ข่าว
เซ็นให้เเล้ว! ใบลาออก'แม่หลวงกุ้ง' ผญบ.สุดสวย

สืบเนื่องจากจากกรณี น.ส.สุพัตรวี อยู่แพทย์ หรือแม่หลวงกุ้ง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 หมู่บ้านศิริวัฒนานิเวศน์ ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ผู้ใหญ่บ้านคนสวยที่เคยเป็นข่าวโด่งดัง ได้มายื่นใบลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าถูกกดดันทางการเมือง และเตรียมผันตัวไปทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งทางนายอำเภอได้ให้เวลานางสาวสุพัตรวี ไปคิดก่อนเป็นเวลา 7 วัน ซึ่งวันที่ 30 เม.ย. ก็จะครบ 7 วัน

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 เม.ย.58 นายประจวบ กันธิยะ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไทยรัฐว่า นางสาวสุพัตรวี ได้ติดต่อเข้ามาแล้วและยืนยันว่า ขอลาออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ตามที่ได้เขียนใบลาออกเอาไว้แล้ว โดยให้เหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจลาออก เพราะรู้สึกเหนื่อยและท้อใจจากปัญหาแรงกดดัน ทั้งการบริหารจัดการภายในหมู่บ้าน ด้านสาธารณูปโภค และการเมืองท้องถิ่น จึงขอลาออกเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่ พร้อมกันนี้จะไปประกอบธุรกิจส่วนตัว ซึ่งตนก็จะเซ็นอนุมัติและจะให้มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ภายใน 30 วันตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย

อย่างไรก็ตาม นายประจวบ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทางอำเภอได้ให้โอกาสแล้ว เมื่อเจ้าตัวยืนยันก็พร้อมจะเซ็นอนุมัติให้ลาออก ตามความประสงค์ต่อไป.

"อภิสิทธิ์" แรง! จวก รัฐธรรมนูญสร้าง"เผด็จการรัฐสภา"

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกตลอด 7 วัน ว่า ถ้าทาง กมธ.ยกร่างฯจะรับฟังเสียงท้วงติงทั้งในและนอก สปช.จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะหลายเรื่องเป็นการท้วงติงที่ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของผู้ที่แสดงความเห็น และไม่มีเหตุผลชัดเจนที่ต้องบัญญัติมาตราที่สร้างปัญหา ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าต้องเอามาตรา 181 และ 182 ที่ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเสนอกฎหมายพิเศษ ถ้าไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ถือว่าผ่านความเห็นชอบ และการให้อำนาจนายกฯยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตัวเองได้ โดยที่ฝ่ายค้านจะไม่สามารถดำเนินการได้ในสมัยประชุมนั้น ออกไป ถือเป็นครั้งแรกที่มีการสร้างเผด็จการรัฐสภาที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ

"ส่วนอำนาจของคณะกรรมการเสริมสร้างความปรองดองฯ15 คนที่จะเกิดขึ้นใหม่ตามรัฐธรรมนูญ การกำหนดอำนาจหน้าที่ใน (6) ที่ระบุว่า กรรมการสามารถอภัยโทษให้กับผู้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือสำนึกผิดต่อกรรมการและก่อให้เกิดความรับผิดชอบต่อ ครม.นั้น จะเป็นประเด็นที่นำไปสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรงแน่นอน ผมไม่เข้าใจว่าเหตุใด กมธ.ยกร่างฯจึงไม่เรียนรู้จากวิกฤตประเทศที่ผ่านมาว่าประชาชนต่อต้านการนิรโทษกรรมให้กับคนที่ทำผิดร้ายแรงแม้แต่มาตรา 182 ที่ให้นายกฯ เสนอกฎหมายพิเศษได้หนึ่งฉบับต่อหนึ่งสมัยประชุม อาจมีเจตนาเดียวกันคือให้เสนอกฎหมายนิรโทษกรรมได้" นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์แสดงความหงุดหงิดต่อข้อเสนอของพรรค การเมืองว่าให้เลื่อนการเลือกตั้งเพื่อทำรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยและให้มีการลงประชามติ โดยเห็นว่านักการเมืองไม่มีสิทธิมาต่อรองว่า เบื้องต้น กมธ.ยกร่างฯต้องแก้ไขในส่วนที่เป็นปัญหาก่อน เพราะในการอภิปรายของ สปช. กมธ.ยกร่างฯไม่สามารถชี้แจงได้ในหลายประเด็นสำคัญ แต่ตนยังให้เกียรติเพราะ กมธ.ยกร่างฯบอกว่าจะรับฟัง และนำไปแก้ไข อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและไม่มีการลงประชามติ รัฐธรรมนูญนี้จะกลายเป็นระเบิดเวลาประเทศไทยที่สร้างความขัดแย้งไม่เบาไปกว่าในอดีต และความตั้งใจของ คสช.ในการทำรัฐประหารก็จะสูญเปล่า


เจ้าหน้าที่ของดรีรันเทปสัมภาษณ์พิเศษ "บิ๊กจิ๋ว"

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 เมษายน เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจนอกเครื่องแบบ จาก สน.โชคชัย ได้เดินทางไปยังสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี‬ และสอบถามถึงเรื่องที่พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาให้สัมภาษณ์เพื่อออกอากาศรายการพิเศษ "พีซ ทีวี สเปเชียล" หลังจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ได้มีมติเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการฯ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี ด้วยเหตุผล ขัดต่อคำสั่ง คสช.

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน พล.อ.ชวลิต ได้เดินทางไปให้สัมภาษณ์พิเศษกับนายเผด็จ ภูริปฏิภาณ (พญาไม้) เพื่อออกอากาศทางสถานีพีซทีวี โดยอดีตนายกฯ ระบุว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเหตุคาร์บอมบ์ที่เกาะสมุย ขอให้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานให้ได้ชัดเจนก่อนจะมาเปิดเผยกับสื่อมวลชน แต่ถ้าหลักฐานยังไม่ชัด ก็ไม่ควรพูดอะไรออกมา เพราะจะยิ่งทำให้ประเทศแตกแยก สำหรับประเด็นเรื่องรัฐธรรมนูญ พล.อ.ชวลิต เสนอให้มีการร่างรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ เพื่อให้ประชาชนเลือก และชี้ว่าข้อเสนอของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าให้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปก่อน 5 ปี แล้วค่อยแก้ไขนั้น อาจไม่ทันสถานการณ์ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า ถ้ารัฐบาลยุติความขัดแย้งได้ ทุกปัญหาในประเทศก็จะสามารถแก้ไขได้

เมื่อเวลา 21.30 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวถึงกรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเดินทางมายังสถานีโทรทัศน์ พีซทีวี เพื่อขอให้ระงับการออกอากาศเทปสัมภาษณ์พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ว่า รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ พร้อมตำรวจ ทหาร ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติการได้มาพูดคุยกับผู้บริหารสถานี เรื่องขอความร่วมมืองดนำเทปการสัมภาษณ์พล.อ.ชวลิต ที่นำมาเผยแพร่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผู้บริหารสถานีได้พูดคุยและปฏิบัติตามด้วยดี ยอมงดรายการดังกล่าว และนำรายการอื่นมาออกอากาศแทน เนื่องจากเทปดังกล่าวได้ออกอากาศสดไปตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว ยืนยันว่าเนื้อหารายการไม่ได้มีส่วนใดเป็นภัยต่อความม่นคง แต่เป็นการเสนอความเห็นในการแก้ปัญหาในอดีตจนถึงปัจจุบัน


จตุพร โพสต์เฟซฯ Peace TV จอ เป็นภัยมั่นคงตรงไหน

วันที่ 30 เม.ย. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า "คำสั่งด่วน Peace TV จอดำ ตั้งแต่ 20.30 น.เป็นต้นไป" ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ซึ่งเมื่อใกล้ถึงช่วงเวลาดังกล่าว ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี เป็นช่วงของการออกอากาศรายการ "ห้องข่าว เล่าเรื่องค่ำ" ซึ่งมีผู้ดำเนินรายการ 4 คน กล่าวผ่านรายการทั้งน้ำตาว่า ไม่รู้ว่าเหลือเวลาอยู่กับท่านผู้ชมอีกกี่นาที แต่เราจะอยู่กับท่านผู้ชมจนกว่าจะจอดำ ซึ่งเมื่อวานทางพีซทีวี ได้ไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

โดยนายฐากร บอกว่า จะมีการทำหนังสือมาก่อนที่ยุติการออกอากาศ แต่เมื่อยื่นหนังสือแล้ว เรื่องจะต้องถูกเอาเข้าที่ประชุมใหญ่ กสทช. ซึ่งมีคณะกรรมการ 10 คน จากนั้นจะมีการเรียกผู้จัดรายการไปชี้แจง โดยลำดับขั้นตอนการเรียกไปชี้แจง ผู้จัดรายการต้องมีการบันทึกถ้อยคำถึงจะนำไปสู่การพิจารณาบทลงโทษ แต่ครั้งนี้ เราทุกคนไม่ได้เตรียมตัว ไม่ทราบล่วงหน้าว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของพีซทีวี

ผู้ดำเนินรายการกล่าวอีกว่า สิ่งที่เรายังไม่ได้คำตอบ คือ พีซทีวีเป็นภัยต่อมั่นคงตรงไหน วันที่ยื่นหนังสือถึง กสทช. นายฐากรไม่ได้ให้คำตอบ โดยบอกว่า ยังตอบไม่ได้ ถึงวันนี้เรายังไม่เห็นเลยว่า ถ้อยความใดที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง และเป็นเหตุฉุกเฉินจนถึงขั้นไม่นำเรื่องเข้าสู่คณะอนุกรรมการ และไม่เรียกผู้รับใบประกอบกิจการฯ เข้าชี้แจงแม้แต่วินาทีเดียว เราทราบว่า หนังสือเพิกถอนใบอนุญาตฯของ กสทช. ถูกส่งไปยังดาวเทียมแล้วโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ไม่มีสัญญาณชี้แจงใดๆ ต่อภาคสังคม บทลงโทษมีข้อกังขาหลายประการที่เรายังไม่ได้รับคำตอบ

จากนั้นรายการได้รายงานข่าวตามปกติ ก่อนจะถูกตัดสัญญาณกลางอากาศ เมื่อเวลา 20.30 น.


"38คนไทย" ใน "เนปาล" ถึงมาตุภูมิต้อนรับอบอุ่น

38 คนไทยที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว พร้อมผู้โดยสารสัญชาติอื่นๆรวม 304 คน โดยมีญาติพี่น้องมาคอยให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ขณะที่หนึ่งผู้รอดชีวิตเผยเหตุการณ์ประทับใจ หลังช่วยชีวิตหนูน้อยชาวเนปาลวัยเพียง 1 ขวบ ออกมาจากซากปรักหักพังได้

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 3 ประตู 6 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้โดยสารจำนวน 304 คน ที่ได้เดินทางออกจากเมืองกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 3209 ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว โดยในจำนวนนี้มีคนไทยรวมอยู่ด้วย 38 คน ซึ่งทั้งหมดมีญาติจำนวนหนึ่งมารอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

ด้าน นางภัทรภร พิพิรกุล อายุ 46 ปี ชาว จ.นนทบุรี กล่าวว่า ตนเดินทางไปกับทัวร์เพื่อแสวงบุญที่เนปาล รู้สึกดีใจเป็นที่สุดที่วันนี้ได้กลับมาแผ่นดินบ้านเกิด เมื่อวานที่ผ่านมาตนคิดว่าจะได้กลับบ้าน แต่ก็ต้องมาติดอยู่ที่สนามบินนานนับ 10 ชั่วโมง ส่วนวันแรกๆหลังเกิดแผ่นดินไหวต้องใช้ชีวิตเป็นอยู่ตามถนน หรือตามสนามหญ้า เนื่องจากมีอาฟเตอร์ช็อคตลอดเวลา

นางภัทรภร กล่าวด้วยว่า ภายหลังจากเกิดแผ่นดินไหวตนเห็นชาวเนปาลได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยตนและสามีได้เข้าไปช่วยชีวิตชาวเนปาลที่ถูกเศษซากอาคารถล่มทับ และได้ช่วยเด็กหญิงวัยประมาณ 1 ขวบรายหนึ่ง ออกมาจากกองเศษอิฐและเศษปูนได้ ซึ่งมาทราบภายหลังว่าเด็กปลอดภัย จึงรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ช่วยเหลือชีวิตคนเอาไว้จากเหตุธรณีพิบัติในครั้งนี้.

แฟนเพจฮือฮา! ภาพเมฆยกมือพนม ไหว้พระใหญ่ที่ภูเก็ต

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 58 มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ในชื่อ "Art At Phuket" ได้โพสต์ภาพก้อนเมฆที่มีลักษะคล้ายมือคน โดยมีนิ้วมือครบทั้ง 10 นิ้ว กำลังพนมมือไหว้ไปทางพระพุทธมิ่งมงคลนาคาคีรี หรือพระใหญ่ ที่ประดิษฐานอยู่บนเทือกเขานาคเกิด ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต

โดยมีข้อความว่า "เป็นบุญตาจริงๆ ครับ" Big Hand Cloud & Big Buddha @ Phuket โดยภาพนี้ระบุถ่ายเมื่อเวลา 12.27 น. วันที่ 18 เม.ย. 58 แต่เพิ่งนำมาโพสต์เมื่อช่วงสายของวันที่ 25 เม.ย. 58 โดยมีภาพประกอบบนไทม์ไลน์ถึง 3 ภาพ สร้างความฮือฮาให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ได้มีการแชร์ภาพดังกล่าวไปยังเว็บบอร์ดและแฟนเพจต่างๆ ใน จ.ภูเก็ต โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันพอสมควร เช่น "สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติกับความเชื่อที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ" และมีคนเข้ามากดไลค์เป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว เพื่อขออนุญาตนำภาพที่โพสต์ไปเผยแพร่ พร้อมกับได้พูดคุยกับเจ้าของภาพ จึงทราบว่า ภาพดังกล่าวถ่ายจากโทรศัพท์มือถือเมื่อหลายวันก่อน แต่ไม่ได้นำไปโพสต์ในตอนนั้น แต่เมื่อนำภาพมาดูอย่างละเอียด กลับพบว่า ก้อนเมฆที่อยู่บนท้องฟ้าเหนือพระพุทธมิ่งมงคลนาคาคีรี หรือพระใหญ่ ที่ประดิษฐานอยู่บนเทือกเขานาคเกิด มีลักษณะคล้ายมือคนที่กำลังพนมมือ หรือยกมือไหว้พระใหญ่อย่างเห็นได้ชัดเจน จึงเชื่อว่าสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น เป็นเพราะความศรัทธา ทำให้เราได้เห็นเป็นบุญตา ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ หรือจะเห็นเป็นอย่างอื่น ก็แล้วแต่มุมมอง และศรัทธาของแต่ละคน.