22 มิ.ย.65 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดเผยว่า รัสเซียจะประจำการระบบยิงขีปนาวุธข้ามทวีปซาร์มัต (Sarmat) ระบบแรกของประเทศภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ ปูตินกล่าวระหว่างพบปะเหล่านักเรียนนายร้อยที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยทหารว่า รัสเซียจะเดินหน้าพัฒนาและยกระดับกองทัพ โดยพิจารณาภัยคุกคามและความเสี่ยงทางทหารที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนั้น ปูตินระบุว่า การติดตั้งระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยแก่กองทัพเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากจะเป็นตัวกำหนดความสามารถการสู้รบของกองทัพรัสเซียในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า
ทั้งนี้ ปูตินเผยว่า รัสเซียประสบความสำเร็จในการทดสอบระบบยิงขีปนาวุธข้ามทวีปซาร์มัต และจะประจำการระบบดังกล่าวภายในสิ้นปีนี้ พร้อมเสริมว่ากองทัพรัสเซียมีระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธเอส-500 (S-500) ในครอบครองอยู่แล้ว ซึ่งแตกต่างจากระบบป้องกันภัยทั้งหมดในโลก
22 มิ.ย.65 นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ แกนนำม็อบ 3 นิ้วกลุ่ม We Volunteer หรือวีโว่ ผู้ต้องหาคดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โพสต์กิจกรรมความเคลื่อนไหวทางการเมืองผ่านทางเพจ We Volunteer ว่า วันที่ 24 มิถุนายน 2565 ปีนี้ ถือเป็นการครบรอบ 90 ปี การอภิวัฒน์สยามที่นำโดยกลุ่มคนที่มีชื่อว่า “คณะราษฎร” และสำหรับกิจกรรมในปีนี้ เราขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนผู้รักในประชาธิปไตยร่วมกิจกรรม "ฉลองวันชาติคณะราษฎรยังไม่ตาย" โดยพร้อมเพียงกัน ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเวลา 16.00 น. เพื่อตั้งริ้วขบวนมุ่งหน้าไปยังลานคนเมือง (ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร) เพื่อพบกับแขกรับเชิญสุดพิเศษมากมายหลายท่านที่จะมาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมือง พร้อมทั้งยังมีดนตรี การแสดง การออกร้านค้าจำหน่ายสินค้าที่ระลึก และมีร้านอาหารเครื่องดื่ม พร้อมด้วยกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย แล้วพบกันประชาชน
ที่ไม่ควรพลาด คือ บริเวณโซนอาหารและเครื่องดื่ม ทาง WEVO ได้จัดกุ้งเผา ตัวโตๆ ราคาสุดพิเศษ พร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสเด็ดให้พร้อมรับประทาน
ขณะที่ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา โตโต้ ได้โพสต์ภาพการไปพบกับนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง และผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมระบุว่า ขอบคุณ คุณณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ที่ร่วมเส้นทางการต่อสู้เชื่อมโยงคนที่มาก่อนกับคนที่มาทีหลังที่ต่างประคับประคองกันมาเรื่อย
เนื่องด้วยโอกาส 90 ปี อภิวัฒน์สยาม 24 มิถุนายน 2475 นี้ ผมได้นำนาฬิกาไปมอบให้ กับพี่เต้น (ขออนุญาตเรียกพี่เต้นครับ) ซึ่งผลิตมาอย่างจำกัดและโควต้าที่จำหน่ายออนไลน์หมดลงภายใน 24 ชั่วโมง ตามที่เคยแจ้งไป เหลืออีกเพียงน้อยนิดที่กันไว้ส่วนหนี่งสำหรับจำหน่ายที่หน้างาน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายน 2565 นี้ ซึ่งจะเป็นเวลา และสถานที่ไหนนั้นโปรดติดตามกันไว้ให้ดีเลยครับ
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการแก้ปัญหาของแพง ว่า โดยทั่วไปเมื่อพูดถึงของแพงถามว่ากระทรวงไหนมีหน้าที่แก้ปัญหา เชื่อว่าประชาชนต้องนึกถึงกระทรวงพาณิชย์ และในจิตสำนึกของผู้เป็นรัฐมนตรี ในสถานการณ์ข้าวยากหมากแพงยุคปัจจุบัน ควรจะต้องพยายามคิดหาทางออกเรื่องของแพงอยู่แทบจะทุกลมหายใจ
นายกรณ์ กล่าวว่า เมื่อน้ำมันแพง ต้นตอของแพง รัฐมนตรีพาณิชย์ ควรต้องใช้ทุกกฎหมายที่มี เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา ไม่ใช่มาตีความกฎหมายเพื่อลดอำนาจ และความรับผิดชอบของตนเอง คนเราเวลาจริงใจกับการแก้ปัญหา เราต้องดิ้นรนหาทางแก้ ไม่ขยันแต่จะโบ้ยงานว่า "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน เป็นเรื่องของคนอื่น
"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการกำหนดราคากลางสินค้า หากจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของพลังงาน รัฐมนตรีพาณิชย์เองก็เป็นกรรมการกำหนดนโยบายพลังงานอยู่ด้วยอีก แถมมีปลัดพาณิชย์ นั่งใน กบง. บริหารนโยบายพลังงานอีกด้วยซ้ำ ประชาชนได้แต่เฝ้ารอครับ เมื่อไหร่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ตรงจุด ทางออกมีแน่นอน และปัญหาเศรษฐกิจของประเทศจะแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้ หากการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลขาดเอกภาพ และความร่วมมือกัน" หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว
อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า สมัยที่ตนทำงานแก้วิกฤตเศรษฐกิจโลก รองนายกฯ เศรษฐกิจ ร่วมมือกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์กระทรวงพลังงาน และทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทำงานสามัคคีร่วมกันหนักแน่น จนไทยเราฝ่าวิกฤตครั้งนั้นมาได้ และปัญหาใหญ่ของประเทศ เรื่องนี้ วันนี้ คือ 'ของแพง' หากไม่ใช่อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แล้วจะเป็นใคร
สอดรับกับกับนายวัฒนพงศ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ออกมาระบุว่า กบง.หวังว่า กระทรวงพาณิชย์จะสามารถใช้เครื่องมือกฎหมายอย่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เข้ามาดูแลโครงสร้างราคาได้ โดยมีการแต่งตั้งนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็น ประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงวิกฤต" จึงเป็นตอกย้ำจากกระทรวงพลังงานว่า กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจในการดูแลเรื่องนี้อย่างแน่นอน
22 มิ.ย.65 สำนักข่าว"ซินหัว"รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ระบุเมื่อคืนวันอังคาร (21 มิ.ย.) ยืนยันการตรวจพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงจากต่างประเทศ จำนวน 1 ราย โดย ผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็นชายสัญชาติสหราชอาณาจักร อายุ 42 ปี ซึ่งทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และพำนักในสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 15-17 มิ.ย. ก่อนจะกลับเข้าประเทศอีกครั้งในวันที่ 19 มิ.ย. โดยผู้ป่วยรายนี้มีผลตรวจโรคฝีดาษลิงเป็นบวกเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. และปัจจุบันกำลังรักษาตัวที่ศูนย์โรคติดเชื้อแห่งชาติของสิงคโปร์และมีอาการคงที่แล้ว
ขณะเดียวกันกระทรวงฯ เปิดเผยว่ามีผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยข้างต้น 13 ราย เมื่อนับถึงวันที่ 21 มิ.ย. โดยทั้งหมดต้องกักตัวเป็นเวลา 21 วันตั้งแต่ติดต่อผู้ป่วยครั้งสุดท้าย ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดความเสี่ยงต่ำ 2 ราย จะอยู่ภายใต้การเฝ้าติดตามทางโทรศัพท์นาน 21 วันเช่นกัน
ทั้งนี้ เดอะสเตรตส์ไทมส์ (Straits Times) สื่อท้องถิ่นสิงคโปร์ รายงานว่าผู้ป่วยรายนี้ถือเป็นผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายแรกจากต่างประเทศที่ตรวจพบในสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งมีการตรวจพบโรคฝีดาษลิงในชายชาวไนจีเรีย 1 ราย
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า สำนักควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีของเกาหลีใต้ หรือเคดีซีเอ (KDCA) ระบุว่า เกาหลีใต้ยืนยันพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายแรกของประเทศ โดยผู้ป่วยเดินทางจากเยอรมนีมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินชอนของเกาหลีใต้เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 21 มิถุนายนตามเวลาเกาหลีใต้ และมีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวก จึงถูกแยกรักษาตัวที่ศูนย์การแพทย์อินชอน ทางตะวันตกของกรุงโซลตั้งแต่เดินทางมาถึง
เคดีซีเอ ได้ยกระดับความเสี่ยงของโรคฝีดาษลิงจาก “ต้องใส่ใจ” เป็น “ต้องระวัง” และจะเพิ่มมาตรการป้องกันโรคนี้แพร่ระบาด ส่วนผู้ป่วยต้องสงสัยอีกรายที่เป็นชาวต่างชาติเดินทางมาถึงเกาหลีใต้เมื่อวันจันทร์ และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปูซานในวันอังคาร เนื่องจากมีอาการคล้ายโรคฝีดาษลิง ผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบ ไม่พบเชื้อ
สาธารณสุขเกาหลีใต้กำหนดให้โรคฝีดาษลิงเป็นโรคติดเชื้อระดับ 2 จากทั้งหมด 4 ระดับ ปัจจุบันมีโรคติดเชื้อทั้งหมด 22 โรคอยู่ในระดับ 2 เช่น โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อหิวาตกโรค โรคสุกใส
ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้เผยเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า กำลังหาทางนำเข้ายาต้านไวรัสทีโควิริแมต (tecovirimat) ให้เพียงพอสำหรับรักษาผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงได้ 500 คนในเดือนหน้า ผู้ป่วยจะถูกแยกรักษาตัวในโรงพยาบาลเฉพาะทาง ส่วนผู้มีความเสี่ยงสูงที่จะแพร่เชื้อเนื่องจากสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยจะต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 21 วัน
22 มิ.ย.65 ความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวขนาดความรุนแรง 6.1 ที่อัฟกานิสถานเมื่อเวลา 01:34 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าไทย 2 ชั่วโมง 30 นาทีว่า ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 950 คน บาดเจ็บมากกว่า 600 คนแล้ว และคาดว่าตัวเลขที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากมีความลึกเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น
ขณะที่ เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยเผยว่า ทางการได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ พร้อมกับนำอาหารและยาไปยังพื้นที่ประสบภัย คาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากหมู่บ้านประสบภัยอยู่ในเทือกเขาห่างไกล ทำให้ได้รับข้อมูลล่าช้า
ด้านนายไฮบาตุลลาห์ อาคุนด์ซาดา ผู้นำสูงสุดของตอลิบานแถลงแสดงความเสียใจต่อผู้ประสบภัย รอยเตอร์ระบุว่า ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอาจเป็นบททดสอบใหญ่ของกลุ่มตอลิบานที่ปกครองอัฟกานิสถานตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีก่อน เพราะถูกนานาชาติคว่ำบาตร ทำให้ไม่ได้รับความช่วยเหลือและเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ อีกทั้งยังประสบปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่เมื่อไม่นานมานี้ ทำให้ทางหลวงใช้การลำบาก
สำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐหรือยูเอสจีเอส (USGS) ระบุว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นห่างจากเมืองโคสต์ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 46 กิโลเมตร เป็นเมืองทางตะวันออกของอัฟกานิสถานใกล้พรมแดนปากีสถาน และเป็นแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 20 ปีของอัฟกานิสถาน ครั้งนั้นเกิดแผ่นดินไหว 2 ครั้งซ้อนที่เทือกเขาฮินดูกูชในเดือนมีนาคม 2545 มีผู้เสียชีวิตมากถึง 1,100 คน
21 มิถุนายน 2565 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศรีลังกาปิดโรงเรียนและบริการของรัฐบาลที่ไม่จำเป็นทั้งหมดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันนี้ เพื่อสงวนเชื้อเพลิงที่มีปริมาณลดลงอย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับเปิดเจรจาขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ (IMF)
ศรีลังกาที่มีประชากร 22 ล้านคนกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงที่สุด หลังจากไม่มีเงินชำระค่าสินค้านำเข้าที่จำเป็น รวมทั้งน้ำมัน รัฐบาลหาทางลดการเดินทางและลดการใช้น้ำมันด้วยการสั่งให้โรงเรียนหยุดการเรียนการสอน และหน่วยงานรัฐบาลที่ไม่จำเป็นหยุดงานเป็นเวลา 2 สัปดาห์
ขณะที่ผู้ขับขี่ยวดยานยังคงเข้าแถวยาวเหยียดหน้าสถานีบริการน้ำมัน แม้กระทรวงพลังงานแจ้งว่า จะไม่มีน้ำมันใหม่เข้ามาอย่างน้อย 3 วัน
ขณะเดียวกันศรีลังกาได้เปิดการหารือกับไอเอ็มเอฟแบบพบหน้าที่กรุงโคลัมโบในวันนี้เพื่อขอความช่วยเหลือทางการเงิน คาดว่าจะหารือจะดำเนินไปเป็นเวลา 10 วัน ศรีลังกาผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศ 51,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.8 ล้านล้านบาท) ในเดือนเมษายน มีอัตราเงินเฟ้อสูงเป็นประวัติการณ์ และต้องหมุนเวียนดับไฟหลายชั่วโมง
ซึ่งทำให้เกิดการประท้วงเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษาลาออก และบางครั้งเกิดความรุนแรง ด้านสหประชาชาติหรือยูเอ็นได้เริ่มโครงการช่วยเหลือฉุกเฉินสตรีมีครรภ์จำนวนมากที่กำลังเผชิญภาวะขาดแคลนอาหาร หลังจากพบว่าชาวศรีลังกา 4 ใน 5 คนต้องอดมื้อกินมื้อแล้ว และเสี่ยงจะเกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรม
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012