ข่าว
‘เศรษฐา’หารือนายกฯญี่ปุ่น ส่งเสริมหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน ชวนร่วมลงทุน‘แลนด์บริดจ์’

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 (ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก ซึ่งช้ากว่าไทย 15 ชั่วโมง) ณ โรงแรมนิกโก ซานฟรานซิสโก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบหารือทวิภาคีกับนายคิชิดะ ฟูมิโอะ (H.E. Mr. Kishida Fumio) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยกับญี่ปุ่นเป็นมิตรที่ใกล้ชิดมาอย่างยาวนานมีความผูกพันในทุกระดับ พร้อมย้ำถึงความพร้อมของไทยที่จะร่วมมือกับญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและภูมิภาค ทั้งนี้รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่เข้มแข็งกับญี่ปุ่น และนายกฯ พร้อมเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน – ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ (ASEAN-Japan Commemorative Summit) ในเดือนหน้า และหวังว่าจะได้เยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในโอกาสแรก

ด้านนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวยินดีที่ได้พบหารือกับนายกฯ ในวันนี้ แสดงความยินดีกับการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ญี่ปุ่นพร้อมกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น สานต่อความร่วมมือที่สนใจร่วมกัน ซึ่งโอกาสนี้ นายกฯ ญี่ปุ่นยังได้กล่าวขอให้ไทยช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าไปลงทุนในประเทศไทย อาทิ การยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการติดต่อหรือประกอบธุรกิจแก่นักธุรกิจ

โอกาสนี้ ผู้นำทั้งสองได้หารือในประเด็นที่เป็นประโยชน์และสนใจร่วมกัน

นายกฯ ยืนยันว่าไทยพร้อมดูแลภาคอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาปญี่ปุ่นในไทยในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ควบคู่กับการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรม EV เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางช่วงสุดท้ายของการผลิตยานยนต์สันดาป ซึ่งนายกฯ ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาแนวทาง โดยหารือกับภาคเอกชนญี่ปุ่นโดยตรง

พร้อมกันนี้ นายกฯ ญี่ปุ่นซึ่งได้เชิญนายกฯ ไทย เข้าร่วมการประชุม ASEAN-Japan Commemorative Summit เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานควบคู่กับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เพื่อให้ภูมิภาคก้าวเข้าสู่สังคมปลอดคาร์บอน ซึ่งไทยพร้อมร่วมมือภายใต้ข้อริเริ่ม Asia Zero Emission Community (AZEC) ของญี่ปุ่นที่สอดรับกับแนวทางของไทย

ทั้งนี้ ไทยมุ่งเน้นเปิดโอกาสเศรษฐกิจใหม่ ๆ อาทิ เศรษฐกิจดิจิทัล นวัตกรรม เศรษฐกิจสีเขียว รวมทั้งเปิดกว้างในการเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่มีมาตรฐานสูง โดยไทยมีโครงการ Landbridge เพื่อเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัวใหม่ จึงอยากเชิญญี่ปุ่นมาร่วมมือในโครงการนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย ญี่ปุ่น และภูมิภาค โดยนายกฯ ย้ำว่ารัฐบาลไทยจะอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงด้านความมั่นคง ซึ่งยินดีที่ไทยและญี่ปุ่นมีความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศอย่างใกล้ชิดภายใต้กลไกความร่วมมือที่มีอยู่ อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ

นายกฯสั่งเข้มปราบ‘เนื้อวัวเถื่อน’ อึ้งทะลักเข้าประเทศปีละกว่า 1 แสนตัน

16 พฤศจิกายน 2566 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีปัญหาที่พบนายทุนลักลอบนำเนื้อวัวเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศโดยไม่ผ่านพิธีศุลกากร และการกักกันโรค ปีละไม่ต่ำกว่า 100,000 ตัน โดยบางส่วนของเนื้อวัวเถื่อนจะถูกนำมาขายให้ประชาชนภายในประเทศ และบางส่วนจะนำส่งออกไปยังต่างประเทศตามคำสั่งซื้อ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อการแก้ไขปัญหานี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้สั่งการให้แก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกัน ทั้งศุลกากรและปศุสัตว์จังหวัดซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่โดยตรงด้านการปราบปรามการลักลอบเนื้อวัวผิดกฎหมาย รวมทั้งให้เพิ่มความระมัดระวัง รอบคอบในการตรวจสอบความถูกต้องและความชัดเจนของเอกสารสำแดงการนำเข้าสินค้า และการกักกันโรคตามกฎหมาย รวมทั้งเร่งสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้าปศุสัตว์ส่งออกของไทย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า การลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์เถื่อนนี้ สร้างผลกระทบอย่างมากต่อประเทศ โดยกระทบหลักต่อกลไกตลาดและความน่าเชื่อถือของสินค้าปศุสัตว์ที่ส่งออกของไทย พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกประเด็นการส่งขายเนื้อสัตว์ของไทยในการหารือกับผู้นำต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง เพื่อขยายตลาด เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรไทย

“นายกรัฐมนตรีกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือเพื่อดำเนินการปราบปรามการลักลอบเนื้อเถื่อนอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด และเข้มงวดตามนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศสงครามกับสินค้าการเกษตรที่ผิดกฎหมาย พร้อมทั้งดำเนินการตรวจสอบพิธีการศุลกากรและการกักกันโรคให้ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปตามหลักสุขอนามัย ปกป้องไม่ให้เกษตรกรไทยได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อวัวที่ตกต่ำ ขจัดความเสี่ยงด้านสุขอนามัยแก่ผู้บริโภค รวมทั้งเร่งสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้าส่งออกด้านการเกษตรปศุสัตว์ของไทย” นายชัย กล่าว


แก๊งค้าหมูเถื่อนแฉ จ่ายเงินเจ้าหน้าที่รัฐตู้ละ 3 หมื่นบ. ค่าเคลียร์ของส่งลูกค้าตามออเดอร์

พนักงานสอบสวนดีเอสไอสอบเข้ม พ่อลูกนายทุนนำเข้าหมูเถื่อน 33 ตู้สารภาพข้อมูลสำคัญระบุจ่าย“ค่าเคลียร์ของ” ให้เจ้าหน้าที่รัฐตู้ละ 3 หมื่นบาท เพื่อให้เปิดตู้นำหมูแช่แข็งส่งให้ลูกค้าได้ทันตามออเดอร์ รับต้องจ่าย เพราะถ้าปล่อยไว้นานเนื้อหมูจะเน่าเสียหาย ดีเอสไอชี้ให้การเป็นประโยชน์จึงอนุญาตประกันตัว

ความคืบหน้าหลังเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จับกุมนายวิรัช ภูริฉัตร อายุ 69 ปี กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด และบริษัท เดอะ กู๊ด ช็อป จำกัด นายธนกฤต ภูริฉัตร อายุ 42 ปี บุตรชายนายวิรัช ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3654-3655/2566 ซึ่งเป็นกลุ่มนายทุนสั่งเนื้อหมูแช่แข็งนำเข้ามาในประเทศไทย ความผิดฐานหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากร ตามพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และนำเข้าส่งออกหรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์ หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ก่อนถูกคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 59/2566 สอบปากคำและให้ประกันตัวในชั้นสอบสวนนั้น

2นายทุนแฉจ่ายส่วยให้จนท.รัฐ

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน คณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน 161 ตู้เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ นายวิรัช ภูริฉัตร กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด และบริษัท เดอะ กู๊ด ช็อป จำกัด นายธนกฤต ภูริฉัตร บุตรชายนายวิรัช ในคดีพิเศษที่ 59/2566 ปรากฏว่าทั้งคู่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และเปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อาทิ ให้การว่าตนจ่ายเงินให้บริษัทชิปปิ้งเอกชน 2 แห่งคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด กันตา ไทยโฟรเซ่นฟิช 23 ตู้ และบริษัท มายเฮ้าส์ เทรดดิ้ง จำกัด 10 ตู้ รวมทั้งหมด 33 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งคำให้การสอดรับกับคำให้การของกลุ่มชิปปิ้งเอกชนที่ดีเอสไอจับกุมไปแล้ว

“ก่อนหน้านี้ บริษัทชิปปิ้งเอกชนได้ซัดทอดว่าเนื้อหมูแช่แข็งที่นำเข้ามานั้น นิติบุคคลใดเป็นผู้สั่งให้นำเข้า ซึ่งหนึ่งในกลุ่มนายทุนก็คือนายวิรัชและนายธนกฤติ สองพ่อลูกคู่นี้ ขณะที่คำให้การของสองคนระบุ มีเงินส่วนหนึ่งที่ได้จ่ายให้ 2 บริษัทชิปปิ้งเอกชน โดยเป็นเงินที่เรียกว่าค่าเคลียร์ของ ซึ่งบริษัทชิปปิ้งเอกชนเรียกเงินตกตู้ละ 30,000 บาท และชิปปิ้งเอกชนจะรับหน้าที่จ่ายให้เจ้าหน้าที่รัฐ”พนักงานสอบสวนคดีระบุ

ให้การเป็นประโยชน์จึงให้ประกันตัว

และว่า ทั้งนี้ เมื่อนายวิรัชและนายธนกฤต ให้ความร่วมมือให้การเป็นอย่างดี พนักงานสอบสวนจึงห้พิจารณาปล่อยตัวชั่วคราว อีกทั้ง ที่ผ่านมาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี เพราะประสานขอมอบตัวกับดีเอสไอมาตลอด แต่ติดปัญหาเรื่องการจ้างทนายความ กระทั่งลงตัววันที่ 14 พฤศจิกายน กลับจากเวียดนามมาไทย ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหายอมให้การเปิดเผยข้อมูลสำคัญทั้งหมด อาจเพราะรู้ดีว่าข้อมูลเหล่านี้สามารถขยายผลไปสู่การเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องและตัวเองอาจได้รับการพิจารณาถูกกันไว้เป็นพยานได้

คณะพนักงานสอบสวนยังเผยถึงกระบวนการทำงานของบริษัทชิปปิ้งเอกชนว่า ชิปปิ้งจะทำหน้าที่สั่งสินค้าเข้ามาเพื่อออกของ แต่การสั่งของเป็นการสั่งสินค้าตามออเดอร์ของพ่อค้าคนกลางหรือกลุ่มนายทุน เช่น สองพ่อลูกคู่นี้ และเมื่อได้รับสินค้ามาแล้วจะกระจายส่งไปยังห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ โดยกรณีของผู้ต้องหาทราบว่าได้กระจายเนื้อหมูส่งไปยังผู้สั่งซื้อหลายสิบราย ซึ่งมีลักษณะเป็นศูนย์กระจายสินค้า ไม่ใช่เขียงหมูตามตลาดนัดทั่วไป

ต้องยอมจ่ายเพื่อเคลียร์ตู้หมูผ่านฉลุย

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีสองพ่อลูกคล้ายถูกขูดรีดจากเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ คณะพนักงานสอบสวน อธิบายว่า เมื่อสินค้าจะมาถึงไทยแล้ว ชิปปิ้งเอกชนก็ต้องนำเงินที่ได้รับจากนายทุนซึ่งก็คือสองพ่อลูก ไปเคลียร์กับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ถามว่าไม่เคลียร์ได้หรือไม่ ก็ทำได้ แต่สินค้าจะไม่ได้ออกจากท่าเรือแหลมฉบัง อีกทั้ง ค่าใช้จ่ายที่เช่าวางตู้คอนเทนเนอร์นั้น ผู้ต้องหาให้การว่ารายจ่ายตกวันละ 3,000 บาท แต่ถ้าผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ จะกลายเป็น 7,000 บาท ทำให้ผู้ต้องหายอมจำนนจ่ายค่าเคลียร์ของดังกล่าวเพื่อให้จบ และสินค้าจะได้นำส่งตามออเดอร์ ไม่อย่างนั้นสินค้าจะเน่าเสีย หรือแม้กระทั่งเหตุผลที่ว่าเป็นตู้คอนเทนเนอร์มีแอร์ แต่ถ้าผ่านวันเวลาไป คุณภาพของเนื้อหมูจะลดลง ทำให้มีแต่เสียกับเสีย

คณะพนักงานสอบสวนเผยอีกว่า สำหรับเนื้อหมูแช่แข็งที่ผู้ต้องหานำเข้าและแจ้งว่าเป็นการนำเข้าเพื่อแปรรูป ทำให้กลุ่มผู้ต้องหาต้องดำเนินการภายใน 3 วัน เพราะเกี่ยวข้องกับระเบียบกรมปศุสัตว์ ดังนั้น แม้นำเข้าเนื้อหมูถูกต้อง แต่ถ้าพ้นกำหนดวันจะกลายเป็นหมูเถื่อนอยู่ดี ทำให้ทุกกระบวนการ ผู้ต้องหาต้องรีบดำเนินการ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ยังไม่มีการอายัดทรัพย์สินของนายวิรัชและนายธนกฤตไว้ตรวจสอบแต่อย่างใด อยู่ระหว่างขั้นตอนสอบสวนทางคดีและขยายผล

ปศุสัตว์สั่งทุกจว.ตรวจเข้มหมูเถื่อน

ด้านนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ได้สั่งหนังสือด่วนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ขอให้สั่งการปศุสัตว์จังหวัดและปศุสัตว์อำเภอเข้มงวดตรวจสอบ ควบคุม กักกัน กำกับดูแลการเคลื่อนย้ายสัตว์ ซากสัตว์ และดำเนินคดีให้เป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงกำชับผู้อำนวยการกองสารวัตรและกักกัน ให้สั่งการด่านกักกันสัตว์ทุกด่านเช่นเดียวกัน

ส่วนกรณีผู้ต้องหา 2 คนซึ่งถูกกล่าวหาว่า มีความเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนเข้าไทย ระบุจ่ายค่าเคลียร์ของให้เจ้าหน้าที่รัฐนั้น อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือด่วนถึงอธิบดีดีเอสไอขอความร่วมมือให้ส่งข้อมูลและเอกสารหลักฐานตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า ดีเอสไอตรวจยึดเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินเพื่อเบิกทางนำเข้าและเคลื่อนย้ายหมูเถื่อน ในบ้านผู้ต้องหารายหนึ่ง เพื่อนำมาตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์เกี่ยวข้องจริงหรือไม่ ในช่วงเวลาใด หากได้ข้อเท็จจริงเอกสารหลักฐานยืนยันว่าเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ทำผิด จะดำเนินการ ทางวินัยและกฎหมายอาญาเด็ดขาด

มุกดาหารจับซากหมูเถื่อน2พันกก.

วันเดียวกัน นายณรงค์ รัตนตรัยวงศ์ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์มุกดาหาร มอบหมายสารวัตรกรมปศุสัตว์ ด่านกักกันสัตว์มุกดาหารนำกำลังเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบ เฝ้าระวังเข้มงวดการเคลื่อนย้ายสัตว์ - ซากสัตว์ บริเวณบ้านคำอาฮวน ต.คำอาฮวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร ได้ตรวจพบรถกระบะมิตซูบิซิ สีขาว ทะเบียนระยอง บรรทุกซากหมู 2,000 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบรถคันดังกล่าวไม่พบเอกสารการขนย้ายสัตว์ จากการตรวจสอบผู้ทำผิดทราบว่า ได้เคลื่อนย้ายซากสุกรจากต้นทางอ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ปลายทางอ.เมืองมุกดาหาร โดยไม่มีใบอนุญาตเคลื่อนย้ายฯ จึงแจ้งข้อกล่าวหา เคลื่อนย้ายสัตว์ หรือซากสัตว์เข้า-ออก ผ่านเขตเฝ้าระวังโรคระบาดสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ความผิดตามมาตรา 22 และเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ข้ามเขตจังหวัดโดยไม่ได้รับอนุญาต ความผิดตามมาตรา 34 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 พร้อมส่งตัวผู้ต้องหาและของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร ดำเนินคดีต่อไป

เปิดภาพแรก! 'ใบเตย' คืนสู่อิสรภาพ หลังจำคุก 6 เดือน คดี Forex-3D

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง นายอมร กุศล ทนายความของนางสาวสุธีวัน กุญชร หรือ ใบเตย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนเดินทางเข้าไปรอรับใบเตย ว่า ที่ผ่านมาได้เขียนคำร้องขอประกันตัวถึง 3 ครั้ง รวมครั้งนี้ โดยครั้งแรกศาลเห็นว่าคดีนี้มีมูลค่าความเสียหายมาก และกลัวหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว ส่วนครั้งที่สองไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม และครั้งนี้ได้เขียนคำร้องหลายเรื่องที่ต้องให้เหตุผลศาล ทั้งการนำพยานหลักฐานไปโต้แย้งในประเด็นนั้น ๆ พอรู้ทิศทาง ก็นำหลักฐานที่เราถูกกล่าวหาเข้าไปสู้ โดยเราสู้ตั้งแต่ต้นในชั้นของพนักงานดีเอสไอ เราไม่ได้ปฏิเสธลอย ๆ เรามีหลักฐานสู้คดี มีข้อโต้แย้งทุกอย่าง สามารถอธิบายเส้นทางการเงินได้ทั้งหมด

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้มีทนายความบางคนออกมา พูดว่าใบเตยและดีเจแมนหลบหนีแล้ว ประเด็นนี้ ใบเตยและดีเจแมนไม่เคยออกมาตอบโต้เลย สิ่งนี้ตนขอฝากว่า มันเป็นตราบาป คุณทำอะไรไว้ มันกระทบถึงเจ้าตัว และตอนนี้ก็สามารถพิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งแล้วว่าได้รับการประกันตัวแล้ว

สำหรับการขอยื่นประกันตัวของนายพัฒนพล มินทะขิน หรือดีเจแมน นั้น นายอมร ระบุว่า ก็ต้องปรึกษากับครอบครัวเขาก่อน และคาดว่าจะดำเนินการเร็ว ๆ นี้ หลักฐานก็มี เป็นชุดเดียวกัน ยังยืนยันความบริสุทธิ์ใจ และขั้นตอนของกฎหมายต้องรอสืบพยานในช่วงเดือนกรกฎาคม ไปจนถึงเดือนธันวาคม มีการแบ่งกลุ่มพยานไว้แล้ว เพื่อให้นำสืบคดีได้ง่าย ย้ำว่าเราเคารพในการทำงานของศาล

สำหรับความกังวลใจชีวิตหลังจากนี้ นายอมร เผยว่า ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา ซึ่งนี่เป็นแค่กระบวนการหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นต้องให้โอกาส ปล่อยใจให้สบาย ขึ้นอยู่ว่าผิดหรือไม่ผิด โดยกติกาของบ้านเมืองว่ามีกฎหมาย หากผิดก็ยอมรับ ซึ่งหลังจากที่ใบเตยทราบว่าจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวก็กำลังใจดีขึ้นมาก มีอาการร้องไห้ เพราะมีลูกเล็กอยู่ และลูกก็ยังไม่ทราบเลยว่าแม่ไปไหน เราไม่อยากให้เด็กซึมซับสังคมแบบนี้ ก็ต้องประคองไปเรื่อย ๆ พร้อมขอบคุณศาลที่พาใบเตยกลับมาสู่ครอบครัว และลูกสาวเขา

นายอมร กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมาเราทำงานหนัก แม้จะท้อ แต่ก็ไม่ถอย ผมมั่นใจมากว่าครั้งนี้ได้ จะได้ประกันตัว ครั้งนี้ศาลรับฟัง จึงเกิดภาพการไต่สวนแบบนี้

ต่อมาเวลา 19.30 น. ที่ทางเข้าทัณฑสถานหญิงกลางพบว่ามีนายชาญวิทย์ ทวีสิน หรือ ลุคซ์ น้องชาย และนายอมร กุศล ทนายความ มารอรับ

ก่อนที่ในเวลา 19.52 น. รถเบนซ์สีขาวป้ายแดง ที่เข้าไปรับจะออกขับออกมา ซี่งใบเตยนั่งกลางบริเวณเบาะหลัง น้องชายนั่งประกบ

โดยใบเตยสวมใส่ชุดเดรสลายดอกสีชมพู มีการรบวบผม สวมใส่แมสก์ ส่วนสีหน้าเรียบเฉยบางจังหวะยกมือไหว้ทักทายสื่อมวลชน แต่ไม่สะดวกลดกระจกลงมาเพื่อตอบคำถามใดๆ ก่อนจะนั่งรถออกไปจากทัณฑสถานหญิงกลางทันที