ข่าว
เจ้าหญิงนิทรามะกัน "คลอดลูก" ปริศนา นอนป่วย 14 ปี คาดโดนข่มขืนคาเตียง

สาวชาวสหรัฐเชื้อสายอินเดียนแดงคนหนึ่ง อายุ 29 ปี ที่นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราที่ศูนย์พยาบาลอาเซียนดา เฮลธ์แคร์ ในเมืองฟินิกซ์ รัฐแอริโซนามานาน 14 ปี ให้กำเนิดทารกเพศชายอย่างเป็นปริศนาเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ที่ผ่านมา สร้างความประหลาดใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก

เหตุนี้ทำให้ตำรวจขอศาลออกหมายค้นศูนย์พยาบาลดังกล่าว เพื่อเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากพนักงานเพศชายทุกคนมาตรวจสอบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนว่าสาวคนนี้ตั้งท้องได้อย่างไร

ซีอีโอบริษัทศูนย์พยาบาลลาออก

หลังจากเกิดเหตุการณ์สุดนี้ นายเดวิด เลโบวิตซ์ โฆษกของอาเซียนดา เด ลอสแองเจลิส บริษัทที่ดูแลศูนย์พยาบาลแห่งหนี้ กล่าวว่า นายบิล ทิมมอนส์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทตัดสินใจลาออกแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 ม.ค.)

นายแกรี่ ออร์แมน สมาชิกกรรมการบริหาร บอกว่า บริษัทจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อเรื่องราวสุดสะเทือนใจที่เกิดขึ้นนี้

"เราจะทำทุกอย่างที่เราทำได้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้ป่วยและพนักงานของเราทุกคนจะได้รับความปลอดภัย" นายออร์แมน กล่าว

สุดคาใจ! ทำไมพนักงานไม่รู้ว่าท้อง

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ คือ ไม่มีพนักงานคนไหนทราบเลยว่าสาวคนนี้ตั้งท้องจนกระทั่งก่อนคลอด ซึ่งประเด็นนี้มีการถกเถียงในโลกออนไลน์อย่างมาก บางความเห็นมองว่าสาวคนนี้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พนักงานจะต้องอาบน้ำให้เธออยู่แล้ว ทำไมถึงไม่มีใครรู้ว่าเธอท้องอยู่

"พวกเขา(พนักงาน)ไม่ได้อาบน้ำให้เหรอ แล้วครอบครัวสาวคนนี้หายไปไหน?"

อีกความเห็นหนึ่งตั้งข้อสงสัยว่า ถ้าคนคนหนึ่งท้องอยู่และประจำเดือนไม่มานานถึง 9 เดือน ก็ต้องมีการตรวจสอบให้รู้ว่าสาวคนนี้ท้องหรือมีอาการอื่นๆ หรือไม่

"ฉันว่าพยาบาลที่นี่นี่แหละน่าสงสัย เพราะปกติแล้ว ถ้าประจำเดือนไม่มา 9 เดือนนี่ถือว่านานมากเลยนะ จริงอยู่ที่พยาบาลอาจคิดไม่ถึงว่าเธอจะท้อง แต่ถ้าประจำเดือนไม่มานานขนาดนี้ ก็ควรต้องมีบันทึกเอาไว้ในประวัติ แล้วก็ต้องตรวจเพื่อติดตามอาการว่า สาวคนนี้มีโรคพื้นฐานหรือหมดประจำเดือนก่อนวัยหรือเปล่า"

ชาวเน็ตอีกคนบอกว่า ผู้ก่อเหตุอาจเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น ทั้งคนในและคนนอก การตรวจสอบดีเอ็นเอเฉพาะพนักงานในศูนย์พยาบาลแห่งนี้อาจไม่เพียงพอ

"คนก่อเหตุอาจจะเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มาเยี่ยมผู้ป่วยคนอื่น หรือแม้แต่ช่างซ่อม (อย่างเช่น ช่างแอร์ ช่างฮีตเตอร์ หรือช่างประปา) หรือคนส่งของ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพนักงาน เป็นไปได้หลายอย่างมาก แต่ยังไงซะ เรื่องนี้น่าสลดใจอยู่ดี"

พบประวัติศูนย์พยาบาลโดนร้องเรียนเรื่องเพศ

ด้านเดอะการ์เดียน สำนักข่าวอังกฤษ เผยว่า บันทึกคำร้องเรียนของรัฐแอริโซนา มีบันทึกเกี่ยวกับการร้องเรียนบริษัทนี้หลายคำร้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2556 ส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนเกี่ยวกับการซ้อมหนีไฟไหม้ และความไม่ยุติธรรมในการคัดกรองผู้ป่วยให้ได้รับสิทธิ์ช่วยเหลือในโครงการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทางจากการรักษาพยาบาลของรัฐบาลกลางสหรัฐ ที่เรียกว่า เมดิเคด

แต่มีคำร้องหนึ่งในปี 2556 ที่อ้างว่าพนักงานคนหนึ่งของศูนย์พูดจาเรื่องเพศอย่างไม่เหมาะสมต่อผู้ป่วย 4 คน ซึ่งพนักงานคนนี้โดนไล่ออกไปแล้ว

นายมาร์ติน โซโลมอน ทนายความในเมืองฟินิกซ์ที่ถนัดคดีทำร้ายร่างกาย บอกว่า ทนายคนใดก็ตามที่จะว่าความให้กับสาวเคราะห์ร้ายคนนี้ ควรขอประวัติการแพทย์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อพนักงานทั้งปัจจุบันและเก่า และแม้แต่คดีความในอดีตที่อาเซียนดาเข้าไปมีส่วน

"มีข้อมูลอีกเยอะที่เราไม่มี แต่ของแบบนี้ต้องมีคนรู้เห็นแน่ๆ แต่ไม่ว่าใครจะเป็นคนก่อเรื่อง พนักงานหรือคนข้างนอก หน้าที่ของศูนย์พยาบาลแห่งนี้คือต้องปกป้องคนไข้ ไม่ใช่เหรอ" นายโซโลมอน กล่าว

ตร.มะกันรวบหนุ่มไทย ขโมยล็อตโต้ 300 ล้าน

ตำรวจแคลิฟอร์เนีย รวบชายไทยวัย 35 ปี ฐานขโมยล็อตโต้แบบขูดลุ้นรางวัล มูลค่าสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์ หรือราว 320 ล้านบาท จากเพื่อนร่วมห้องดวงเฮง

เว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์ NBC รายงานว่า ตำรวจในเมืองวาคาวิลล์ ในซาคราแมนโต้ รัฐแคลิฟอร์เนีย จับกุมชายวัย 35 ปี ทราบชื่อคือนายอดุล เสาสงยาง ฐานลักทรัพย์ ของกลางเป็นล็อตโต้แบบขูดลุ้นรางวัล ที่มูลค่าถึง 10 ล้านดอลลาร์ หรือราว 320 ล้านบาท

ตามการเปิดเผยของเฟซบุ๊กสถานีตำรวจในเมืองวาคาวิลล์ เผยว่า มีชายร่วมห้องของนายอดุล เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจ เนื่องจากล็อตโต้ที่เขาซื้อไว้มูลค่า 30 ดอลลาร์ หรือราว 960 บาท เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม หายไป ซึ่งตอนแรกเขาทราบเพียงว่าล็อตโต้ดังกล่าวถูกรางวัล 10,000 ดอลลาร์ หรือราว 320,000 บาทเท่านั้น

เมื่อตำรวจสอบปากคำ ชายดวงเฮงรายนี้เล่าว่า เขาได้เปิดเผยเรื่องราวอันโชคดีนี้กับนายอดุลและเพื่อนร่วมห้องพักอีก 1 คน แต่พอเช้าวันต่อมาเขาได้นำล็อตโต้ดังกล่าวไปขึ้นรางวัล ก่อนจะพบว่าล็อตโต้นั้นถูกสลับไปเป็นใบที่ไม่ถูกรางวัลแทน

ตำรวจจึงตั้งข้อสงสัยไปที่นายอดุลทันที แต่นายอดุลได้นำล็อตโต้ดังกล่าวไปขึ้นเงินเป็นที่เรียบร้อย และพบว่าเขาได้รับเงินมากกว่าที่คิด เป็นมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ทีเดียว

เรื่องนี้ร้อนถึงทางผู้ตรวจของสำนักงานล็อตเตอรี่ในซาคราแมนโต้ ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบผู้ถูกรางวัลมูลค่ามากกว่า 600 ดอลลาร์ หรือราว 2 หมื่นบาทขึ้นไป ที่กลับไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดว่าใครเป็นเจ้าของล็อตโต้ตัวจริง ซึ่งไม่พบนายอดุลย์ปรากฏอยู่เลย

ในที่สุด ทางตำรวจเมืองวาคาวิลล์ จึงร่วมมือกับผู้ตรวจของสำนักงานล็อตเตอรี่ในซาคราแมนโต้ จัดฉากเรียกตัวนายอดุลมารับเงินรางวัล แต่กลายเป็นการจับกุมในที่สุด ซึ่งนายอดุลให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้สลับล็อตโต้ตอนที่เพื่อนร่วมห้องดวงดีหลับไป


หนังสือด่วนที่สุดกรมปกครอง ให้ “ชะลอแผนเลือกตั้ง ส.ส.”

กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีหนังสือด่วนที่สุดแจ้งสำนักทะเบียนทั่วประเทศ ชะลอแผนงานการเลือกตั้ง ส.ส. เนื่องจากได้รับการประสานจากสำนักงาน กกต.ว่า พระราชกกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการทั่วไป พ.ศ…. ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

วันที่ 7 ม.ค. 62 กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีหนังสือด่วนที่สุดแจ้งวิทยุในราชการกรมการปกครอง เรื่องเลือกตั้ง ส.ส. ที่ มท.0309.1/ ว 5 ถึง นายทะเบียนจังหวัดทุกจังหวัด และนายทะเบียนกรุงเทพมหานคร โดยมีเนื้อหาระบุว่า “ตามหนังสือสำนักทะเบียนกลาง ด่วนที่สุด ที่ มท.0309.1/ ว 482 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2561 สำนักทะเบียนกลางให้สำนักทะเบียนจังหวัดและสำนักทะเบียนกรุงเทพมหานคร แจ้งสำนักทะเบียนอำเภอและสำนักทะเบียนท้องถิ่น เตรียมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2562 ตามแผนงานเตรียมการเลือกตั้งฯ ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) นั้น

เนื่องจาก ได้รับการประสานจากสำนักงาน กกต.ว่า พระราชกกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการทั่วไป พ.ศ…. ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงขอระงับการดำเนินการตามแผนงานเตรียมการเลือกตั้งฯ ที่ได้แจ้งไว้ หากมีการเปลี่ยนแปลงประการใดจักแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ดังนั้น จึงขอให้สำนักทะเบียนจังหวัดและสำนักทะเบียนกรุงเทพมหานคร แจ้งสำนักทะเบียนอำเภอและสำนักทะเบียนท้องถิ่น ชะลอการปฏิบัติตามแผนงานการเลือกตั้งฯ ตามหนังสือดังกล่าวไปก่อน จนกว่าจะมีการสั่งการเป็นอย่างอื่น หากมีปัญหาข้อสงสัยประการใดให้ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด หรือสำนักทะเบียนกลาง ทางโทรศัพท์หมายเลข 0 2791 7312-6

ทั้งนี้ หนังสือด่วนที่สุดดังกล่าว ลงนามโดย นายวีนัส สีสุข รองผู้อำนวยการทะเบียนกลาง ปฏิบัติราชการแทน ผู้อำนวยการทะเบียนกลาง


"หญิงหน่อย" บุกถามถึงตัวเจ้าหน้าที่ แอบสอดแนม ขณะหาเสียงเชียงราย

เพจ เอก วงษ์ปัญญา-Eak wongpanya เผยแพร่คลิปที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำ (9 ม.ค.) ขณะคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานฝ่ายกลยุทธ์การเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินออกจากร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย เข้าไปหาชาย 2 คน ที่มีลักษณะคล้ายพนักงานของรัฐ ที่คุณหญิงสุดารัตน์และทีมงานรู้สึกว่ากำลังจับจ้องความเคลื่อนไหวของตนเองตลอดเวลา

หลังจากคุณหญิงสุดารัตน์เดินเข้าไปถึงตัวแล้ว พบว่าชายคนหนึ่งใส่เสื้อโปโลสีดำที่มีข้อความว่า Police หรือตำรวจ ขณะที่ชายอีกคน ที่สวมเสื้อเทาผมเกรียนคล้ายทหาร คุณหญิงสุดารัตน์จึงถามว่ามาจากไหน เป็นทหารหรือไม่ แต่ชายคนดังกล่าวบอกว่าตนเป็นตำรวจมาจากกองเมือง หรือสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย

ไม่ใช่แค่นั้น คุณหญิงสุดารัตน์ถามต่อไปว่า มาทำไม หนึ่งในนั้นตอบว่ามารักษาความปลอดภัย คุณหญิงสุดารัตน์ถามย้ำอีกว่า มาจากกองเมืองหรือมาจากทหาร ชายเสื้อเทาก็ตอบอีกครั้งว่ามาจากกองเมืองจริงๆ นอกจากนี้ได้ถามอีกครั้งว่า ผู้บังคับบัญชาให้มาทำอะไร ชายคนนี้ตอบว่า ให้มาดูเหตุการณ์เฉยๆ เผื่อว่าอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน

"ให้มาดูเฉยๆ ครับ เผื่อมีเหตุการณ์อะไรก็(รายงาน)ตามนั้น ก็ไม่มีอะไรครับ"

หลังจากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์บอกว่า รู้สึกว่าผู้มีอำนาจจะห่วงตนและทีมงานมากเกินไป และได้กล่าวขอบคุณชายทั้ง 2 คนที่ทำหน้าที่ของตัวเอง

ก่อนหน้านั้น คุณหญิงสุดารัตน์ และทีมงานเดินทางไปพบปะประชาชนและผู้ค้าที่ตลาดแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงราย ทั้งยังทักทายผู้คนเป็นคำเมือง ที่แสดงถึงความใกล้ชิดกับคนในท้องถิ่นอีกด้วย


ตามรอยห้องพักรายวัน คนดูแลเผย หนุ่มใหญ่เอาใจ “น้องโยโย่” อย่างดี

ตามรอยห้องพักรายวัน “น้องโยโย่” ที่เชียงใหม่ พบหนุ่มใหญ่จูงมือเข้าพักและอ้างว่าเป็นพ่อพาลูกสาวท่องเที่ยว แต่คนดูแลเผยพบพฤติกรรมผิดสังเกตหลายอย่าง โดยเฉพาะการซื้อนมสำหรับบำรุงคนตั้งท้องให้ดื่ม

ความคืบหน้ากรณี “น้องโยโย่” เด็กหญิงอายุ 14 ปี ที่หายตัวออกไปจากบ้านที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 61 กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่และกองปราบปรามประสานงานร่วมกันจนสามารถติดตามพบตัวที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมควบคุมตัวนายรณชิต บำรุงจิตต์ อายุ 52 ปี ที่เป็นคนพาน้องโยโย่ขี่จักรยานยนต์มาที่จังหวัดเชียงใหม่ และเข้าพักที่ห้องพักรายวันแห่งหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแสและแกะรอยจากหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดจนพบตัว ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ให้การช่วยเหลือรับตัวน้องโยโย่ไปอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนนายรณชิตควบคุมตัวไว้เพื่อเตรียมดำเนินคดี

(11 ม.ค. 62) จากการตรวจสอบที่ห้องพักรายวันแห่งหนึ่งย่านหนองป่าครั่ง ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามพบตัวน้องโยโย่ แล้วให้การช่วยเหลือ พร้อมทั้งควบคุมตัวนายรณชิตนั้น เบื้องต้นพบว่าห้องพักมีการเก็บกวาดทำความสะอาดแล้ว ขณะที่จากการสอบถามพูดคุยกับทางผู้ดูแลห้องพักรายวันแห่งดังกล่าว ระบุว่า นายรณชิต และน้องโยโย่ ที่ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหานะเดินทาง ได้เข้าพักเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 ม.ค. 62 เพียงลำพังสองคนที่ห้องพักหมายเลข 108 ซึ่งอยู่ที่ชั้นหนึ่ง โดยที่นายรณชิตอ้างว่าน้องโยโย่เป็นลูกสาวที่พามาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่

อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวรู้สึกว่าผิดสังเกตและทั้งสองคนไม่น่าจะเป็นพ่อลูกกันตามที่กล่าวอ้าง เพราะลักษณะการแสดงออก และการดูแลที่นายรณชิตปฏิบัติต่อน้องโยโย่ ทั้งเรื่องอาหารการกินหรือการซักทำความสะอาดผ้าแล้ว น่าจะมีความสัมพันธ์กันในลักษณะที่เกินเลยมากกว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังเกตพบด้วยว่านายรณชิตมีการซื้อนมยี่ห้อหนึ่งที่เป็นนมสำหรับผู้หญิงตั้งท้องดื่มบำรุงร่างกายให้น้องโยโย่ดื่ม ซึ่งยังมีกล่องที่ดื่มแล้วทิ้งอยู่ในถุงขยะ และที่เหลือไว้อีกจำนวนหนึ่งด้วย

ขณะเดียวกัน ผู้ดูแลห้องพักบอกว่า ตลอดช่วงที่ทั้งสองคนพักอยู่ น้องโยโย่จะแต่งกายค่อนข้างมิดชิดทั้งเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว รวมทั้งสวมใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า หรือหากไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยก็จะหลบหน้าหลบตาอยู่ตลอด ทำให้ไม่ทันได้เห็นใบหน้าชัดเจนและไม่สามารถสังเกตจดจำได้ว่าเป็นน้องโยโย่ที่กำลังเป็นข่าวโด่งดังว่าหายออกไปจากบ้านและกำลังมีการตามหาตัวกัน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบเมื่อคืนวานนี้ (10 ม.ค. ) และให้การช่วยเหลือออกไป ซึ่งรู้สึกตกใจมากเมื่อทราบในภายหลัง

“ทรัมป์” คว่ำเจรจาชัตดาวน์ เหตุยัวะไม่ได้งบสร้างกำแพง

อ้างคุยไปเสียเวลาเปล่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เดินออกจากห้องประชุมเจรจากับแกนนำคองเกรสพรรคเดโมแครต เมื่อฝ่ายหลังยืนกรานไม่ให้งบสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโก 5,700 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้การชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อมา 19 วัน ไม่มีทีท่ายุติ

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงดึงดันว่าเขาจะต้องได้งบประมาณสำหรับการก่อสร้างกำแพงหรือรั้วกั้นชายแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโก ระหว่างการประชุมกับแกนนำเดโมแครตที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครต และชัค ชูเมอร์ แกนนำ ส.ว.เดโมแครต ก็ยืนกรานปฏิเสธอยู่เช่นเดิม และทำให้ทรัมป์เดินออกจากห้องประชุมอย่างเดือดดาล พร้อมกับทวีตหลังจากนั้นว่า “เสียเวลาเปล่า”

ขณะที่ ส.ว.ชูเมอร์ กล่าวกับนักข่าวว่า ทรัมป์ทุบโต๊ะแล้วก็ลุกเดินออกไป เป็นอีกครั้งที่พวกเราได้เห็นทรัมป์แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราด เพราะเขาไม่ได้อย่างที่ต้องการ

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า แม้ทั้ง 2 ฝ่ายจะยอมรับว่าการประชุมจบลงอย่างกะทันหัน แต่ต่างก็กล่าวโทษอีกฝ่ายว่าเป็นต้นเหตุ

เควิน แม็กคาร์ธี ส.ส.พรรครีพับลิกันที่หนุนหลังทรัมป์และอยู่ในห้องประชุมนั้นด้วย กล่าวว่า ทรัมป์ได้ถามเหล่าแกนนำเดโมแครตว่าพวกเขาจะยอมให้งบสำหรับโครงการสร้างกำแพงหรือไม่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่ทรัมป์จะยอมยุติการชัตดาวน์ แต่นางเพโลซียกมือขึ้น และตอบทันทีว่าไม่แน่นอน

ส่วนรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ กล่าวว่า เป็นอีกครั้งที่เหล่าแกนนำเดโมแครตไม่เต็มใจแม้แต่จะเจรจาต่อรอง ทั้งที่ทรัมป์มาเจรจาโดยสุจริตใจ “ท่านประธานาธิบดีเดินเข้ามาในห้อง แล้วแจกลูกอม ผมนึกไม่ออกว่ามีตอนไหนที่ท่านขึ้นเสียงหรือทุบโต๊ะ” เพนซ์ปกป้องทรัมป์

ทรัมป์ต้องการงบ 5,700 ล้านดอลลาร์ สำหรับก่อสร้างกำแพงที่เขาอ้างว่าจำเป็นนักหนาสำหรับการขัดขวางพวกคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย, พ่อค้ายา และพวกลักลอบนำคนเข้าเมืองจากเม็กซิโก เข้ามาก่ออาชญากรรมในสหรัฐฯ แต่พรรคเดโมแครตโต้แย้งว่า กำแพงหรือรั้วนี้ส่งผลน้อยมากต่อการแก้ไขปัญหาที่แท้จริงบริเวณชายแดน การใช้นโยบายแข็งกร้าวของทรัมป์กลับยิ่งสร้างวิกฤติมนุษยธรรมต่อผู้อพยพที่เปราะบางและไม่เป็นพิษเป็นภัย

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เปรยไว้กับนักข่าวที่ทำเนียบขาวว่า หากไม่ได้ตามที่ต้องการ เขาอาจประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อดึงงบสร้างกำแพงโดยไม่ผ่านสภา