ข่าว
'สิงคโปร์'มองเหตุปะทะไทย-กัมพูชา สะท้อนความล้มเหลวของผู้นำ

6 สิงหาคม 2568 นายวิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า เหตุปะทะด้วยระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาที่เกิดขึ้นล่าสุด ไม่เพียงแต่เป็นความถดถอยสำหรับสันติภาพในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความน่าเชื่อถือของอาเซียนด้วย

ปัญหาเรื่องดินแดนที่เกิดขึ้นได้จุดประเด็นคำถามเกี่ยวกับความสามารถของอาเซียนในการป้องกันและการจัดการกับวิกฤติการณ์และนายบาลากริชนันกล่าวว่า แม้ปัญหาเรื่องดินแดนดังกล่าวจะไม่ใช่เรื่องแปลกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เขาก็เน้นย้ำว่าความรุนแรงเป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้

นายบาลากริชนันกล่าวว่า เมื่อมีความรุนแรงเกิดขึ้น เป็นการสะท้อนถึงความล้มเหลวของความเป็นผู้นำ เขายังเตือนไม่ให้ปล่อยให้เรื่องต่างๆ เลวร้ายลงจนกลายเป็นเหตุวิกฤติร้ายแรง เนื่องจากภูมิภาคนี้กำลังเผชิญกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นและภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจโลกที่แตกแยกมากขึ้นเรื่อยๆ

นายบาลากริชนัน กล่าวเรื่องนี้ในเวทีการประชุมอาเซียนและเอเชียครั้งที่ 17 ซึ่งจัดโดยสถาบันกิจการระหว่างประเทศแห่งสิงคโปร์ในวันที่ 5 สิงหาคม โดยเขาอธิบายว่าความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทยเป็นความเสียหายร้ายแรงสำหรับกลุ่มอาเซียน

รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์กล่าวต่อผู้ฟังซึ่งประกอบด้วยนักการทูต นักวิชาการ และผู้นำทางธุรกิจประมาณ 300 คนที่โรงแรมพาร์ครอยัล บีชโร้ดว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดให้ดูดีกว่าความเป็นจริง นี่คือความถดถอย ความถดถอยครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่เพื่อสันติภาพและเสถียรภาพเท่านั้น แต่เพื่อความน่าเชื่อถือในอาเซียนด้วย”

เขากล่าวว่า ประเทศในภูมิภาคนี้อยู่กับข้อพิพาทด้านดินแดนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขมานาน ซึ่ง นายบาลากริชนันกล่าวย้ำว่าการมีอยู่ของข้อพิพาทเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องนำไปสู่ความรุนแรงเสมอไป

แค่มีพื้นที่ที่ยังไม่ได้กำหนดขอบเขตหรือกำลังมีข้อพิพาท ไม่ได้หมายความว่าจะต้องนำไปสู่ความรุนแรง และความจริงที่ว่าความรุนแรงเกิดขึ้นเป็นความล้มเหลวทางการทูต และอาจมีความซับซ้อนเมื่อความเป็นผู้นำมีความอ่อนแอ

นายบาลากริชนันกล่าวว่า ทางแก้คือให้ประเทศต่างๆ ดูแลสังคมของตนเองก่อน ซึ่งเป็นประเด็นที่เขามักจะเน้นย้ำโดยกล่าวว่านโยบายต่างประเทศเริ่มต้นจากภายในประเทศ เขาตั้งข้อสังเกตว่าการต่อต้านโลกาภิวัตน์และการค้า รวมถึงการใช้อัตราภาษีและห่วงโซ่อุปทานเป็นเครื่องมือ มักมีต้นกำเนิดมาจากความไม่มั่นคงภายในและการขาดความเชื่อมั่นว่าระบบที่มีอยู่ เขาระบุว่า หากแนวรบภายในประเทศไม่สงบ การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจหรือการทูตก็เป็นเรื่องยากมาก

นายบาลากริชนันแสดงความเห็นดังกล่าวหลังจากที่ประเทศไทยและกัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่มาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของอาเซียนในปีนี้ ภายหลังมีการปะทะกันห้าวันระหว่างไทยกับกัมพูชา เหตุการณ์นี้ยังถือเป็นหนึ่งในการเผชิญหน้าด้วยอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ทางด้านนายเกา กิม ฮวน เลขาธิการอาเซียน ซึ่งพูดในเวทีเดียวกันแต่คนละช่วงเวลากล่าวว่า การดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของมาเลเซียมีบทบาทสำคัญในการคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา การตัดสินใจที่แน่วแน่ของประธานอาเซียนในการมามีบทบาทครั้งนี้เป็นเรื่องที่โดดเด่นมาก พร้อมเสริมว่ารัฐมนตรีกลาโหมจากทั้งสองฝ่ายได้กลับมาเจรจากันในกัวลาลัมเปอร์แล้ว และกำลังมีความคืบหน้า

นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียกล่าวเมื่อวันอังคารว่า รัฐบาลมาเลเซียพร้อมที่จะส่งทีมสังเกตุการณ์ไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา หากได้รับการร้องขอจากทั้งสองฝ่าย แม้ว่าในตอนนี้จะมีการเฝ้าติดตามสถานการณ์ระยะไกลผ่านดาวเทียมและประสานงานผ่านผู้ช่วยทูตฝ่ายกลาโหมของมาเลเซีย

'บิ๊กเต่า'ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง รับบริจาคเงินเข้าบัญชีวัด แต่ถอนได้คนเดียว ส่อเข้าข่ายฉ้อโกง

วันที่ 6 สิงหาคม 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดแห่งหนึ่ง แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร

เมื่อถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง

เมื่้อถามว่า อีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย


บุกค้นโกดังเก็บ'โดรน-เครื่องยิงโดรน-รถโมบาย' ยึดอุปกรณ์-ขยายผลเอี่ยวความมั่นคงหรือไม่

6 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กสทชร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ และฝ่ายความมั่นคง ร่วมกันเข้าตรวจสอบภายในโกดังบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากสืบทราบว่าโกดังแห่งนี้เป็นโกดังเก็บและนำเข้าโดรนและเครื่องตรวจับสัญญาณโดรน

โดยหลังจากการเข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ไปพบ 1.โดรน จำนวน 29 รายการ 2.กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ จำนวน 38 เครื่อง 3.ปืนรบกวนสัญญาณโดรน จำนวน 129 กระบอก 4.เครื่องรบกวนสัญญาณ จำนวน 16 เครื่อง 5.รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ จำนวน 1 คัน และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อีกจำนวน 50 รายการ โดยมีผู้จัดการซึ่งเป็นคนไทย ออกมาให้ข้อมูลและความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงยึดอุปกรณ์ทั้งหมดไปตรวจสอบที่กสทช.และคาดว่าจะมีการแถลงข่าวในวันนี้

สำหรับการเข้าตรวจค้นโกดังบริษัทดังกล่าว แหล่งข่าวระบุว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ทางด้าน กสทช. ได้ตรวจพบสัญญาณบินโดรนที่ย่านบางปู จึงสืบสวนจนกระทั่งทราบว่าโดรนดังกล่าวมีแหล่งที่ผ่านจากโกดังดังกล่าว จึงร่วมกับตำรวจและผู้เกี่ยวข้องนำกำลังเข้าตรวจสอบจนกระทั่งพบของกลางจำนวนมาก

จากข้อมูลแหล่งข่าวยังระบุอีกว่า สำหรับบบริษัทดังกล่าว เป็นบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีการนำเข้าโดรนและอุปกรณ์ต่อต้านโดรนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีราคาหลักล้านบาทต่อชิ้น ส่วนรถโมบายตรวจจับสัญญาณและต่อต้านโดรนมีราคาสูงกว่า 40 ล้านบาท และจะขายให้เฉพาะหน่วยงานภาครัฐเพื่อใช้ด้านความมั่นคงเท่านั้น เปิดบริษัทมาแล้วกว่า 3 ปี ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลว่าเกี่ยวข้องกับความมั่นระหว่างประเทศหรือไม่


ทลายเว็บ Auto888vip 100 ล้านกลางปทุมธานี รวบผู้รับผลประโยชน์-ยึดทรัพย์กว่า 56 ล้าน

ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปปง.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว

เวลา 11.00 น. ที่บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ทลายเว็บพนัน 100 ล้านกลางปทุมธานี รวบผู้รับผลประโยชน์ พร้อมยึดทรัพย์กว่า 56 ล้าน

สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเร่งปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ โดยเมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ (6 สิงหาคม 2568) พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 และ พ.ต.ท.ชนทัช วุฒิภัทรโสภณ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 168/2568 ลง 5 ส.ค.68 และ หมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 741/2568 ลง 4 ส.ค.68 เข้าตรวจค้นบ้านพักภายในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ย่านคลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อจับกุมเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ Auto888vip .com

จากการตรวจค้นเบื้องต้น พบนายทวีศักดิ์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้รับผลประโยชน์และคนกดเงินสดที่ได้จากขบวนการดังกล่าว นอกจากนี้ยังสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้หลายรายการ อาทิ

1.รถยนต์ ยี่ห้อ เบนซ์ CLS53 มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท

2.รถยนต์ ยี่ห้อ BMW M4 มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท

3.เงินสดประมาณ 28 ล้านบาท

4.นาฬิกายี่ห้อ PATEK ราคาประมาณ 3 ล้าน

5.นาฬิกา ยี่ห้อ ROLEX ราคาประมาณ 4 แสน

6.เครื่องประดับ มูลค่าประมาณ 2 ล้าน

7.เสื้อผ้า Brand name มูลค่าประมาณ 6 แสน

8.โทรศัพท์ มือถือ จำนวนประมาณ 30 เครื่อง

9.สมุดบัญชี จำนวน 6 เล่ม

10.บัตรกดเงินสด จำนวน 3 ใบ

11.อายัดบ้านพร้อมที่ดิน 1 หลัง ราคา 7 ล้านบาท

รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดกว่า 56 ล้านบาท

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าเว็บไซต์ดังกล่าว มีสมาชิกผู้เล่นประมาณกว่า 3,000 ราย ต่อเดือน โดยจากพยานหลักฐานพบว่ามีการถอนเงินสดออกจากระบบในพื้นที่ประเทศไทย ประมาณ 20 ล้านบาท ต่อเดือน มาตั้งแต่ ช่วง เดือน ธ.ค.67 - พ.ค.68 ซึ่งคาดว่ามีเงินหมุนเวียนในขบวนการดังกล่าวนับ 100 ล้านบาทต่อปี โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด เพื่อนำตัวมาลงโทษตามกฎหมาย พร้อมเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินทุกมิติ เพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

'NASA'เล็งสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนดวงจันทร์ หวั่นจีน-รัสเซียลงมือตัดหน้า

6 สิงหาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (NASA) เรียกร้องให้มีการแต่งตั้งผู้มีอำนาจสูงสุดด้านพลังงานนิวเคลียร์ เพื่อคัดเลือกข้อเสนอเชิงพาณิชย์ 2 ข้อ ภายใน 6 เดือน โดยกำหนดให้เป็นวาระสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อแซงหน้าความพยายามร่วมกันระหว่างจีนกับรัสเซีย

บันทึกลงวันที่ 31 ก.ค. 2568 ลงนามโดยฌอน ดัฟฟีย์ รมว.คมนาคมสหรัฐ และรักษาการผู้อำนวยการนาซา ถือเป็นสัญญาณล่าสุดในการเปลี่ยนแปลงของนาซา โดยให้ความสำคัญกับการสำรวจอวกาศของมนุษย์ มากกว่าการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ

"นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2567 จีนและรัสเซีย ประกาศความพยายามร่วมกันอย่างน้อย 3 ครั้ง ในการติดตั้งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนดวงจันทร์ ภายในช่วงกลางทศวรรษที่ 2573 นั่นหมายความว่า ประเทศแรกที่ทำสำเร็จ อาจประกาศเขตห้ามเข้า ซึ่งจะขัดขวางภารกิจอาร์ทิมิสของสหรัฐอย่างมีนัยสำคัญ หากสหรัฐไม่ดำเนินการก่อน"

แนวคิดการใช้พลังงานนิวเคลียร์นอกโลกไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เนื่องจากระบบนิวเคลียร์สามารถทำงานได้ตลอดเวลา ซึ่งมีคุณค่าอย่างยิ่งในช่วงเวลากลางคืนบนดวงจันทร์ที่ยาวนานหลายสัปดาห์ หรือกรณีที่เกิดพายุฝุ่นบนดาวอังคาร อีกทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยียังทำให้ระบบดังกล่าว มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบามากยิ่งขึ้น