ข่าว
“ยิ่งลักษณ์” ห่วงภาพตัดต่อ “Dark Yingluck” กระทบศาสนา-ราชวงศ์บาห์เรน

จากกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในขณะที่เดินทางเยือนราชอาณาจักรบาห์เรน อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13 -15 พ.ค.55 ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์สวมชุด “ยูเบาะห์” หรือ โตป พร้อมคลุม “ฮิญาบ” ที่มีลักษณะปกปิดผมและร่างกายตามรูปแบบของมุสลิมะห์ ผู้หญิงที่นับถือศาสนาอิสลาม โดยชุดดังกล่าวเป็นชุดสีดำสนิททั้งชุด

เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามเรื่องดังกล่าวจาก นายวิม รุ่งวัฒนะจินดา เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ติดตามคณะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปที่ราชอาณาจักรบาห์เรนด้วย โดยได้รับการเปิดเผยว่า นายกฯได้เห็นภาพดังกล่าวที่มีการเผยแพร่จากเวบไซต์สื่อต่างประเทศแล้ว ซึ่งนายกฯก็ไม่ติดใจอะไร แม้จะมีการนำภาพของตัวเองไปเขียนล้อเลียนก็ตาม แต่นายกฯอยากฝากให้สื่อมวลชนไทยให้พิจารณาอย่างรอบคอบที่จะนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ เนื่องจากเห็นว่าเป็นละเอียดอ่อนทางศาสนา เพราะชุดที่ใส่ในวันนั้นถือเป็นสัญลักษณ์ของชาวมุสลิมที่จะสวมไปปฏิบัติศาสนกิจในมัสยิด อีกทั้งชุดดังกล่าวเป็นชุดที่ “เชค คอ ลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์” (His Royal Highness Prince Khalifa Bin Salman Al-Khalifa) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน เป็นผู้ประทานให้ อีกทั้งภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมาก็เป็นภาพที่นายกฯยืนเคียงคู่นายกฯบาห์เรน อาจมองเป็นการไม่เกียรติบุคคลสำคัญของทางประเทศบาร์เรน

“โดยส่วนตัวนายกฯไม่ได้ติดใจอะไรกับการที่ภาพของตัวเองถูกล้อเลียนและเผยแพร่ต่อๆกันทางอินเตอร์เน็ต แต่ห่วงในเรื่องความละเอียดอ่อนทางศาสนา และอาจกระทบถึงบุคคลสำคัญของต่างประเทศ จึงอยากขอความร่วมมือจากสื่อไทยให้ระมัดระวังในการนำภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ต่อ” นายวิม ระบุ ผู้สื่อขาวถามว่าทุกครั้งที่นายกฯ เดินทางไปต่างประเศจำเป็นต้องสวมชุดประจำชาตินั้นๆ หรือไม่ นายวิมกล่าวว่า ไม่จำเป็นเพียงแต่บางปรเทศ หรือกลุ่มโอทอปบางแห่งก็ให้เกียรติกับท่านนายกฯ เพื่อสวมใส่ชุดประจำชาติของเขา ซึ่งนายกฯ ก็จะให้เกีรยติกับเจ้าของบ้าน แต่ที่บาห์เรนนี้ นายกฯ และรัฐบาลเขาจัดให้ ที่สำคัญสุภาพสตรีทุกคนที่เข้าไปปฏิบัติศาสนกิจในมัสยิดนั้น ก็ต้องสวมชุดดังกล่าวอยู่แล้ว

นายกฯพอใจผลสำเร็จเยือนกาตาร์

วันที่ 16 พ.ค. ที่รัฐกาตาร์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือ กับ เชคชฮาเหม็ด บิน จัสซิม บิน จ๊าบ อัล ทานี นายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศกาตาร์ แบบเต็มคณะ ว่า ประสบความสำเร็จมาก โดยทั้งสองฝ่ายลงนามในบันทึกข้อตกลง 4 ฉบับ คือ ความตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานในกาตาร์ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรม และปฏิญญาร่วมในการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนในผลิภัณฑ์และโภคภัณฑ์การเกษตรโดยเฉพาะอาหารฮาลาล ซึ่งในเรื่องพลังงาน ไทยตกลงจะซื้อก๊าซ LNG จำนวน 2 ล้านตันจากกาตาร์ เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้า รวมทั้งขยายระยะเวลาให้วีซ่าแก่ชาวกาตาร์ที่เข้ามารักษาพยาบาลในไทยจากเดิม 30 วันเป็น 90 วัน เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในไทยด้วย นอกจากนี้ กาตาร์สนใจเข้ามาลงทุนทางธุรกิจด้านต่าง ๆ รวมทั้งในตลาดทุนของไทย โดยกาตาร์มีแหล่งเงินทุนรวมแล้วประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้กาตาร์ยังสนใจเรื่องการร่วมทุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะมอบหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน BOI พิจารณาแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ที่ยังเป็นข้อจำกัด เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนจากกาตาร์เข้ามาลงทุนด้วย

“กาตาร์ยังให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงทางอาหาร จึงตกลงที่จะซื้อผลผลิตทางการเกษตรของไทย ซึ่งจะตกลงกันในรายละเอียดต่อไปว่ากาตาร์ต้องการผลผลิตใดบ้าง เพื่อที่ไทยจะได้จัดส่งให้ตรงกับความต้องการ และจะยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าเนื้อไก่ไทยภายใน 2 สัปดาห์นี้ นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังจะร่วมมือด้านสาธารณสุข เนื่องจากไทยและกาตาร์ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมาธิการด้านการแพทย์ของฟีฟ่าให้เป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ดังนั้นจึงจะมีความร่มมือทางการแพทย์และสาธารณสุขเพิ่มขึ้น ทั้งการแลกเปลี่ยนบุคลากรและการร่วมทุนด้านการแพทย์ โดยเฉพาะในปี 2022 ที่กาตาร์จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก” นายกรัฐมนตรี กล่าว

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้พบปะกับคนไทยในกาตาร์ โดยเล่าถึงผลสำเร็จในความร่วมมือต่าง ๆ ที่ไทยและกาตาร์จะมีร่วมกัน ทั้งยังขอให้สถานทูตไทยเป็นที่พึ่งให้ความช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ ขณะที่คนไทยขอให้รัฐบาลช่วยเรื่องการขอวีซ่าเข้ากาตาร์ของผู้หญิงที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสค่อนข้างลำบาก


พาณิชย์เผยเม.ย.บริษัทเจ๊งเพิ่ม41%

ตั้งบริษัทใหม่เดือน เม.ย.ต่ำสุดรอบ 4 เดือน มีแค่ 4 พันราย ลดลง 20% เทียบปีก่อน แต่หากเทียบเดือน มี.ค. หดถึง 25% โถ! "ศิริวัฒน์" แจงวันหยุดเยอะ แต่หันไปดูตัวเลขเจ๊งกลับเพิ่มถึง 41% "บีโอไอ" ฟุ้งนักลงทุนเชื่อมั่น FDI ช่วง 4 เดือนทะลัก 1.55 แสนล้านบาท โต 44% ญี่ปุ่นยังรั้งแชมป์ลีสซิ่งเครื่องจักรร้อนแรง "เคแฟคเตอรี" กวาดสินเชื่อไตรมาสแรกโต 92%

นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ในเดือน เม.ย.2555 มี 4,041 ราย เทียบ เม.ย.2554 ลดลง 1,057 ราย หรือ 20% และเทียบ มี.ค.ที่ผ่านมา ลดลง 1,390 ราย หรือ 25% ทำให้ยอดจดทะเบียนตั้งบริษัทในเดือน เม.ย.ลดลงต่อเนื่อง และต่ำสุดในรอบ 4 เดือนแรกของปี ส่วนเงินทุนจดทะเบียนมี 14,105 ล้านบาท รวม 4 เดือนแรกมีบริษัทตั้งใหม่ 20,306 ราย ลดลง 932 ราย หรือ 4% เทียบช่วงเดียวกันปี 2554 ซึ่งมี 21,238 ราย

“การจดทะเบียนในเดือน เม.ย.ที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือนแรก ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณด้านเศรษฐกิจว่าไม่ดี แต่พบว่าเป็นเดือนที่มีวันหยุดเยอะ วันทำการจึงมีน้อย โดยเฉลี่ยมีวันทำการแค่ 17 วัน เฉลี่ยจดทะเบียนวันละ 257 รายเท่านั้น และจากการตรวจสอบในเดือน เม.ย.ของทุกปี ยอดการจดทะเบียนก็ลดลงเป็นประจำจากวันทำการที่น้อย" นายศิริวัฒน์กล่าว

ส่วนการเลิกกิจการทั่วประเทศเดือน เม.ย.มี 797 ราย เทียบเดือน เม.ย.2554 เพิ่มขึ้น 235 ราย หรือ 41% และเทียบเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ลดลง 126 ราย หรือ 13% ทุนจดทะเบียน 2,793 ล้านบาท รวม 4 เดือนเลิกกิจการ 3,584 ราย เพิ่มขึ้น 468 ราย คิดเป็น 15% เทียบช่วงเดียวกันปี 2554 ที่มี 3,116 ราย

นางหิรัญญา สุจินัย ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) มีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 407 โครงการ เงินลงทุน 155,489 ล้านบาท โครงการเพิ่มขึ้น 21% เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยส่วนใหญ่ 59% เป็นการขยายการลงทุนจากกิจการเดิมที่ได้ลงทุนอยู่แล้ว โดยมีจำนวน 240 โครงการ เงินลงทุน 113,099 ล้านบาท และโครงการลงทุนใหม่ 167 โครงการ เงินลงทุน 42,390 ล้านบาท

ประเทศที่เข้ามาลงทุนสูงสุดยังเป็นญี่ปุ่น มีทั้งสิ้น 228 โครงการ เงินลงทุน 93,068 ล้านบาท รองมาเป็นมาเลเซีย 12 โครงการ เงินลงทุน 10,746 ล้านบาท สหรัฐ 17 โครงการ เงินลงทุน 9,116 ล้านบาท เนเธอร์แลนด์ 11 โครงการ ลงทุน 9,808 ล้านบาท ฮ่องกง 9 โครงการ ลงทุน 5,463 ล้านบาท

นายศาศวัต วีระปรีย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย (KF&E) กล่าวว่า ผู้ประกอบการของไทยยังคงมีการนำเข้าเครื่องจักรอย่างต่อเนื่อง ทำให้สิ้นไตรมาสแรกปี 2555 บริษัทมียอดสินเชื่อคงค้างประมาณ 8,600 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสแรกปี 2554 ประมาณ 92%

กลุ่มที่มีอัตราเติบโตสูงสุดคือ กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ส่วนหนึ่งมาจากลูกค้าได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้เครื่องจักรในโรงงานได้รับความเสียหาย บริการลีสซิ่งเครื่องจักรจึงเป็นทางเลือกเพื่อฟื้นฟูธุรกิจ เพื่อนำไปซื้อเครื่องจักรใหม่ทดแทนของเดิม ขณะที่กลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่มีการลงทุนเพื่อขยายการผลิตเพิ่มขึ้น มีการนำเข้าเครื่องจักรอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดรวมสินเชื่อลีสซิ่งเครื่องจักรเติบโตกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2554.

อย่างฮา ภาพล้อเลียน "ยิ่งลักษณ์" เยือนบาห์เรน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ 9gag.com เว็บไซต์ภาษาอังกฤษแนวขำขันล้อเลียนชื่อดัง ได้เผยแพร่รูปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ขณะเดินทางไปเยือนประเทศบาห์เรน โดยในภาพต้นฉบับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แต่งชุดคลุมยาวพร้อมทั้งมีผ้าคลุมศีรษะสีดำ แต่ภาพล้อเลียนใน 9gag ได้เพิ่มดาบเลเซอร์สีแดงเข้าไปในมือขวาของนายกรัฐมนตรีไทย จนมีบุคลิกคล้ายตัวละคร "ดาร์ธ เวเดอร์" ในภาพยนตร์ชุด "สตาร์วอร์ส" พร้อมทั้งมีการพิมพ์ข้อความประกอบว่า "Don′t underestimate the power of ... Dark Yingluck" (อย่าประเมินพลังอำนาจของ... "ดาร์ค ยิ่งลักษณ์" -ยิ่งลักษณ์ในชุดดำ- ให้ต่ำจนเกินไป)

ทั้งนี้ คนที่ตกแต่งภาพดังกล่าว กระทั่งได้รับการเผยแพร่ในเว็บไซต์ชื่อดัง คือ ผู้ใช้นามแฝงว่า joeynkp