ข่าว
สาว “เบอร์เกอร์ คิง เบบี้” พบแม่แล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากรัฐเพนซิลเวเนียประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ว่านางแคเธอรีน เดอพริลล์ วัย 27 ปี เปิดเผยว่าเธอมีความสุขจริงๆที่ได้พบหน้าแม่บังเกิดเกล้าเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาที่สำนักงานทนายความซึ่งเธอก็ได้รับทราบและเข้าใจการกระทำของแม่ที่ต้องทิ้งเธอไปเธอบอกอีกว่า แม่ของเธอนั้นดูดีเหนือกว่าสิ่งอื่นใดและที่เธอจินตนาการเธอดูอ่อนหวานและมหัศจรรย์ทำให้เธอมีความสุขมากสาวอเมริกันผู้ได้รับฉายา“เบอร์เกอร์ คิง เบบี้” บอก

นางเดอพริลล์เริ่มต้นการค้นหาแม่บังเกิดเกล้าเมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมาโดยโพสรูปของเธอซึ่งถือป้ายข้อความว่ากำลังตามหาแม่บังเกิดเกล้าที่ทิ้งเธอไว้ในห้องน้ำของร้านอาหารฟาส์ตฟู้ด“เบอร์เกอร์ คิง”ทั้งที่เพิ่งคลอดออกมาได้ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นที่เมืองอัลเลนทาวน์รัฐเพนซิลเวเนียโปรดช่วยฉันตามหาแม่ด้วยการแชร์รูปนี้ด้วย

ปรากฏว่ารูปนี้ถูกแชร์ออกไปกว่า 30,000 ครั้งในเฟซบุ๊กของผู้ใช้ทั่วโลกและ เรื่องราวของเธอก็ได้รับความสนใจจากสื่อมากมายจนกระทั่งแม่ของเธอมาพบและติดต่อไปยังทนายความคือนายจอห์น วัลดอร์นซึ่งได้เป็นธุระจัดการเรื่องการพบกันระหว่างแม่บังเกิดเกล้ากับสาวอเมริกัน“เบอร์เกอร์ คิง เบบี้”

ปัจจุบันนี้นางเดอพริลล์ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่เทคนิคด้านการแพทย์ฉุกเฉินแต่งงานแล้ว มีลูก 3 คนอาศัยอยู่นอกเมืองอัลเลนทาวน์

โอบามาเผยข้อเสนอปฏิรูป"เอ็นเอสเอ" ให้บ.มือถือเก็บข้อมูลแทน

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ทำเนียบขาวและสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐอเมริกาบางส่วน กำลังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงการดักฟังข้อมูลทางโทรศัพท์อันใหญ่โตมโหฬาร ที่จุดชนวนให้เกิดความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว นับตั้งแต่เรื่องดังกล่าวถูกเปิดเผยเมื่อปีที่แล้วโดยนายเอ็ดเวิร์ด สโนวเดน อดีตนักวิเคราะห์ข้อมูลของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ)

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะทำให้ข้อมูลจำนวนมหาศาลในการสนทนาทางโทรศัพท์ของชาวอเมริกันหลายล้านคนที่บันทึกไว้ ตกอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์แทน แม้ว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติส่วนหนึ่งจะเชื่อว่า ข้อมูลดังกล่าวที่ตอนนี้อยู่ในความครอบครองของรัฐบาลจะได้รับการปกป้องอย่างดีแล้ว และตั้งคำถามว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ความเป็นส่วนตัวได้รับการคุ้มครองดีขึ้นจริงหรือไม่

ประธานาธิบดีบารัค โอบามาตั้งใจที่จะขอให้สภาคองเกรสยุติการเก็บข้อมูลการสนทนาโทรศัพท์ของชาวอเมริกัน โดยจะให้รัฐบาลร้องขอไปยังบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายในกรณีที่ต้องการค้นหาข้อมูลที่เป็นไปได้ว่า มีความเชื่อมโยงกับการก่อการร้าย

รายละเอียดของโครงการเก็บข้อมูลที่เป็นความลับได้รับการเปิดเผยโดยสโนวเดนเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ผู้ที่สนับสนุนความเป็นส่วนตัวแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงที่ได้รู้ว่ารัฐบาลเก็บข้อมูลการสนทนาทางโทรศัพท์ของชาวอเมริกันผู้บริสุทธิ์เป็นเวลานานถึง 5 ปี โดยโอบามาให้สัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงโครงการดังกล่าวเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมาจากสาธารณชน

โอบามาบอกว่า ทางเลือกใดๆ ก็ตามที่จะให้รัฐบาลเก็บรักษาข้อมูลบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ไว้ สร้างปัญหายุ่งยากมากมายและจุดประเด็นที่เป็นข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว แม้ว่าไมค์ โรเจอร์ส ส.ส.พรรครีพับลิกัน ประธานกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา เชื่อว่า ข้อมูลจะปลอดภัยกว่าหากอยู่ในความดูแลของเอ็นเอสเอ

ข้อเสนอของทำเนียบขาว และกรรมาธิการข่าวกรองยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด นอกจากการเปลี่ยนให้บันทึกข้อมูลการสนทนากลับมาอยู่ในความดูแลของบริษัทผู้ให้บริการทางโทรศัพท์ ซึ่งต้องเก็บรักษาข้อมูลไว้ 18 เดือนตามข้อกำหนดของรัฐบาลกลางที่มีอยู่แล้ว

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า วันเดียวกันนี้ นายสโนวเดน ออกแถลงการณ์ผ่านสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (เอซีแอลยู) แสดงความยินดีต่อข้อเสนอปฏิรูปเอ็นเอสเอของทำเนียบขาวและสภาคองเกรส โดยชี้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ


พบวัตถุ 122 ชิ้นใหม่ในพื้นที่ค้นหาเครื่อง”MH370” บริเวณมหาสมุทรอินเดีย

ทางการมาเลเซียเปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด ถูกถ่ายระหว่างการค้นหาเครื่องบินโดยสารมาเลเซียแอร์ไลน์สได้แสดงให้เห็นวัตถุปริศนา 122 ชิ้นในพื้นที่แห่งหนึ่งของมหาสมุทรอินเดีย

นายฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รักษาการรัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซียระบุว่า ภาพชุดภาพดังกล่าวจากองค์กรอวกาศ และความมั่นคงแอร์บัสในฝรั่งเศสแสดงให้เห็นวัตถุในพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาด 400 ตารางกิโลเมตรในมหาสมุทรอินเดีย

อย่างไรก็ตาม นายฮุสเซน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ยังเป็นไปไม่ได้ว่าวัตถุดังกล่าวเป็นของเครื่องบินโบอิ้ง 777 ที่ตกพร้อมผู้โดยสาร 239 หรือไม่ แต่ก็ถือเป็นหลักฐานชิ้นใหม่ซึ่งจะช่วยนำทางในการค้นหา

เผยปมใหม่ แฉนักบินแอร์มาเลเซีย"เศร้าใจ เมียแยกออกจากบ้าน"อาจ"ขับเครื่องอย่างไร้จุดหมาย"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ว่า เพื่อนนายซาฮาเรีย อาห์เหม็ด ชาห์ นักบินผู้ควบคุมเครื่องบินโบอิ้ง 777 สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ ซึ่งหายสาบสูญ และถูกประกาศว่าตกลงในมหาสมุทรอินเดีย ส่งผลให้ผู้โดยสาร 239 คนเสียชีวิตทั้งลำ เปิดเผยว่า นายซาฮาเรีย ไม่ได้อยู่ภาวะจิตใจพร้อมที่จะปฎิบัติหน้าที่นักบิน เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาต้องโศกเศร้าสะเทือนอารมณ์กับกรณีภรรยาของเขาแยกออกจากบ้าน และทำให้เขาอาจขับเครื่องบินอย่างใจลอยไร้จุดหมายได้ และว่า ความสัมพันธ์ของเขากับภรรยาต้องสะบั้นพังลง เพราะกัปตันซาฮาเรียไปนอกใจมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอีกคน ทำให้ภรรยาของเธอไม่พอใจ และตัดสินใจย้ายออกจากบ้านของเขา

การเปิดเผยใหม่นี้มีขึ้นหลังจากผู้เชี่ยวชาญบอกว่า เครื่องบินโบอิ้ง 777 เที่ยวบิน MH370 ได้บินอย่างสูงเหนือจากพื้นดินในระดับ 43,000-45,000 ฟุต หลังมีการสื่อสารครั้งสุดท้ายจากห้องนักบิน ระดับดังกล่าว เป็นระดับชั้นบรรยากาศที่ไร้ออกซิเจน และการใช้หน้ากากออกซิเจนในเครื่องบินไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ผู้โดยสารฟื้นคืนสติ โดยแหล่งข่าวระบุว่า มีการตรวจจับพบว่า เครื่องบินได้บินสูงในระดับดังกล่าวเป็นเวลา 23 นาทีก่อนลดระดับการบิน ซึ่งตามหลักการแล้ว ออกซิเจนจะหมดลงภายในเวลา 12 นาทีจากภาวะการบินดังกล่าว และอาจทำให้ผู้โดยสารหมดสติ