นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการที่สธ.มีนโยบายส่งเสริมให้คนไทยลดการบริโภคอาหาร รสหวานและเค็ม เพื่อลดปัญหาสุขภาพทั้งภาวะโภชนาการเกินและเบาหวาน ที่ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการบริโภคน้ำตาลเกินกว่ามาตรฐานกำหนด โดยปกติคนไทยจะบริโภคน้ำตาลทางตรง คือ การเติมน้ำตาลลงในอาหารต่างๆ ส่วนอีกสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ น้ำตาลที่อยู่ในผลไม้รสหวานจัด ที่ถือเป็นสิ่งต้องระวังสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะน้ำตาลในผลไม้ จะมีฟรุกโตสที่มีความหวานและให้พลังงานแก่ร่างกายได้โดยไม่ต้องใช้อินซูลิน ผู้ป่วยเบาหวานจึงต้องเลือกชนิดของผลไม้ที่จะรับประทานและทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะผลไม้ที่มีความหวานมากบางชนิด นอกจากจะมีน้ำตาลสูงแล้วยังมีไขมันด้วย ถ้ารับประทานในปริมาณที่มากเกินไปจะมีผลเสียต่อสุขภาพ
“ผู้ป่วยเบาหวานร่างกายยังคงต้องการพลังงานจากสารอาหารคาร์โบไฮเดรตที่มีแหล่งอาหารส่วนใหญ่มาจากกลุ่มอาหารข้าว แป้ง เป็นหลัก และมาจากผลไม้บางส่วน ดังนั้น การรับประทานอาหารเพื่อให้ได้พลังงานในแต่ละวัน ควรจะ มีการแบ่งปริมาณและชนิดของแหล่งอาหารที่ให้พลังงานทั้งวัน ต้องสอดคล้องกับการที่ร่างกายต้องใช้พลังงานในการดำเนินชีวิตเพื่อไม่ให้มีพลังงานเหลือที่จะนำไปสร้างเป็นไตรกลีเซอไรด์ ทั้งนี้ควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย” นพ.พรเทพกล่าว.
"เอ็กซ์-จักรกฤษณ์" เขียนจดหมายลับ ระบายความในใจถึง "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" วอนขอความช่วยเหลือ ถูกเพื่อนสนิท "พ.ต.ท." เกลี้ยกล่อมครอบครัว และตนเองให้เข้ารับการรักษาอาการป่วยทางจิตที่เกิดจากการเสพยา ประสงค์ให้กลายเป็นบุคคลไร้ซึ่งสภาพ หวังฮุบทรัพย์สมบัติที่ร่วมหามากับเมีย ด้าน“พ.ต.ท.รัฐวิทย์ แสนทวีสุข”ช่วยราชการสำนักงาน ผบก.ปคม.เปิดตัวเป็นบุคคลในข่าว ย้ำ สนิทกับ เอ็กซ์-จักรกฤษณ์ มา 6 ปี ภรรยากับ “หมอนิ่ม” ก็รู้จักกันมาก่อน เผย รู้ว่าเอ็กซ์มีอาการผิดปกติก็พร้อมเข้าช่วยเหลือ แต่ถูกเข้าใจผิด
คดี 2 มือปืน ขี่จยย.ประกบยิงเอ็กซ์-จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักแม่นปืนทีมชาติไทย เสียชีวิตขณะขับรถสปอร์ตปอร์เช่ 2 ประตู ออกจากบ้านพัก บริเวณปากซอยรามคำแหง 166 เมื่อค่ำวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดประเด็นยาเสพติดออกไป เพราะเอ็กซ์-จักรกฤษณ์ เข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะผู้เสพเท่านั้น แต่ได้พุ่งเป้าไปที่ปมความขัดแย้งในครอบครัว และคนใกล้ชิดเป็นหลักส่วนเรื่องซื้อขายพระเครื่อง และปัญหาในสมาคมยิงปืนฯ ก็ยังคงให้น้ำหนักอยู่บ้าง
ขณะที่นายตำรวจยศ “พ.ต.ท.” ที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.กล่าวถึงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเอ็กซ์-จักรกฤษณ์นั้น ล่าสุดได้ออกมาเปิดเผยตัวแล้ว โดย พ.ต.ท.รัฐวิทย์ หรือไกรวิศท์ แสนทวีสุข สว.บก.ปทส.ช่วยราชการสำนักงาน ผบก.ปคม.ได้เปิดเผยถึงกรณีที่มีความสนิทสนมกับทางเอ็กซ์-จักรกฤษณ์ ว่า รู้จักกับเอ็กซ์ มาได้ประมาณ 6 ปีแล้ว เนื่องจากภรรยาของตน กับ พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ภรรยาของเอ็กซ์ รู้จักกันมาก่อน จากนั้นก็คบหากินเที่ยวด้วยกัน และสนิทกันมากจนเหมือนพี่น้อง เวลาเขามีปัญหาอะไรก็มักโทรศัพท์มาปรึกษาตลอด ช่วงที่เอ็กซ์ กลับมาจากแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เอ็กซ์ก็มีน้ำเสียงแปลก ๆ แต่บางครั้งก็ปกติ ด้วยความที่เป็นตำรวจ จึงพอทราบว่าเอ็กซ์เป็นอะไร จึงเข้าไปช่วยเหลือ และพยายามจนถึงที่สุดแล้ว รวมทั้งรับปากว่าจะอยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่สำเร็จ ต่อมาจึงพบว่าเขาอารมณ์เปลี่ยนเร็วมาก หงุดหงิดง่าย แต่กรณีที่ภรรยาของเอ็กซ์มีปัญหา เขาจะพูดคุยกับภรรยาของตนมากกว่า ที่ผ่านมา ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรมากมาย เพราะทราบดีว่าเป็นเรื่องของคนสองคนก็ได้แต่สงสาร และเฝ้าดูอย่างเดียว อย่างไรก็ตามเอ็กซ์ไม่เคยนำเรื่องขัดแย้งรุนแรงใด ๆ มาปรึกษา
พ.ต.ท.รัฐวิทย์ กล่าวต่อว่า การที่ตนให้คำปรึกษา อาจทำให้เอ็กซ์เข้าใจผิด โดยเฉพาะเรื่องจดหมาย เมื่อเอ็กซ์ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำทหารแล้ว ตนจึงคุยกับภรรยาของตนว่า ปล่อยให้เอ็กซ์กับภรรยาของเขาได้ร่วมกันตัดสินใจเอง และหลังจากที่เอ็กซ์ออกมาจากคุกไม่นาน เขาก็รู้ว่าเข้าใจตนผิดไป จึงให้เลขานุการส่วนตัวโทรศัพท์มาบอกตนว่าจะมาขอโทษ แต่ตนบอกว่าไม่ต้อง เพราะไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอะไร และไม่ต้องเข้ามาหาเพราะเรื่องคดียังไม่เสร็จ แต่เจตนาคืออยากให้ทั้งสองคนได้ทบทวนเรื่องครอบครัวของตัวเอง ส่วนกรณีจดหมาย รวมทั้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด นั้น ผู้บังคับบัญชาตลอดจนชุดสืบสวนคลี่คลายคดีได้เรียกไปสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งผู้ใหญ่ที่เป็นผู้บังคับบัญชา ก็เข้าใจดีว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
สำหรับจดหมายลับที่ถูกพูดถึงหลายครั้ง เป็นจดหมายที่เอ็กซ์-จักรกฤษณ์ เขียนระบายความในใจถึงนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวช่อง 3 เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ก่อนถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตไม่กี่วัน โดยข้อความในจดหมายเขียนว่า
“เรียน พี่สรยุทธ ที่เคารพครับ ผมเอ็กซ์-จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม ที่พี่เคยช่วยเหลือผมตลอด ในขณะนี้เรื่องราวต่าง ๆ ผมได้ใช้ความอดทนอยู่ในเรือนจำ มทบ.11 ที่นครปฐม ไตร่ตรองและคิดอย่างดีแล้ว จึงเขียน จ.ม.ฉบับนี้เพื่ออธิบายและขอเล่าเหตุการณ์อีกทั้งวัตถุประสงค์ของผู้ไม่ประสงค์ดีที่ร่วมกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นมารดากระผมครับ ซึ่งพี่ฟังดูก็คงจะแปลกพิลึกอยู่ครับผมเข้าใจ แต่ในขณะที่มารดาผมได้รับข้อมูลในเชิงลบ และผิดพลาดอยู่เป็นประจำจากเพื่อนที่ไม่ประสงค์ดีของผม ว่าผมใช้สารเสพติด และมีสิ่งเสพติดในร่างกายจนเกิดภาวะจิตหลอน ซึ่งผมเองไม่มีโอกาสได้ทำความเข้าใจกับมารดา ผมไม่เคยพูดโกหกและไม่ซื่อ พี่ลองนึกดูถึงสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตผมสิครับ จิตใจแห่งความเป็นสาธารณะ และตั้งใจรับใช้ชาติ กลับเป็นช่องโหว่ให้เพื่อนเข้ามาพูดคุยและกล่อมจนภรรยาเกิดความกลัว และกังวลใจ จนลุกลามไปถึงมารดา กลับครั้นผมได้พิสูจน์ปัสสาวะเพื่อค้นหาสารเสพติด และตรวจถึง 6 ครั้ง ไม่พบสารเสพติดตามที่ปรักปรำผม มารดาหลงเข้าใจว่าจะใช้มูลนิธิต่อรองให้ผมรักษา หรือบำบัด
แต่พอผลพิสูจน์แล้ว มารดาถึงได้รู้ว่าเป็นเพราะผมตรากตรำทำงาน และพักผ่อนน้อย มารดาจึงยื่นขอประกันตัว พร้อมบิดา และไม่ได้คัดค้านการประกันตัวใด ๆ อีก แต่พนักงานสอบสวนกลับคัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราว เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมานี้ และให้เหตุผลต่อศาลว่า ต้องสืบพยานวัตถุอีกคือปืนทั้ง 5 กระบอก ซึ่งเกรงว่าผมจะไปยุ่งเหยิงกับพยานอีก 6 คนที่สอบอยู่ ทั้งที่มีการยื่นหลักทรัพย์โดย คุณโอภาส เรืองปัญญาวุฒิ ใช้หลักทรัพย์ที่ดินกว่า 2 ล้านบาทครับ ผมไม่มีสารเสพติด อีกทั้งไม่มีพฤติกรรมหลบหนีเลย น่าจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว แต่เรื่องยังไม่จบเท่านี้ มีเพื่อนที่ยุยงและไม่ประสงค์ดีนั่นคือ พ.ต.ท.(สงวนนาม) เข้ามาเจรจาต่อรองเพื่อให้ผมเปลี่ยนนายประกัน และพยายามพูดในลักษณะเกลี้ยกล่อมให้ผมเข้ารักษาอาการทางจิตที่ รพ.มโนรมณ์ด้านจิตเวช ก่อนหน้านี้นั้นได้เคยบีบบังคับให้ผมไปมาแล้วในลักษณะนี้ แต่ผมรู้อุบายที่จะทำให้ผมเป็นบุคคลที่ไร้ซึ่งสภาพที่จะดำรงอยู่ในสังคมอย่างปกติ เพื่อประโยชน์ทางทรัพย์สินและการคุ้มครองบุตร ซึ่งครอบครัวของ...ทั้งภรรยา,บุตร,บิดาของภรรยา, บิดาของ...เป็นผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยกันทั้งสิ้น พี่ครับลูกสาวกระผมบริสุทธิ์เหลือเกิน ผมรักลูกมาก พี่ครับเค้าจะให้ผมรับการรักษาและอยู่ในความดูแลของเค้า เพื่อแลกกับอิสรภาพในการยื่นประกันตัว ซึ่งผมไม่ยอม ยอมติดอยู่กับที่นี่ครับ พี่ครับเค้าประสงค์ในทรัพย์ทั้งหมดที่ผมเก็บไว้ในเซฟธนาคารและธุรกิจ กิจการที่ผมร่วมกันก่อตั้งมากับภรรยา ผมสงสารภรรยาครับ
ผมขอให้พี่ช่วยติดตามเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนครับ เพราะผมกลัวสวัสดิภาพ และความปลอดภัยของคนในครอบครัว โดยเฉพาะลูก ๆ ทั้ง 2 คนครับ อีกหนึ่งคนในครรภ์ เป็น 3 คนครับ เรื่องที่มีทรัพย์สินที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขาภิบาล 3 ถนนรามคำแหงนั้นเป็นเซฟที่เก็บพระเครื่อง เครื่องเพชร และนาฬิกา ซึ่งจะเปิดได้นั้นต้องมีลายเซ็น และตัวผมพร้อมกุญแจอีก 1 ดอก ซึ่งทั้งหมดนั้นอยู่ที่ภรรยา เว้นแต่กระผมเองจะเป็นคนไปเซ็น ขอให้พี่ได้รับทราบถึงพฤติกรรมที่กลุ่มคนกลุ่มนี้พยายามทำ บ้าน 2 หลัง และสิ่งอื่น ๆ ซึ่งอาจประเมินค่าไม่ได้เลยหากล่าช้าครับพี่ ขอให้พี่เร่งพิจารณา และตัดสินใจช่วยเหลือผมและครอบครัวด้วยครับ ขอให้พี่ชาย (พี่ยุทธ) เชื่อมั่นในความเป็นลูกผู้ชาย เป็นนักต่อสู้ของผม หากเรื่องนี้ไม่จริง ดังนั้นแล้วพี่ค่อยตัดหางปล่อยวัดก็ย่อมได้ พี่อาจใช้ข้อมูลจากบิดาผม แม่ผมครับ กราบเท้าพี่ขอความเมตตาช่วยผมด้วยครับ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม”.
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ...ในช่วงบ่ายนั้น ปรากฎว่าในขณะที่ นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายพาดพิงถึงการบริหารงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนถูกปฏิวัติ ทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ประท้วงเป็นระยะ ๆ โดยนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ตอบโต้ด้วยน้ำเสียงอย่างมีอารมณ์ว่า ขอให้อภิปรายอยู่ในประเด็น อย่าอภิปรายโดยเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น อย่าเสียดสี ใส่ร้าย เพราะพวกตนอดทนกันมาตลอด แต่ถ้าจะป้ายสีกัน พวกตนจะเอาด้วยก็ได้ จะระบุให้หมดว่าใครร่วมมือกับเผด็จการ จัดรัฐบาลในค่ายทหาร
ทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรรมาธิการฯ ได้ชี้หน้าไปที่นายสุนัยแล้วโต้กลับว่า “ถ้านายสุนัยจะพูดก็เชิญ ผมไม่เคยร่วมอะไรกับเผด็จการทั้งสิ้น แล้วอยากถามกลับว่า นายสุนัยไปพาดพิงถึง พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ทำไม” ทำให้นายสุนัย ย้อนกลับอย่างมีอารมณ์ว่า “ทำไม...ไม่ไปไหว้พี่สนธิเขาหละลูก เขาอุตส่าห์ยึดอำนาจให้ แต่ก็เป็นนายกฯ ไม่ได้ ผมว่าลาออกจากหัวหน้าพรรคไปเถอะ”
และก่อนที่บรรยากาศจะดุเดือดมากขึ้นนายสามารถ แก้วมีชัย ประธาน กมธ.ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้รีบชิงตัดบทและขอร้องให้หยุด โดยให้ผู้แปรญัตติเสนอความเห็นต่อไปจนจบ
ต่อมาการประชุมได้เกิดการโต้แย้งขึ้นอีกครั้งระหว่างที่นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวเสนอคำแปรญัตติต่อ กมธ. ได้ถูกทักท้วงจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นระยะ ๆ เนื่องจากเห็นว่าการอภิปรายของนายไชยวัฒน์เข้าข่ายลักษณะอภิปรายเสียดสี ใสร้าย ไปมาตลอด จนทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ประท้วง และกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า นี่เป็นการอภิปรายที่เรียกว่า “กวนตีน” ทำให้กรรมาธิการฯของพรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจ
ขณะที่นายสามารถ ได้ร้องขอให้นายพิเชษฐ์ถอนคำพูด ส่วนนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ขอให้ถอน โดยระบุว่า “ขอให้นายพิเชษฐ์ใจเย็น ๆ เดี๋ยวก็ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว” จากนั้น นายสามารถได้ร้องขออีกครั้ง กระทั่งนายพิเชษฐ์ยอมถอนคำพูดดังกล่าวออกไป.
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012