ในที่สุด โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการว่า ตัวเขาจะเข้าร่วมศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งต่อไปที่จะจัดขึ้นในปี ค.ศ. 2024 ด้วย ท่ามกลางปัญหาทางกฎหมายรายล้อม และถูกกล่าวโทษว่า เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พรรครีพับลิกันทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรการเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อสัปดาห์ก่อน
การประกาศของทรัมป์เมื่อคืนวันอังคารที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา กำลังเป็นจุดเริ่มต้นของการหาเสียงครั้งใหญ่ที่อาจตัดสินอนาคตของสหรัฐฯ, รัฐบาล หรือแม้แต่ระบบเลือกตั้งของประเทศ เพราะทรัมป์ไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้ต่อนายโจ ไบเดน ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 และพยายามใช้อำนาจเกินขอบเขตเพื่อเปลี่ยนแปลงผลคะแนน แม้จะไม่สำเร็จ
แต่ก่อนที่จะไปถึงการเลือกตั้งทั่วไป ทรัมป์จะต้องเผชิญอุปสรรคหลายอย่าง ที่จะทำให้การชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ของเขาครั้งนี้ ยากกว่าเมื่อครั้งที่ชนะในปี 2016 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางกฎหมาย กับบาดแผลทางการเมืองที่ทำให้ความนิยมในตัวเขาตกต่ำลง
นอกจากนั้น เขายังต้องผ่านการเลือกตั้งภายในพรรครีพับลิกันเพื่อเฟ้นหาตัวแทนไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับฝ่ายเดโมแครต ซึ่งคู่แข่งที่อาจรอเขาอยู่คือนายรอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ผู้ที่เพิ่งชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งกลางเทอม ในขณะที่ผู้สมัครที่นายทรัมป์สนับสนุนกลับพ่ายแพ้เกือบทั้งหมด
ทรัมป์มีบาดแผลทางการเมือง
หนึ่งในอุปสรรคที่อาจกระทบต่อการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของนายทรัมป์คือบาดแผลทางการเมืองของเขา โดยเมื่อ 8 ปีก่อน ทรัมป์ท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีในฐานะนักการเมืองหน้าใหม่ แต่ใช้วาทะที่แข็งกร้าวสร้างภาพลักษณ์ของผู้สมัครที่เข้มแข็งให้แก่ตัวเอง ต่างจากตัวแทนพรรคคนก่อนๆ ทำให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงคาดหวังในตัวเขา ในขณะที่ไม่มีความล้มเหลวทางการเมืองในอดีตให้บรรดานักวิจารณ์พูดถึง
ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว นายทรัมป์แม้จะมีนโยบายที่ประสบความสำเร็จหลายอย่างตลอดเวลา 4 ปีที่ดำรงตำแหน่ง เช่น มาตรการลดภาษี และการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ทว่าเขาก็ล้มเหลวหลายเรื่อง ทั้งไม่สามารถยกเลิกกฎหมายปฏิรูปประกันสุขภาพของเดโมแครตได้ และผิดคำสัญญาที่ว่าจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
เมื่อการระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มขึ้น นายทรัมป์ถูกโจมตีในหลายด้าน รวมทั้งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าตอบสนองเชิงรุกไม่เพียงพอ จนทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิต เพราะไวรัสมรณะชนิดนี้มากที่สุดในโลก
แต่สิ่งที่ชาวอเมริกันจดจำไม่ลืมคือ การจลาจลซึ่งเกิดขึ้นที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อ 6 ม.ค. 2021 ไม่กี่เดือนหลังผลการเลือกตั้งใหญ่ 2563 ออกมาว่านายทรัมป์พ่ายแพ้ ภาพของผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีฝีปากกล้าผู้นี้ที่ออกมาชุมนุมตามเสียงเรียกร้องของเขา และเข้าไปทำลายข้าวของในอาคารซึ่งเป็นที่ประชุมของสภาคองเกรส จะติดตัวนายทรัมป์ไปอีกนาน
เผชิญปัญหาทางกฎหมายมากมาย
นายทรัมป์ประกาศเข้าร่วมชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รอบที่ 3 ของตัวเอง ในขณะที่กำลังเผชิญการสืบสวนคดีอาชญากรรมหลายคดี แม้ในตอนนี้จะยังไม่ถูกตั้งข้อหาใดๆ แต่เขากำลังถูกสืบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับเอกสารลับของรัฐบาล บ้านพักตากอากาศ มาร์-อา-ลาโก ของเขาถึงขั้นถูกเอฟบีไอบุกตรวจค้น ทรัมป์ยังถูกสอบสวนกรณีเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภา และความพยายามเปลี่ยนผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่รัฐจอร์เจียด้วย
อดีตผู้นำฝีปากกล้าผู้นี้อ้างมาตลอดว่า ที่เขาถูกดำเนินคดีเพราะ โจ ไบเดน ไม่ต้องการให้เขาเป็นประธานาธิบดีอีก เขาตกเป็นเหยื่อของการใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นอาวุธ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การถูกสอบสวนหรือแม้แต่การถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีใดคดีหนึ่ง ก็ไม่น่าถึงขั้นที่ทำให้เขาขาดคุณสมบัติที่จะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี “มันอาจเกิดกำแพงในทางปฏิบัติ, กำแพงด้านการระดมทุน แต่นั่นเป็นคำถามด้านการเมือง ไม่ใช่ด้านกฎหมาย” นายเดเรค มุลเลอร์ ศาสตราจารย์วิชากฎหมายเลือกตั้งจากวิทยาลัยกฎหมาย สังกัดมหาวิทยาลัยไอโอวากล่าว
ตัวอย่างในอดีตแสดงให้เห็นแล้วว่า การถูกตัดสินว่ามีความผิดไม่ส่งผลต่อการได้รับเลือกตั้ง ไม่เพียงเคยมีผู้กระทำผิดหลายคนที่ชนะเลือกตั้งเข้าทำงานในรัฐบาลกลาง แต่เคยมีอย่างน้อย 1 คนที่ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งที่ถูกจำคุกอยู่มาแล้วแม้ว่าจะพ่ายแพ้ นั่นคือ ยูจีน เดบส์ และได้คะแนนเสียงไปมากกว่า 900,000 คะแนนในการเลือกตั้งปี 2463
คู่แข่งที่แข็งแกร่งขึ้น
อุปสรรคอีกอย่างของนายทรัมป์ คือ การเลือกตั้งภายในพรรครีพับลิกันเพื่อเฟ้นหาหาตัวแทนไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับฝ่ายเดโมแครต โดยในการเลือกตั้งปี 2016 นายทรัมป์เผชิญหน้ากับ เจบ บุช ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาในสมัยนั้น อดีตตัวเก็งที่สุดท้ายกลายเป็นเพียงเสือกระดาษ ขณะที่การเลือกตั้งครั้งก่อน เขาลงสมัครในฐานะประธานาธิบดี
หากนายทรัมป์ต้องการเป็นตัวแทนพรรคเพื่อลงเลือกตั้งประธานาธิบดี ปี 2024 เขาอาจต้องเผชิญหน้ากับผู้ว่าการรัฐฟลอริดาอีกครั้ง แต่คราวนี้คือนาย รอน เดซานติส ผู้ยึดมั่นในแนวคิด อเมริกันต้องมาก่อน แบบเดียวกับนายทรัมป์ แต่มีความชัดเจนในด้านนโยบายต่างจาก เจบ บุช และเพิ่งชนะการเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อสัปดาห์ก่อน ได้เป็นผู้ว่าฯ อีกสมัยด้วยการสนับสนุนถล่มทลาย แม้เขาจะไม่เคยมีประสบการณ์ในเวทีระดับชาติ แต่ตอนนี้ เดอซานติสถือเป็นดาวรุ่งที่สุดของรีพับลิกันแล้ว
จนถึงตอนนี้ นายเดอซานติสยังไม่ออกมาเปิดเผยว่า เขาจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีหรือไม่ แต่ผลสำรวจความคิดเห็นก่อนนายทรัมป์มีประกาศ ชี้ว่าหากประชันกันตัวต่อตัว อดีตประธานาธิบดีผู้นี้จะมีคะแนนตามหลังนายเดอซานติสด้วยตัวเลขถึง 2 หลัก ในการเลือกตั้งภายในที่รัฐไอโอวา และนิวแฮมป์เชียร์ ซึ่งมักจัดการลงคะแนนเสียงก่อนรัฐอื่นๆ
นายเดอซานติสยังนำนายทรัมป์ถึง 26 คะแนนในรัฐฟลอริดา และ 20 คะแนนในรัฐจอร์เจีย โดยคะแนนของนายทรัมป์ลดลงมากจากการสำรวจความคิดเห็นครั้งก่อน ขณะที่มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพียง 30% ในนิวแฮมป์เชียร์ ที่ต้องการให้นายทรัมป์ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ขณะที่ในรัฐฟลอริดาอยู่ที่ 33%
ทรัมป์จะชนะได้หรือไม่?
สมมติว่า นายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งภายในและได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ก็ยังมีคำถามสำคัญตามมาว่า เขาจะสามารถชนะศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้หรือไม่ ในเมื่อผลการเลือกตั้งกลางเทอมที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า นายทรัมป์ไม่เป็นที่นิยมมากนัก ผู้สมัครที่เขาสนับสนุนมากมายพ่ายแพ้ในรัฐสวิง ซึ่งสำคัญต่อการชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ
นอกจากนั้น รีพับลิกันยังชิงวุฒิสภากลับคืนมาไม่สำเร็จ จนมี ส.ว.รีพับลิกันหลายคนออกมากล่าวโทษนายทรัมป์อย่างเปิดเผย ขณะที่นายทรัมป์ก็โทษกลับไปที่พรรครีพับลิกันว่าควรจะทำให้ดีกว่านี้ และโทษประชาชนที่ยังไม่ตระหนักรู้ถึงขอบเขตความเจ็บปวดที่แท้จริงที่ประเทศนี้กำลังเผชิญ
อย่างไรก็ดี ยังเหลือเวลาอีก 2 ปีกว่าการเลือกตั้งใหญ่ของสหรัฐฯ จะมาถึง อะไรหลายๆ อย่างอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลานั้น และนายทรัมป์ยังมีเวลามากพอที่จะสร้างคะแนนนิยม และชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีกลับคืนมา
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
ที่มา : VOX , BBC , CNN
ซินหัว รายงานความคืบหน้าจากองค์การอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมแห่งประเทศจีน (ซีเอ็มเอสเอ) ว่าทีมนักบินอวกาศประจำภารกิจ “เสินโจว 14” (Shenzhou-14) บน สถานีอวกาศเทียนกง ของจีน ทำกิจกรรมนอกยานอวกาศ ครั้งที่ 3 สำเร็จ เมื่อเวลา 16.50 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 17 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่นของจีน
นักบินอวกาศเฉิน ตง และนักบินไช่ ซวี่เจ๋อ ปฏิบัติภารกิจที่กำหนดทั้งหมดเสร็จสิ้น และกลับสู่โมดูลห้องปฏิบัติการเวิ่นเทียนอย่างปลอดภัยแล้ว ขณะที่หลิว หยาง นักบินอวกาศคนที่ 3 คอยปฏิบัติงานสนับสนุนอยู่ในโมดูลหลักของสถานีอวกาศเทียนกง
รายงานระบุอีกว่าทีมนักบินอวกาศจีนได้ติดตั้ง “สะพาน” เชื่อมโมดูลหลักกับโมดูลห้องปฏิบัติการเวิ่นเทียนและเมิ่งเทียน ระหว่างกิจกรรมนอกยานอวกาศนานประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่ง โดยนักบินอวกาศไช่ปฏิบัติภารกิจเดินนอกสถานีอวกาศข้ามโมดูลผ่านสะพานเป็นครั้งแรกเสร็จสิ้น
เหล่านักบินอวกาศยังปลดล็อกกล้องพาโนรามา เอ ของเวิ่นเทียน และติดตั้งที่ช่วยจับสำหรับแขนกลขนาดเล็ก โดยภารกิจเหล่านี้ถือเป็นกิจกรรมนอกยานอวกาศครั้งแรกของทีมนักบินอวกาศ หลังจากการเชื่อมสถานีอวกาศเป็นรูปตัวที
ทั้งนี้ ภารกิจเดินนอกสถานีอวกาศถือเป็นการตรวจสอบความสามารถการทำงานร่วมกันระหว่างนักบินอวกาศและแขนกลเป็นครั้งแรก ทั้งยังตรวจสอบประสิทธิภาพของห้องปรับแรงดันอากาศในเวิ่นเทียนและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสนับสนุนกิจกรรมนอกยานอวกาศ
18 พ.ย. 65 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พนักงานทวิตเตอร์พากันลาออกเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวันที่อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอคนใหม่ ขีดเส้นตายให้เลือกว่าจะทำงานหนักอุทิศตนเต็มที่ หรือจะตกงาน ขณะที่สำนักงานใหญ่บริษัทปิดชั่วคราวโดยไม่แจ้งสาเหตุไปจนถึงวันจันทร์หน้า
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พนักงานทวิตเตอร์จำนวนมากพากันลาออกเมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวันที่อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอคนใหม่ ขีดเส้นตายให้เลือกว่าจะทำงานหนักอุทิศตนเต็มที่ หรือจะตกงาน ด้านเอสเธอร์ ครอว์ฟอร์ด ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริหารไม่กี่คนที่ไม่ถูกมัสก์ไล่ออก และยังคงแสดงตัวสนับสนุนเจ้านายคนใหม่ทวีตขอบคุณเพื่อนร่วมงานทุกคนที่ตัดสินใจลาออก และขอบคุณที่ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา
ผู้สื่อข่าวของแพลตฟอร์เมอร์ ซึ่งเป็นหนังสือข่าวด้านเทคโนโลยีรายงานว่า ฝ่ายบริหารของทวิตเตอร์แจ้งพนักงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า สำนักงานปิดชั่วคราวไปจนถึงวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน แม้แต่พนักงานที่มีบัตรก็ไม่สามารถเข้าได้
หลังจากมีการเผยแพร่บันทึกภายในของมัสก์ที่ส่งถึงพนักงานเมื่อวันพุธว่า เพื่อให้ทวิตเตอร์เดินหน้าและประสบความสำเร็จในโลกที่มีการแข่งขันมากขึ้น พนักงานจะต้องอุทิศตนอย่างเต็มที่ ด้วยการทำงานนานขึ้นและเข้มข้นขึ้น ผู้มีผลงานโดดเด่นเท่านั้นจึงจะผ่านการทดสอบ โดยให้พนักงานกดลิงค์ยืนยันว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของ “ทวิตเตอร์ใหม่” ภายในเวลา 17.00 น. วันพฤหัสบดีตามเวลานิวยอร์ก ตรงกับเวลา 05.00 น.วันศุกร์ตามเวลาไทย ไม่เช่นนั้นจะตกงานโดยได้รับเงินชดเชย 3 เดือน
ขณะที่หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานอ้างอีเมลฉบับเดียวกันที่ระบุคำพูดของมัสก์ว่า ทวิตเตอร์จำเป็นต้องใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อให้บริษัทประสบความสำเร็จ
ก่อนหน้านี้ มัสก์ ซึ่งเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก ได้ประกาศว่า เขาจะปรับลดพนักงานของทวิตเตอร์ ลงร้อยละ 50 หลังจากที่ปิดการเจรจาซื้อกิจการทวิตเตอร์ด้วยเงินมูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.57 ล้านล้านบาท) เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน
ทั้งยังระบุว่า เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำเป็นต้องปลดพนักงาน เนื่องจากทวิตเตอร์กำลังประสบปัญหาขาดทุนวันละ 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 143 ล้านบาท) และยังโทษกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ออกมากดดันผู้ลงโฆษณาในทวิตเตอร์ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้บริษัทมีผลกำไรลดลง
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 กล่าวว่า แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯคนปัจจุบันจากพรรคเดโมแครต ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ ภายหลังพรรครีพับลิกันคว้าที่นั่งเสียงข้างมากในสภาล่างจากการเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
เพโลซี วัย 82 ปี กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เธอจะก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเดโมแครตในเดือนมกราคม ซึ่งพรรครีพับลิกันจะเข้ามาควบคุมสภาผู้แทนราษฏรและเลือกผู้เหมาะสมมาทำหน้าที่ประธานสภาฯ
ต่อจากเธอ นอกจากนี้เธอยังกล่าวอีกว่า จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเทอมต่อไปอีกแล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน พร้อมบอกด้วยว่าเธอตัดสินใจยุติบทบาทเพราะได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์ที่สามีของเธอถูกทำร้ายด้วยค้อนที่บ้านพักเมื่อปลายเดือนตุลาคม
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ออกมากล่าวยกย่องเพโลซีว่าเป็นผู้พิทักษ์ประชาธิปไตยที่ดุดัน และเป็นประธานสภาผู้แทนราษฏรที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
แนนซี เพโลซี ได้รับเลือกเข้าสู่สภาคองเกรสตั้งแต่ปี 2530 ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก่อนได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี 2550 ถือเป็นสตรีคนแรกและคนเดียวที่เคยดำรงตำแหน่งอันทรงอำนาจนี้ โดยในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร เพโลซีมีสิทธิเป็นลำดับที่สองรองจากตำแหน่งรองประธานาธิบดีในการทำหน้าที่ประธานาธิบดีในกรณีจำเป็น ฉะนั้นเพโลซีจึงเป็นสตรีที่มีบทบาทอย่างมากในประวัติศาสตร์การปกครองของสหรัฐอเมริกา
วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ไฮไลท์การประชุมและกิจกรรมสำคัญของ “การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง” มีดังนี้
08.00 - 09.00 น. ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคเดินทางมาถึงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ฯ (ต้อนรับโดยนายกรัฐมนตรี)
09.15 - 11.00 น. การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคครั้งที่ 29 อย่างไม่เป็นทางการ ช่วงที่ 1 – การเติบโตอย่างสมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน
11.15 - 12.30 น. การหารือ “อย่างไม่เป็นทางการ” ระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค กับแขกพิเศษของประธานฯ เรื่องการส่งเสริมการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืนระหว่างเขตเศรษฐกิจเอเปคกับคู่ค้า
12.30 น. นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับ นางคริสตาลินา กอร์เกียวา (Ms. Kristalina Georgieva) กรรมการจัดการกองทุนเงินระหว่างประเทศ (IMF) ณ ห้อง 111 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
13.00 - 14.30 น. งานเลี้ยงอาหารกลางวันระหว่างผู้นำเอเปค กับแขกของประธานเพื่อเจรจาทำงาน โดยมีนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการหารือในช่วงอาหารกลางวันด้วย ภายใต้หัวข้อ “การส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมในช่วงเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤติเงินเฟ้อ” ณ ห้องประชุม Plenary Hall 1 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
14.45 - 15.45 น. การหารือระหว่างผู้นำเอเปค กับ สภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC) ณ ห้องประชุม Plenary Hall 3 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
17.30 น. นายกรัฐมนตรี และภริยา นำผู้นำและผู้แทนเขตเศรษฐกิจเอเปคพร้อมคู่สมรส และแขกพิเศษต่างประเทศ เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
การหารือทวิภาคี (ระดับผู้นำ)
ไทย-ซาอุดิอาระเบีย นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการรับเสด็จฯ พร้อมหารือทวิภาคีกับ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดิอาระเบีย ซึ่งจะมีพิธีการแลกเปลี่ยนความตกลงและบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน และเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงถวายพระกระยาหารค่ำแก่มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีีซาอุดิอาระเบีย
เวทีภาคธุรกิจเอกชน APEC CEO Summit 2022
18 พฤศจิกายน 2565
นายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส จะขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “NAVIGATING A TURBULENT WORLD” ขณะที่ นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ตอบรับเข้าร่วมงาน APEC CEO Summit 2022 ในวันที่สองนี้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ Food Security Session มีนายพอล กิลดิ้ง อดีต Global head of Greenpeace, นายศุภชัย เจียรวนนท์ Group CEO ของ CP และนายจอห์น คาปูชิตติ Co-Founder ของ Evolved Meat ร่วมเวที
ส่วน Digital Session นายโห่ย หลิงตัน Co-Founder และ COO ของ Grab นายเจสัน เฉิน President และ CEO ของ ACER ขึ้นเวทีร่วมกับ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และที่พลาดไม่ได้อีกช่วง คือ Innovation Session ที่จะได้ผู้แทนของทั้ง Meta (Facebook) มาขึ้น เวทีร่วมกับ Amazon Web Services (AWS) ที่เพิ่งประกาศการลงทุนในไทยเมื่อไม่นานมานี้
การประชุม APEC CEO Summit 2022 เป็นการประชุมสุดยอดของภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งจัดขึ้นคู่ขนานกับการประชุมเอเปคของภาครัฐ จะมีขึ้นที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี ภายใต้แนวคิด ‘Embrace Engage Enable’ เพื่อการส่งเสริมความมั่งคั่งและการเติบโตของประชาชนและสังคมในเอเชียแปซิฟิก