ข่าว
ศูนย์สุขภาพชุมชนเตือน ทุกคนต้องมี"โอบามารแคร์"

นงเยาว์ วรานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพชุมชน การปฎิรูปกฎหมายประกันสุขภาพ "โอบามา แคร์" มาถึงแล้ว ทุกคนที่มีใบเขียว อเมริกันซิติเซ่นที่ไม่มีประกันสุขภาพ ไม่มีอินชัวรัน ไม่มีเมดิเคล ไม่มีเมดิแคร์ จะถูกบังคับให้เข้าโครงการนี้ ก่อน 1 มกราคม

นางนงเยาว์ วรานนท์ ได้กล่าวเตือนผู้ที่มีใบเขียว หรือเป็นอเมริกันซิติเซ่นที่ไม่มีประกันสุขภาพ ไม่มีอินชัวรัน ไม่มีเมดเคล ไม่มีเมดิแคร์ ต้องเข้าร่วมโครงการประกันสุขภาพ "โอบามา แคร์" โดยจะต้องแจ้งชื่อ เพื่อลงทะเบียนก่อนวันที่ 1 มกราคม 2557 เพื่อป้องกันการโดนปรับ

แต่หากกรณีที่ทำงานอยู่กับบริษัทที่มีอินชัวรันจากการทำงาน แต่ที่ทำงานหักเงินจากเช็คเงินเดือนสูงมาก ก็มีสิทธิ์ขอ "คอฟเวอรด์ แคลิฟอร์เนีย" เป็นทางเลือก เพื่อให้ได้ราคาที่ต่ำกว่า ซึ่งทางนายจ้างจะปล่อยให้ไปหาประกันสุขภาพที่ถูกกว่าได้ หรือไม่ถ้าบริษัทมีคนงาน 50 คนขึ้นไป ถ้าไม่ปฏิบัติ เดือนมกราคมปีหน้า ก็จะถูกปรับเช่นกัน เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายจะต้องกระตือรือร้น ซึ่งทางศูนย์ฯไม่อยากให้เกิดการตกหล่นจนถูกปรับ โดยทางศูนย์ฯ จะคอยให้บริการชาวไทยมากรอกข้อความ สัปดาห์ละ 4 วัน จันทร์ - พฤหัสฯ ในเวลาทำงาน

แต่หากไม่สะดวกสามารถรวมกลุ่ม 10 คนขึ้นไป เพื่อสามารถโทรไปนัดเวลากับทางศูนย์ได้ ในกรณีที่ได้เอกสารแล้วอ่านไม่ออก ทางศูนย์ก็ยินดีที่จะช่วยแปลให้ ทางศูนย์สุขภาพชุมชน มีบริการด้านเอกสารเป็นภาษาไทย โดยในวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2556 จะนำเสนอให้ข้อมูลสั้นๆ ที่ไทยแลนด์พลาซ่าประมาณ 11.30 น. เพื่อความเข้าใจร่วมกันว่า ทำไมเราจะต้องเตรียมตัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่อาจคิดว่าไม่จำเป็น เพราะมีเมดิแคร์ เขาสามารถจะเลือกโครงการนี้ได้

นอกจากทางศูนย์จะให้บริการแล้ว ยังมีตัวเลือกอื่นคือศูนย์ส่งเสริมชาวไทย ก็มีบริการเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน และทางเอเชียนแปซิฟิก เฮลท์แคร์เวนเจอร์ ได้รับคำยืนยันจากนางสุธาดา นันทพันธ์ว่า เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนี้ จะคอยให้บริการคนไข้ นอกจากนี้ยังมีองค์กรกลุ่มคนเอเชียรวมกัน 52 องค์กร ก็ให้บริการนี้เช่นกัน ถ้าหากเจาพวกเขาตั้งโต๊ะที่ไหน ก็สามารถใช้บริการได้ด้วย

“มือปืน”ยิงในสนามบินแอลเอ อาจรับ “โทษขั้นประหารชีวิต”

พอล แอนโธนี เซียนเซีย วัย 23 ปี ช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์ที่กำลังตกงาน ควงปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ AR-15 บุกยิงเจ้าหน้าที่สำนักงานความมั่นคงด้านการขนส่ง หรือ TSA ที่เทอร์มินอล 3 ในสนามบินแอลเอ หรือ LAX ในวันศุกร์ (1) นั้นถูกตั้งข้อหาก่อความรุนแรงขึ้นในสนามบินานาชาติและฆ่าคนโดยเจตนา ซึ่งเขาอาจได้รับโทษหนักขั้นประหารชีวิต

โดยอัยการเจ้าของคดี อังดเดร ไบรอตต์ จูเนียร์ เผยว่า พอล แอนโธนี เซียนเซีย วัย 23 ปี อาจจะได้รับโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต จากโทษฆ่าคนโดยเจตนาและก่อความรุนแรงขึ้นในสนามบินนานาชาติ ซึ่งในขณะนี้มือปืนกราดยิงในสนามบินนานาชาติแอลเอ หรือ LAX กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลท้องถิ่น ซึ่งในขณะนี้เขายังอยู่ในภาวะที่ยังไม่การตอบสนอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถสอบปากคำเซียนเซียได้

ในเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1) นั้น มีผู้เสียชีวิต 1 คน เป็นเจ้าหน้าที่ TSA และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายราย นั้นตำรวจกำลังสืบสวนหาแรงจูงใจของมือปืนกราดยิงวัย 23 ปีที่กำลังตกงานในการลงมือสังหารครั้งนี้ อย่างไรก็ตามพบว่า ในขณะนี้สนามบิน LAX ได้เปิดทำการปกติอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ซึ่งจากที่ผ่านมาพบว่ามีเที่ยวบินจำนวน 1,550 เที่ยว และผู้โดยสารอีกกว่า 167,000 คน ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยสถานที่ก่อเหตุนั้นเป็นเทอร์มินอล 3 ภายในสนามบินนานาชาติแอลเอ ซึ่งเป็นฐานของสายการบินเจ็ตบลู เวอร์จินอเมริกา และสายการบินอื่นๆ โฆษกประจำสนามบิน LAX แนนซี แคสเทิลส์ เผย

นอกจากนี้ อัยการเจ้าของคดียังกล่าวว่า ดูเหมือนว่าเซียนเซียจะลงมือโดยมีการไตร่ตรองไว้ก่อนหน้าลงมือสังหาร โดยการยืนยันครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ได้พบข้อความต่อต้านรัฐบาลสหรัฐฯ ด้าน เดวิด โบว์ดิช เจ้าหน้าที่ FBI ประจำแอลเอ แผนกต่อต้านการก่อการร้าย เผยว่า “จากแผ่นกระดาษที่เขียนด้วยลายมือของเซียนเซียแสดงความมุ่งหมายที่จะสังหารเจ้าหน้าที่ TSA ให้มากที่สุด และมีความเกลียดชังคนพวกนี้อย่างเห็นได้

ชัด” โดยเขาปรากฏตัวขึ้นพร้อมปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ AR-15 ที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทาง พร้อมกับชุดดำและเสื้อเกราะกันกระสุน นอกจากนี้ทางFBI ยังเผยว่าจดหมายของเซียนเซียนั้นใช้ภาษาที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลอเมริกันมักใช้ โดยเขาต้องการที่จะฝังความกลัวให้อยู่สมองของเจ้าหน้าที่ TSA ซึ่งเขาเรียกว่าเป็นพวก “ทรยศ” และกล่าวว่า “ผิวขาว ผิวสี ผิวเหลือง หรือผิวน้ำตาล ผมไม่เกี่ยง”

และทางเจ้าหน้าที่ยังเปิดเผยว่า หลังจากที่เขาลงมือสังหารเจ้าหน้าที่ TSAแล้ว เซียนเซียต้องการลงมือปลิดชีพตนเอง ซึ่งทางครอบครัวของเซียนเซียที่อยู่ในรัฐเพนซิลวาเนียเผยว่า เซียนเซียส่งข้อความมาว่า “จะยิงตัวตาย” และนอกจากนี้ ยังมีรายงานพบว่าในจดหมายนั้นมือปืนผู้นี้ได้เอ่ยถึง “ fiat currency” และ “NWO” ที่คาดว่าจะหมายถึง New World Order ที่มาจากทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่กล่าวว่า ทั้งโลกจะถูกปกครองภายใต้รัฐบาลเดียว อย่างไรก็ตาม แรงจูงใจในการลงมือครั้งนี้ของเซียนเซียยังไม่ปรากฏชัด แต่ผู้อยู่ในเหตุการณ์อ้างว่า สิ่งที่มือปืนเขียนมาอาจโยงถึงแนวคิดทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดนี้


ตัดงบ 5พันล้าน ฟู๊ดส์แสตมป์

ชาวอเมริกันที่มีรายได้น้อยกว่า 47 ล้านคน ต้องได้รับผลกระทบอย่างหนัก หลังจากโครงการสวัสดิการรัฐช่วยเหลือคนรายได้น้อย หรือฟู๊ดส์แสตมป์ (SNAP) นั้นถูกหั่นงบลง 5 พันล้านดอลลาร์ ทำให้พวกเขาได้รับเงินสนับสนุนเฉลี่ยต่อคนเพียงเดือนละ 133 ดอลลาร์ หรือน้อยกว่า 1.50 ดอลลาร์ต่อมื้อ

จากกฎหมายการฟื้นตัวปี 2009 ที่เป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจได้สิ้นสุดลง ทำให้มีการตัดงบเพื่อช่วยเหลือด้านอาหารแก่คนยากจนดังกล่าวลง 5 พันล้านดอลลาร์ ครอบครัวชาวอเมริกันยากจาก 47 ล้านคนได้รับผลกระทบโดยตรง ขณะที่ค่าอาหารมีราคาสูงขึ้น เช่น นมมีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และมีอัตราการว่างงานที่มากขึ้นเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ เป็นผลให้โครงการสวัสดิการอาหารนี้ต้องใช้เงินอุดหนุนมากถึง 80 พันล้านดอลลาร์ โดยพบว่าชาวอเมริกัน 1 ใน 7 ต้องพึ่งพาฟู๊ดส์แสตมป์เพื่อยังชีพ สำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 4 คน จะได้รับค่าอาหารโดยเฉลี่ยลดลง 278 ดอลลาร์ต่อเดือน และพบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนคนเหล่านี้ล้วนเป็นเด็กซึ่งอาศัยอยู่ในครอบครัวขนาด 4-5 คนที่มีคนเดียวในครอบครัวหาเลี้ยงชีพเนื่องมาจากไม่สามารถหาเงินได้ถึงแม้จะพยายามอย่างไรก็ตาม เหตุเพราะมีการจ้างงานที่น้อยมากในสหรัฐฯ และรัฐบาลยังมีนโยบายที่จะส่งงานที่เรียกว่า “good middle class job” ออกไปต่างประเทศ เช่นมีข้อตกลงการค้า TPP (Trans-Pacific Partnership) กับเวียดนาม

ซึ่งการถูกตัดงบในครั้งนี้ทำให้เกิดสภาพ “Hunger Cliff” ในอเมริกาที่สภาพเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้ไม่มีการจ้างงาน ในควีนส์ นิวยอร์ค ชาวอเมริกันที่มีรายได้ไม่พอใช้ต้องต่อแถวนานกว่า 4 ชั่วโมงเพื่อรอการแจกจ่ายอาหารฟรีเพื่อกลับไปจุนเจือครอบครัวในแต่ละอาทิตย์ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น อลิซาเบธ เฟอร์ริรา ซิงเกิลมัม ที่มีบุตร 3 คน เล่าให้ฟังว่า เงินช่วยเหลือจากฟู๊ดส์แสตมป์นั้นไม่เพียงพอสำหรับยังชีพ ถึงแม้ว่าเธอจะจบปริญญาโท และมีคุณสมบัติพร้อม แต่ไม่มีการจ้างงานทำให้ไม่สามารถมีเงินมาจุนเจือครอบครัวได้

ซึ่งรัฐสภาสหรัฐฯ สภาสูงที่พรรคเดโมเครตมีเสียงข้างมากต้องการตัดเงินจากโครงการฟู๊ดแสตมป์จำนวน 4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่สภาล่างที่คุมโดยพรรครีพับลิกันต้องการตัดเงินออกจากโครงการนี้ 39 พันล้านดอลลาร์ต่อปี พร้อมทั้งต้องการให้ลดจำนวนชาวอเมริกันที่มีรายได้น้อยที่สามารถรับความช่วยเหลือได้อีกเกือบ 4 ล้านคน โดยสมาชิกสภาคองเกรส พอล ไรอัน สังกัดพรรครีพับลิกัน อดีตผู้สมัครร่วมชิงตำแหน่งประธานธิบดีสหรัฐฯกับมิตต์ รอมนีย์ ในปี 2012 ได้กล่าวว่า ต้องการตัดงบโครงการสวัสดิการอาหารนี้เพื่อช่วยเหลือ “คนรายได้น้อย” นี้ออกไป นอกจากนี้หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ยังถอดคำพูดสมาชิกสภาคองเกรสสายริพับลิกันบางคนที่ต้องการตัดงบโครงการนี้ว่า “การที่ต้องพึ่งพา (โครงการช่วยเหลือฟู๊ดส์สแตมป์จากรัฐ) จะยิ่งทำให้อ่อนแอ”


นิวัฒน์ธำรง เผยภารกิจในสหรัฐอเมริกา

รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นิวัฒน์ธำรง บุญส่งไพศาล เผยภาระกิจ มอบประกาศนียบัตรให้แก่ 12 ร้านอาหารไทย เพื่อเป็นบันได "ครัวไทยสู่ครัวโลก" รับฟังปัญหาของผู้ประกอบการไทยในสหรัฐอเมริกา นำทีมผู้ประกอบการภาพยนตร์ไทยโชว์ในงาน Thai Film เพื่อหาหุ้นส่วนทางการค้า ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และกล่าวถึงปัญหาการกีดกันทางการค้าของสหรัฐเป็นเรื่องปกติ วอนให้ปฏิบัติตามกฎหมายการนำเข้า

นิวัฒน์ธำรง บุญส่งไพศาล มอบประกาศนียบัตร "Thai Select" ให้กับ 12 ร้านอาหารหารไทย ในงาน "A Night with Thai Cuisine & Thai Select Awards 2013" ที่ Castaway Restaurant เมือง Burbank เมื่อวันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ประกอบด้วยร้าน Banana Bay, Blue Elephant Thai Cuisine, Bon appe Thai, Isaan Station, Lotus of Siam, Lucky Elephant Thai Cuisine, Lumkanaad, Ocean Thai Cuisine สาขา Vista way, Ocean Thai Cuisine สาขา Mission Ave, Rice Fine Thai Cuisine และ Thai Cottage

โดยแม่งานในครั้งนี้คือ สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานลอสแอนเจลิส เป็นผู้จัดงาน โดยจุดประสงค์ในการจัดงานในครั้งนี้เพื่อขอบคุณร้านอาหารต่างๆ เหล่าเซเลบิตี้ สื่อมวลชนไทยและต่างชาติ ที่ให้การสนับการจัดงาน "ไทยฟู๊ดเฟสติวัล" เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา การมอบประกาศนียบัตร "Thai Select" ให้แก่ร้านอาหารไทยในสหรัฐที่มีคุณสมบัติมาตรฐานครบถ้วน ทั้งในเรื่องคุณภาพ รสชาติ วัตถุดิบ กระบวนการปรุง ตลอดจนราคาและการบริการ เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้โครงการ "ครัวไทยสู่ครัวโลก" เป็นไปตามเป้าหมาย

ทั้งนี้นายนิวัฒน์ธำรง รองนายกรัฐมนตรี ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนไทยในแอล.เอ. สัมภาษณ์ถึงการมาในครั้งนี้ว่า นอกมาร่วมในการมอบประกาศนียบัตรในครั้ง ตนเองได้ร่วมประชุมหารือกับผู้นำเข้า และผู้ประกอบการร้านอาหาร และร้านนวดไทย ในวันที่ 30 ตุลาคม ซึ่งได้พูดคุยกับผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิดเพื่อรับฟังถึงปัญญหาต่างๆ และได้เข้าร่วมงาน "The Thai Film and Animation Business Aliance 2013" เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ถึงวันที่ 1 พ.ย. 2556 โดยมี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเป็นประธานเปิดงาน ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้กับอุสหกรรมภาพยนตร์ไทยก้าวสู่ตลาดโลก จากการเข้าร่วมโชว์ผลงานของบริษัทภาพยนตร์ไทยในด้านการผลิตกว่า 20 บริษัท เพื่อแสดงศักยภาพของผู้ผลิตภาพยนตร์ไทย ซึ่งมีความได้เปรียบด้านต้นทุน และมีความเป็นมืออาชีพ โดยจะทำการเชื้อเชิญบริษัทผลิตภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริการ่วมลงทุนกับบริษัทในประเทศไทย ซึ่งผลตอบรับก็เป็นที่น่าพอใจ

ต่อประเด็นถึงการนำเข้าสินค้าไทยมายังสหรัฐอเมริกาที่เป็นข่าวห้ามนำเข้าสินค้าไทย 12 รายการจาก 9 บริษัท ซึ่งพบสิ่งเจือปนและพบว่าผู้ประกอบการไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ FDA นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า นี่เป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดกับประเทศไทยเพียงประเทศเดียว แต่ทางสหรัฐอเมริกาได้ตรวจทุกๆ ประเทศที่มีการนำเข้า ซึ่งจากข้อมูลพบว่าประเทศไทยมีปัญหาน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ที่นำเข้าเช่นกัน แต่ทั้งนั้นปัญญาเหล่านี้ จะต้องแก้ไขจากบริษัทผู้ผลิตสินค้านั้นเอง เพื่อให้ตรงกับเงื่อนไขต่างๆ ในการนำเข้าสินค้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งบางเรื่องเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถควบคุมได้ เช่น การจดทะเบียนไม่ตรงกับสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ซึ่งหากการนำเข้าสินค้ามีปัญหาก็ต้องมีการส่งกลับ ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายทั้งเรื่องชื่อเสียงและเงินทองของบริษัท จึงควรใช้ความระมัดระวังเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด


“นาวีออสซี” สั่งสอบกรณีทหาร ล่วงละเมิดทางเพศด้วย “กล้วย”

กองทัพเรือออสเตรเลียสั่งสอบสวน “พฤติกรรมไม่เหมาะสม” หลังมีข่าวว่านายทหารใหม่ถูกเพื่อนทหารเรือล่วงละเมิดทางเพศด้วยปากกา, กล้วย หรือแม้กระทั่งขวด

กองทัพเรือไม่เปิดเผยรายละเอียดของการสอบสวนในวันนี้ (8) โดยระบุเพียงว่าเกี่ยวข้องกับเรือ HMAS Ballarat ซึ่งเป็นเรือฟริเกตชั้น Anzac ที่อยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจปกป้องน่านน้ำชายแดน

ผู้บัญชาการกองทัพเรือออสเตรเลีย พลเรือโท เรย์ กริกส์ ระบุในถ้อยแถลงว่า “ข้อกล่าวหาเช่นนี้ถือว่าร้ายแรงและจำเป็นที่จะต้องสอบสวนให้แน่ชัด ดังนั้นผมยังไม่ขอลงรายละเอียดในเรื่องนี้”

กองทัพเรือได้รับแจ้งจากทหารนายหนึ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (5) และได้ดำเนินการสอบสวนไปตามสายบังคับบัญชา ขณะเดียวกันอดีตทหารเรือหญิงผู้หนึ่งก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 10 ว่า ทหารเรือใหม่ๆ ต่างกังวลว่าจะต้องถูกเพื่อนทหารทำร้ายทางเพศด้วยปากกา, ดินสอ และขวดน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเกิดของพวกเขาเอง ซึ่งเป็นประเพณีกลั่นแกล้งที่ทำกันมานานแล้ว

“ทหารเหล่านั้นจะถูกเพื่อนทหารคนอื่นๆ ล็อกตัวไว้ จากนั้นก็จับถอดเสื้อผ้า และนำสิ่งของยัดใส่เข้าไปในก้น” ทหารหญิงซึ่งมีชื่อว่า บริดเจ็ท ให้สัมภาษณ์

หนังสือพิมพ์ ซิดนีย์ ซันเดย์ เทเลกราฟ มีรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากปากกาและขวดน้ำแล้ว ยังมีการนำกล้วยหรือแครอทยัดใส่เข้าไปในรูทวารของเหยื่อด้วย

ถ้อยแถลงจากกองทัพเรือระบุว่า เนื่องจากเรือ HMAS Ballarat อยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจกู้ภัยนอกชายฝั่งอินโดนีเซีย สำนักงานสอบสวนประจำกองกำลังป้องกันออสเตรเลียจึงจะไม่สามารถเดินทางไปตรวจสอบได้ในอีกหลายวันข้างหน้า

กองทัพเรือออสเตรเลียถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์และกดดันให้เร่งแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศในหมู่ทหาร หลังจากเมื่อปี 2011 เกิดกรณีที่ทหารเรือหนุ่มใช้สไกป์ถ่ายทอดฉากระเริงเซ็กซ์ระหว่างตนเองกับเพื่อนสาวไปให้เพื่อนทหารที่อยู่ห้องข้างๆ ดู โดยที่ฝ่ายหญิงไม่รับรู้

หลังจากนั้นยังมีรายงานซึ่งเปิดโปงพฤติกรรมข่มขืน 24 ครั้งที่เกิดขึ้นภายในกองกำลังป้องกันออสเตรเลีย และไม่เคยถูกสอบสวน และยังอ้างถึงพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศกว่า 1,000 ครั้งที่เกิดขึ้นระหว่างทศวรรษ 1950 มาจนถึงปัจจุบัน

แนะตั้ง "ทูตอาหาร" คุมเมนูไทยไปนอก

นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า รัฐบาลควรตั้งทีมทูตอาหาร (ไทยฟู้ดส์ แอมบาสเดอร์) ขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยให้สังกัดกับหน่วยงานใดก็ได้ เพื่อส่งเสริมอาหารไทยในต่างประเทศ เนื่องจากขณะนี้มีร้านอาหารไทยในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก รสชาติไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ภาพลักษณ์อาหารไทยเสียชื่อเสียง และมองว่า หากให้ทูตพาณิชย์ ของกระทรวงพาณิชย์ ส่งเสริมร้านอาหารไทยในต่างประเทศเพียงอย่างเดียว อาจดำเนินการได้ไม่เต็มที่ เพราะทูตพาณิชย์มีหน้าที่ส่งเสริมหลายหน้าที่

สำหรับหน้าที่ของทูตอาหาร คือ เดินทางไปเผยแพร่ให้ความรู้กับผู้ประกอบการชาวต่างประเทศที่ทำร้านอาหารไทย หรืออาหาร โดยในช่วงแรกให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในต่างประเทศ เช่น ทูตพาณิชย์ของกระทรวงพาณิชย์ รวมกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในต่างประเทศ เพื่อให้ความรู้ผู้ประกอบการชาวต่างประเทศ ที่ต้องการทำร้านอาหารไทยให้ทำอาหารได้รสชาติแบบไทยๆ เช่น ต้มยำ มีส่วนผสมอะไรบ้าง เพราะขณะนี้บางร้านทำต้มยำแต่ใส่หัวหอมใหญ่หรือรสชาติเป็นแกงจืด

นอกจากนี้ ทูตอาหารควรปลูกฝังความสำคัญในการใช้ส่วนประกอบอาหาร เครื่องปรุงต่างๆ ที่เป็นของไทยอย่างแท้จริงว่ามีความแตกต่างจากใช้ส่วนประกอบของชาติอื่นอย่างไร “อาหารไทยถือว่ามีชื่อเสียงมาก จึงทำให้ในหลายๆประเทศ ตั้งร้านอาหารไทยเป็นจำนวนมาก ถ้านับทั่วโลกแล้วมีประมาณ 30,000-40,000 แห่ง มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเปิด ทำให้มีรสชาติหลากหลาย จึงเห็นว่าควรมีคนไทยที่มีความเชี่ยวชาญในการปรุงอาหาร ไปให้ความรู้กับผู้ประกอบการนั้นๆ เพื่อไม่ให้รสชาติอาหารผิดเพี้ยนไปมาก ซึ่งสาเหตุที่ไม่ควรส่งเสริมเฉพาะร้านอาหารไทย ที่เป็นคนไทยอย่างเดียว เพราะว่าการไปเปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศ มีเงื่อนไขเยอะ เราก็ควรส่งเสริมให้ความรู้เพื่อให้เขาทำอย่างถูกต้อง”.