ข่าว
กระทบยี่ปั๊ว! กลุ่มผู้ค้าเดินเร่ขาย ลดปริมาณรับซื้อลอตเตอรี่ลงเท่าตัว

8 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ค้าเดินเร่ขายลอตเตอรี่ ที่ไม่มีโควตาเป็นของตัวเอง ต้องรับซื้อลอตเตอรี่จากยี่ปั๊วมาขายต่ออีกทอด ต่างได้รับผลกระทบ หลังจากกองสลากฯ ได้เปิดจำหน่ายสลากดิจิทัล และมีโครงการขายสลากในราคา 80 บาท อำเภอละ 1 จุด ทำให้ประชาชนหันไปซื้อสลากออนไลน์ใบละ 80 บาทมากกว่า ส่งผลให้ผู้ค้าเร่ขายลอตเตอรี่ขายไม่ค่อยได้เหมือนเมื่อก่อน ต้องลดปริมาณการรับซื้อลอตเตอรี่จากยี่ปั๊วลงจากเดิมเกือบครึ่ง ซึ่งจากเดิมเคยรับซื้อจากยี่ปั๊วมาขายต่องวดละ 1,000 ใบ แต่พอกองสลากฯ มีโครงการขายสลากออนไลน์ในราคาใบละ 80 บาท ก็ลดลงเหลือเพียง 600 ใบเท่านั้น เพราะหากขายไม่หมดก็ต้องแบกรับภาระสลากที่เหลือตกค้างเอง

นางอำพร อินธิพันธ์ อายุ 47 ปี และ น.ส.แสงวลี ฐานผดุง อายุ 44 ปี ผู้มีอาชีพเร่ขายลอตเตอรี่ บอกตรงกันว่า หลังจากรัฐมีโครงการขายสลากออนไลน์ในราคาใบละ 80 บาท ก็ได้รับผลกระทบขายไม่ค่อยได้เหมือนเมื่อก่อน จนต้องลดจำนวนรับซื้อสลากจากยี่ปั๊วลงเกือบครึ่ง เพราะกลัวขายไม่หมด ขณะที่บางคนก็ชะลอยังไม่ขายในงวดนี้ไปก่อน

จากผลกระทบดังกล่าวก็อยากให้รัฐบาลได้พิจารณาจัดสรรโควต้าให้กับคนเดินเร่ขายลอตเตอรี่ จะได้ไม่ต้องไปรับซื้อต่อจากยี่ปั๊วในราคาแพงเฉลี่ยใบละ 91-93 บาท แล้วต้องมาขายต่อใบละ 100 บาท ซึ่งหากมีโควตาเป็นของตัวเองก็จะสามารถขายในราคาใบละ 80 บาท

ไม่มีใครเชิญ!‘ชัชชาติ’ตอบแล้วสาเหตุไม่ไปรับนายกฯเปิดท่าเรือ ย้ำอย่าปั่นประเด็น

8 มิถุนายน 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงกรณีไม่ได้ไปร่วมงานเปิดท่าเรือท่าช้าง-สาทร “SMART PIER SMART CONNECTION” ที่ท่าเรือท่าช้าง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิด โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงคมนาคมร่วมให้การต้อนรับ ซึ่งยืนยันว่าตนไม่ทราบเรื่องดังกล่าว จึงไม่ได้ไปร่วมงาน ไม่มีใครเชิญ ตนได้สอบถามปลัดกทม.และเลขาผู้ว่าฯกทม.ก็ไม่มีหนังสือเชิญมา ถ้าเชิญตนไปแน่นอน ยืนยันไม่รู้เรื่องเลย แต่ขอว่าอย่าไปมองเรื่องนี้ ไม่มีประเด็นอะไร

ส่วนประเด็นไลฟ์สดงานผ่านเฟซบุ๊กชัชชาติ ที่มีคนเปรียบเทียบยอดไลค์กับนายกนั้น นายชัชชาติ ตอบว่า ยอดไลค์อย่าเอามาเป็นตัววัด ขออย่าไปเปรียบเทียบกัน อย่าเอามาเป็นประเด็น เป็นเรื่องของคนทำงาน เราก็ทำงานของเรา เราเป็นผู้น้อยท่านเป็นผู้ใหญ่ ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง


‘กทม.จ้างราชทัณฑ์ส่งนักโทษลอกท่อ แรงงานชั้นดี 1,000 คนเริ่มลุย 1 ก.ค.นี้

วันที่ 7 มิ.ย.2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหารือระหว่างกรุงเทพมหานครและกรมราชทัณฑ์ เรื่องการดำเนินงานล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ให้กับกรุงเทพมหานคร โดยมี นายอายุฒน์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และสำนักการระบายน้ำ เข้าร่วม ที่สำนักการระบายน้ำ ศาลาว่าการกทม. ดินแดง

นายชัชชาติกล่าวว่า การหารือได้ข้อสรุปคือ กทม. จะเริ่มจ้างกรมราชทัณฑ์ลอกท่อระบายน้ำโดยนักโทษชั้นเยี่ยมเป็นผู้ดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ผ่านกระบวนการระหว่างรัฐ ตามกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องส่งเสริมหรือสนับสนุน ปี 2563โดยไม่ต้องเข้ากระบวนการ e-bidding ซึ่งก่อนหน้านี้ ที่ กทม.ไม่สามารถจ้างกรมราชทัณฑ์ได้ เนื่องจากมีเงื่อนไขตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ.2560 อย่างไรก็ตามในการให้นักโทษลอกท่อ จะต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ความสมัครใจของนักโทษ รวมถึงค่าแรง อุปกรณ์ในการป้องกัน และสวัสดิการต่างๆ ด้วย

ส่วนในอนาคต กทม.จะจ้างกรมราชทัณฑ์ ในการลอกท่อ 100% หรือไม่ หรือจะจ้างร่วมกับเอกชน นายชัชชาติ กล่าวว่าขึ้นอยู่กับการพิจารณาตามลำดับความเหมาะสมรวมถึงคุณภาพการทำงาน ก่อนหน้านี้มีประชาชนร้องเรียนเข้ามาว่า เอกชนลอกท่อไม่สะอาด แต่นักโทษจากกรมราชทัณฑ์สามารถลอกท่อได้อย่างมีคุณภาพ

ทั้งนี้ พื้นที่กรุงเทพฯ มีท่อระบายน้ำความยาวรวมทั้งหมด กว่า 6,500 กม. อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักการระบายน้ำกว่า 2,000 กม. และอยู่ในความดูแลของสำนักงานเขตอีกกว่า 4,500 กม. ซึ่งงบฯปี 2565 ตั้งไว้ 15 ล้านบาท จะสามารถดำเนินการได้เพียง 500 กม. ภายในเวลา 4 เดือนเบื้องต้น ผู้ว่าฯ กทม. ตั้งเป้าดำเนินการให้ได้ก่อน 100 กม. ทันที โดยได้สั่งการให้สำนักงานเขตสำรวจพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก เพื่อเริ่มดำเนินการในจุดนั้นก่อน

ด้านนายอายุตม์กล่าวว่า การนำนักโทษชั้นเยี่ยมออกมาปฏิบัติงานบริการสาธารณะถือเป็นนโยบายที่กรมราชทัณฑ์ดำเนินการมาโดยตลอด และให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชน โดยนักโทษที่มาทำงานจะมาตามความสมัครใจ ไม่มีการบังคับ ซึ่งกรมจะมีอาหาร เครื่องดื่มให้ รวมถึงสวัสดิการในการดูแลหากได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน และกำไรที่ได้จากการจ้างงาน 70% จะยกให้กับนักโทษ เพื่อเก็บไว้เป็นทุนภายหลังพ้นโทษกลับคืนสู่สังคม ทั้งนี้ ได้มีการเตรียมความพร้อมนักโทษชั้นเยี่ยมสำหรับออกมาขุดลอกท่อ จำนวน 1,000 คนจาก 10 เรือนจำ โดยทุกคนต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส และก่อนเข้าออกเรือนจำต้องตรวจ ATK ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ห้ามพบปะญาติที่มาเยี่ยม หรือออกไปเดินในตลาดพื้นที่สาธารณะ นอกพื้นที่งาน สำหรับการตรวจประเมินคุณภาพ ประสิทธิภาพการลอกท่อ จะมีเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องมือวัดตะกอนหรือปริมาณดินที่เหลืออยู่ในท่อตามเกณฑ์ที่กำหนด


'ชัชชาติ'ประชุมคกก.โรคติดต่อกทม. เคาะชง ศบค.ให้ถอดแมสก์ 2 สถานที่

8 มิ.ย.65 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 7/2565 ซี่งเป็นการประชุมครั้งแรกที่เข้าร่วม ณ ห้องนพรัตน์ ชั้น 5 ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) โดยแถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมวันนี้มีการหารือประเด็นเรื่องถอดหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ โดยคณะกรรมการฯ มีความเห็นให้ถอดหน้ากากได้ใน 2 สถานที่ คือ พื้นที่โล่งแจ้ง และ ในที่สาธารณะที่รักษาระยะห่างได้ 1 เมตร ยกเว้นในบางสถานที่ เช่น ตลาด สนามกีฬาที่มีคนดู และกลุ่มเสี่ยง 608 รวมถึงผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนตามเกณฑ์ โดยจะนำเข้า ศบค.ชุดเล็กในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับ ศบค.ที่มีอำนาจสั่งการ กทม.พร้อมดำเนินการตามขั้นตอน หากมีคำสั่งจาก ศบค. ก็จะออกประกาศกรุงเทพมหานครกำหนดข้อปฏิบัติ

“ถึงเวลาที่จะผ่อนคลายได้แล้ว เราเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาและก็ไม่ได้ใส่แมสก์ และหลายประเทศทั่วโลกก็ถอดแมสก์หมดแล้วในพื้นที่โล่งแจ้ง จำนวนผู้ติดเชื้อก็ลดลง ต่ำกว่าเกณฑ์ อัตราการตายก็ลดลง อยู่ในเกณฑ์ท่ีจะผ่อนปรนได้ เฉพาะพื้นที่มีความเสี่ยงน้อยในที่สาธารณะ และต้องมีการมอนิเตอร์ตลอดว่าจะมีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้น หรือไม่ ต้องติดตามเฝ้าระวังตลอด ที่ถอดแมสก์ให้มองเป็นประเด็นที่จะคืนชีวิตสู่ปกติ เรื่องเศรษฐกิจจะตามมา “ ผู้ว่าฯ ชัชชาติกล่าว

ทั้งนี้ นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ พี่ชายนายชัชชาติ ได้เข้าร่วมประชุมในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครด้วย โดยกล่าวว่า ตนได้ให้ข้อมูลด้านเทคนิคในการพิจารณาให้ผ่อนผันการใส่หน้ากากอยามัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงน้องชายในฐานะผู้ว่าฯกทม.ด้วยว่า คิดว่านายชัชชาติมีความตั้งใจ งานกทม.จะสำเร็จด้วยคนเดียวไม่ได้ เป็นหน้าที่ของทุกคนต้องช่วยกัน ถ้าทุกคนที่สนับสนุนให้ความร่วมมือกันก็จะเดินต่อไปได้ เดี๋ยวนี้ตามตัวยาก ก็ให้คำแนะนำในด้านที่เราเชี่ยวชาญ


นับหนึ่งประวัติศาสตร์!บอร์ด‘กัญชา-กัญชง’ถกนัดแรก 9 มิ.ย.

8 มิถุนายน 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (9 มิ.ย.65) เวลา 10.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพืชกัญชาและกัญชง ครั้งที่ 1/2565 ซึ่งเป็นการประชุมนัดแรกภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลงนามในคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 120/2565 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพืชกัญชาและกัญชง เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา

ในการประชุมนัดแรกนี้จะมีการรายงานถึงสถานการณ์กัญชา กัญชงในมิติต่างๆ ตลอดจนการพิจารณากำหนดแนวทางการทำงานของคณะกรรมการฯ เพื่อดูแลสถานการณ์ในช่วงการเปลี่ยนผ่านนโยบายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งจะถือเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงพืชกัญชาและกัญชง จากที่เคยเป็นยาเสพติด ให้ไปสู่การเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ของประเทศอย่างแท้จริง

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เนื่องด้วยประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ 2565 ได้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 2565 ทำให้ทุกส่วนของพืชกัญชา กัญชง ไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดซึ่งมีสาร THC เกิน 0.2% โดยน้ำหนักที่ยังเป็นยาเสพติด รัฐบาลจึงเห็นว่าจำเป็นต้องมีคณะกรรมการที่จะเป็นกลไกการดำเนินการดูแลในด้านต่างๆ อย่างรัดกุมเพื่อไม่ให้การใช้กัญชา กัญชง เกิดผลกระทบทางสังคม

ทั้งนี้ องค์ประกอบของคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพืชกัญชาและกัญชง ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธาน รมว.ยุติธรรม เป็นรองประธานคนที่1 รมว.สาธารณสุข รองประธานคนที่2 ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาสังคมและประชาชน เป็นกรรมการ

ในส่วนอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการฯ อาทิ เสนอแนะนโยบายและมาตรการส่งเสริมการศึกษา วิจัย และพัฒนาการใช้พืชกัญชาและกัญชงทางการแพทย์ อุตสาหกรรม และประโยชน์อื่นๆ กำหนดมาตรการ แนวทางปฏิบัติเพื่อขับเคลื่อนนโยบายพืชกัญชาและกัญชง ติดตามและประเมินสถานการณ์ผลกระทบที่เกิดขึ้น ทบทวนเสนอแนะและจัดทำมาตรการคุ้มครองส่วนบุคคลที่อาจได้รับอันตรายจากากรใช้หรือบริโภคกัญชาและกัญชง ป้องกันการใช้ในทางที่ผิด รวมถึงกรโฆษณาในทางการค้า เผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการปลูก การใช้ในทางที่เหมาะสม ตระหนักรู้ถึงผลร้ายของการใช้ในทางที่ผิด รวมถึงชี้แจงกับนานาประเทศ องค์กร หรือหน่วยงานระหว่างประเทศเกี่ยวกับนโยบายของประเทศไทย ประสานงานติดตามความคืบหน้าร่างกฎหมายว่าด้วยกัญชา กัญชง ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภาในขั้นตอนต่างๆ เป็นต้น

ตัวเลขน่าตกใจ! รายงานชี้ สหรัฐฯทิ้งวัคซีนโควิดกว่า 82 ล้านโดสแล้ว

8 มิ.ย.65 สำนักข่าวซินหัวรายงานจากเอ็นบีซี นิวส์ สื่อมวลชนอเมริกัน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ระบุว่า สหรัฐฯ ทิ้งวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จำนวน 82.1 ล้านโดสแล้ว ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 จนถึงกลางเดือนพฤษภาคมปีนี้ คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 11 ของวัคซีนที่รัฐบาลกลางจัดสรร

รายงานอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ เผยว่า ซีวีเอส (CVS) และวอลมาร์ต (Walmart) เครือร้านขายยาปลีก 2 แห่ง ทิ้งวัคซีนกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนวัคซีนที่ถูกทิ้งทั้งหมดในช่วงเวลาข้างต้น โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะร้านค้าสองแห่งนี้ได้รับการจัดสรรวัคซีนจำนวนมาก

ข้อมูลจากศูนย์ฯ กล่าวว่า โอกลาโฮมาและอลาสกา เป็นสองรัฐที่ทิ้งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มากกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนวัคซีนที่ได้รับ โดยโอกลาโฮมาทิ้งวัคซีนร้อยละ 28 จากเกือบ 4 ล้านโดส ส่วนอลาสกาทิ้งวัคซีนเกือบร้อยละ 27 จาก 1 ล้านโดส

คณะผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระบุว่า ยอดวัคซีนถูกทิ้งนี้เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ชาวอเมริกันผู้ฉีดวัคซีนครบโดสได้รับวัคซีนโดสกระตุ้นน้อยกว่าครึ่ง และหลายประเทศที่ยากจนกว่ายังคงดิ้นรนกับการจัดหาวัคซีนมาให้ประชาชนของตัวเอง