ข่าว
'อั้ม พัชราภา'ยันไม่ได้เป็นมะเร็ง หลังถูกอ้างชื่อตุ๋นเงินกว่า8ล้าน

หลังจากเกิดกรณีเจ้าของห้องเสื้อได้แอบอ้างชื่อของ อั้ม พัชราภา ไปขอยืมเงินเจ้าของเต็นท์รถชื่อดังกว่า 8 ล้าน พร้อมบอกว่า อั้ม พัชราภา ป่วยหนักเป็นมะเร็ง ต้องใช้เงินเยอะในการรักษาตัว

ล่าสุด อั้ม พัชราภา ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมชี้แจงว่า ตนเองไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งแต่อย่างใด แถมยังถูกนักข่าวโทรถามจนไม่เป็นอันทำงาน รวมทั้งยังโทรถามพ่อแม่เธออีกด้วย พร้อมกับบอกว่าถ้ามีคนไปแอบอ้างก็วอนขอว่าอย่าไปเชื่อ วอนนักข่าวอย่าโทรหาพ่อแม่ ถามเธอก็ไม่ได้คำตอบ เพราะไม่รู้เรื่อง

"อ่านข่าวล่ะตกใจ. นักข่าวไม่ต้องโทรมาแล้วนะคะ. เพลีย. ไม่รู้เรื่องใดๆทั้งสิ้น!! ไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็ง!! แข็งแรงดีมีแค่เป็นหวัดและภูมิแพ้นิดๆหน่อยๆเท่านั้น และไม่เคยยืมเงินใครหรือให้ใครยืมเงิน. จบนะ วันนี้ปวดหัวมาก หวังว่าจะไม่มีใครใช้ชื่ออั้มไปแอบอ้างนะคะ. ถ้าคนใช้ชื่ออั้มอ้างหลายๆคนอั้มไม่ต้องไปให้ปากคำตลอดเหรอ พักนะ เพลีย และฝากหลายๆคนถ้าใครใช้ชื่ออั้มอย่าไปหลงเชื่อนะคะ. นักข่าวคะอย่าโทรมาถามพ่อแม่และอั้มเลยนะ. ถามไปก็ไม่รู้จะตอบอะไรนอกจากบอกว่าหนูไม่รู้"

เผยรูป'เอนก-ฮิลลารี่' โยงทูตมะกันจวกไทย

27 พ.ย.58 เฟสบุ๊ค 'ปราชญ์ สามสี' ได้โพสต์ภาพ นายเอนก ชัยชนะ เจ้าของร้าน King of Thai noodle ในซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ ผู้มีพฤติกรรมหมิ่นสถาบันฯ ยืนถ่ายคู่กับนางฮิลลารี คลินตัน อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จากพรรคเดโมแครต

โดย 'ปราชญ์ สามสี' ระบุข้อความโดยสรุปว่า ไม่แปลกใจว่า เหตุใด นาย กลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำประเทศไทย ถึงออกมาวิจารณ์กฎหมายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

'ปราชญ์ สามสี' โพสต์ข้อความดังนี้

ช่วงนี้ เห็น ทูตสหรัฐฯออกมา "เสืxxxก"กังวลกฎหมายหมิ่นเบื้องสูงไทย โดยชี้ว่าไม่ควรถูกจำคุกฐานแสดงความเห็นอย่างสันติ อันนี้ผมว่าไม่น่าจะแปลกใจเท่าไร ... ที่ ท่าทีของสหรัฐอเมริกันจะ "แกล้งโง่ ถึงขั้นเอ๋อ" แบบนี้

นั่นก็เพราะไม่นานนี้ มีภาพหลุดออกมา ของ นายเอนก ชัยชนะ คนไทย สัญชาติ อเมริกัน ที่ ยืนข้าง นาง ฮิลลารี คลินตั้น อดีต รัฐมนตรีฯต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งดำรงตำแหน่ง ช่วง ค.ศ. 2009 – ค.ศ. 2013

นับเป็นภาพที่ยืนยันอย่างนึงว่าสหรัฐ ช่วงการนำของ โอบาม่า มอง ขบวนการล้มเจ้า อย่างไร .

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า นาง ฮิลลารี คลินตั้น จะไม่ได้เป็นรัฐมนตรีฯต่างประเทศในเวลานี้ แต่ นางก็ยังเป็น ตัวเต็งในการคัดสรรผู้แทนของพรรคเดโมแครตเพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ในอนาคต

ทั้งนี้ อเนก ซานฟราน ถูกออกหมายจับในฐานะผู้จ้างวาน /ผู้ต้องหาความผิดตามมาตรา 112 และฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 49/255ค ในเหตุการณ์ปาระเบิดถล่มศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มี.ค.58


"บิ๊กตู่" ยัวะ 323 นักวิชาการ ระวังคนมายิง โยนระเบิดใส่

"บิ๊กตู่" ยัวะ 323 นักวิชาการ ลั่นไม่กลัวกฎหมายก็ตามใจ หลุด ระวังคนมายิง โยนระเบิดใส่ตาย ออกตัวไม่ใช้คนทำ จนคนใกล้ชิดส่งสัญญาเตือนให้เบา

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีที่ 323 อาจารย์ยื่นหนังสือ เพื่อขอให้หยุดลิดรอนเสรีภาพทางวิชาการและหยุดห้ามนักศึกษาทำกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัย ว่า ที่มากันนั้นก็อาจารย์ชุดเดิมไม่ใช่หรือ เคยให้ทหารและคสช.เดินไปนั่งคุยกับอาจารย์คนนี้แล้วตอนนั่งคุยก็ให้ความร่วมมือทุกอย่าง จะบรรยายอยู่ในกรอบของกฎหมาย

ไม่พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ซึ่งเมื่ออนุญาตให้ไปแล้วก็หยุดพูดไปเลย แล้วคนอย่างนี้ใช้ได้หรือ

"ก็ต้องรักษากติกาให้ผมด้วยสิ ผมไม่ได้เดือดร้อนที่เขาจะพูด แต่ผมขอถามว่ากฎหมายเขาว่าอย่างไรเขาห้ามพูดก็อย่าพูดตอนนี้ เรื่องไหนที่ควรจะพูดเยอะแยะไป สอนเด็กให้เป็นคนดีสอนหรือไม่ สอนให้เด็กไม่ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองสอนหรือเปล่า ปัดโธ่ แล้วตอนรัฐบาลที่แล้วอยู่ไหนกันเพิ่งมาบรรจุเป็นอาจารย์กันหรืออย่างไร จะเคลื่อนไหวอะไรก็เคลื่อนกันไป ไม่กลัวกฎหมายก็ตามใจ ผมไม่รู้ ถ้าประชาชนจะเคลื่อนไหวตามเขาเดือดร้อนอะไรก็ตามใจผมไม่รู้ แล้วเดี๋ยวถ้าใครหาปืนมายิง โยนระเบิดใส่ก็ตายไปแล้วกัน ถ้าไม่กลัวก็ตามใจ แต่ไม่ใช่ผมแน่เพราะผมไม่ทำอยู่แล้ว นี่ผมไม่ได้พูดด้วยความโมโหแค่เสียงดังนิด นายกฯ กล่าวว่า ต้องคุยกันด้วยเหตุผล การเปิดกว้างทางความคิดก็ต้องคุยอย่างมีเหตุผล แต่ถ้าเปิดแล้วมีความขัดแย้งในเมื่อเรากำลังวางพื้นฐานกันอยู่ ก็ควรนำสิ่งที่เรากำลังวางพื้นฐานนี้ไปดูกัน ไม่ใช่ไปคิดอะไรกันก็ไม่รู้ แล้วประเทศชาติจะไปได้หรือ

"แล้วก็ไปปลุกประชาชนว่าเป็นเพราะมันกำลังเตรียมการเลือกตั้ง แล้วอย่างไรจะให้เลือกตั้งกันพรุ่งนี้กันหรืออย่างไร เลือกแล้วได้อะไรกลับมา ปัญหาถูกแก้หรือยังทำไมไม่ถามเขากลับไป แล้วอาจารย์เหล่านั้นเคยรับผิดชอบความเสียหายของประเทศชาติหรือไม่ที่สอนคนมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ก็สอนไปสิ สอนให้ขัดแย้ง ประชาธิปไตยที่ไม่มีขีดจำกัดนั่นน่ะสอนไปสิ ทุกคนคงชอบให้สอนแบบนั้น พ่อแม่มันยังไม่ฟังเลยวันหน้านั้นน่ะคอยดูเถอะ" นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อนายกฯ กล่าวถึงช่วงนี้แล้วได้มีทีมคนใกล้ชิดส่งสัญญาณเตือนให้นายกฯ เบาๆ ลงหน่อย แต่นายกฯ ได้กล่าวว่า "ทำไม ให้หรี่ลงหรือ ไม่ต้อง ฉันมีสติของฉัน"


"บิ๊กตู่" ลั่นไม่รู้จักพท. หลังจี้"บิ๊กโด่ง"ลาออก

"นายกฯ" ลั่นไม่ได้ทำผิดอะไร หลังพท.จี้รับผิดชอบ ยันให้งบฯรัฐสร้างอุทยานราชภักดิ์ ด้วยความสุจริต โยนให้ไปไล่บี้พวกเบิกจ่ายให้รับผิดชอบ ย้ำไม่ใช่เป็นคสช.แล้วต้องปกป้องทหาร มันแค่คนส่วนน้อยที่ทำผิด คนทำผิดต้องแยกแยะ อย่าเอาการเมืองต้องรับผิดชอบหมด ยอมไม่ได้อ้างสถาบันหาผลประโยชน์ พร้อมขู่ถ้าทุกอย่างล้มก่อนปี 60 ช่วยอะไรไม่ได้ หากไม่เลิกขยายความเล่นงานกัน

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ห้องประชุมดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ สำนักงบประมาณ ถนนพระราม 6 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2559 กรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแถลงการณ์เรียกร้องพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและอดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) รับผิดชอบการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ด้วยการลาออกว่า ราชภักดิ์เป็นโครงการมีประโยชน์ต่อแผ่นดิน มีเจตนาดี แต่มีส่วนหนึ่งเอาไปหาประโยชน์ อย่าไปตกเป็นเครื่องมือเขา ซึ่งตนก็มีลงโทษ ทั้งทางวินัย ถอดยศ ยึดเครื่องราชย์ ส่วนทางอาญาก็ออกหมายจับ ทำตามกระบวนการทุกอย่าง กฎหมายก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่จะเลวไปทั้งหมด

เมื่อถามว่า ส่วนที่สตง.ตรวจสอบว่ามีการเบิกจ่ายงบฯกลางไปใช้ในโครงการ นายกฯ กล่าวว่า หน้าที่ของรัฐบาล งบฯกลางที่ขอมามีหลายหน่วยงาน ซึ่งส่วนนั้นเป็นงบฯกลาโหมที่ขอขึ้นมา เป็นโครงการของกองทัพบก ส่วนเขาจะไปใช้อะไรไปดูตรงโน้น ก็ตรวจสอบกันมา ถ้าเขามีการตรวจสอบการใช้งบฯตรวจบัญชีแล้วมันตรง มันก็โอเค แต่ไอ้ที่โกงกันไปก็ต้องไปหากันต่อ จะทำยังไงกับ 2-3 คนที่มันหนีๆพูดกันอยู่ ไปหามาซิ มันก็คือส่วนหนึ่งเท่านั้น เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ นายกฯ ย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า

"รับผิดชอบเรื่องอะไร ไหนตอบมาซิ ปัดโธ่ และรัฐบาลนั้นรับผิดชอบไหมโครงการจับนำข้าว ก็ถามกันแบบนี้ เขามีหน่วยงานไม่รู้เท่าไร มีรองนายกฯ รัฐมนตรี อธิบดี ผอ.หน่วยงาน ก็ไปไล่สอบมา รัฐบาลต้องรับผิดชอบในทางนโยบาย ซึ่งก็ได้ให้ไปแล้ว และผมให้ก็ด้วยความสุจริต ผมไม่ได้ทำผิดอะไร ผมให้ถูกตามระเบียบถูกตามงบประมาณหรือเปล่า ถ้าผมให้ถูกระเบียบต้องรับผิดชอบอะไร คนรับผิดชอบคือคนที่เบิกผมไป ซึ่งเขาก็ตรวจแล้วให้ไปไล่ดู อย่ามาโยงกันแบบนี้ มันคนละเรื่อง ไอ้จำนำข้าวใครรับผิดชอถามซิ นายกฯเหรอ มันไม่ใช่ ต้องคณะกรรมการนโยบายจำนำข้าวที่ต้องรับผิดชอบ ใครละเป็นประธาน ที่เขาต้องเรียกค่าละเมิดในฐานะเขาเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว กำกับดูแลไปซิ ถ้านายกฯรับทั้งหมดมันใช่ แต่รับผิดชอบในเชิงนโยบาย ถ้ามันทำไปตามนโยบายที่ชอบทำถูกต้อง หรือจะมาบอกเป็นนโยบายของพรรค มันก็ไม่ใช่ แต่นี้เป็นโยบายรัฐบาลที่เจตนาโดยสุจริต เพราะฉะนั้นอย่าเอาไปพันกัน ผมพูดตามคำศัพท์ของผม ไม่ใช่ตามหลักวิชาการ หรือกฎหมาย อย่ามาจับผิด จับถูก คำถามว่าใครต้องรับผิดชอบอย่ามาถามผม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าถ้าสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้ามาตรวจสอบ จะมีปัญหาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยห้าม ก็ตรวจสอบของเขาไปตามระบบราชการ ใครจะตรวจสอบก็ตรวจสอบมา ซึ่งก่อนตรวจสอบจะทำเรื่องมาก่อน แล้วเราก็ทำเรื่องชี้แจงเขาไป แล้วตรวจสอบหลักฐาน ถ้ามันไม่มีอะไรเขาก็ไม่ตรวจสอบ ถ้าเจอคนผิดก็ลงโทษทางวินัย ไล่ออก ปลดออก ถ้าเป็นคดีอาญาก็ดำเนินการตามปกติว่ากันไป ไม่ว่าจะโครงการอะไร มูลค่าเท่าไรใช้กฎหมายเดียวกัน นี้คือความเท่าเทียมของกฎหมาย ไม่ใช่ว่าตนเป็นคสช.แล้วจะมาปกป้องทหาร เขามีความเข้มแข็งของเขาอยู่แล้ว มันคือคนส่วนน้อย ซึ่งผมสัมฤทธิ์มันก็ปรากฎอยู่ ถ้าเป็นการอ้างสถาบันหาผลประโยชน์รับไม่ได้ ท่านทรงพระเมตตาทุกคนอยู่แล้ว แต่ก็มาชอบทำกันแบบนี้ทำกฎหมายเสียหาย ทำให้สถาบันเสียหายไม่ได้

เมื่อถามว่าแต่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ นายกฯกล่าวขึ้นทันทีที่ยังถามคำถามไม่จบว่า "พรรคอะไรไม่รู้ ผมไม่สนใจ" จากนั้น ย้อนถามผู้สื่อข่าว "พรรคอะไรนะ" เมื่อผู้สื่อข่าวตอบว่าพรรคเพื่อไทย นายกฯ กล่าวตอบอย่างเสียงดัง "ผมไม่รู้จัก ไม่สนใจ" ท่านต้องฟังผม ไม่ใช่เอาคำถามที่เขาพูดมาแล้วมาถาม ไปถามคนพูดว่าพูดมาทำไม ไปต่อสู้ให้ตนบ้าง นายกฯทำแบบนี้ ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ ไปแก้เรื่องตนกับเขา ไม่ใช่เอาสิ่งที่เขาพูดมาโจมตีตน แล้วเอาตนไปโจมตีเขา สนุกกันนักหรือไง ไม่เข้าใจ พูดกันกี่ทีแล้ว ผมไม่สนใจ ก็เลือกตั้งเข้ามาแล้วกัน เลือกเขาใช่ไหม ก็เลือกมาซิ

เมื่อถามว่า คนที่ถูกออกหมายจับเป็นคนใกล้ชิดพล.อ.อุดมเดช พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องแยกออกจากกัน คนใกล้ชิดทำผิดใช่ไหม ถ้าไม่อย่างนั้นต่อไปคนใกล้ชิดทำผิดก็ต้องลาออกไปให้หมด คนในกระทรวง ลูกน้องทำผิด แล้วต้องลาออกอย่างนั้นเหรอ เขามีกฎหมายอยู่ จะมาบอกเป็นความรับผิดชอบทางการเมืองเหรอ ก็เอาไปคิดกัน จะผิดจะถูกเขาคิดกันอยู่ มีวิจารณญาณของเขาเอง คนที่เคยอยู่การเมืองแล้วไม่รับผิดชอบ ทำไมไม่ไล่เขา เคยถามเขาแบบนี้หรือเปล่า พอถามแล้วตอบว่าไง ไปแล้วค่ะ


‘พท.’จี้‘อุดมเดช’ลาออกจาก‘รมช.กห.’

“พท.” ออกแถลงการณ์จี้ “อุดมเดช” พิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่ง รมช.กลาโหม เซ่นทุจริตโครงการ “อุทยานราชภักดิ์”

วันที่ 27 พ.ย.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์ เรื่องโครงการอุทยานราชภักดิ์ โดยมีใจความสรุปได้ว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยได้มีแถลงการณ์ฉบับลงวันที่ 13 พ.ย.-19 พ.ย.-และ 24 พ.ย. เรียกร้องให้รัฐบาลแถลงรายละเอียดและมาตรการดำเนินการต่างๆ กรณีมีการทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งรับรู้และสนับสนุนโครงการอุทยานฯ มาตั้งแต่ต้น แสดงความรับผิดชอบและดำเนินการตรวจสอบหาผู้รับผิดชอบด้วยความโปร่งใส ไม่เห็นแก่ผู้ใดนั้น ต่อมาพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีคำสั่งให้ปลัดกระทรวงกลาโหม แต่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีโครงการอุทยานฯ ทั้งๆ ที่ได้ปฏิเสธและยืนยันต่อสาธารณะมาโดยตลอดว่า โครงการอุทยานฯ ไม่เกี่ยวข้องกับทางราชการและดำเนินการโดยโปร่งใส

ขณะนี้ได้ปรากฏข้อเท็จจริงสู่สาธารณะเพิ่มเติมขึ้นจากเดิม พรรคเพื่อไทยจึงเห็นเป็นความจำเป็นที่จะต้องแถลงข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ รวมทั้งเสนอข้อเรียกร้องต่อผู้รับผิดชอบดังกล่าว คือ

1.ปรากฏข้อเท็จจริงกรณีนายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เปิดเผยว่า เงินที่ใช้ในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ มีส่วนหนึ่งมาจากงบกลาง จำนวน 63.57 ล้านบาท โดยผู้ที่รับผิดชอบในการสั่งจ่ายเงินคือ แผนกสั่งจ่ายงบประมาณ สำนักงานปลัดบัญชีกองทัพบก จึงเห็นได้ว่าโครงการอุทยานฯ ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งขัดแย้งกับคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า โครงการอุทยานฯ ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินแต่อย่างใด 2.ปรากฏข้อเท็จจริงว่า งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรและดำเนินการก่อสร้างมีราคาสูงผิดปกติ เช่น งานสร้างป้ายทางเข้า (ป้ายชื่อ) ใช้งบประมาณถึง 5,031,700 บาท งบประมาณสร้างอาคารรักษาความปลอดภัย 2,254,300 บาท งานก่อสร้างรั้วรอบบริเวณภายในอุทยานราชภักดิ์ ใช้งบประมาณถึง 9,343,500 บาท เป็นต้น และ3.ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ศาลทหารได้ออกหมายจับที่ 33/2558 และ 35/2558 ลงวันที่ 9 พ.ย. 2558 และที่ 47/2558 ลงวันที่ 25 พ.ย. 2558 ให้จับกุมดำเนินคดีกับพันเอกคชาชาติ บุญดี และพลตรีสุชาติ พรมใหม่

สำหรับพลตรีสุชาตินั้น เป็นกรรมการและเลขานุการมูลนิธิราชภักดิ์ ซึ่งมีพลเอกอุดมเดช สีตบุตร เป็นประธานมูลนิธิฯ อีกทั้งเคยทำหน้าที่นายทหารฝ่ายเสนาธิการของพลเอกอุดมเดชมาตั้งแต่ครั้งเป็นแม่ทัพกองทัพภาคที่ 1 จากนั้นได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ร.11 รอ.พล1 ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการทหารคุมหน่วยรบที่สำคัญยิ่งของกองทัพบก และครั้นเมื่อพลเอกอุดมเดชกำลังจะเกษียณอายุ ก็ได้เลื่อนตำแหน่งให้กับพันเอกสุชาติเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ อัตราพลตรี

สำหรับพันเอกคชาชาตินั้น พลเอกอุดมเดชได้แต่งตั้งให้เป็นผบ.กรมทหารพรานที่ 36 ทภ.3 และจากนั้นได้ย้ายให้มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ป.11 รอ.ทภ.1 ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการทหารที่มีความสำคัญในกองทัพบกเช่นกัน และสุดท้ายเมื่อพลเอกอุดมเดชใกล้เกษียณอายุ ก็ได้ออกคำสั่งเลื่อนพันเอกคชาชาติเป็นรองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 แต่เมื่อพลเอกธีรชัย นาควานิช มาดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. ได้ยกเลิกคำสั่งพร้อมส่งตัวพันเอกคชาชาติกลับกองทัพภาคที่ 3 โดยเหตุนี้ทั้งพลตรีสุชาติและพันเอกคชาชาติจึงเป็นนายทหารที่มีความใกล้ชิดกับพลเอกอุดมเดช ทำหน้าที่ประหนึ่งนายทหารคนสนิท และได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่พิเศษต่างๆ มากมายนอกเหนือจากตำแหน่งทางทหารที่ดำรงตำแหน่งอยู่ เช่น โครงการอุทยานราชภักดิ์ที่พลตรีสุชาติถูกแต่งตั้งให้เป็นกรรมการและเลขานุการมูลนิธิราชภักดิ์

พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อสาธารณะเพิ่มเติมดังที่กล่าวมาในข้อ 1 ถึงข้อ 3 ชี้ให้เห็นว่าโครงการอุทยานฯ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของทางราชการมีการทุจริตเกิดขึ้นอย่างชัดเจน การปฏิเสธความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาในระดับชั้นต่างๆ โดยลำดับมาจึงเป็นความบกพร่องและไม่รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยจึงมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้

1.พลเอกอุดมเดชควรพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องจากเมื่อพลตรีสุชาติและพันเอกคชาชาติถูกกล่าวหาว่ามีความผิดตามมาตรา 112 และ 113 ตลอดจนความผิดทางอาญาอื่น ๆ พลเอกอุดมเดชจึงมีความมัวหมองอย่างยิ่งที่อาจจะถูกมองว่าเกี่ยวพันกับเรื่องต่างๆ ที่กำลังถูกกล่าวหาอยู่ พลเอกอุดมเดชในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งผบ.ร.21 และผบ.ทบ. และการเป็นราชองครักษ์จึงย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า เพื่อความสง่างาม เพื่อดำรงศักดิ์ศรีของกองทัพบกและเพื่อรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ พลเอกอุดมเดชไม่อาจดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมได้อีกต่อไปแม้แต่น้อย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และอดีต ผบ.ทบ. พลเอกประวิตร และพลเอกอุดมเดช จะต้องร่วมกันตัดสินใจเพื่อดำรงไว้ซึ่งความจงรักภักดีของกองทัพบกที่มีต่อสถาบันอย่างหาที่สุดมิได้ให้จนได้

2.เมื่อปรากฏว่ามีการใช้งบกลางของรัฐบาล และรัฐบาลมีมติ ครม.มอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ จึงมีความชัดเจนว่าโครงการอุทยานฯ อยู่ในความรับรู้เห็นชอบของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมาตั้งแต่ต้น อีกทั้งยังมีข่าวทางสื่อบ่งบอกว่า นายกรัฐมนตรีมีความสนิทสนมกับเซียนพระผู้รับจ้างถึงขนาดไปแสดงความยินดีเมื่อบุคคลนั้นได้รับเลือกตั้งเป็นนายกอบต.ในขณะที่ตนเองดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. สิ่งที่นายกรัฐมนตรีแสดงออกมาโดยตลอดเกี่ยวกับโครงการอุทยานราชภักดิ์จึงสวนทางกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มีพฤติกรรมปกปิด ปฏิเสธความรับผิดชอบ ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งประธานกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติของคสช.เช่นเดียวกับรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พรรคเพื่อไทยจึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบกับกรณีดังกล่าวในฐานะที่รัฐบาลมีนโยบายสำคัญที่แถลงต่อสาธารณะว่า จะปกป้องสถาบันและจะป้องกันปราบปรามการทุจริตนอกจากนั้น รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งปวงจะต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดขึ้น

3.เมื่อมีพฤติการณ์ว่ามีการทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น มีการแสวงหาประโยชน์จากโครงการ ย่อมเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช., สตง., สตช. กรมสอบสวนคดีพิเศษ และปปง. ที่จะต้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งนี้ การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งให้ปลัดกระทรวงกลาโหม แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ย่อมมีปัญหาในทางหลักการว่าจะเป็นการสอบสวนด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม ปราศจากการแทรกแซงใด ๆ และจะเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือไม่ ที่ถูกต้องควรมอบหมายหน่วยงานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงให้เข้ามาตรวจสอบจึงจะมีความถูกต้องและเป็นที่ยอมรับได้มากกว่า

"พุทธะอิสระ" นำประชาชน ประท้วงสถานทูตอเมริกา

27 พ.ย. - พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม และพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร นำประชาชน มาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่หน้า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับท่าทีของนายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นในลักษณะก้าวก่ายกิจการภายในของประเทศไทย

โดยเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึก มีใจความสำคัญที่เรียกร้องให้เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าใจวัฒนธรรมและหยุดการแสดงออกในลักษณะการแทรกแซงการเมือง การปกครอง และสถาบันฯของประเทศไทย เพื่อคำนึงถึง สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยมีกำลังตำรวจนครบาลและตำรวจสันติบาลระวังความปลอดภัยอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โดยภายหลังจากที่พระพุทธอิสระ ยื่นจดหมายเปิดผนึกเรียบร้อยแล้ว ได้แยกย้ายกันเดินทางกลับ