ข่าว
จำคุก "สนธิ ลิ้มทองกุล" 2 ปี คดีหมิ่น "บิ๊กหมง"

เมื่อเวลา 8.30 น. วันที่ 8 ส.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางมาที่ศาลอาญาจังหวัดระยอง เพื่อเข้ารับฟังคำตัดสินของศาล คดีที่ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในฐานความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ในรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ที่ออกอาการทางช่อง ASTV NEWS ช่อง 1 (เอเอสทีวี นิวส์ วัน) ด้วยข้อความที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง ซึ่งทางพล.อ.มงคล ฟ้องนายสนธิ ต่อศาลจังหวัดระยอง ในข้อหาหมิ่นประมาทและเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2550 ศาลได้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในการตัดสินคดีดังกล่าว จากนั้นพิพากษาให้นายสนธิ จำเลย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 378 จำคุก 2 ปี ให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ และผู้จัดการ เป็นระยะเวลา 3 วันติดต่อกัน พร้อมสั่งให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำคุกจำเลยในคดีอาญาหมายเลข 1241//2550 ของศาลอาญา ส่วนโจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5068/2550 และหมายเลขแดงที่ 5070/2550 ของศาลอาญานั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลมีคำพิพากษารอการลงโทษจำคุกจำเลย จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ให้ยกคำขอส่วนนี้ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (21 สิงหาคม 2550) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายให้พับ

น้องแต้วžฮีโร่เหรียญเงินหญิงถึงไทยแล้ว เตรียมเดินสายพบผู้สนับสนุน

เมื่อ 5 ส.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่สนามบินสุวรรณภูมิ คณะนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย ชุดลุยโอลิมปิก 2012 นำโดยพลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย, นางบุษบา ยอดบางเตย ผู้จัดการทีม, น้องแต้วžพิมศิริ ศิริแก้ว ฮีโร่จอมพลังสาวไทยเหรียญเงินรุ่น 48 ก.ก.หญิง และนักกีฬายกน้ำหนักอีก 5 คน เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้วด้วยเที่ยวบินทีจี 917 เมื่อเวลา 15.05 น. ท่ามกลางญาติพี่น้องที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดไม่ว่าจะเป็นขอนแก่น, สุรินทร์, ชลบุรี รวมกว่า 200 คน พร้อมด้วยตัวแทนผู้สนับสนุนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด, สถาบันการศึกษาร.ร.กีฬาจ.ชลบุรี สถาบันการพลศึกษา รวมทั้งประชาชนจำนวนมากที่มารอต้อนรับ

เมื่อมาถึงสนามบินญาติพี่น้อง และแฟนคลับต่างเข้ามาคล้องพวงมาลัยและชูป้ายให้กำลังใจนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทยกันอย่างเนืองแน่น ทำให้น้องแต้ว ฮีโร่เหรียญโอลิมปิกคนล่าสุดถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความยินดี

น้องแต้วกล่าวว่า ตื้นตันใจมากที่เห็นคนไทยมารอรับและให้กำลังใจกันมากขนาดนี้ เกินกว่าที่คาดเอาไว้มาก เป็นเรื่องที่น่าปลื้มใจมากกว่าการได้เหรียญเงินโอลิมปิกเสียอีก ขอขอบคุณพ่อและแม่, เสธ.ยอด(พลตรีอินทรัตน์), แม่บุษ(บุษบา ยอดบางเตย) รวมทั้งสปอนเซอร์ผู้สนับสนุนสมาคม ไม่ว่าจะเป็นกฟผ., สิงห์ฯ รวมทั้งแฟนกีฬาชาวไทยทุกคนที่เป็นกำลังใจให้จนประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้

นอกจากนี้ต้องขอขอบคุณน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่รัฐบาลออกเงินเรื่องค่าปรับการตรวจโด๊ปให้ ทำให้พวกเรานักกีฬายกน้ำหนักทุกคนได้มาแข่งขันโอลิมปิกจนประสบความสำเร็จ


เล่นต่อ-ลุยอลป.หนหน้า

น้องแต้วยังกล่าวถึงอนาคตข้างหน้าว่า จะฝึกซ้อมต่อไปโดยกลับไปเข้าแคมป์เก็บตัวที่จ.เชียงใหม่ เพราะเป้าหมายคือการแข่งขันยกน้ำหนัก และมุ่งมั่งต่อไปเพื่อเป้าหมายโอลิมปิกอีก 4 ปีข้างหน้าที่ประเทศบราซิล โดยจะกลับไปตั้งใจฝึกซ้อมและขยันมากกว่าเดิมเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องของตัวเองต่อไป สุดท้ายอยากจะบอกกับพ่อและแม่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างทำดีที่สุดแล้ว รักพ่อกับแม่มาก ส่วนเรื่องเงินอัดฉีดที่ได้รับไม่ได้คิดว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร แต่อยากจะเปิดร้านอะไรสักอย่างหนึ่งให้พ่อแม่ไม่ต้องทำงานเหนื่อย


พ่อแม่ภูมิใจลูกฝันเป็นจริง

ด้านนางอมรรัตน์ ศิริแก้ว แม่ของน้องแต้ว เผยว่า ดีใจและตื้นตันมากที่น้องแต้วทำความฝันของตัวเองและคนไทยทั้งประเทศเป็นจริง ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ลูกสาวแม่เก่งมาก แข็งแรงจริงๆ และขอบคุณทุกกำลังใจของคนไทยที่มอบให้กับน้องแต้ว

นายคำปุ่น ศิริแก้ว พ่อน้องแต้ว เผยว่า อยากบอกว่าลูกเก่งมาก ที่คว้าเหรียญเงินกลับมาฝากชาวไทยได้ พ่อภูมิใจในตัวลูก ส่วนเงินอัดฉีดที่ได้มาลูกอยากเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่ลูก แต่อยากให้คิดเสมอว่าเราคือคนธรรมดา และใช้ชีวิตแบบยึดตามหลักพอเพียงให้มากที่สุด


"โอ๊ค" แนะ"มาร์ค" - ต้องมีวุฒิภาวะ รู้จักกาลเทศะ อกเขาอกเรา

วันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 48 ปีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือ โอ๊ค ลูกชายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ทีมงานหลายคนเอสเอ็มเอสมาเตือนตนพร้อมทั้งส่งข้อมูลเตรียมให้ตนโพสต์ โดยส่วนใหญ่จะเตือนความจำว่า ตอนวันเกิดพ่อตนปีก่อน นายอภิสิทธิ์ส่งข้อความเข้าไปยังทวิตเตอร์ของพ่อตนและอวยพรวันเกิดไว้อย่างไร ซึ่งวันนั้นตนไม่พร้อมตอบโต้การเมืองกับใคร แต่อยากบอกทุกคนว่าตนเป็นลูกชาย ไม่มีวันลืมสิ่งที่คนเยาะเย้ย ถากถางพ่อตัวเองในวันมงคลของครอบครัว ตนจำได้แม่นกว่าทุกคน

"เหตุผลที่ไม่คิดเอาคืนในวันเกิดครบ 4 รอบของนายอภิสิทธิ์ ในวันนี้ เนื่องจากเหตุผล 3 ข้อนี้ วุฒิภาวะ กาลเทศะ และอกเขาอกเรา เป็นวุฒิภาวะของตัวผมที่โตขึ้น รู้จักผิดชอบชั่วดีในสิ่งที่ควรและไม่ควรกระทำ เป็นกาลเทศะที่เป็นวันมงคลของนายอภิสิทธิ์ ไม่ควรมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจ และเป็นการนึกถึงอกเขาอกเราว่าหากลูกของนายอภิสิทธิ์ ได้อ่านสิ่งที่ไม่เป็นมงคลกับพ่อของตัวเองในวันเกิด ลูกทั้ง 2 คนคงเสียใจ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับผมและน้องสาวในวันนั้น การที่ผมไม่พูดอะไร ถือเป็นของขวัญวันเกิดจากตน ถ้าเป็นศัพท์ของอาปู (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) เขาเรียกว่าแก้ไข ไม่แก้แค้น" นายพานทองแท้ ระบุ

"ดารัน ชวันรัตน์" แจ้งจับ "บี๋ ธีรพงศ์"แอบโพสต์ภาพนู้ดในเน็ต

เวลา 10.30 น. วันที่ 8 ส.ค. น.ส.ดารัน ชวันรัตน์ อายุ 26 ปี ดีเจ.สาวสถานีลูกทุ่ง คลื่น 94.5 เอฟเอ็ม พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.เกรียงไกร ขวัญไตรรัตน์ พงส.(สบ.3) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ นายธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ หรือ บี๋ ช่างภาพนู้ดชื่อดัง ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีนำภาพถ่ายแบบนู้ดของ น.ส.ดารัน ไปเผยแพร่ทางโซเชียลเน็ตเวิร์คโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ นายธีรพงศ์ยังไปให้สัมภาษณ์ลงหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง กล่าวหาพาดพิงทำให้ตนได้รับความเสียหายอีกด้วย จากการสอบสวน น.ส.ดารัน ให้การว่าเมื่อประมาณเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากนายธีรพงศ์ชักชวนให้ไปถ่ายภาพนู้ด เพื่อนำไปลงนิตยสารเพลย์บอย โดยไปถ่ายทำกันที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เสร็จแล้วตนก็ยังไม่ได้รับค่าตัว เนื่องจากนายธีรพงศ์อ้างว่าลืมนำเงินมา นอกจากนี้ก็ต้องการนำผลงานไปเสนอก่อน น.ส.ดารัน ให้การต่อว่า หลังจากนั้นไม่นาน ได้รับการติดต่อจากนายธีรพงศ์อีกครั้งว่า ไม่สามารถนำภาพที่ถ่ายแบบไปลงปกนิตยาสารเพลย์บอยได้ เพราะว่าตนยังมีชื่อเสียงไม่พอ ก็ไม่ได้ติดใจอะไร กระทั่งเมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา มีแฟนคลับของตนส่งต่อภาพจากแอพพลิเคชั่นถ่ายภาพดัง "อินสตาแกรม" ของนายธีรพงศ์มาให้ ซึ่งเป็นภาพชุดเดียวกับที่ได้ถ่ายแบบไว้ โดยมีการนำไปโพสต์ลงไว้ประมาณ 10 รูป โดยที่ไม่ได้แจ้งให้ตนทราบแต่อย่างใด จึงติดต่อกลับไปยังนายธีรพงศ์ เพื่อขอให้ลบภาพออก แต่ก็ได้รับการเพิกเฉย เลยทำให้เกรงว่าจะได้รับความเสียหาย เพราะอาจมีการนำไปแสวงหาผลประโยชน์อย่างอื่นด้วย

“นอกจากนี้คุณธีรพงศ์ยังไปให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เมื่อประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา กล่าวหาดิฉันว่าไปต่อว่าเจ้าของหนังสือ จนทำให้เจ้าของเขาไม่พอใจ ผลงานก็เลยไม่ถูกให้นำไปลงหนังสือ ทั้งที่ไม่มีเป็นความจริง ถึงจะไม่ได้รับเลือกก็ไม่เคยโทรศัพท์ไปต่อว่าใครตามที่เขากล่าวหา ก็เลยต้องเข้ามาแจ้งความดังกล่าว” น.ส.ดารัน ระบุ

เบื้องต้นพ.ต.ท.เกรียงไกร สอบปากคำผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนั้นก็จะได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งหากพบว่าเข้าข่ายความผิดทางกฎหมาย ก็จะพิจารณาออกหมายเรียกนายธีรพงศ์มารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป