เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ของฟิลิปปินส์ กล่าวให้ความเห็นที่เป็นการสั่นคลอนความสัมพันธ์อันดีระหว่างฟิลิปปินส์กับสหรัฐอเมริกาที่มีมายาวนานขึ้นอีกครั้ง โดยนายดูแตร์เตกล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนออกเดินทางไปเยือนญี่ปุ่น ชาติพันธมิตรใกล้ชิดอีกชาติหนึ่งในภูมิภาคเอเชียของสหรัฐ ในวันเดียวกันนี้ว่า เขาตั้งตารอเวลาที่จะไม่ได้เห็นกองกำลังทหารใดๆในประเทศนี้ ยกเว้นทหารฟิลิปปินส์ พร้อมบอกให้สหรัฐอาจลืมข้อตกลงเพิ่มความร่วมมือด้านกลาโหม(อีดีซีเอ)กับฟิลิปปินส์ไปได้เลย หากเขาอยู่ในตำแหน่งนานมากพอ และว่า สหรัฐไม่ควรปฏิบัติกับฟิลิปปินส์ “เหมือนสุนัขมีเชือกจูง” นอกจากนี้ นายดูแตร์เตยังกล่าวท้าทายให้นักธุรกิจต่างชาติเก็บข้าวของกลับประเทศไป หลังจากนายแดเนียล รัสเซล รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศฝ่ายกิจการเอเชีย-แปซิฟิกของสหรัฐ ซึ่งมาเยือนกรุงมะนิลาเมื่อวันจันทร์(24 ต.ค.) กล่าวแสดงความเห็นว่า คำพูดอันดุเดือดและนโยบายปราบปรามอาชญากรรมรุนแรงของนายดูแตร์เต เป็นเรื่องที่แย่สำหรับการทำธุรกิจ คำพูดข้างต้นของประธานาธิบดีดูแตร์เตทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์กับสหรัฐยุ่งเหยิงมากยิ่งขึ้น หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายดูแตร์เตประกาศกร้าวในขณะเยือนจีน ชาติคู่ปรับสหรัฐว่า เขาจะแยกทางกับสหรัฐ กระทั่งเมื่อเดินทางกลับฟิลิปปินส์ นายดูแตร์เตมีคำพูดที่อ่อนลง โดยชี้แจงว่า ฟิลิปปินส์ไม่ได้จะตัดขาดความสัมพันธ์กับสหรัฐ แต่เป็นการแยกทางกันเดินในด้านนโยบายต่างประเทศ
พสกนิกรมืดฟ้ามัวดิน ร่ำไห้ ร่วมร้องเพลง 'สรรเสริญพระบารมี' ดังกึกก้อง สนามหลวง เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ...วันที่ 22 ตุลาคม บรรยากาศบริเวณรอบพระบรมมหาราชวัง มีประชาชนจำนวนมาก เดินทางมาร่วมร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความอาลัย แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในเวลา 13.00 น. ที่บริเวณถนนหน้าพระลาน กำแพงพระบรมมหาราชวัง โดยมีวงออเคสตร้า 100 ชิ้น จาก Siam Philharmonic Orchestra และคอรัส 200 คน มี “อ.สมเถา สุจริตกุล” เป็นวาทยากร ในการควบคุมวง ทั้งนี้การขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี จะมีขึ้น 2 รอบ รอบแรก 4 ครั้ง คือ 13.00 น. 14.00 น. 15.00 น. 16.00 น. ตลอดการร้องทุกครั้ง จะมีดนตรีออเคสตร้าบรรเลงนำ ส่วนรอบที่สอง จะมีขึ้นหลังเวลา 22.00 น. ครั้งนี้ไม่มีวงออเคสตร้าบรรเลง แต่ขอให้ประชาชนนำเทียนไขมาด้วย การร่วมขับร้องเพลงสรรเสริญครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อบันทึกภาพประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงความรักอันยิ่งใหญ่ ความผูกพันและความอาลัยของประชาชนผู้จงรักภักดี ทีมงาน ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นผู้ถ่ายทำภาพยนตร์ จากนั้นจะมีการนำภาพที่เกิดขึ้นไปจัดทำเป็นภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ สำหรับฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ
(24 ต.ค.) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ และลงนามแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นำอาหาร ขนม ผลไม้ และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน โดยตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ของท้องสนามหลวง ใกล้พระบรมมหาราชวัง ทั้งนี้ สำหรับอาหารพระราชทานมี 3 เวลา ประกอบด้วย อาหารเช้า เวลา 07.30 น. จำนวน 5,000 ชุด อาหารกลางวัน เวลา 11.30 น. จำนวน 5,000 ชุด และ อาหารเย็น เวลา 15.30 น. จำนวน 5,000 ชุด เมนูปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมแต่ละวัน เช่น ข้าวขาหมูตรอกซุง ข้าวแกงต่าง ๆ ก๋วยเตี๋ยว ซึ่งจะนำมาจากร้านที่มีชื่อเสียง 2 เจ้า ๆ ละ 2,500 ชุด แจกร่วมไปกับน้ำดื่มและน้ำสมุนไพรที่เตรียมไว้ 500 ลิตร เช่น น้ำเก๊กฮวย กระเจี๊ยบ พร้อมขนมจากร้านที่มีชื่อเสียง และขนมจากร้านสวัสดิการข้าราชบริพารในพระองค์ เช่น ซาลาเปานพเก้า ตลอดจนผลไม้ต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังจัดแพทย์อาสามาให้บริการพสกนิกรที่มาอีกด้วย
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 25 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่ทนายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเตรียมยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่ออุทธรณ์ที่มีคำสั่งทางปกครองเรียกชดใช้ค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้าน ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ว่า ถือเป็นสิทธิ ไม่ว่าใครก็ตามที่จะเรียกร้องหรือยื่นอุทธรณ์ ทั้งนี้ฝ่ายกฎหมายระบุว่าตามขั้นตอนหากอุทธรณ์ไม่ได้ ก็อาจจะไปขอทุเลาในชั้นศาลได้ ถือเป็นกระบวนการยุติธรรมตามปกติ ตนมีหน้าที่ในการนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น และไม่เคยบอกว่าสิ่งที่เกิดนั้นถูกหรือผิด แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีจำนวนมากพอสมควร ก็ต้องไปชี้แจงกันในชี้ศาล ในส่วนที่มองว่าคำสั่งศาลปกครองขัดเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2539 นั้น ตนได้ปรึกษากับฝ่ายกฎหมายแล้ว ซึ่งเป็นผู้ที่ร่วมร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว เมื่อปี 2539 ยืนยันว่า ไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ แล้วจะให้ตนว่าอย่างไรต่อได้ “มันเป็นสิ่งที่ต้องกระทำ ฝ่ายกฎหมายยืนยันว่าไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ ดังนั้นหากมีข้อชี้แจงอย่างไรก็ขอให้ไปชี้แจงในชั้นศาล อย่ามาชี้แจงกันในสื่อ ผมจะไม่ขอพูดตอบโต้ในเรื่องเหล่านี้อีก เพราะผมถือว่าผมนำเรื่องเหล่านี้เข้าไปแล้ว อย่างไรก็ขอให้ไปชี้แจงด้วยหลักฐานที่มีอยู่ อย่าลืมว่าทุกคดีผมไม่ได้เริ่มต้น เป็นคดีที่ค้างคามานาน ผมก็ต้องรับมาปฏิบัติต่อไปในกระบวนการยุติธรรม เมื่อเข้าไปแล้วก็ถือว่าหมดหน้าที่ของผมตรงนี้ ขอให้รอฟังว่าผลจะออกมาอย่างไร ไม่อยากให้สร้างความขัดแย้งต่อไปในทุกเรื่อง ในสิ่งที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบเรียบร้อย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อวันที่ 26 ต.ค. นายพชร ธรรมมล หรือ ฟลุค เดอะสตาร์ 5 ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Phachara Thammon” ระบุถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการออกคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า “ไม่ได้ระบุว่าถูกหรือผิด แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาก จึงต้องมีการชี้แจงในศาล” นั้น นายพชร ระบุว่า “ลุงตู่เหมือนยอมรับว่าคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ผิด แต่โครงการจำนำข้าวทำรัฐเสียหายเยอะ แม้เป็นการพยุงราคาผลผลิตทางการเกษตร เอาไว้ให้อยู่ในระดับที่เกษตรกรพอใจ แต่คุณยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้เงิน35,000กว่าล้าน ลุงตู่ทำรัฐประหาร (นิรโทษกรรมแล้ว)ก็ไม่ผิด แต่มูลค่าทางเศรษฐกิจเสียหาย เยอะกว่าจำนำข้าวเสียอีก แถมความเสียหายนั้นก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและพี่น้องเกษตรกร นายกตู่ต้องชดใช้หรือไม่ครับ ด้วยความเคารพ”
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเรียกค่าเสียหายโครงการจำนำข้าวว่า สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ กรณีรัฐบาลต้องเรียกค่าเสียหาย 35,000 ล้านบาท จาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ส่วนหนึ่งมีหลักคิดมาจากในช่วงดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ถ้าหากมีการหักความชื้นหรือสิ่งเจือปนถูกต้อง ไม่มีการเอาเปรียบชาวนา ชาวนาน่าจะได้รับเงินขายข้าวเฉลี่ยตันละ 13,000 บาท ถึง 14,000 บาท แต่ในความเป็นจริงนั้น ชาวนาได้รับเงินจริง เฉลี่ยเพียงตันละ 10,500 บาท ถึง 12,000 บาทเท่านั้น เงินที่เรียกค่าเสียหายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ 35,000 ล้านบาท ก็คือเงินที่ไม่ถึงมือชาวนา นพ.วรงค์กล่าวอีกว่า การที่ผู้สนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ขอบริจาคเงิน 100,000 บาท ช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่แปลกและสามารถทำได้ แต่แนะนำว่า ไม่ควรไปขอบริจาคจากพี่น้องชาวนา เพราะเงิน 35,000 ล้านบาทนี้ คือเงินที่ชาวนาเขาถูกโกง ทางที่ดีควรขอสนับสนุนจากผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดในช่วงดำเนินโครงการรับจำนำข้าวด้วย คือ โรงสีซึ่งมีประมาณ 1,000 แห่ง และเจ้าของโกดังอีกนับพัน บริษัทเซอร์เวย์ที่ยอมให้เก็บข้าวเน่ารวมทั้งนั่งร้านในโกดัง ผู้ส่งออกที่เจรจาใต้โต๊ะกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผู้ดำเนินการทุจริตการจัดทำข้าวถุง โดยตนเชื่อว่าคนเหล่านี้รวมกันรับประโยชน์ไปมหาศาลมากกว่า 35,000 ล้านบาท ส่วนเครือข่ายค้าข้าวจีทูจีปลอม ไม่ควรไปขอรับการสนับสนุนจากเขา เนื่องจากอัยการได้ฟ้องแพ่งควบไปกับคดีอาญาจีทูจีแล้ว “ท้ายที่สุดนี้ ถือโอกาสเรียกร้องไปยังรัฐบาล เนื่องจากพี่น้องชาวนายังอยู่ในสภาพที่ลำบาก เพราะปัจจุบันนี้ราคาข้าวเปลือกยังคงตกต่ำ ซึ่งเป็นผลพวงของข้าวสารในโครงการรับจำนำที่เก็บไว้ในโกดังจำนวนมาก ยากแก่การระบายให้หมดโดยเร็ว ดังนั้นรัฐบาลก็ควรที่จะนำเงิน 35,000 ล้านบาท ที่เรียกจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปจ่ายเป็นเงินส่วนต่างเพื่อช่วยเหลือชาวนา จะได้เป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และถือเป็นการคืนความชอบธรรมที่พี่น้องชาวนาถูกเอาเปรียบกลับคืนมาด้วย”
เมื่อเวลา 9.00น น. วันที่ 26 ตุลาคม ที่ห้องพิจารณา 708 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2922/2558 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 และ พ.ต.ท.พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพลศาล หรือหมอแอร์ แพทย์ประจำกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.วิชชุดา ลีนุตพงษ์ หรือไฮโซตั๋ม เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา มาตรา 326, 328 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ.2550 มาตรา 3 , มาตรา 14 (1) จากกรณีเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 น.ส.วิชชุดา จำเลย ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก ส่วนตัวของจำเลย ทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่า พ.ต.ท.พญ.อัญชุลี หรือหมอแอร์ เป็นผู้หญิงไม่ดี และแอบไปอยู่กินฉันสามีภริยากับชายอื่น ซึ่งไม่เป็นความจริง น่าจะทำให้เสียชื่อเสียง ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานคำฟ้องและคำรับสารภาพแล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำผิดจริง ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม ให้เรียงกระทงลงโทษ จำคุกจำเลยทั้งสิ้น 6 กระทงๆละ 2 ปี รวม 12 ปี และปรับกระทงละ 100,000 บาท รวม 600,000 บาท แต่จำเลยรับสารภาพมีเหตุลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง จึงจำคุกจำเลย 6 กระทงๆ ละ 1 ปี รวมจำคุก 6 ปี และปรับ 300,000 บาท ขณะที่พฤติการณ์จำเลย กระทำไปเพราะหึงหวง เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เกิดประโยชน์ผลกระทบต่อสังคม ประกอบกับจำเลยได้วางเงินเพื่อบรรเทาความเสียหายต่อโจทก์แล้ว จำนวน 100,000 บาท อีกทั้งไม่พบประวัติจำเลยว่าเคยต้องโทษมาก่อน จึงเห็นควรให้รอลงอาญา 2 ปี นอกจากนี้ยังมีคดีแพ่ง ที่หมอแอร์ ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เรียกค่าเสียหายอีก 50 ล้านบาทด้วย
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม เฟซบุ๊ก His Majesty King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck ของสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ได้เผยแพร่ภาพและข้อความระบุว่า กษัตริย์จิกมีจะใช้เวลา 6 วันในการไต่เขาจาก ลายา ไปยังลูนานา เส้นทางที่ผู้คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อของ “สโนว์แมน เทร็ค” ก่อนที่กษัตริย์จิกมี จะเสด็จถึงเลอดิ ที่หมู่บ้านลูนานา เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม หลังจากทรงเสด็จขึ้นบนภูเขาที่สูงกว่า 5,250 เมตร
ข้อความบนเฟซบุ๊กระบุว่า ระหว่างการเสด็จขึ้นเขา กษัตริย์จิกมีทรงแวะพักที่วาเชก่อนเป็นที่แรก โดยมีชาวบ้านคอยต้อนรับ และพระองค์ได้ประทับพักผ่อนที่วาเชเป็นเวลา 1 คืน ก่อนที่จะเสด็จต่อไปยังเลอดิต่อไป กระทั่งเสด็จถึงเลอดิ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม และทรงใช้เวลาอยู่กับชาวบ้านในเลอดิ รวมถึงประชาชนจากพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีการจัดการเลี้ยงร้องเพลง และเต้นรำ รวมถึงการจัดแสดงภาพยนตร์ของภูฏานให้ชาวบ้านได้ดูกันในช่วงเย็น
นอกจากนี้ กษัตริย์จิกมี ทรงนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ขึ้นไปตั้งค่ายพักแรมเพื่อตรวจรักษาประชาชน ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านการแพทย์ที่อยู่ห่างไกลออกไปได้
ข้อความบนเฟซบุ๊กดังกล่าวระบุด้วยว่า กษัตริย์จิกมีจะยังคงเสด็จเดินทางต่อไปทั่วหมู่บ้านลูนานา และหมู่บ้านอีก 2 แห่ง คือ โชจอง และทันซา สถานที่ซึ่งห่างไกลผู้คนของภูฏาน
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012