21 มี.ค.62 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ได้แถลงประกาศห้ามจำหน่ายปืนกึ่งอัตโนมัติแบบทหารและปืนยาวจู่โจม รวมถึงอาวุธปืนที่สามารถบรรจุกระสุนปืนได้จำนวนมากในคราวเดียว และอุปกรณ์เสริมที่คล้ายกับชุดพานท้ายปืน โดยให้มีผลบังคับใช้ในทันที ภายหลังจากเหตุสลดคนร้ายบุกราดยิงคนที่มัสยิดสองแห่งในเมืองไครสต์เชิร์ชเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 คน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังจัดตั้งกองทุนฉุกเฉินเป็นวงเงินระหว่าง 100 ถึง 200 ล้านดอลลลาร์นิวซีแลนด์ หรือราว 2,189.45 ถึง 4,378.8 ล้านบาท สำหรับโครงการซื้อคืนอาวุธปืนไม่มีใบอนุญาต โดยละเว้นบทลงโทษแก่ผู้ครอบครอง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เจ้าของนำปืนมามอบให้รัฐบาล แต่หากพ้นจากช่วงเวลาผ่อนผันไปแล้ว ผู้ใดยังครอบครองปืนเหล่านี้จะถูกปรับสูงสุด 4,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือราว 87,800 บาท และจำคุกสูงสุด 3 ปี
21 มี.ค.62 นายวัฒนา เมืองสุข ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก Watana Muangsook ระบุว่า โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง มีคำถามถี่ขึ้นเรื่อยๆว่า “การเลือกตั้งโดยยุทธศาสตร์” แบบที่ทำให้เกิดมาเลเซียโมเดลนั้นทำงานอย่างไร หลักการง่ายๆคือใช้คะแนนเสียงให้”คุ้มค่า”ที่สุดเพื่อให้ฝ่ายประชาธิปไตยได้ที่นั่งในสภาเหนือฝ่ายตรงข้ามมากที่สุด เพราะโจทย์ในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ ต้องหยุดการสืบทอดอำนาจให้ได้ และเป็นโอกาสเดียว
ในเขตที่มีคู่ต่อสู้หลักในพื้นที่ชัดเจนอยู่แล้ว การแบ่งคะแนนจากเพื่อไทยให้กับพรรคอื่นเท่ากับท่านกำลังมีส่วนช่วยส่งชัยชนะให้พรรคที่หนุนการสืบทอดอำนาจโดยไม่รู้ตัว เช่น ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ท่านแบ่งคะแนนไปให้พรรค ก. ไป 10,000 คะแนน ซึ่งจะทำให้ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยแพ้เลือกตั้งให้คู่ต่อสู้ที่เป็นฝ่ายตรงข้าม แต่ 10,000 คะแนนที่แบ่งไปนั้นไม่ทำให้พรรค ก. ที่ท่านเลือกได้ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ เพราะต้องสะสมให้ถึง 80,000 คะแนนจึงจะได้ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์หนึ่งคน การเลือกแบบนี้อาจเป็นผลให้พรรคเพื่อไทยเสีย ส.ส. ไป 8 คน นั่นคือฝ่ายที่หนุนการสืบทอดอำนาจได้ ส.ส. ไป 8 คน เช่นกัน แต่พรรค ก. ที่ท่านเลือกได้ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์เพียง 1 คน เลือกแบบนี้ลุงมาแน่นอนครับ กับโจทย์ที่ยากและสนามที่บิดเบี้ยว วิธีการต้องหนักแน่น นี่คือความหมายของการเลือกโดยยุทธศาสตร์
21 มี.ค.62 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 น.ส.สาวิตรี สาทสุทธิ หาเสียงในย่านตลาดห้วยขวาง ว่า ตนเชื่อว่าภารกิจส่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กลับบ้าน ด้วยการเลือกพรรคเพื่อชาติ และฝ่ายประชาธิปไตย มีพรรคการเมืองเป็นจำนวนมาก ต่างก็ขานรับในภารกิจอันนี้ แต่การต่อสู้กับการสืบทอดอำนาจนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่าย ทั้งกลไกในรัฐธรรมนูญ ทั้งวุฒิสภาและเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ที่ไม่จำเป็นต้องเคารพมติพรรค ซึ่งพูดได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ส่งเสริมให้เกิดงูเห่าขึ้นในพรรคการเมือง
“ผมเชื่อว่าถ้าฝ่ายประชาธิปไตยไม่สามารถชนะได้อย่างเด็ดขาด งูเห่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย จะเป็นความเลวร้าย จะเป็นชนวนนำไปสู่วิกฤติที่ใหญ่ที่สุดที่ประเทศไทยเคยเกิดขึ้นมา” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ตนขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยได้ข้ามความขลาดกลัวต่อเผด็จการ ใช้ความกล้าครั้งเดียวในวันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค.นี้ ด้วยการล้างบางเผด็จการชุดนี้ เหมือนที่เคยล้างบางเผด็จการ รสช.เมื่อปี 2535 ซึ่งพี่น้องประชาชนได้สำแดงมาแล้ว เผด็จการมาที่ใดประชาชนเดือดร้อนที่นั่น เพราะฉะนั้นตนมิได้กลัว 250 เสียง ส.ว. รวมกระทั่งถ้าประชาชนเลือกฝ่ายประชาธิปไตยอย่างถล่มทลาย งูเห่าก็เกิดขึ้นยาก ถ้าชนะกันเด็ดขาดเรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้ากำกึ่งเมื่อไหร่จะยิ่งกว่าที่ทำการเสาวภาเสียอีก
นายจตุพร กล่าวอีกว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย มีสิทธิ์อะไรในการบังคับประชาชน ถ้าประชาชนเลือกฝั่งนายสุเทพ ซึ่งก็เพ้อว่าจะได้ 126 เสียงไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ บ้านเมืองก็จะสงบเพราะนายสุเทพได้ประโยชน์ นายสุเทพก็จะไม่เป่านกหวีดไล่ แต่ถ้านายสุเทพไม่ได้ประโยชน์ นายสุเทพจะต้องออกมาเคลื่อนไหว ขับไล่พวกที่ไม่ใช่พวกของนายสุเทพ ตนว่าวันนี้เราต้องใจกว้างๆ นายสุเทพเองควรจะกลับไปอ่านหนังสือของท่านพุทธทาสบ้าง โดยเฉพาะคำว่า “การเมืองบริสุทธิ์คือศีลธรรม การเมืองระยำคือการต่อสู้แย่งชิง”
นายจตุพร ยังกล่าวถึงคลิปของพรรคเพื่อชาติที่มีการปล่อยมาวันนี้ ว่า เราต้องการบอก พล.อ.ประยุทธ์ ให้จำคำพูดสุดท้ายของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษว่า “ผมพอแล้ว” หลังจากคำว่า “ผมพอแล้ว” ประเทศไทยก็ยกย่องได้เป็นรัฐบุรุษ แต่ถ้าผมไม่รู้จักพอ ปลายทางคือเผด็จการทรราช เพราะว่าอีก 4 ปี อายุของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะมากกว่ารัฐบาล พล.อ.เปรมแล้ว และถ้าต่ออีก 4 ปี เพราะวุฒิสภาให้โหวตได้ 5 ปี ก็จะมากกว่าจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้ว และก็จะไปจ่อจอมพล ป.พิบูลสงคราม
“ผมเห็นว่าประเทศไทยเป็นเส้นบางๆมาก วันนี้ถ้าเขาคิดว่าเขาชนะร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ไม่มีใครออกมาคำรามว่าถ้าไม่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ บ้านเมืองจะไม่สงบ จะเกิดการรัฐประหาร ผมยังเชื่อว่าหลายปัญหายังรออยู่ เป็นการเลือกตั้งที่อึดอัด วิตกกังวลทั้งก่อนและหลัง หากก้ำกึ่งก็อาจเกิดปรากฏการณ์งูเห่า หากชนะขาดก็อาจนำไปสู่การโมฆะก็ได้” นายจตุพร กล่าว
21 มี.ค.62 พล.ต.กฤษณ์ จันทรนิยม โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์ประชาไท นำเสนอข่าวเพจ "กองการสื่อสาร หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา" โพสต์ข้อความชวนเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.นี้ ว่า จากการตรวจสอบจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ทางแอดมินแจ้งว่ามีการทำปลอมเฟซบุ๊กของหน่วยขึ้นมาใหม่ โดยลงทะเบียนให้ชื่อเหมือนกัน แต่การเว้นวรรคจะต่างจากเพจของจริง โดยสังเกตดูได้ว่า เพจปลอมจะมีการเว้นวรรค ระหว่างคำว่า "กองการสื่อสาร" กับ "หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา" ขณะที่ เพจหน่วยราชการของจริง ชื่อหน่วยจะติดต่อกัน
โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวอีกว่า พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ห่วงใยต่อประเด็นดังกล่าว เพราะเป็นไปไม่ได้ที่หน่วยงานทหารจะไปดำเนินการในลักษณะเช่นนั้น จึงได้มอบหมายให้ส่วนที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ สืบหาผู้กระทำ ปลอมแปลง ขยายผล โดยกำลังประสานกับทาง นทพ.เพื่อหาต้นตอต่อไป และทาง นทพ.จะไปแจ้งความเพื่อบันทึกเป็นหลักฐานไว้ก่อน
"ผู้ที่ทำเรื่องนี้มีเป้าหมายในการบั่นทอนการทำงานของทหาร ดิสเครดิตกองทัพ ยืนยันว่ากองบัญชาการกองทัพไทย ไม่มีแนวทางหรือนโยบายไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ผบ.ทสส.ยืนยันมาตลอดว่า เราวางตัวเป็นกลาง ให้กำลังพล และครอบครัวใช้วิจารณญาณ และการตัดสินใจของตนเอง ในการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้"
เมื่อถามว่า พุ่งเป้าไปที่ นทพ.เพราะ ผบ.นทพ.มีความใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือไม่ พล.ต.กฤษณ์ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยว แต่คนทำคงสำรวจดูว่าเว็บไซต์ใดที่สามารถจะทำปลอมได้ง่ายที่สุด ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่าเหตุใดเมื่อมีการสอบถามไปที่เพจดังกล่าวจึงมีการลบข้อความทันทีนั้น โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความสมจริง
21 มี.ค.62 พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. กล่าวถึงผลการตรวจสอบกรณีผู้ใช้สิทธิในจ.สมุทรสงคราม นำบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าไปกากบาททั้งเล่มว่า เบื้องต้นเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใจกันของผู้ที่มาใช้สิทธิเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้งมีความชุลมุนเกิดขึ้น จึงหยิบบัตรทั้ง 17 ใบไปกาเครื่องหมาย โดยที่บัตรเลือกตั้งทั้งหมดไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ในหน่วยเลือกตั้ง ผู้กระทำความผิดจึงไม่น่าจะมีเจตนา และจากการประสานกับสภ.สุมทรสงครามก็ยืนยันในลักษณะเดียวกันว่าอาจจะเกิดจากความไม่เข้าใจกัน แต่ก็ขอให้รอผลการสืบสวนที่ชัดเจน
ส่วนเรื่องร้องเรียนที่มีเข้ามาในขณะนี้ทั้งหมด 93 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความปรากฏ โดยทางสำนักงาน กกต. จังหวัดก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเมื่อแล้วเสร็จก็จะทยอยส่งมายังกกต.กลาง ซึ่งกกต.ก็จะพยายามพิจารณาเรื่องให้เสร็จสิ้นก่อนการประกาศผล อย่างไรก็ตามในการเลือกตั้งครั้งนี้กฎหมายกำหนดให้มีสินบนรางวัลให้กับผู้ที่นำพยานหลักฐาน มายื่นให้ กกต. เช่น สามารถเก็บหลักฐานได้ การถ่ายคลิปวิดีโอ หรือถ่ายภาพ ผู้ที่มาแจกเงินซื้อเสียง หรือทำทุจริตเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เช่น มีการแจกเงิน 500 บาท หรือ 1,000 บาท โดยหลักฐานนั้นสามารถนำไปสู่การที่กกต.ระงับสิทธิ์สมัคร และ ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือสั่งเลือกตั้งใหม่ ก็จะส่งผลให้ผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับเงิน 1 แสนบาท "เงินซื้อเสียง 1,000 บาทก็จะเปลี่ยนเป็น 100,000 บาทได้ และเป็นสินบนรางวัลนำจับที่ถูกต้องตามกฎหมาย
เลขาธิการกกต. ยังกล่าวด้วยว่า กกต.จะไม่นำผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการไปคำนวณหาจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อแต่ละพรรคควรได้แล้วมาเปิดเผยก่อน เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลง หาก กกต. สั่งเลือกตั้งใหม่ หรือนับคะแนนใหม่ ดังนั้น กกต. จะเปิดเผยจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคที่ควรได้ ก็เมื่อมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้ว
ส่วนการจัดเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. ไม่ห่วงว่า จะเกิดปัญหาเช่นการเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 17 มี.ค. แต่ที่ห่วงก็คือในวันดังกล่าว พรรคการเมืองอาจจะยังเข้าใจว่า สามารถหาเสียงเลือกตั้งได้ ซึ่งจะผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายเลือกตั้งกำหนดให้ผู้สมัคร พรรคการเมือง หาเสียงได้ถึงเวลา 18.00 น.ของวัน 23 มี.ค. เท่านั้น
ทั้งนี้เลขากกต. ยังกล่าวถึงมติของ กกต. ที่มีการพิจารณาเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ชอบด้วยกฎหมายนั้น ในส่วนของรายละเอียดตนยังไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะยังไม่เห็นมติ เนื่องจากเป็นการประชุมของ กกต.
ลอนดอน/ปารีส (เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - ผลสำรวจล่าสุดพบว่า กรุงปารีสของฝรั่งเศสขึ้นมาเทียบสิงคโปร์และฮ่องกงเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสำหรับผู้อาศัยต่างชาติแพงที่สุดในปีนี้ และเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปีที่มี 3 เมืองอยู่ในอับดับหนึ่งเหมือนกัน
ดิอีโคโนมิสต์อินเทลลิเจนซ์ยูนิต หรืออีไอยู ระบุในการสำรวจว่า กรุงปารีสขยับขึ้นจากอันดับ 2 เมื่อปีก่อน และอันดับ 7 เมื่อสองปีก่อน เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสำหรับผู้อาศัยต่างชาติแพงที่สุดในปีนี้ และเป็น 1 ใน 4 เมืองในยุโรปที่ติด 1 ใน 10 เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดสำหรับผู้อาศัยต่างชาติ ตัวอย่างค่าใช้จ่ายที่แสดงให้เห็นว่าสูงมาก เช่น ชุดสูทผู้ชายชุดละ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 63,350 บาท) ค่าตัดผมผู้หญิงครั้งละ 120 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,800 บาท) มีเพียงสุรา ยาสูบและค่าเดินทางเท่านั้นที่พอๆ กับเมืองอื่นในยุโรป ผลสำรวจระบุว่าในนอกจากกรุงปารีสแล้ว สิงคโปร์และฮ่องกงก็ติดอันดับ 1 เมืองที่มีค่าครองชีพสำหรับผู้อาศัยต่างชาติแพงที่สุดในปีนี้เช่นกัน ส่วนอันดับ 4 คือเมืองซูริคของสวิตเซอร์แลนด์ อันดับ 5 เป็นนครโอซากาของญี่ปุ่นและนครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ อันดับ 7 ได้แก่ กรุงโซลของเกาหลีใต้ กรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก และนครนิวยอร์กในสหรัฐอเมริกา ส่วนเมืองที่มีค่าครองชีพถูกที่สุดในปีนี้คือ กรุงการากัสของเวเนซุเอลา โค่นแชมป์เก่าอย่างกรุงดามัสกัสของซีเรีย ทั้งสองเมืองมีค่าครองชีพถูกเพราะเหตุไม่สงบทางเศรษฐกิจและการเมือง พูดง่ายๆ ว่าเมืองที่ค่าใช้จ่ายต่ำก็มักเป็นเมืองที่อยู่ไม่ได้
อีไอยูชี้ว่า ข้อมูลที่น่าสนใจในปีนี้คือ ค่าครองชีพในหลายเมืองเศรษฐกิจเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังพุ่งสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งเมื่อปีที่แล้ว โดยกรุงเทพฯ อยู่อันดับที่ 41 ร่วมกับนครบริสเบนของออสเตรเลีย และกรุงเวลลิงตันของนิวซีแลนด์ ขณะที่กรุงฮานอยของเวียดนามอยู่ในอันดับที่ 60 ตามด้วยกรุงพนมเปญของกัมพูชา ซึ่งอยู่อันดับที่ 76 นครโฮจิมินห์ของเวียดนามอยู่อันดับที่ 80 และกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียมีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับ 88 ของโลก ขณะที่อันดับที่ 90 เป็นของกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไน ส่วนกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย และกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ครองอันดับที่ 92 เท่ากัน
อีไอยูซึ่งสำรวจค่าครองชีพสำหรับผู้อาศัยต่างชาติใน 133 เมืองทั่วโลกชี้ว่า ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับในปีนี้ได้แก่ สกุลเงินแข็งค่าและอ่อนค่า อัตราเงินเฟ้อ และเหตุไม่สงบทางการเมือง โดยได้เปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการ 160 ประเภท รวมทั้งหมด 400 รายการ ผลสำรวจเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในการคำนวณค่าใช้จ่ายและเบี้ยเลี้ยงให้แก่บุคลากรที่ส่งไปประจำในต่างประเทศและผู้เดินทางไปทำธุรกิจ
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012