ข่าว
นิวยอร์กเตือนประชาชน หลังเจอผู้เสียชีวิตเพราะ ‘แบคทีเรียกินเนื้อ’ จากหอยนางรมสด

ทางการสหรัฐฯ ยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย ในรัฐคอนเนตทิคัตและนิวยอร์ก โดยมีสาเหตุมาจาก ‘แบคทีเรียกินเนื้อ’ จากแหล่งน้ำทะเลและหอยนางรมดิบ ทั้งที่เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ยาก

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2566 กระทรวงสาธารณสุขแห่งสหรัฐฯ แถลงการณ์ยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Vibrio vulnificus ที่รัฐคอนเนตทิคัต 2 ราย หลังจากลงว่ายน้ำในแหล่งน้ำต่างสถานที่กัน แต่อยู่ในพื้นที่ของหมู่เกาะลองไอส์แลนด์ ซาวด์ ซึ่งกินอาณาเขตจากตอนเหนือของรัฐคอนเนคติกัตไปถึงตอนใต้ของรัฐนิวยอร์ก

นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตรายที่ 3 ด้วยสาเหตุเดียวกัน ในเขตซัฟโฟล์คเคาน์ตี รัฐนิวยอร์ก โดยผู้ป่วยได้รับเชื้อตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา จากการรับประทานหอยนางรมดิบ ที่นำเข้าจากนอกพื้นที่ ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย มีอายุระหว่าง 60-80 ปี

ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เคที โฮคูล ประกาศเปิดการสืบสวนการเสียชีวิตของผู้ป่วยรายที่ 3 เพื่อความชัดเจนว่าผู้ป่วยมีการสัมผัสหรือได้รับเชื้อจากแหล่งน้ำในนิวยอร์ก หรือจากที่อื่นด้วยหรือไม่

แบคทีเรีย Vibrio vulnificus ที่มีสมญาว่า “แบคทีเรียกินเนื้อ” นี้ จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคอหิวาต์ เมื่อร่างกายได้รับเชื้อจะแสดงอาการ โดยระดับเบาคือเกิดแผลตามตัว มีตุ่มหรือฝีอักเสบ เป็นไข้ ท้องเสีย ปวดท้องและคลื่นไส้ อาเจียน ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจะมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดร่วมด้วย ซึ่งมักเกิดกับผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับตับ มะเร็ง เบาหวาน เอชไอวี หรือโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่องอื่น ๆ

ร่างกายมนุษย์สามารถรับเชื้อ Vibrio vulnificus ได้ง่ายมาก สำหรับผู้ที่มีบาดแผลเปิด เช่น รอยขีดข่วนหรือแผลจากโดนของมีคมบาด รวมถึงแผลที่เกิดจากการเจาะหูหรือรอยสัก ได้รับคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสแหล่งน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูง หรือควรใช้พลาสเตอร์ปิดแผลแบบกันน้ำ และหากสงสัยว่าติดเชื้อชนิดนี้ ให้รีบไปพบพบแพทย์และรับการรักษาในทันที

ขณะนี้ หน่วยงานของทั้งรัฐคอนเนตทิคัตและนิวยอร์ก ต่างออกคำเตือนประชาชนให้ระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหารที่ปรุงแบบกึ่งสุกกึ่งดิบ หรืออาหารที่ไม่ผ่านการปรุงสุก โดยเฉพาะหอยนางรมสด ซึ่งอาจมีการสัมผัสน้ำทะเลหรือน้ำกร่อย ซึ่งเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย โดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด ซึ่งเป็นสภาพแวด ล้อมที่ทำให้แบคทีเรียแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว และอาจปนเปื้อนมากับหอยดิบได้

ที่มา : edition.cnn.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES...

เยอรมนีอ่วม น้ำทะลักท่วมรถไฟใต้ดิน สนามบินกลายเป็นทะเล

ผลพวงจากพายุฝนฟ้าคะนองที่พัดถล่มทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนี ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะสนามบินใหญ่ที่สุดของประเทศ รวมทั้งสถานีรถไฟใต้ดิน ที่ถูกน้ำทะลักเข้าท่วมจนได้ รับความเสียหาย

โลกโซเชียลต่างแชร์ภาพของรันเวย์สนามบินนานาชาติในนครแฟรงก์เฟิร์ตของเยอรมนี ที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินกว่า 90 เที่ยว ที่ต้องยกเลิกเดินทางในช่วงค่ำของวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาในท้องถิ่น ส่วนอีก 23 เที่ยวบินต้องเปลี่ยนเส้นทาง ไปลงจอดที่สนามบินแห่งอื่น เนื่องจากปริมาณฝนจำนวนมากทำให้รันเวย์ระบายน้ำไม่ทัน ผู้โดยสารที่ถูกยกเลิกเที่ยวบินต่างต้องนอนพักค้างแรมในเตียงสนาม หรือโรงแรมที่ ทางสนามบินจัดหาไว้ให้ นอกจากนี้ยังมีรายงานฟ้าผ่ามากกว่า 25,000 ครั้งในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง

ขณะเดียวกันก็มีรายงานน้ำทะลักเข้าท่วมสถานีรถไฟใต้ดินในแฟรงก์เฟิร์ต จนบันไดสถานีรถไฟกลาย เป็นน้ำตก สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ซึ่งนอกจากสถานีรถไฟใต้ดินแล้วก็ยังมีรายงานน้ำไหลทะลักเข้า ท่วมอาคารอีกกว่า 350 แห่ง มีต้นไม้หักโค่นหลายสิบต้น ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยออกให้ความช่วยเหลือประชาชน

ที่มา : อัลอาราบิย่า


บริษัท “ประกันภัย” อ่วม ! “ไฟป่าฮาวาย” ทำเจ๊งยับ 3.2 พันล.ดอลล์ (1.13 แสนล.บาท)

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “คาเรน คลาร์ก แอนด์ โค” บริษัทวิเคราะห์ความเสี่ยงในสหรัฐฯ เปิดเผยผลการประเมินความเสียหายของบรรดาบริษัทประกันภัยจากเหตุไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นกับเกาะเมาวี รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐฯ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่า อาจจะมีมูลค่าสูงถึง 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราว 113,152 ล้านบาท) จากการวิเคราะห์ผ่านระบบภาพถ่ายดาวเทียม และภาพถ่ายทางอากาศ

โดยบริษัท “คาเรน คลาร์ก แอนด์ โค” เปิดเผยว่า ไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดในสหรัฐฯ ในรอบ 100 ปี ได้ลุกลามเผาผลาญกินพื้นที่หลายพันเอเคอร์ในเมืองลาไฮนา เกาะมาวี รัฐฮาวาย ได้สร้างความเสียหายเผาผลาญแก่บ้านเรือนจำนวนกว่า 2,200 หลัง และได้รับความเสียหายจากควันไฟอีกจำนวนกว่า 3,000 หลัง นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก เช่น รถยนต์ เป็นต้น ได้รับความเสียหายอีกเป็นจำนวนมากด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า บรรดาบริษัทประกันภัยที่จะต้องจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ประสบภัยเหตุไฟป่าที่รัฐฮาวายในครั้งนี้ อาทิเช่น “เฟิร์สท์ อินชัวรันส์ คอมปานี ออฟ ฮาวาย” จำนวน 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ “เฮอริเทจ อินชัวรันส์” จำนวน 57 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ “เอไอจี” จำนวน 51 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ “อลิอันซ์” จำนวน 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ “ดีบี อินชัวรันส์” จำนวน 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นต้น

ขณะที่ รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประเมินความเสียหายจากเหตุไฟป่าที่รัฐฮาวายในครั้งนี้ว่า มีมูลค่าสูงถึง 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราว 194,480 บาท)


บริษัท “ประกันภัย” อ่วม ! “ไฟป่าฮาวาย” ทำเจ๊งยับ 3.2 พันล.ดอลล์ (1.13 แสนล.บาท)

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “คาเรน คลาร์ก แอนด์ โค” บริษัทวิเคราะห์ความเสี่ยงในสหรัฐฯ เปิดเผยผลการประเมินความเสียหายของบรรดาบริษัทประกันภัยจากเหตุไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นกับเกาะเมาวี รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐฯ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่า อาจจะมีมูลค่าสูงถึง 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราว 113,152 ล้านบาท) จากการวิเคราะห์ผ่านระบบภาพถ่ายดาวเทียม และภาพถ่ายทางอากาศ

โดยบริษัท “คาเรน คลาร์ก แอนด์ โค” เปิดเผยว่า ไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดในสหรัฐฯ ในรอบ 100 ปี ได้ลุกลามเผาผลาญกินพื้นที่หลายพันเอเคอร์ในเมืองลาไฮนา เกาะมาวี รัฐฮาวาย ได้สร้างความเสียหายเผาผลาญแก่บ้านเรือนจำนวนกว่า 2,200 หลัง และได้รับความเสียหายจากควันไฟอีกจำนวนกว่า 3,000 หลัง นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก เช่น รถยนต์ เป็นต้น ได้รับความเสียหายอีกเป็นจำนวนมากด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า บรรดาบริษัทประกันภัยที่จะต้องจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ประสบภัยเหตุไฟป่าที่รัฐฮาวายในครั้งนี้ อาทิเช่น “เฟิร์สท์ อินชัวรันส์ คอมปานี ออฟ ฮาวาย” จำนวน 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ “เฮอริเทจ อินชัวรันส์” จำนวน 57 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ “เอไอจี” จำนวน 51 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ “อลิอันซ์” จำนวน 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ “ดีบี อินชัวรันส์” จำนวน 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นต้น

ขณะที่ รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประเมินความเสียหายจากเหตุไฟป่าที่รัฐฮาวายในครั้งนี้ว่า มีมูลค่าสูงถึง 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราว 194,480 บาท)


สวีเดนประกาศยกระดับเตือนภัยก่อการร้าย หลังเกิดการประท้วงเผาคัมภีร์อัลกุรอาน

นายกฯ สวีเดนประกาศยกระดับเตือนภัยคุกคามจากการก่อการร้าย หลังเกิดกรณีกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านอิสลามเผาคัมภีร์อัลกุรอาน จุดชนวนให้เกิดการประท้วงอย่างโกรธแค้นในหลายประเทศมุสลิม

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2566 เว็บไซต์ข่าวอัลจาซีราห์ รายงานว่า นายอุฟล์ คริสเตนซอน นายกรัฐมนตรีสวีเดน พร้อมด้วยผู้บัญชาการตำรวจและหัวหน้าสำนักงานด้านความมั่นคง ประกาศยกระดับมาตรการเตือนภัยคุกคามจากการก่อการร้าย มาเป็นระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดอันดับสอง จากทั้งหมด 5 ระดับ โดยระบุว่าขณะนี้สวีเดนกำลังเผชิญภัยคุกคามจากการก่อการร้ายใน “ระดับสูง”

พร้อมกันนี้ผู้นำสวีเดนเตือนว่า ประเทศอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงไปอีกเป็นเวลานาน หลังเกิดกรณีกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านอิสลาม ก่อเหตุดูหมิ่นคัมภีร์อัลกุรอานในที่สาธารณะ จุดชนวนให้เกิดการประท้วงอย่างโกรธแค้นในหลายประเทศมุสลิม

ขณะที่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ สวีเดนขอให้พลเมืองในต่างประเทศและภาคธุรกิจสวีเดน ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางการ เนื่องจากหวั่นเกรงว่าอาจเกิดเหตุโจมตีจากบรรดาผู้ที่โกรธแค้นต่อการกระทำของกลุ่มผู้ประท้วงในสวีเดน ที่ใช้วิธีการเผาคัมภีร์หลายครั้ง ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา


นิวยอร์กซิตี้สั่งแบน ‘ทิกท็อก’ จากอุปกรณ์รัฐ อ้างเป็นภัยต่อเครือข่ายเทคนิค

หลังจากที่สหรัฐฯ สั่งแบนแอปยอดนิยมจากเครื่องมือสื่อสารของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางไปเมื่อปีที่แล้ว กรุงนิวยอร์กก็เริ่มหันมาใช้มาตรการเดียวกัน

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หน่วยงานราชการของกรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้ประกาศแบนการใช้งานแอปพลิเคชันทิกท็อกบนอุปกรณ์ทุกชนิดที่อยู่ในครอบครองของหน่วยงานอย่างเป็นทางการ โดยอ้างเหตุผลเรื่องภัยความมั่นคงแห่งชาติ

เมื่อปีที่แล้ว สภาคองเกรสส์แห่งสหรัฐฯ มีมติให้งดเว้นการใช้งานแอปทิกท็อก และให้ลบออกจากอุปกรณ์ใช้งานทุกเครื่องของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง จากนั้นมาก็มีอีกหลายรัฐในสหรัฐอเมริกาเริ่มใช้มาตรการเดียวกัน โดยอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคงของชาติ ความกังวลนี้สืบเนื่องมาจากบริษัทที่เป็นเจ้าของแอปหรือบริษัทไบต์แดนซ์เป็นบริษัทสัญชาติจีน ทำให้ส.ส.หลายคนของสหรัฐฯ เป็นกังวลว่าอาจเป็นช่องทางให้รัฐบาลจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานซึ่งเป็นประชาชนชาวอเมริกัน ถ้าหากบริษัทโดนบังคับให้ส่งมอบข้อมูลตามกฎหมายของประเทศจีน

โฆษกของสำนักงานบริหารกรุงนิวยอร์กกล่าวในแถลงการณ์ต่อผู้สื่อข่าวว่า การแบนแอปพลิเคชันในครั้งนี้เป็นผลมาจากข้อสรุปของหน่วยงานกองบัญชาการไซเบอร์แห่งสหรัฐฯ ประจำกรุงนิวยอร์กที่พบว่า แอปทิกท็อก “เป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของโครงข่ายทางเทคนิกแห่งกรุงนิวยอร์ก”

การประกาศครั้งนี้มีผลให้ทุกหน่วยงานราชการแห่งกรุงนิวยอร์กจะต้องลบแอปพลิเคชันดังกล่าวออกจากอุปกรณ์ใช้งานที่เป็นสมบัติของราชการภายใน 30 วัน

ที่มา : nbcnews.com...

แผ่นดินไหวรุนแรงเขย่าเมืองหลวงโคลอมเบีย

18 สิงหาคม 2566 : แผ่นดินไหวรุนแรงเขย่ากรุงโบโกตา เมืองหลวงของโคลอมเบียเมื่อวันพฤหัสบดี เสียงไซเรนเตือนภัยดังทั่วเมือง สร้างความตื่นตระหนกให้ผู้คน รวมทั้งผู้หญิง 1 รายที่มีรายงานเสียชีวิตหลังกระโดดลงมาจากอาคาร

ผู้คนมารวมตัวกันบนถนนด้วยความตื่นตระหนก หลังเกิดแผ่นดินไหวใกล้กรุงโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม (Photo by Juan Pablo Pino / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 2566 กล่าวว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงใกล้กรุงโบโกตา เมืองหลวงของโคลอมเบีย เบื้องต้นไม่มีรายงานความเสียหายร้ายแรง

สำนักสำรวจทางธรณีวิทยาโคลอมเบีย (ซีจีเอส) ระบุขนาดของแผ่นดินไหวที่ 6.1 แม็กนิจูด ขณะที่สำนักสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานว่าอยู่ที่ 6.3 แม็กนิจูด

หน่วยงานของโคลอมเบียกล่าวว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.04 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพฤหัสบดี (00.04 น. ตามเวลาประเทศไทยของวันศุกร์) โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเอล คาลวาริโอ (El Calvario) ห่างจากกรุงโบโกตาไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 40 กิโลเมตร และมีอาฟเตอร์ช็อกขนาด 5.9 แม็กนิจูดตามมาหลังจากนั้นด้วย

แรงสั่นสะเทือนทำให้อาคารต่างๆ ในเมืองหลวงสั่นไหว ก่อนที่เสียงไซเรนจะดังขึ้น ทำให้ผู้คนหลายพันตื่นตระหนกและพากันอพยพออกจากอาคาร จนหลั่งไหลไปตามท้องถนน

คลอเดีย โลเปซ นายกเทศมนตรีกรุงโบโกตา แจ้งเตือนเหตุผ่านทางโซเชียลมีเดีย กล่าวว่า “แรงสั่นสะเทือนรุนแรงในโบโกตา ขอให้อยู่ในความสงบและระมัดระวัง โปรดใช้มาตรการป้องกันทั้งหมดเพื่อรับมืออาฟเตอร์ช็อกที่อาจเกิดขึ้น ขอให้ทุกคนใจเย็น, อย่าตระหนก และตื่นตัวตลอดเวลา”

โลเปซระบุเพิ่มเติมว่า “มีรายงานคนติดอยู่ในลิฟต์และเหตุการณ์เล็กน้อยอื่นๆ ขณะที่เหตุการณ์ร้ายแรงมีเพียงอย่างเดียวคือผู้หญิงคนหนึ่งที่กระโดดลงมาจากชั้น 10 ของอาคารที่พักอาศัยจนเสียชีวิต แต่ข้อมูลบ่งชี้ว่าเธอมีอาการทางประสาทอยู่ก่อนแล้ว”

ผู้ประสบเหตุในเมืองต่างๆ เช่น วิลลาวิเซนซิโอ, บูการามังกา, ตุนยา และอีบาเก ใช้โซเชียลมีเดียรายงานว่ารู้สึกถึงแผ่นดินไหวเช่นกัน โดยเมืองที่กล่าวมาต่างอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว

มีรายงานดินถล่มในเมืองวิลลาวิเซนซิโอ ขณะที่มีเพียงหน้าต่างบ้านเรือนและอาคารสำนักงานเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบในเมืองเอล คาลวาริโอ ตามข้อมูลล่าสุดที่ได้จากหน่วยงานแห่งชาติเพื่อการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ

ทั้งนี้ ตอนกลางของประเทศโคลอมเบียมักมีความไหวสะเทือนสูง เพราะมีรอยเลื่อนทางธรณีวิทยาอยู่ในพื้นที่