ข่าว
เซเลนสกีถึงสหรัฐแล้ว! คุยดีลแร่แรร์เอิร์ธ-ทรัมป์จำไม่ได้เรียกผู้นำยูเครน “เผด็จการ

รอยเตอร์ รายงานวันที่ 28 ก.พ. ว่า ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เดินทางถึงสหรัฐอเมริกา เพื่อพบปะหารือกับ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา รวมถึงลงนามในข้อตกลงว่าด้วย ธาตุหายาก หรือ ธาตุแรร์เอิร์ธ ในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นความพยายามของยูเครนเพื่อให้สหรัฐเดินหน้าสนับสนุนการต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซียซึ่งยืดเยื้อมากว่า 3 ปี นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการพิเศษทางทหารในดินแดนยูเครนเมื่อเดือนก.พ.2565

ภายหลังรัฐบาลนายทรัมป์กลับลำเปลี่ยนนโยบายลงโทษรัสเซีย หนำซ้ำยังส่งคณะเจ้าหน้าที่หารือกับผู้แทนรัสเซียโดยไม่มียูเครนเข้าร่วม และเรียกคืนเงินที่สหรัฐเคยทุ่มให้กับการช่วยเหลือยูเครนด้วย

การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของสหรัฐซึ่งเป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญที่สุดของยูเครน ก่อให้เกิดกระแสหวาดวิตกไปทั่วภูมิภาคยุโรปและยูเครนกลัวว่าจะถูกบังคับให้ทำข้อตกลงสันติภาพที่เอื้อประโยชน์ต่อรัสเซีย...

ข้อตกลงธาตุหายากที่เจรจาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาจะเปิดทางให้สหรัฐเข้าถึงทรัพยากรธาตุหายากจำนวนมหาศาลของยูเครน แต่ไม่รวมถึงการรับประกันความปลอดภัยจากสหรัฐซึ่งถือเป็นเรื่องน่าผิดหวังสำหรับยูเครน

ข้อตกลงดังกล่าวทำให้สหรัฐมีสิทธิ์เรียกคืนเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากต้นทุนอาวุธที่สหรัฐจัดหาให้ยูเครนผ่านกองทุนเพื่อการฟื้นฟูที่ผูกกับการขายธาตุหายากของยูเครน

ก่อนหน้านี้นายทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์การจัดการสงครามของนายเซเลนสกีและเรียกผู้นำยูเครนว่าเผด็จการ พร้อมเร่งเร้าให้ยูเครนทำข้อตกลงธาตุหายาก แต่ระหว่างแถลงข่าวร่วมกับเซอร์ คีร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ทรัมป์กล่าวว่า “ผมพูดอย่างนั้นหรือ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมพูดอย่างนั้น”

นายทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่าตั้งตารอที่จะพบกับนายเซเลนสกี และชื่นชมความกล้าหาญของกองทัพยูเครน “เรากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้สงครามยุติลง ผมคิดว่าเราได้คืบหน้าไปมาก และกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว มันคงจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลย”

วาติกันเผย โป๊ปฟรานซิสดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่ใช้คำว่าอาการวิกฤติแล้ว

โป๊ปฟรานซิสอาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยังต้องได้รับออกซิเจนการไหลสูง แต่วาติกันไม่ใช้คำว่าอาการวิกฤติในแถลงการณ์แล้ว

สำนักวาติกันอัปเดตอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ในช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ 27 ก.พ. 2568 ระบุว่า อาการประชวรของพระองค์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยโป๊ปฟรานซิสได้รับออกซิเจนอัตราการไหลสูงสลับกับการใช้หน้ากากเวนทูรี

“ด้วยความซับซ้อนในสถานการณ์ทางคลินิกของพระองค์ จำเป็นต้องรออีกหลายวันเพื่อให้อาการมั่นคง จึงจะสามารถมีการทำนายโรคที่ชัดเจนได้” แถลงการณ์ของวาติกันระบุ

สำนักวาติกันยืนยันว่า โป๊ปฟรานซิสใช้เวลาช่วงเช้าไปกับการบำบัดทางเดินหายใจและพักผ่อน และหลังการรักษาในช่วงบ่ายพระองค์ก็สวดมนต์ภาวนาที่โบสถ์ขนาดเล็กบนชั้น 10 ของโรงพยาบาลเจเมลลี รับศีลมหาสนิท จากนั้นพระองค์จึงทรงงานอื่นๆ ต่อ

ด้านแหล่งข่าวในสำนักวาติกันบอกกับสำนักข่าว เอบีซี นิวส์ ว่า “นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ไม่มีการพูดถึงอาการวิกฤติ” ในการอัปเดตอาการประชวรของโป๊ปฟรานซิส “เราจึงสามารถพูดได้ว่าเราออกจากช่วงที่วิกฤติที่สุดแล้ว และเรากลับไปสู่คำที่เราใช้อธิบายก่อนหน้านี้คือ ภาพรวมซับซ้อน”

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่า การที่แพทย์ยังไม่สามารถทำนายโรคได้หมายความว่า พวกเขายังมีความกังวลอยู่

ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประทับที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2568 หลังมีอาการปอดอักเสบมาหลายวัน โดยผลตรวจชี้ว่า โป๊ปมีอาการติดเชื้อหลายชนิดในระบบทางเดินหายใจส่วนบน และเป็นปอดบวมในปอดทั้ง 2 ข้าง

ต่อมาในวันเสาร์ (22 ก.พ.) วาติกันระบุเป็นครั้งแรกว่าโป๊ปฟรานซิสมีอาการวิกฤติ หลังพระองค์เผชิญกับ “ภาวะวิกฤติด้านทางเดินหายใจคล้ายโรคหอบหืดเป็นเวลานาน” ทำให้ต้องได้รับออกซิเจนในปริมาณมาก และต้องได้รับการถ่ายเลือดเพื่อรักษาอาการโลหิตจาง จากนั้นในวันอาทิตย์ผลตรวจก็พบสัญญาณของอาการไตวายระยะแรกเริ่ม ซึ่งสามารถควบคุมได้

เมื่อวันจันทร์วาติกันอัปเดตว่า อาการของพระองค์ยังอยู่ในภาวะวิกฤติ แต่ปัญหาเกี่ยวกับไตของพระองค์ดีขึ้นเล็กน้อย ส่วนเมื่อวันอังคาร พระองค์มีอาการทรงตัว และไม่มีอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันกำเริบแล้ว และในวันพุธสัญญาณของโรคไตวายของพระองค์ก็ลดลง ในขณะที่ผลตรวจเลือดดีขึ้นด้วย

ที่มา : abcnews


จีนค้านทรัมป์ ดีเดย์รีดภาษีสินค้าจีนเพิ่ม 10% 4 มี.ค. ซัดโบ้ยความผิดปักกิ่ง ปมยาเสพติดทะลัก...

ศึกการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา สองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก เต็มไปด้วยความตึงเครียด ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ คัดค้านคำขู่ล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ที่ประกาศจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 10% พร้อมกล่าวหาว่าสหรัฐโยนความผิดให้กับจีนต่อปัญหาการหลั่งไหลของยาเฟนทานิลเข้าไปในสหรัฐจนนำมาสู่มาตรการเล่นงานจีนครั้งนี้ ซึ่งจีนจะตอบโต้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง...

ในถ้อยแถลงกระทรวงพาณิชย์ชี้ว่าจีนเป็นประเทศที่มีนโยบายต่อต้านยาเสพติดที่เข้มงวดที่สุดในโลก พร้อมเน้นย้ำถึงความเสี่ยงของการตั้งกำแพงภาษีรอบใหม่ของสหรัฐที่จะส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

“จีนเน้นย้ำหลายครั้งแล้วว่ามาตรการเก็บภาษีศุลกากรแต่เพียงฝ่ายเดียวนั้นละเมิดกฎขององค์การการค้าโลกและทำลายระบบการค้าพหุภาคี จีนมีนโยบายต่อต้านยาเสพติดที่เข้มงวดและบังคับใช้อย่างเต็มที่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก” โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนระบุ และว่า ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่สหรัฐกำลังขู่จะเก็บภาษีเพิ่ม “พฤติการณ์เช่นนี้เป็นเพียงการโยนความผิดและหลบเลี่ยงความรับผิดชอบเท่านั้น ซึ่งไม่เอื้อต่อการแก้ปัญหาของตัวเอง”

เป็นท่าทีหลังจากทรัมป์กล่าวในวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) ว่ามาตรการเก็บภาษีอัตรา 25% ต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาของสหรัฐจะมีผลบังคับใช้ในวันอังคารที่ 4 มีนาคมนี้ รวมถึงการเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติมอีก 10% หลังจากก่อนหน้านี้สหรัฐได้เก็บภาษีสินค้าจีนไปแล้ว 10% เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

มาตรการทางภาษีครั้งใหม่นี้ของสหรัฐมีขึ้นในขณะที่รัฐสภาจีนได้เปิดการประชุมประจำปีซึ่งคาดหมายว่าจีนจะเผยแผนการพัฒนาเศรษฐกิจสำคัญสำหรับปี 2025 นี้ และจีนยังมีเวลาเหลือไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ในการเปิดมาตรการตอบโต้สหรัฐก่อนที่มาตรการตอบโต้ทางภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้...


ทนายชาวอินเดียชนะคดี ฟ้องโรงหนังโฆษณาฉายนานเกิน

ทนายความชาวอินเดียคนหนึ่งได้รับค่าเสียหายจากคดีที่เขาฟ้องร้องเครือโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ หลังจากที่เขาร้องเรียนว่ามีการฉายโฆษณาก่อนฉายภาพยนตร์นานเกินไป

อภิเษก เอ็ม อาร์ ทนายความวัย 31 ปี จากเมืองบังกาลอร์ ทางตอนใต้ของอินเดีย ตัดสินใจดำเนินคดีต่อเครือ PVR INOX หลังจากที่เขาจำเป็นต้องยกเลิกการประชุมทางโทรศัพท์เกี่ยวกับงาน เพราะภาพยนตร์ฉายเกินเวลาที่กำหนด

ในการยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการระงับข้อพิพาทผู้บริโภคเขตบังกาลอร์ อภิเษกอ้างว่า เวลาของเขาถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า และเขาต้องเผชิญกับ “ความทุกข์ทางจิตใจ” เนื่องจากโฆษณายาวถึง 25 นาที ก่อนการฉายภาพยนตร์ Sam Bahadur ในปี 2023

จากเอกสารของศาลที่ CNN ได้รับ อภิเษกซื้อตั๋ว 3 ใบเพื่อชมภาพยนตร์แนวสงครามเรื่องนี้ ในช่วงบ่ายของวันที่ 26 ธันวาคม 2023 โดยกำหนดฉายที่โรงภาพยนตร์ PVR multiplex ในบังกาลอร์ ระบุว่าภาพยนตร์มีความยาว 2 ชั่วโมง 25 นาที และมีกำหนดเริ่มฉายเวลา 16:05 น. และจบเวลา 18:30 น.

แต่เนื่องจากมี ตัวอย่างภาพยนตร์ โฆษณา และสื่อแทรกอื่นๆ รวมเกือบ 30 นาที ทำให้ภาพยนตร์จบช้ากว่ากำหนด ซึ่งอภิเษกอ้างว่า ทำให้เขาเสียโอกาสที่ไม่สามารถคำนวณเป็นมูลค่าเงินได้

อภิเษกให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่าเขามีตารางประชุมทางโทรศัพท์เวลา 18:30 น. แต่ต้องพลาดการประชุมไป เพราะภาพยนตร์จบจริงๆ ประมาณ 19:00 น. โดยเขานับได้ว่า มีประกาศสาธารณะ 2 รายการ และโฆษณาเชิงพาณิชย์ถึง 17 ตัว ก่อนที่ภาพยนตร์จะเริ่มฉาย

เขาอ้างว่าความล่าช้านี้ถือเป็น “การค้าที่ไม่เป็นธรรม” และได้ยื่นฟ้อง PVR INOX เรียกค่าเสียหาย 50,000 รูปี หรือเกือบ 20,000 บาท รวมถึงเรียกเงินชดเชย 5,000 รูปี เกือบ 2,000 บาท สำหรับ “ความทุกข์ทางจิตใจ” และอีก 10,000 รูปี หรือเกือบ 4,000 บาทสำหรับค่าดำเนินคดี

ในที่สุด คณะกรรมการผู้บริโภคตัดสินให้อภิเษกเป็นฝ่ายชนะ และสั่งให้เครือโรงภาพยนตร์จ่ายค่าเสียหายให้เขา 20,000 รูปี หรือราว 7,800 บาท และค่าดำเนินคดีเพิ่มเติม 8,000 รูปี หรือราว 3,100 บาท นอกจากนี้ ศาลยังสั่งให้บริษัทจ่ายเงินอีก 100,000 รูปี หรือกว่า 39,000 บาท เข้ากองทุนคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่มีเป้าหมายเพื่อปกป้องสิทธิของผู้บริโภค

ในการตัดสิน ศาลระบุว่า “ในยุคปัจจุบัน เวลาถือเป็นเงินเป็นทอง เวลาของแต่ละคนมีค่ามาก” และกล่าวเสริมว่า "การต้องนั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์เฉยๆ นาน 25-30 นาทีเพื่อชมโฆษณาที่ไม่จำเป็น ถือเป็นเวลาที่สูญเปล่า ผู้ที่มีตารางงานแน่นไม่มีเวลามาเสียไปกับเรื่องเช่นนี้"

ขณะที่อภิเษกกล่าวว่า ความพยายามของเขาคุ้มค่าแน่นอน และหวังว่าคดีนี้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอื่นๆ ในอินเดียเพราะเวลาเป็นสิ่งมีค่า และพวกเขาไม่ควรเสียเวลาของลูกค้า

PVR INOX เป็นเครือโรงภาพยนตร์ที่มีมากกว่า 900 โรง ใน 173 แห่งทั่วอินเดียและศรีลังกา และแม้ว่าทาง PVR INOX จะไม่ตอบกลับคำขอความคิดเห็นจาก CNN แต่เอกสารของศาลระบุว่า บริษัทได้ให้การปกป้องตัวเองโดยอ้างว่ามีกฎหมายกำหนดให้ต้องฉาย ประกาศสาธารณะ 10 นาที ก่อนเริ่มภาพยนตร์ อย่างไรก็ตาม ศาลพบว่าสิ่งที่ฉายส่วนใหญ่เป็นโฆษณาเชิงพาณิชย์.

ที่มา : CNN

คิมบัญชาการ “รัวทดสอบครูซมิสไซล์” สั่งเตรียมพร้อมใช้นิวเคลียร์-ข่มขู่ประเทศอริ...

วันที่ 28 ก.พ. รอยเตอร์ รายงานจากสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือว่า นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ สั่งให้หน่วยงานด้านอาวุธนิวเคลียร์เตรียมความพร้อมอย่างเต็มกำลังเพื่อป้องกันประเทศ

หลังบัญชาการการทดสอบขีปนาวุธร่อนเชิงยุทธศาสตร์หลายลูกเมื่อวันพุธที่ 26 ก.พ. ซึ่งในช่วงสัปดาห์นี้นายคิมยังเดินทางไปเยี่ยมโรงเรียนทหารและดูการฝึกซ้อมของกำลังพลติดต่อกัน 2 ครั้ง...

เคซีเอ็นเอระบุตามคำกล่าวของนายคิมว่า “สิ่งที่รับประกันได้จากความสามารถในการโจมตีที่ทรงพลังคือการยับยั้งและป้องกันที่สมบูรณ์แบบที่สุด นี่เป็นภารกิจและหน้าที่รับผิดชอบของกองกำลังติดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือซึ่งจะปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติอย่างถาวรด้วยโล่ป้องกันนิวเคลียร์ที่เชื่อถือได้”

ก่อนเสริมว่าการทดสอบถูกออกแบบมาเพื่อเตือนศัตรูที่กำลังละเมิดความปลอดภัยของเกาหลีเหนืออย่างร้ายแรง รวมถึงยกระดับการเผชิญหน้า และแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของปฏิบัติการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ...

แม้นายคิมไม่ได้ระบุชื่อประเทศที่เป็นศัตรู แต่การใช้ถ้อยคำรุนแรงต่อสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ถือเป็นการตอกย้ำว่าประเทศใดที่เป็นศัตรู...