เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระวิรพล ฉัตติโก(หลวงปู่เณรคำ) ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับดีเอสไอว่า นายสุกิจ พูนศรีเกษม ทนายความอดีตพระวิรพล ยืนยันว่านายวิรพลจะเดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอในวันที่ 8 สิงหาคม อย่างแน่นอน โดยขณะนี้นายวิรพลได้้เดินทางออกประเทศ มาพักที่ประะเทศลาวและได้้นัดหมายว่าจะเข้าประเทศไทยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย ซึ่งดีเอสไอได้จัดชุดรับตัวนายวิรพลเรียบร้อยแล้ว นายสุกิจ พูนศรีเกษม ทนายความของอดีตพระเณรคำ กล่าวว่า ได้ประสานกับดีเอสไอว่า พระวิรพลจะเดินทางกลับมามอบตัวสู้คดีกับดีเอสไอ ในสัปดาห์นี้ โดยมีเงื่อนไขขอประกันตัว ซึ่งทางดีเอสไอก็ตกลง ส่วนเงื่อนไขที่ดีเอสไอได้เสนอคือหลังจากเข้ามอบตัว ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และห้ามขีดขวางการสอบสวน ตนได้ต่อโทรศัพท์มือถือคุยพร้อมกัน 3 สาย มีตน พระฐกฤต กัณตธัมโม และพระหลวงปู่เณรคำ ก่อนตัดสินใจรับจะเข้ามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ส่วนเรื่องหลักทรัพย์การประกันตัวทราบว่าไม่เกิน 2 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ (จปร.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกระแสข่าวการปฏิวัติ ว่า ข่าวลือก็คือข่าวลือ อยากให้ทุกคนทุกฝ่ายต้องมีสติ และแยกแยะให้ออกว่าอะไรคือ เรื่องจริง อะไรไม่จริง อยากยืนยันว่า ทหารมีหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เราเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การพูดจาใดๆ เกรงจะมีผลกระทบต่อบุคคลหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทหารทำหน้าที่ของทหาร มีบทบาทแน่นอน ชัดเจน สิ่งใดก็ตามที่เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เรามีกระบวนการตรวจสอบและดำเนินการอยู่แล้ว แม้จะติดขัดและขรุขระอยู่บ้าง “ผมยืนยันทหารอยู่ในบทบาทของทหาร เหตุการณ์ในประเทศคนไทยต้องร่วมมือแก้ปัญหา โดยไม่ให้เสียทั้งกฎหมายและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การที่คนลือกันทำให้ต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น และประชาชนตื่นตระหนกเสียขวัญกลายเป็นผลประโยชน์ให้คนที่ปล่อยข่าว การไปพูดจาให้ร้าย กล่าวอ้างถึงสถาบัน คนเหล่านี้แย่มาก ผมเคยบอกเสมอว่า พระองค์ท่านไม่เคยลงมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง พระองค์ท่านอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ดังนั้น จะไปลือว่า ท่านเสด็จฯ ไปประทับที่หัวหิน เพื่อโน่นเพื่อนี่ ผมว่าไม่เป็นธรรมกับพระองค์ท่าน ผมบอกแล้วว่าเป็นข่าวที่ปล่อยออกมา ก็ไปหาตัวว่า ใครเป็นคนปล่อยข่าว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนพยายามสร้างความเข้าใจกับสังคมอยู่ว่าทหารทำหน้าที่ของทหาร ถ้าทหารออกมาแสดงว่าไม่มีกฎหมายแล้ว และไม่ต้องใช้กฎหมาย ไม่อยากให้ทุกคนไปมุ่งหวังเช่นนั้น เราต้องตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง และต้องนำพาประเทศชาติและประชาชนไปในสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งใดที่เป็นปัญหาต้องไปหาต้นเหตุ วันนี้ขอร้องให้ลดข่าวลือ เพราะทำให้ประเทศชาติเสียหาย หลายประเทศประกาศไม่ให้มาเที่ยวประเทศไทยในเดือน ส.ค. ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ดังนั้น ต้องช่วยวิธีช่วยกันลดและแก้ปัญหา ขณะนี้สถานการณ์รอบบ้านดีหมด เว้นแต่ในประเทศ หรือคนในประเทศไม่ใช่คนไทย
นายไพศาล พืชมงคล อุปนายกและเลขาธิการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน พร้อมด้วยนายโภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน รวมทั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ อาทิ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ นายกสมาคมกิตติมศักดิ์, พล.อ.อุทัย ชินวัตร อุปนายก, นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง อุปนายกสมาคม ได้เข้าหารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมถึงความร่วมมือกับจีนด้านต่างๆ ที่สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีนได้ดำเนินการมา ทั้งนี้ นายไพศาลกล่าวว่า ทางสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบว่า เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมาได้หารือกับรองประธานสภาที่ปรึกษาการเมือง ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ รมช.วิเทศสัมพันธ์ ถึงแนวทางการยกเลิกการขอวีซ่าเข้าประเทศ ของทั้ง 2 ประเทศ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยและจีน เตรียมการหารือกำหนดรายละเอียดต่างๆ ในทางการทูตร่วมกัน “นายกรัฐมนตรีเห็นด้วย และยินดีให้การสนับสนุน สั่งเดินหน้าการยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศไทย-จีนอย่างเต็มที่ โดยระบุว่าน่าจะมีข่าวดีเรื่องการยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน ในระหว่างที่นายกฯ จะเดินทางไปมณฑลกวางสีของจีน ระหว่างวันที่ 2-3 ก.ย.นี้” สำหรับผลดีที่จะเกิดขึ้นหลังยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน จะทำให้มีนักท่องเที่ยวจากจีนมาไทยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของประเทศที่คาดจะมีเม็ดเงินสะพัดเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคนแน่นอน จากปัจจุบันที่มีปีละ 2 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีนี้เป็น 3-4 ล้านคน หลังจากที่ได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์เรื่อง “ลอส อินไทยแลนด์” ที่ทำให้คนจีนให้ความสนใจจะมาเที่ยวไทยกันมากขึ้น
7 ส.ค. 56 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ มวลชนของพรรคแสดงความไม่พอใจ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาติให้เข้าไปภายในรัฐสภา ว่า มวลชนคงเข้าใจได้ว่าเป็นวิธีการประชาธิปไตยที่สงบ ไม่มีปะทะ ทำลายข้าวของ หรือเผาบ้านเผาเมือง แต่เป็นกระบวนการตัวอย่างที่รัฐบาลควรดูไว้ด้วย ส่วนที่หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นเกมการเมืองนอกสภามากเกินไปนั้น เห็นหลายคนยังไม่เข้าใจกฎหมาย ผู้ใหญ่หลายคนก็ยังไม่ทราบรายละเอียดของการนิรโทษกรรม ซึ่งข้อเท็จจริงพรรประชาธิปัตย์อยากให้บ้านเมืองปกครองด้วยหลักและอยู่ได้ การออกกฎหมายเพื่อช่วยพรรคพวกตัวเองไม่ใช่หลักนิติธรรมที่ถูกต้องในการปกครอง การค้านกฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่เพราะเราเป็นฝ่ายค้าน แต่เห็นว่าขัดต่อหลักกฎหมายบ้านเมืองเท่านั้น ดังนั้น อะไรที่ขัดต่อหลักนี้ก็ไม่สามารถให้ผ่านไปได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรกับกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เสนอแนวคิดปฏิรูปการเมือง นายชวน กล่าวว่า ต้องดูว่าสิ่งที่นายกฯ พูดนั้นใครสั่งให้พูด ใครสั่งหรือเขียนให้พูด และนายกฯ เองรู้เรื่องนั้นๆ หรือไม่ เพราะหลายเรื่องที่นายกฯ พูดสวนทางกับการปฏิบัติ สังเกตได้ว่าการพูดกับการปฏิบัติไม่ต้องการ นายกฯ บอกว่าปรองดอง แต่คนของตัวเองกลับก่อปัญหาทุกเรื่อง
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมแนวทางปฏิรูปการเมืองด้วยหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า พวกเราเป็นนักการเมืองอยู่แล้วและยังอยู่ในสภา ตนจึงมีความเห็นไม่แตกต่างจากพรรค ส่วนผู้ใหญ่คนอื่นที่ได้รับการทาบทามไม่ได้มีบทบาทในการเมืองแล้ว เป็นอดีตนักการเมืองไปแล้ว แต่ตนยังเป็น ส.ส.อยู่ เมื่อจุดยืนของพรรคเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น นอกจากนี้ ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีแนวคิดที่จะให้ ส.ส.ลาออก เหมือนที่มีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้ ซึ่งภายในพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้
เมื่อถามถึงข้อเสนอแนะของ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ให้ฝ่ายค้านและหลายฝ่ายมาร่วมกันบริหารประเทศเพื่อความปรองดอง นายชวน กล่าวว่า ฝ่ายค้านและรัฐบาลเป็นสิ่งที่คู่กับระบอบประชาธิปไตย ส่วนความขัดแย้งไม่ได้มาจากรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่มาจากคนของรัฐบาลที่สร้างปัญหา ฝ่ายค้านไม่ได้เป็นผู้สร้างปัญหาจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ ฝ่ายค้านจะไม่ทำอย่างที่รัฐบาลทำ เพราะปัญหาทั้งหมดอยู่ที่รัฐบาล ซึ่งเราเข้าใจว่าเขาแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณเป็นการส่วนตัวโดยการเอาประเทศไปตอบแทนบุญคุณ แต่พวกเราไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเป็นรัฐบาลแห่งชาติหรือไม่เป็น แต่ปัญหาคือทุกฝ่ายทำหน้าที่ตัวเอง
เมื่อถามว่า ถ้ามีการตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้นมา ปัญหาความขัดแย้งในประเทศจะจบหรือไม่ นายชวน ย้อนถามกลับว่า "ชาติไหนล่ะ"
อมิตา ทาทา ยัง ช็อก หลังจากที่ทราบว่าคุณพ่อ ทิม ยัง อายุ 67 ปี เสียชีวิตเมื่อหัวค่ำของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยนางสาวณัฐกา รุ้งศรีมรกต ผู้จัดการส่วนตัวของทาทา ยัง ได้ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐออนไลน์ว่า คุณพ่อทิมได้ป่วยเป็นโรคหัวใจซึ่งเป็นโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว คุณพ่อน่าจะมีอาการเหนื่อยหลังจากที่กลับมาจากไปเยี่ยมครอบครัวที่ต่างประเทศ เมื่อมาถึงเมืองไทยก็ได้มานอนพักที่บ้าน เพื่อรอไปปาร์ตี้กับเพื่อนสนิท แล้วหลังจากนั้นก็หมดสติไปเลย เพื่อนสนิทมาเห็นจึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลบีเอ็นเอช ย่านสุขุมวิท แต่ได้เสียชีวิตระหว่างทาง ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า แพทย์นิติเวชกำลังผ่าตัดพิสูจน์สาเหตุของการเสียชีวิต ด้านนักร้องสาว ทาทา ยัง ทราบข่าวขณะอยู่ที่นิวยอร์ก ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวกำลังเดินทางกลับเมืองไทย คาดว่าน่าจะถึงประมาณเที่ยงของวันพรุ่งนี้ สภาพจิตใจของทาทาตอนนี้ช็อกและแย่มาก เพราะเหลือคุณพ่อคนเดียว ส่วนเรื่องของการจัดงานศพ ทางผู้จัดการส่วนตัวของทาทาได้บอกว่ากำลังรอปรึกษากันก่อน ว่าจะจัดงานศพแบบคริสต์หรือแบบไทย แต่มีแนวโน้มว่าจะจัดงานศพแบบไทย แต่ต้องรอคอนเฟิร์มอีกที ส่วนเรื่องสถานที่จัดงานจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง หลังจากที่ทาทาถึงเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว.
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012