลื่อนไวหลายร้อยคน แต่จากนั้นก็ปล่อยตัวออกมา

ในรายงานของรอยเตอร์ระบุต่อไปว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลเสถียรภาพตามหลังการรัฐประหาร ได้ใช้กลยุทธ์แข็งกร้าวในการควบคุมผู้ขัดขืนนั่นคือประกาศกฎอัยการศึกที่เปิดทางให้ศาลทหารพิจารณาคดีแทนศาลพลเรือน ส่งผลให้ผู้ที่ละเมิดคำสั่งของคณะรัฐประหารมีสิทธิ์ถูกนำตัวขึ้นศาลทหาร

มีเสียงเรียกร้องมากมายให้ยกเลิกกฎอัยการศึก ซึ่งห้ามชุมนุมทางการเมืองทุกรูปแบบ ในนั้นรวมถึงจากเจ้าหน้าที่ทูตระดับสูงของสหรัฐฯเมื่อเดือนก่อน แต่กองทัพไทยปฏิเสธเสียงเรียกร้องเหล่านั้น

กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันให้อำนาจเจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องสงสัยได้สูงสุด 48 ชั่วโมงนับแต่ถูกจับและแต่หากต้องการขยายเวลาควบคุมตัวใดๆก็จะต้องขออนุญาตจากศาลเสียก่อน "ข้อเสนอแก้ไขกฎหมายเป็นแค่อีกครั้งหนึ่งที่คณะรัฐประหารละทิ้งคำสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะคืนการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยและเคารพสิทธิต่างๆ" อดัมส์กล่าว

อย่างไรก็ตามกองทัพชี้แจงว่าองค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งหลายเข้าใจผิดต่อการทบทวนแก้ไขกฎหมายนี้ และยืนยัน "กฎหมายนี้จะมีผลบังคับกับเฉพาะทหาร หรือบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารเท่านั้น" พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก บอกกับผู้สื่อข่าว "องค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งหลายเข้าใจผิดในประเด็นนี้ กฎหมายมาตรานี้จะใช้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับศาลทหารและให้อำนาจกับเหล่าผู้บัญชาการแค่เฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น"