เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2566 สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้ร่วมกับสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แห่งแคลิฟอร์เนีย จัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันปิยมหาราช โดยนายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส และภริยา พร้อมด้วยหัวหน้าสำนักงานทีมประเทศไทยและข้าราชการสถานกงสุลใหญ่ฯ และสำนักงานทีมประเทศไทยได้เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณหน้าพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ วัดไทยลอสแองเจลิส โดยมีผู้แทนสมาคม ชมรม และองค์กรชุมชนไทยเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
เครื่องบินขับไล่ F-16 ของสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีฐาน 2 แห่งของกองกำลังที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน ในประเทศซีเรีย ขณะที่ไบเดนเตือนสหรัฐฯ จะใช้มาตรการเพิ่มขึ้นหากอิหร่านยังไม่หยุดทำ 'สงครามตัวแทน'
เมื่อ 27 ต.ค. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพสหรัฐฯ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 สองลำ โจมตีฐานสองแห่ง เป็นที่เก็บอาวุธและเครื่องกระสุนของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านและกลุ่มติดอาวุธในประเทศซีเรีย ที่บริเวณใกล้กับเมืองอาบู คามาล เมืองชายแดนของซีเรีย ติดกับประเทศอิรัก เมื่อเวลา 04.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสจะขยายวงกว้างออกไปมากขึ้นขณะที่อิสราเอลระดมโจมตีฉนวนกาซาอย่างหนักหน่วง
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งให้กองทัพสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีฐานสองแห่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน และฐานของกลุ่มติดอาวุธในประเทศซีเรีย พร้อมทั้งยังเตือนว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการเพิ่มเติมหากอิหร่านยังคงทำสงครามตัวแทนต่อไป
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า กองกำลังทหารสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรถูกโจมตีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงอย่างน้อย 19 ครั้งในอิรักและซีเรียซึ่งรัฐบาลอิหร่านให้การสนับสนุน ในขณะที่กลุ่มฮามาส อิสลามิกจีฮัด และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนต่างได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน
เอเอฟพี รายงานว่า นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา (เพนตากอน) แถลงว่ากองทัพสหรัฐฯ โจมตีเป้าหมาย 2 แห่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (ไออาร์จีซี) ของอิหร่าน และกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ภาคตะวันออกของ ซีเรีย
“การโจมตีเพื่อป้องกันตนเองที่แม่นยำเป็นการตอบโต้การพุ่งเป้าโจมตีที่ไม่ประสบผลสำเร็จต่อเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในอิรักและซีเรียอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 17 ต.ค.” นายออสตินระบุในแถลงการณ์
ก่อนเปิดเผยว่าในช่วงที่ไออาร์จีซีโจมตีมีเจ้าหน้าที่สัญญาจ้างซึ่งเป็นพลเรือนชาวอเมริกัน 1 รายเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ และเจ้าหน้าที่ทหารอเมริกันอีก 21 นายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และทุกคนสามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้แล้ว
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ แถลงเตือนโดยตรงถึง อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น
นายออสตินย้ำด้วยว่า “การโจมตีป้องกันตัวเองนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องบุคลากรของสหรัฐในอิรักและซีเรียเท่านั้น นี่เป็นเรื่องที่แยกจากกันและแตกต่างจากความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างอิสราเอลและฮามาส และไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวทางของเราต่อความขัดแย้งดังกล่าว”
ที่มา : Reuters
27 ตุลาคม พ.ศ. 2566 : ลูอิสตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) – ตำรวจสหรัฐฯ ออกปฏิบัติการไล่ล่าขนานใหญ่เพื่อตามจับตัวมือปืน ซึ่งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่า สังหารประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 22 ศพ และมีผู้บาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมากในเหตุกราดยิงครั้งใหญ่ในรัฐเมน ถือเป็นเหตุกราดยิงรุนแรงนองเลือดที่สุดของปีนี้ในสหรัฐฯ
ตำรวจกล่าวว่า มือปืนรายนี้ชื่อโรเบิร์ต คาร์ด ซึ่งเห็นตัวเขาในคลิปวิดีโอของกล้องวงจรปิด เล็งปืนกึ่งอัตโนมัติและเดินเข้าไปในลานโบว์ลิ่งในเมืองลูอิสตัน โดยตำรวจระบุว่า เขาเป็นบุคคลที่มีอาวุธและเป็นอันตราย โทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างแหล่งข่าวหน่วยงานรักษากฎหมายที่ว่า คาร์ด เป็นคนสอนการใช้อาวุธที่ได้รับใบอนุญาตรับรองและเป็นสมาชิกของกองกำลังสำรองของกองทัพสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ของเมืองลูอิสตันกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยืนยันมีผู้เสียชีวิตแล้ว 22 ศพบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ราว 50-60 คน หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถยนต์หนีไป
ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เหตุยิงกันเกิดขึ้นในหลายจุด พื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองลูอิสตันถูกล็อกดาวน์ เจ้าหน้าที่ขอให้บริษัทธุรกิจต่างๆ ปิดบริการและขอให้ประชาชนหลบอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยสาธารณะของรัฐเมนกล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุตัวเลขผู้เสียชีวิตได้เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายร้อยคนกระจายกำลังกันไปตามถนนในเมืองเพื่อตามหาตัวมือปืน ตามรูปพรรณล่าสุดคือไว้เครา สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำตาล สวมกางเกงยีนส์ ในมือถือปืนยาวในลักษณะพร้อมจ่อยิง รวมทั้งภาพรถเอสยูวีสีขาว เพื่อ ให้ประชาชนช่วยกันแจ้งเบาะแส
ล่าสุด มือปืนขับรถหลบหนีไปที่เมืองลิสบอนห่างจากเมืองลูอิสตันไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 11 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่พบรถยนต์คันดังกล่าวอยู่ที่เมืองนี้แต่มือปืนไม่ได้อยู่ในรถ ทางการท้องถิ่นเตือนให้ประชาชนทั้งที่เมืองลูอิสตันและเมืองลิสบอนอยู่ภายในบ้านปิดล็อกประตูหน้าต่างให้มิดชิด เพื่อป้องกันอันตรายเพราะคนร้ายซึ่งถูกระบุว่ามีอาวุธและเป็นบุคคลอันตรายอาจจะก่อเหตุร้ายขึ้นได้อีก
จากการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับมือปืนพบว่า คาร์ดเคยเป็นครูฝึกสอนยิงปืน และเคยทำงานอยู่ในกองทัพบกของสหรัฐฯ มาก่อน แต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เขาเคยถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชเนื่องจากมีอาการทางประสาท เช่น หูแว่ว และเคยขู่ว่าจะกราดยิงที่ฐานทัพแห่งหนึ่งด้วย
ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งกำลังอยู่ในงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติกับนายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบาเนซี ของออสเตรเลีย ที่กำลังอยู่ในระหว่างการเยือนสหรัฐฯ ต้องปลีกตัวออกมาโทรศัพท์ไปหาผู้ว่าการรัฐเมน วุฒิสมาชิกของรัฐเมนและสมาชิกรัฐสภาเพื่อเสนอให้ความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง
ทั้งนี้ หากจำนวนผู้เสียชีวิต 22 ศพได้รับการยืนยัน เหตุการณ์กราดยิงครั้งนี้จะถือว่าเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 ที่เกิดเหตุกราดยิงในเมืองเอลปาโซ รัฐเท็กซัสที่มีผู้เสียชีวิตไป 23 ศพ ส่วนเหตุการณ์กราดยิงครั้งใหญ่สุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2560 มือปืนซึ่งกราดยิงลงมาจากอาคารสูงของโรงแรมสาดกระสุนเข้าใส่ผู้คนที่มาร่วมงานเทศกาลดนตรีในนครลาสเวกัส มีผู้เสียชีวิตถึง 58 ศพสำหรับในปีนี้ มีเหตุการณ์กราดยิงในสหรัฐฯ ที่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บตั้งแต่ 4 คนขึ้นไปเกิดขึ้นมาแล้วกว่า 560 ครั้ง
27 ตุลาคม 2566 : สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า หลังจากที่เรือของฟิลิปปินส์และจีนได้ชนกัน 2 ครั้งในทะเลจีนใต้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุด ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนประเทศจีนว่า สหรัฐฯ จะให้การปกป้องฟิลิปปินส์หากมีการโจมตีใดๆ เกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ที่ทั้งจีนและฟิลิปปินส์ต่างอ้างกรรมสิทธิ์
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า “ผมอยากจะพูดอย่างชัดเจนที่สุด ว่าพันธกรณีของสหรัฐฯ ในด้านกลาโหมกับฟิลิปปินส์เข้มแข็งมาก เช่นเดียวกับข้อตกลงกลาโหมกับฟิลิปปินส์ที่ไม่สามารถถูกทำลายได้” และการโจมตีใดๆ ต่อเครื่องบิน เรือ หรือกองทัพฟิลิปปินส์จะทำให้สนธิสัญญาร่วมป้องกันของสหรัฐและฟิลิปปินส์ที่มีการลงนามในปี 1951 เกิดขึ้นได้
ถ้อยแถลงดังกล่าวเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นถ้อยแถลงในเรื่องทะเลจีนใต้ที่หนักแน่นที่สุดของประธานาธิบดีไบเดน นับตั้งแต่ที่ความตึงเครียดระหว่างจีนและฟิลิปปินส์เริ่มรุนแรงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ด้านนางเหมา หนิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้ออกมากล่าวตอบโต้ว่าสหรัฐฯ ไม่มีสิทธิที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวในปัญหาระหว่างจีนและฟิลิปปินส์ อีกทั้งการปกป้องฟิลิปปินส์ของสหรัฐฯ จะต้องไม่กระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ทางทะเลของจีนในทะเลจีนใต้
27 ตุลาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอข่าว China says US has no right to get involved in its problems with Philippines ระบุว่า เหมาหนิง (Mao Ning) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ออกมาเตือนสหรัฐอเมริกา ว่าไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์กรณีข้อพิพาททะเลจีนใต้ หลังสหรัฐฯ ประกาศพร้อมช่วยฟิลิปปินส์ในเรื่องนี้
“คำสัญญาของสหรัฐฯ ที่จะปกป้องฟิลิปปินส์จะต้องไม่กระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ทางทะเลของจีนในทะเลจีนใต้ และจะต้องไม่ส่งเสริมและส่งเสริมการอ้างสิทธิที่ผิดกฎหมายของฟิลิปปินส์” เหมากล่าว
จีนและฟิลิปปินส์เผชิญหน้ากันหลายครั้งในทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาท บริเวณสันดอนโธมัสที่สอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะสแปรตลีย์ ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2566 เรือของจีนลำหนึ่งชนกับเรือลำหนึ่งของฟิลิปปินส์ ซึ่งฟิลิปปินส์ประณามการสกัดกั้นที่อันตรายของเรือลำดังกล่าวในระดับที่รุนแรงที่สุด
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2566 ที่ทำเนียบขาว ว่า ความมุ่งมั่นของอเมริกาต่อการป้องกันประเทศของฟิลิปปินส์ยังคงเป็นดั่งเกราะเหล็ก หลังจากกล่าวหาจีนว่ากระทำการที่เป็นอันตรายและผิดกฎหมายในทะเลจีนใต้
“การโจมตีใดๆ ต่อเครื่องบิน เรือ หรือกองทัพของฟิลิปปินส์จะก่อให้เกิดสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันของเรากับฟิลิปปินส์” ไบเดน กล่าวในความคิดเห็นระหว่างการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
เมื่อเร็วๆ นี้ สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ได้ตกลงร่วมกันเกี่ยวกับแนวปฏิบัติใหม่สำหรับสนธิสัญญาป้องกันร่วมปี 2494 แนวปฏิบัติดังกล่าวระบุไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าข้อผูกพันด้านการป้องกันร่วมกันจะถูกนำมาใช้ หากมีการโจมตีด้วยอาวุธต่อประเทศใดประเทศหนึ่งที่ใดก็ได้ในทะเลจีนใต้
ที่มา : https://www.reuters.com/world/china-
นักเขียนชื่อดังเจ้าของนิยายสยองขวัญยอดนิยมหลายเรื่อง โพสต์ข้อความวิจารณ์เหตุการณ์กราดยิงในรัฐเมนซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย
หลังจากเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่รัฐเมน เมื่อ โรเบิร์ต คาร์ด ชายวัย 40 ปี ใช้ปืนกราดยิงประชาชนที่ลานโบว์ลิงและสถานที่จัดกิจกรรมในย่านชุมชนของเมืองลูอิสตัน จนทำให้ผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 20 ราย นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน ‘สตีเวน คิง’ เจ้าของฉายา ‘ราชานิยายสยองขวัญ’ ก็ได้โพสต์ข้อความวิจารณ์เหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมาบนแพลตฟอร์ม เอ็กซ์ (ทวิตเตอร์)
ระทึกขวัญ ! ไอ้คลั่งกราดยิงแหลกที่สหรัฐฯ ผู้บริสุทธิ์ดับแล้ว 22 ราย เจ็บเกินครึ่งร้อย
คิง ระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็น “ความบ้าคลั่งในนามของเสรีภาพ” โดยเขาชี้ว่าอาวุธที่ใช้ฆาตกรรมหมู่ประชาชนในครั้งนี้เป็น “เครื่องจักสังหารที่สาดกระสุนได้เป็นชุดๆ” นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ “หยุดลงคะแนนเลือกพวกชอบแก้ต่างให้ฆาตกรเสียที” ซึ่งคาดว่าเป็นการวิจารณ์นักการเมืองและกฎหมายเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืนของรัฐเมนที่ประชาชนไม่จำเป็นต้องใช้ใบอนุญาตพกปืนในที่สาธารณะ ก็สามารถพกอาวุธติดตัวได้
นักเขียนเจ้าของนิยายที่โด่งดังหลายเรื่อง เช่น It, The Shining, The Green Mile, The Shawshank Redemption และซีรีส์ชุด The Dark Tower เกิดและเติบโตที่รัฐเมน เขาเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่เมืองลิสบอน ซึ่งอยู่ห่างเมืองลูอิสตันอันเป็นสถานที่เกิดเหตุกราดยิงเพียง 80 กม.
ต่อมา คิง ก็โพสต์ข้อความบน เอ็กซ์ เพิ่มเติมว่า “เรื่องนี้ไม่เห็นเกิดขึ้นในประเทศอื่น” โดยเป็นการเขียนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดเพื่อเป็นการเน้นย้ำ
คิง ประกาศตัวอย่างชัดเจนมาโดยตลอดต่อการพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ และเรียกร้องให้ส.ส.ในรัฐสภาลงมือแก้ไขปัญหานี้
เมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา เขาเคยโพสต์ข้อความบนเอ็กซ์ว่า “มันอาจจะถึงเวลาเลิกพูดเรื่องการตามล่าหาเครื่องแลปท็อปของ ฮันเตอร์ ไบเดน เสียที และหันไปลงมือแก้ปัญหาเรื่องความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนของอเมริกาได้แล้ว”
ข้อความดังกล่าวคาดว่าเป็นการกล่าวเหน็บแนมการสืบสวนของทางการสหรัฐฯ หลังจากมีข้อกล่าวหาว่าประธานาธิบดีไบเดนและ ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของเขา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาทางธุรกิจกับต่างชาติมูลค้าหลายล้านดอลลาร์ โดยอาศัยอำนาจและสายสัมพันธ์จากหน้าที่การงานของผู้เป็นพ่อ
ตามข้อมูลของสื่อท้องถิ่นระบุว่า การกราดยิงในครั้งนี้ถือว่าเป็นการกราดยิงในสหรัฐอเมริกาครั้งที่ 36 ของปีนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วไม่ต่ำกว่า 188 คน โดยไม่นับรวมผู้ที่ลงมือก่อเหตุ
ที่มา : wdhn.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES