ข่าว
ศาลจำคุก 20 ปีหญิงมะกัน ทำแท้งและทิ้งลูกในถังขยะ

เมืองมิชาวากา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ว่า ศาลรัฐอินเดียนา ตัดสินเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ให้ลงโทษจำคุก 30 ปี น.ส.ปุรวี ปาเตล หญิงชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย วัย 33 ปี ในข้อหาละเลยทอดทิ้งทารก หลังเธอแท้งบุตรและนำทารกไปทิ้งในถังขยะ ซึ่งเป็นอาชญากรรมร้ายแรง โดยศาลลดโทษในข้อหานี้ให้ 10 ปี เหลือ 20 ปี และยังพิพากษาโทษจำคุก 6 ปี ในข้อหาทำแท้ง ซึ่งจะรับโทษไปพร้อมกัน

น.ส.ปาเตล ถูกจับกุมเมื่อเดือน ก.ค. 2556 หลังเธอเข้ารับการรักษาตัวที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเซนต์โจเซฟด้วยอาการตกเลือดรุนแรง ซึ่งในเบื้องต้นเธอยืนกรานปฏิเสธ ก่อนจะยอมรับกับแพทย์ว่า เธอแท้งบุตรคลอดทารกที่เสียชีวิตออกมา ก่อนจะนำทารกนั้นไปทิ้งถังขยะ โดยเธอนับเป็นรายแรกที่ถูกจับกุม ตั้งข้อหา และถูกตัดสินลงโทษจากความผิดฐานยุติการตั้งครรภ์

ในการพิจารณาคดี ทนายของเธอพยายามชี้แจงว่าเธอให้กำเนิดทารกที่เสียชีวิตแล้ว ขณะที่อัยการยืนยันว่าทารกที่มีอายุ 25 สัปดาห์ของเธอ เสียชีวิตหลังคลอดออกมาเพียงไม่นาน และยังอ้างหลักฐานที่แสดงว่าจำเลยสั่งซื้อยาขับเลือดผ่านทางอินเตอร์เน็ต และมีความพยายามจะยุติการตั้งครรภ์ของตัวเอง ขณะที่หลักฐานการตรวจสารพิษไม่ระบุว่ามียาหรือสารเคมีดังกล่าวอยู่ในร่างกายเธอ

ทนายจำเลยพยายามแย้งว่า อัยการไม่สามารถกล่าวหาเธอฐานฆ่าทารกหรือทำแท้ง และทอดทิ้งทารกที่ยังมีชีวิตอยู่ ไปพร้อมๆ กันได้ เนื่องจากมีความขัดแย้งกันอยู่ แต่อัยการชี้แจงว่า เธอยังคงมีความผิดฐานทำแท้ง แม้ว่าเด็กที่คลอดออกมาจะยังไม่เสียชีวิตก็ตาม โดยผู้พิพากษาเอลิซาเบธ เฮอร์ลีย์ ปฏิเสธคำแก้ต่างของจำเลย ขณะเดียวกันคณะลูกขุนก็ลงความเห็นว่า จำเลยมีความผิดจริงทั้ง 2 ข้อหา เมื่อต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งผู้พิพากษากล่าวในการพิจารณาโทษว่า น.ส.ปาเตล มีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะยุติการตั้งครรภ์ของตน แต่เธอกลับเลือกใช้วิธีการที่ผิดกฎหมาย และยังนำทารกไปทิ้งในถังขยะเพื่อให้แน่ใจว่าเสียชีวิตด้วย

อย่างไรก็ตาม ทนายจำเลยยืนยันจะอุทธรณ์คำตัดสิน ขณะที่นักเคลื่อนไหวกลุ่มสิทธิเกี่ยวกับการสืบพันธุ์ ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินดังกล่าว โดยระบุว่ากฎหมายคุ้มครองหญิงตั้งครรภ์กำลังถูกใช้ไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ทั้งที่ควรได้รับการคุ้มครองแต่กลับกลายเป็นบทลงโทษ โดยยกตัวอย่างเทียบเคียงกรณีของ น.ส.เป่ย เป่ย ชวย หญิงชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ที่คุมขังนานนับปีก่อนข้อหาทำแท้งข้อเธอจะตกไปจากข้อตกลงต่อรอง โดยมีรายงานว่า หญิงสาวมีอาการซึมเศร้าและพยายามฆ่าตัวตายระหว่างตั้งครรภ์ จึงเป็นเหตุให้ทารกในครรภ์เสียชีวิต

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่ม พยายามชี้ให้เห็นถึงปัจจัยแวดล้อมที่บีบบังคับให้หญิงกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันจนนำไปสู่การตัดสินใจดังกล่าว ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยด้านการเข้าถึงสิทธิพื้นฐาน หรือแม้กระทั่งวัฒนธรรมความเชื่อดั้งเดิมของแต่ละครอบครัวที่มีต่อการตั้งครรภ์นอกสมรส.

'บิ๊กตู่' แจง ใช้ ม.44 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 3 เม.ย. 58 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ คืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า พร้อมใจกันน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมายุ 5 รอบ วันที่ 2 เม.ย. 58 และร่วมกันทำความดีตาม “โครงการปณิธานความดี ปีมหามงคล ทำดี เริ่มได้ ที่ใจเรา” รัฐบาลได้ริเริ่มขึ้นเพื่อถวายเป็นของขวัญและแสดงถึงพลังแห่งความรักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พสกนิกรจากทั่วทุกภูมิภาคมีแด่พระองค์ "พระราชกรณียกิจที่พระองค์ท่านได้ทรงปฏิบัติอย่างยาวนาน ทำให้เป็นที่ประจักษ์ชัดในพระปรีชาสามารถ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เด็ก เยาวชน ประชาชนในถิ่นทุรกันดาร และผู้ด้อยโอกาสให้ดีขึ้น สามารถยืนหยัดด้วยลําแข้งของตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ประชาชนชาวไทยยอมรับว่า พระองค์ทรงเป็น “เจ้าฟ้าของคนเดินดิน”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปโดยสารเรือสำรวจคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งมีทิวทัศน์โดยรอบที่สวยงามมาก แต่บางส่วนก็อาจจะต้องปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม จึงอยากให้ทุกคนคิดร่วมกันในการการพัฒนาปรับปรุงและอนุรักษ์สิ่งต่างๆ เหล่านี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ในฐานะที่กรุงเทพฯ เคยถูกขนานนามว่าเป็นเมืองเวนิสของฝั่งตะวันออก สำหรับการพัฒนาชุมชนตามริมสองฝั่งคลองนั้น ก็จะทำให้เกิดการสัญจรทางน้ำใหม่ขึ้นระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ช่วยลดปัญหาการจราจรทางถนนได้พอสมควร และคงจะขยายไปที่อื่นด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวการจัดระเบียบว่า ในส่วนการจัดระเบียบการจราจรต่างๆ ในห้วงที่ผ่านมานั้น ก็มีคนที่ต้องได้รับผลกระทบด้วยจากการจัดระเบียบ ซึ่งเป็นหัวข้อในการปฏิรูป รัฐบาลก็พยายามให้ความสำคัญ และจะให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด แต่ต้องใช้ความร่วมมือจากทุกๆ ฝ่าย การที่หลายกลุ่มออกมาต่อต้านการทำงานของรัฐบาล ตนเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์ รัฐบาลพร้อมที่จะฟังทุกข้อติชม ติในทางที่เกิดประโยชน์ และในเรื่องที่ต้องแก้ไข ไม่ใช่ติทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ห้ามต่อต้าน ใครไม่เห็นด้วยก็บอกมา แต่ขอให้คำนึงถึงสถานการณ์อนาคตของชาติของลูกหลานด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการใช้อำนาจ ตามมาตรา 44 ว่า สำหรับกรณีที่ คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวนั้นในความเป็นจริง มาตรา 44 มีอยู่แล้วในรัฐธรรมนูญชั่วคราว เมื่อเรายกเลิกกฎอัยการศึก ก็จำเป็นต้องเขียนให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น เพื่อที่จะสามารถจะดูแลเรื่องงานความมั่นคง เพื่อไม่ให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง มีคนบาดเจ็บล้มตายอีก ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายไม่ได้ ทำให้การดำรงชีวิตของประชาชนเดือดร้อน ในเรื่องของเศรษฐกิจการเมือง การปกครองที่ชะงักงันมาตลอดเวลา การใช้อํานาจทำไม่ได้ ทั้งนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ จึงได้อำนาจตามความมาตรา 44 มาเขียนให้ชัดเจนขึ้น เรื่องนี้ไม่ใช่ไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ได้ไปมีอำนาจเหนือศาล แต่หมายความว่า หากสิ่งใดทำไม่ได้ เพราะติดกฎหมายตัวนี้ ก็สามารถใช้มาตรานี้เพื่อทำให้เดินหน้าได้ ที่เรียกกันว่าใช้อย่างสร้างสรรค์ ไม่ได้ทำความผิดอย่ากังวล

การจะมีเสรีภาพ มีสิทธิ จะต้องอยู่ในกรอบที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แล้วมีช่องทางต่างๆ ที่จะสามารถที่จะคัดค้านไม่เห็นด้วย ด้วยวิธีการของประชาธิปไตย วันนี้ก็หลายๆคนหนีกฎหมายไปอยู่ต่างประเทศ หรือประเทศเพื่อนบ้าน แล้วไปพูดจาให้ต่างประเทศเข้าใจเราผิดๆ ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ข้อเท็จจริง ไม่รักประเทศไทยกันเลยหรือ หรือคิดแต่เพียงว่า ถ้าไม่ได้ครองอำนาจ แล้วต้องทำให้ประเทศไทยเสียหายล่มจมไปเลย ขอให้ไปพิจารณาตัวเอง

"ทุกส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ช่วยทำความเข้าใจกับต่างประเทศด้วยนะ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ของต่างชาติ ที่ตะวันตก แล้วก็ในอาเซียน แม้กระทั่งในประเทศของเรายังไม่เข้าใจเราเลย ว่าเราทำอะไรมา มันเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ลืมไปหมด ผมขอร้องล่ะ คนไทยก็ดูแล้วกัน กสม. ก็กรุณาพิจารณาด้วย ผมไม่บังคับท่านหรอกนะ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของการแก้ไขปัญหามาตรฐานด้านการบินของประเทศไทย ตามคำเตือนขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) นั้น ขณะนี้กำลังเดินหน้า เรื่องของการพูดคุยกัน ในเรื่องขอความร่วมมือ ในเรื่องการสนับสนุนสมาคมท่องเที่ยวไทย ในปัจจุบันนั้นยังไม่ได้ถูกปรับลด ซึ่งเราก็มีปัญหาด้านโครงสร้าง การบริหารองค์กร ความเชื่อถือจากต่างประเทศความปลอดภัยต่างๆ ตั้งแต่ปี 2548 ผ่านมา 10 ปีแล้ว ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไข เราต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมานะ สิ่งที่รัฐบาลนี้กำลังทำอยู่เร่งด่วน ภายใน 90 วัน โดยต้องใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพราะกฎหมายเดิมทำไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำให้ได้ คือ จะต้องจัดตั้งกรมควบคุมขนส่งทางอากาศ ต้องแบ่งแยกหน้าที่กัน ใครจะเป็นผู้กำกับดูแล ประเมินผล ใครจะเป็นหน่วยปฏิบัติ ปกติต้องปรับโครงสร้างใช้เวลา 1 ปี – 1 ปีครึ่ง แต่ถ้าเราใช้มาตรา 44 จะใช้เวลาน่าจะไม่เกิน 90 วัน

"เรื่องการแก้ไขปัญหาที่ดิน การบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ และการจัดสรรที่ดินทำกินก็มีความก้าวหน้าตามลำดับ แต่ก็จะมีการนำมาตรา 44 มาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาในบางจุด เพราะบางส่วนต้องมี 4-5 กระทรวงเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะต้องใช้เวลาเป็นปี จึงต้องมาตรา 44 มาใช้ในทางสร้างสรรค์ ไม่เช่นนั้นทำไม่สำเร็จ นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครต้องเร่งการขุดลอกคูคลองด้วย เกรงว่าจะไม่ทันหน้าน้ำ เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนในช่วงท้าย" นายกรัฐมนตรี กล่าว.


'สมรักษ์' – ‘ยอดวันเผด็จ’ ศึกล้างตาครั้งที่ 2แค่เสมอ

“ผู้พันวิทย์” ยอดวันเผด็จ ส.จุลเสน นักชกวัย 54 ปี แก้แค้นไม่สำเร็จหลังทำได้แค่เสมอกับ “โม้อมตะ” สมรักษ์ คำสิงห์ (ท.เทพสุทิน) ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ วัย 42 ปี ไปแบบสนุก ในการรีเทิร์นชกนัดล้างตา ครั้งที่ 2 ในศึกวันมิตรชัย ทำให้ต้องคืนเงินเดิมพัน 6 ล้าน...

สมรักษ์ ท.เทพสุทิน ขึ้นชกมวยสากลเจ๊ากับคู่ปรับเก่า ยอดวันเผด็จ ส.จุลเสน ไปแบบตื่นเต้นทุลักทุเล เดิมพัน 6 ล้านบาท คืนทุน เป็นคู่เอกนำรายการ “ศึกวันมิตรชัย” เมื่อค่ำวานนี้ (2 เม.ย.) ที่เวทีราชดำเนิน (เก็บค่าผ่านประตูได้ 2,935,500 บาท ชาวต่างชาติ 203 คน)

ยกแรก สมรักษ์ขยับเข้าหาต่อยหมัดยอดวันเผด็จเตะขาเจาะยางจนสมรักษ์ยกเข่าบัง (ผิดกติกาที่ตกลงครั้งแรก) ยก 2-3 สมรักษ์เดินไล่ต่อยหมัดซ้ายขวาขู่จนยอดวันเผด็จโดนถึงกับหน้าสั่น แต่ยอดวันเผด็จถอยประคองตัว เตะขาโยนเข่าสวน 2 ยกสุดท้าย ยอดวันเผด็จเร่งเครื่องเตะขวาแทงเข่าปล้ำตีเข่าในเรียกเสียงเฮลั่นสนาม ครบยก กรรมการเห็นน่าชนะทั้งคู่เลยชูมือให้เสมอกันไป เงินเดิมพัน 6 ล้านบาท เจ๊าคืนทุน


‘สงกรานต์’ แจงแค่เข้าใจผิด โบนันซ่ารุกล้ำพื้นที่ป่าสงวน

มาร่วมงานเปิดตัวละครเวที “มนตร์รักเพลงสวรรค์” รอบกาล่า ที่เมืองไทย รัชดาลัย เธียเตอร์ พอได้เจอคู่หวาน แอฟ ทักษอร และสงกรานต์ เตชะณรงค์ เลยถือโอกาสถามถึงประเด็นร้อนเกี่ยวกับข่าวโบนันซ่ารุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนเป็นร้อยไร่ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมายในอินเทอร์เน็ต พร้อมทั้งถามลูกสาวสุดรัก น้องปีใหม่ ที่อายุครบ 3 เดือนเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา และถามถึงวันเกิดของสงกรานต์ในปีนี้ว่ามีแพลนจะทำอะไรบ้างอีกด้วย

มีข่าวว่าโบนันซ่ารุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนเรื่องราวเป็นยังไง? สงกรานต์ “น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจกันผิดมากกว่าครับ เพราะว่าที่ดินเราซื้อมา 20-30 ปีแล้ว และก็ตอนที่รังวัดก็ให้เจ้าหน้าที่มารังวัด แต่ว่าตอนทำขึ้นมาจริงๆ เมื่อวานนี้ที่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาบอกว่าที่ออกข่าวว่าเป็นร้อยไร่ แต่จริงๆ มันแค่ไม่กี่ไร่ครับ เราก็พร้อมจะแสดงเอกสารต่างๆให้ดู” ทางเราก็บริสุทธิ์ใจ? สงกรานต์ “บริสุทธิ์ใจครับ เราไม่ได้มาฉาบฉวย เราอยู่ที่นั่นมา 20-30 ปี เราไม่ได้เอาที่มาแปลงโฉนดแล้วขายปี 2 ปี ทำกำไรกลับไป แต่เราอยู่ที่นั่นมา 20-30 ปี เราคงไม่ทำอะไรที่มันเดือดร้อนพวกเราหรอกครับ” ข่าวที่ออกมีผลกระทบอะไรกับเราบ้าง? สงกรานต์ “ก็มีครับ ก็คงมีเข้าใจกันผิดบ้าง แต่ว่าเป็นเรื่องดีก็เป็นโอกาสเหมือนกันที่เราจะได้แสดงให้ดู เราก็มีรูปบ้านอยู่ที่นั่นอยู่ 500-600 หลังคาเรือน วันนี้เจ้าหน้าที่เข้ามา มาโชว์ให้ดูว่าตรงไหนผิด ตรงไหนถูก ทีนี้ที่มันผิดไปประมาณ 10 กว่าไร่ ที่ตรงอื่นเราก็ไม่ต้องกังวลเลยครับ วันนี้ก็ได้เห็นกันแล้วว่ามันผิดแค่ส่วนนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นครับ” จริงๆ ข่าวก็ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อโบนันซ่าอยู่แล้วใช่ไหม? สงกรานต์ “เราก็ไม่อยากให้ลูกค้าเรา ลูกบ้านเราเข้าใจผิดครับ เรากังวลมากกว่าเพราะว่าข่าวเสนอออกไปเต็มที่พอสมควร ออกทุกสื่อและออกเช้าเย็น แต่ถ้าดูถึงเนื้อหาจริงๆ ดูตามเอกสารจริงมันไม่ค่อยมีอะไรมากครับ” ตอนนี้อยู่ในกระบวนการไหนแล้ว? “ตอนนี้เราก็ชี้แจงครับ เอาเอกสารให้ดูครับ อะไรทุกอย่าง อะไรที่ทางการขอมาเราก็พร้อมหมด ถ้าอันไหนที่มันผิดจริงเขาอยากให้เรารื้อ เราก็ต้องรื้อครับ เท่านั้นเอง” หนักใจไหม? “ก็นิดหน่อยครับ แต่เราค่อนข้างจะบริสุทธิ์ใจ เราไม่ได้มาแบบฉาบฉวย ก็เลยไม่ค่อยหนักใจครับ”

อัพเดตเรื่องน้องปีใหม่เป็นอย่างไรบ้าง? แอฟ “วันนี้ครบสามเดือนพอดีเลย เขาเกิดวันที่ 1 เดี๋ยวจะให้ของขวัญค่ะ” เตรียมอะไรไว้ให้? แอฟ “ทำอะไรไม่ได้มากอยู่แล้ว เดี๋ยวพาไปว่ายน้ำ เคยไปว่ายแล้วครั้งหนึ่งเขาแฮปปี้เขาก็ชอบ วันๆ ก็ไม่ค่อยมีอะไรก็มีแต่เรื่องลูก” ที่จะเตรียมของขวัญให้น้องคืออะไร? แอฟ “ก็จะพยายามหาอะไรที่เขาชอบ แล้วก็ช่วยเรื่องพัฒนาการของเขาด้วย” ตอนนี้น้องเลี้ยงยากไหม? แอฟ “อ๋อ ไม่ค่ะ ตอนนี้ปีใหม่เก่งแล้วค่ะ นอนยาว ตื่นทีก็เช้าเลยก็ดีค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ก็จะได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง” ทานเก่งไหม? “เก่งค่ะ เก่งมาก ตอนนี้ก็ค่อนข้างโตเร็วก็ดีค่ะ” ต้องปรับตัวยังไง? แอฟ “ก็ได้แล้วค่ะ ต่างคนต่างปรับเข้าหากัน ทั้งแอฟ ทั้งน้องปีใหม่ ตอนนี้ก็เลยเลี้ยงง่ายค่ะ แล้วก็ ไม่รู้จะบอกยังไงว่ายิ่งรักค่ะ” สงกรานต์มีส่วนช่วยเลี้ยงยังไงบ้าง? สงกรานต์ “ส่วนมากจะเล่นครับ และก็ผมต้องออกไปทำงานทุกวัน กลับมาบ้านก็จะพยายามเล่นกับเขาให้เยอะที่สุด เพราะว่าทั้งวันไม่ค่อยได้เจอกัน แล้ววันหยุดก็จะพาคุณแม่ออกไปทานข้าว เพราะว่าเหมือนทานได้เต็มที่ เขาจะรู้สึกได้เวลาเขากินนม” เตรียมไว้หนวดเลยไหม? สงกรานต์ “ไม่หรอกครับ แค่แม่เขาก็น่ากลัวแล้ว” แล้ววันเกิดปีนี้จะไปไหนกันหรือเปล่า? สงกรานต์ “คงไม่ไปครับ วันเกิดตรงกับวันสงกรานต์พอดี แล้วมันยุ่งทุกทีนึกออกไหมฮะ แล้วเพื่อนๆ ทุกคนก็หยุดยาวกันหมด ก็คงไม่ได้ไปไหน อยู่บ้านครับ” ยังอ้อนขอของขวัญทุกวันอยู่ไหม? สงกรานต์ “ไม่เคย ไม่ได้อ้อนครับ แล้วแต่เขาครับ” สงกรานต์ยังอ้อนขอมอเตอร์ไซค์อยู่ไหม? แอฟ “ก็บอกเขาแล้วว่าขอดูพฤติกรรมก่อนค่ะ” เตรียมเซอร์ไพรส์อะไรไว้บ้างไหม? “คิดอยู่ค่ะ”.


'พระสุเทพ'ตรองแล้วสลายแดงปี 53

3 เม.ย. 58 พระสุเทพ ปภากโร (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติอนุญาตให้เพิ่มพยานตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี ขอมา คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กรณีถูกกล่าวหา สั่งสลายการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 ว่า หลังจากที่เราได้ไปยื่นแก้ข้อกล่าวหาต่อ ป.ป.ช. เราก็ไม่ทราบว่า ป.ป.ช.จะพึงพอใจมากน้อยแค่ไหน หรือ ป.ป.ช.ตั้งใจอย่างไร ไม่กังวล

"การมาบวชก็ดีไปอย่าง เรามองทุกอย่างตามความเป็นจริง ทุกอย่างมีเหตุ มีปัจจัย ที่จะทำให้เกิดสิ่งนั้น สิ่งนี้ เราพร้อมรับสถานการณ์ทุกอย่าง ถ้า ป.ป.ช.จะคิดเห็นอย่างไร หรือตัดสินใจจะส่งเรื่องดังกล่าวไปให้ทางสภาฯ ถอดถอน แบบเดียวกับที่ส่งเรื่องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกัฐมนตรี ไปให้สภาฯ ถอดถอน เราก็เตรียมตัวพร้อมแล้วที่จะไปชี้แจงในสภาฯ และถ้า ป.ป.ช.จะส่งเรื่องไปให้ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เราพร้อมที่จะไปสู้คดีในศาลอาญา ยืนยันว่า ไม่หนีไปไหน พร้อมจะไปพิสูจน์ความจริงตามกระบวนการยุติธรรม"

พระสุเทพ กล่าวว่า เอกสารที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.ไปแล้วนั้น เป็นเอกสารที่พยายามรวบรวมข้อมูลที่พยายามให้เห็นในข้อเท็จจริงว่า ในปี 2553 เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องมีการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างนั้น และแต่ละคำสั่งมีเหตุผล มีความจำเป็นอย่างไร และยังได้บอกต่อ ป.ป.ช.ด้วยว่า ป.ป.ช.ไม่สมควรที่จะไปดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติตามคำสั่ง และเจ้าหน้าที่เองก็มั่นใจว่าคำสั่งนั้นชอบด้วยกฎหมาย ถ้าจะผิดก็ต้องมาเล่นงานคนออกคำสั่ง และที่ไม่อ้างใครมาเป็นพยานทั้งสิ้น เพราะทำด้วยตัวเอง ก่อนออกคำสั่งก็ต้องไตร่ตรอง ระดมสมอง ถามความเห็น ประเมินความเห็น ประมวลสถานการณ์ ชัดเจนแล้ว เห็นถึงความจำเป็น เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ดูบ้านเมืองให้ปลอดภัยมั่นคง ให้ประชาชนอยู่อย่างปลอดภัย และเมื่อมีคนก่อการร้ายขึ้น เอาอาวุธสงครามมาฆ่าตำรวจ ประชาชน มาฆ่าทหาร เรามีหน้าที่ทำให้สถานการณ์ คืนกลับสู่ความสงบ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น

เมื่อถามว่า บุคคลที่ถูกกล่าวถึงพร้อมที่จะมาเป็นพยานหรือไม่ พระสุเทพ กล่าวว่า เราไม่ต้องการ เพราะการไปอ้างใครมาเป็นพยาน เป็นการส่งสัญญาณสู่สาธารณชน ที่อาจทำให้คนเข้าใจผิดเกิดความสับสนได้ เพราะว่าแต่ละคนมีภาระหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติงานเพื่อบ้าน เพื่อเมือง เพื่อส่วนรวม การที่เราทำอะไรเราต้องคำนึงด้วยว่า อย่าให้กระทบต่องานของท่านเหล่านั้น มีหน้าที่รับผิดชอบต่อบ้านเมืองขณะนี้ และในวันที่ 21 - 22 เมษายนนี้ ก็จะไปพบกับทาง ป.ป.ช.อีกครั้ง

"ตั๊ก-บงกช"โชว์รวยอีกแล้วจ้า กำไลข้อมือรูปตะปูสวยเวอร์

เวลานี้ไม่มีใครน่าอิจฉาไปมากกว่าผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว สำหรับดาราสาวทรงโต "ตั๊ก-บงกช เบญจรงคกุล" ที่ล่าสุด วันที่ 3 เม.ย. สาว 'ตั๊ก' ได้โพสต์รูปภาพกำไลข้อมือรูปตะปูสีทอง สุดหรูหราอวดสู่สายตาประชาชี อวดชะนีทั้งหลายให้อิจฉาเล่น ๆ พร้อมกับข้อความสั้น ๆ ที่เรียกว่าน่าอิจฉาตาสุด ๆ ว่า "เเละเเล้วก็ไปสอยกำไลตะปู cartier มาอีกก็มันสวย เน้อ" ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็ไปซื้อเเหวนตะปูของ cartier มาสวมใส่ โดยไม่สนใจพวกขาเมาท์แต่อย่างใด โพสต์รูปภาพโชว์สบายใจ ดูแล้วชีวิตของสาว 'ตั๊ก' ตอนนี้ดีดี๊นะ

โดยก่อนหน้านี้สาว "ตั๊ก-บงกช เบญจรงคกุล" มีข่าวรุนแรงมาเหมือนกัน เนื่องจากถูกปลอมบัญชีโปรแกรมไลน์ ทำให้เกิดความเสียหาย โดยใช้ชื่อว่า “TakBonGkot” มีการแสดงรูปโปรไฟล์ เป็นรูปสาว 'ตั๊ก' อุ้มลูกชายสนทนาข้อความอันเป็นเท็จ กับบุคคลอื่นมีเนื้อหาใจความว่า “แฟนตั๊ก เค้ายอมรับผิด และแค่ซื้อรถให้” ซึ่งข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และทำให้สามีของสาว 'ตั๊ก' เสื่อมเสียชื่อเสียง และอีกกรณีดังสนั่นโซเชียลฯไม่แพ้กัน มีการวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งข้อสังเกตกันมากมายถึงกรณีที่ดาราสาว 'ตั๊ก' โพสต์ภาพข้อความตัดพ้อผ่านทาง IG ส่วนตัวของเธอ ซึ่งมีเนื้อหาว่า "เคยมั๊ย รู้สึกเหมือนเป็นเมียน้อย ทั้ง ๆ ที่มีทะเบียนสมรส..." ผ่านไปได้ไม่นาน ขาเมาท์ทั้งหลายต่างตีความหมายกันไปต่าง ๆ นานา ถึงขนาดร่ำลือกันไปว่า "เตียงหัก" แล้วแน่ ๆ แต่เจ้าตัวออกมายืนยันแบบชัดเจนว่า "แรก ๆ ก็ไม่รู้สึกอะไรกับการพูดว่า ตนเองเป็นเมียน้อย เพราะเข้าใจสถานภาพของเจ้าสัวบุญชัยดี แต่สุดท้ายก็มีอารมณ์บ้าง หลังจากได้ยินเรื่องนี้ถี่ขึ้น ยืนยันว่าการพบรักและแต่งงานกับเจ้าสัวนั้นเกิดจากความรัก".