ข่าว
เจอร์รี่ บราวน์ ลงนาม ให้ "โรบินฮู้ด" มีใบขับขี่

เจอร์รี่ บราวน์ พร้อมเซ็นผ่านกฎหมาย ให้รัฐออกใบขับขี่ให้กับ "โรบินฮู้ด" ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และยังเร่งกรุงวอชิงตัน ว่าด้วยเรื่องการปรับปรุงกฎหมายอิมมิเกรชั่นเนิ่นนานออกไปมากแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2556 นายเจอรรี่ บราวน์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่าตนพร้อมจะเซ็นอนุมัติให้ "โรบินฮู้ด" ในแคลิฟอร์เนีย สามารถทำใบขับขี่ได้ ในวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา แต่ถูกผู้ร่างเก็บคืนไปเสียก่อน หลังจากถูกยับยั้ง ทำให้ต้องใช้เวลาทั้งวันหนุนนักการเมืองให้พยายามปรับปรุงระบบอิมมิเกรชั่นในอีกระดับหนึ่ง การอนุญาตให้ผู้ที่อยู่ผิดกฎหมายสามารถทำใบขับขี่ได้นั้นจะทำให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ใช้ท้องถนนมากขึ้น ซึ่งระหว่าง 1 ปี ที่ผ่านมา มี 9 รัฐ รวามถึงดิสทริค โคลัมเบีย ได้อนุมัติผ่านกฎหมายให้โรบินฮู้ดสามารถทำใบขับขี่ได้ ส่วนแคลิฟอร์เนีย ทั้งผู้ออกกฎหมายและผู้ว่าการรัฐฯ ได้พยายามหยุดยั้งและบอกปัด จนกระทั้งเมื่อวันพฤหัสที่แล้ว นายหลุย อะเลโฮ สมาชิกสภาผู้แทนพรรคดีโมแครต ได้กล่าวกับผู้สื่อขาวรอยเตอร์ว่า เขาได้ดึงร่างกฎหมายกลับมาเพื่อเลื่อนไปเสนอในปีหน้าเพราะถูกกดดันจากผู้ว่าการรัฐฯ

เนื่องจากผู้ว่าการรัฐฯ ต้องการให้ระบุอย่างแน่ชัดว่าใบขับขี่ที่จะอนุมัติให้กับโรบินฮู้ดนั้นต้องแสดงให้ผู้ถือคือโรบินฮู้ด อย่างเช่นที่รัฐยูท่าห์ ใช้คำกำกับไว้ว่า "ใบขับขี่สำหรับผู้มาเยือนชั่วคราว" ส่วนรัฐแคลิฟอร์เนียจะระบุว่า สำหรับขับขี่เท่านั้น ไม่ให้ใช้เป็นบัตรประจำตัวเพื่อนำไปใช้ในจุดประสงค์อื่น

หลังจากที่ตกลงใช้คำระบุไว้อย่างชัดเจนจนเป็นที่พอใจแล้ว จึงได้มีการลงมติ ด้วยคะแนนเสียงจากสภาสูงแคลิฟอร์เนีย 28-8 และสภาผู้แทน 55-19

"เราจำเป็นที่จะต้องให้พลเมืองที่อยู่ที่นี่ทุกคน แบ่งบันการใช้รถใช้ถนน ต้องมีความรู้เรื่องกฎจราจร และมีประกันรถยนต์ ซึ่งเหตุผลนี้ก็จะได้ทั้งด้านสังคมและด้านการเงินเข้าสู่รัฐ ในการอนุมัติให้โรบินฮู้ดมีใบขับขี่ได้" นายแอนโทนี่ แคนเนลล่า ซีเนตอร์ พรรครีพลับลิกันกล่าว

'โคโลราโด'น้ำท่วมหนัก ปิดบ่อน้ำมันนับร้อยแห่ง

วันที่ 20 ก.ย.เหตุน้ำท่วมใหญ่ในรัฐโคโลราโด ภาคกลางของสหรัฐฯ ทำให้ต้องปิดบ่อน้ำมันและบ่อก๊าซธรรมชาติอีกหลายร้อยบ่อ นอกจากนี้ยังมีรายงานเกิดน้ำมันรั่วไหลออกจากท่อส่งน้ำมันอย่างน้อย 2 จุด, ทำให้การขุดเจาะน้ำมันต้องหยุดชะงักชั่วคราว ขณะที่ทางการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบผลกระทบต่อธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นแล้ว

โคโลราโดกำลังเผชิญกับน้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่ตอนเหนือ หลังจากเกิดฝนตกหนักผิดปกติบริเวณเทือกเขา 'ร็อกกี' จนหนึ่งพื้นที่ทางตะวันตก โดยพื้นที่เหล่านี้เป็นที่ตั้งของแหล่ง 'เดนเวอร์ เบซิน' แหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ของโคโลราโด รวมถึงบ่อก๊าซธรรมชาติ 'วัตเตนเบิร์ก' ด้วย

นอกเหนือจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น จากการล้นทะลักของน้ำมันแล้ว ความเสียหายต่อถนน, ทางรถไฟ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆจากเหตุน้ำท่วม ยังส่งผลกระทบต่อการผลิตพลังงานสำหรับหลายเดือนข้างหน้า ซึ่งนักวิเคราะห์เตือนว่า ภาพน้ำท่วมหลุมผลิต (wellhead) ที่ วัตเตนเบิร์ก จะเพิ่มแรงกดดันให้ภาครัฐออกมาตรการจำกัดการใช้เทคนิคการขุดเจาะรูปแบบต่างๆ

ขณะเดียวกัน บริษัท 'อานาดาร์โก ปิโตรเลียม' เผยว่า เกิดน้ำมันปริมาณ 323 บาร์เรล (13,500 แกลลอน) รั่วไหลน้ำท่วมลงแม่น้ำ 'เซนต์ เวรน' ใกล้กับเมืองแพลตวิลล์ ทางเหนือของโคโลราโด และอีกจุดน้ำมันประมาณ 125 บาร์เรล (5,250 แกลลอน) รั่วไหลลงแม่น้ำ 'เซาท์แพลต' ใกล้เมืองมิลลิเคน โดยแม่น้ำเซนต์ เวรน จะไหลเข้าสู่แม่น้ำเซาท์แพลต ซึ่งวใหลตัดผ่านรัฐโคโลราโดเข้าสู่รัฐเนบราสกา

นาย จอห์น คริสเตียนเซน โฆษกของ อานาดาร์โก ปิโตรเลียม ระบุว่า การรั่วไหลเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์ก่อน ภายหลังน้ำท่วมชะหน้าดินบริเวณท่อส่งน้ำมันออกไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ของบริษัท พยายามจะควบคุมการกระจายของน้ำมันในแม่น้ำเซาท์แพลต โดยทิ้งวัตถุดูดซับน้ำมันแบบถุงไส้กรอก (oil absorbent boom) ลงในแม่น้ำ แต่ทางการโคโลราโดระบุว่า ดูดซับได้เพียงคราบน้ำมันตกค้างเท่านั้น

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสมาคมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแห่งโคโลราโด ระบุว่า เหตุน้ำท่วมตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทำให้บ่อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติถูกปิดไปแล้วอย่างน้อย 1,900 บ่อ จากทั้งหมดมากกว่า 51,000 บ่อ แต่ไม่มีรายงานการล้นทะลักครั้งใหญ่แต่อย่างใด ขณะที่นาง แคทลีน แมคคริมมอน แห่งสมาคมนักวิจัยของบริษัท 'ทีจีไอ ไออาร์' ระบุว่า หากความเสียหายจากน้ำท่วมมีน้อย การผลิตก็สามารถกลับมาเริ่มใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

อนึ่ง รัฐโคโลราโดสามารผลิตน้ำมันได้ถึง 135,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2012 สูงที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษของรัฐ แต่ยังคิดเป็นเพียง 2% ของปริมาณการผลิตทั้งหมดในสหรัฐฯเท่านั้น.


L.A. หวังเป็นเจ้าภาพซัมเมอร์โอลิมปิก 2024

ในวันอังคารที่ผ่านมา คณะกรรมการได้ลงมติเพื่อสนับสนุน นำการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมายังนครลอสแอนเจลิสอีกครั้ง

ในช่วงฤดูร้อนของปี 2024 และก็ได้เตรียมตัวที่จะยื่นจดหมายเพื่อแสดงความประสงค์ไปยังคณะกรรมการจัดโอลิมปิก แห่งประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว

ในขณะเดียวกัน มีรัฐที่สนใจเข้าร่วมประมูลเพื่อที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ในช่วงฤดูร้อนนี้ด้วย คือ วอชิงตัน ดีซี, ฟิลลาดอลเฟีย, ดัลลัส และ บอสตัน ซึ่งก็ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาอยู่เช่นกัน และถ้า แอลเอ ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพ ก็จะนับเป็นครั้งที่ 3 ที่ แอลเอ จะได้เป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิก

หลายคนเชื่อว่า แอลเอ มีความได้เปรียบเพราะมีสถานที่ที่อำนวยความสะดวกในด้านการกีฬาอยู่มากเช่น staple center, Stub Hub Center, และ Galen Center ที่ตั้งอยู่ไปไกลจาก Memorial Coliseum ซึ่งจะได้รับการปรับปรุงเพื่อลองรับโอลิมปิก 2024 ในภาคฤดูร้อนนี้

*** รัฐไหนจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั้น จะประกาศให้ทราบในอีก 4 ปี ข้างหน้า

เตือนร้านอาหารไทย "เลเบอร์" บุกรอบสอง

สภาหอการค้าไทย-อเมริกัน แจ้งเตือนผู้ประกอบการร้านอาหารไทย "เตรียมตัว" รับการบุกตรวจจาก "เลเบอร์" ครั้งใหม่

อิสรีย์ เจตต์สุวรรณ์ ผู้ประสานงานฝ่ายบริหารของสภาหอการค้าไทย-อเมริกัน แจ้งว่าจากการให้สัมภาษณ์ของ Kimchi Bui ผู้อำนวยการเขตสำนักงานเขตลอสแอนเจลิส ของ U.S. Department of Labor Wage and Hour Division เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ทางสำนักงานเขตจะเริ่มบุกตรวจอีกครั้ง โดยเฉพาะร้านอาหารที่เคยถูกกรมแรงงานตรวจสอบมาแล้วว่าได้ปรับปรุงแก้ไขตามที่เคยตักเตือนไว้หรือไม่ และจะสุ่มตรวจร้านอาหารอื่นๆ ไปพร้อมกัน ฉะนั้นทางหอการค้าไทยฯ และสถานกงสุลใหญ่ฯ จึงได้ฝากข้อมูลเหล่านี้เอาไว้เพื่อให้ร้านอาหารต่างๆ สำรวจว่าได้ทำตามกฎระเบียบของกฎหมายแรงงานแล้วหรือยังดังนี้

1. ติดป้ายโพสเตอร์เรื่องกฎหมายแรงงานไว้ในบริเวณร้านเพื่อให้ลูกจ้างได้ทราบ

2. จัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพนักงาน เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ อาชีพ เพศ และอายุ/วันเดือนปีเกิด

3. จ่ายค่าจ้างอย่างน้อยตามอัตราแรงงานขั้นต่ำ ต่อชั่วโมงตามที่กำหนด และพนักงานจะต้องทราบว่าตนเองได้รับการจ้างเป็นรายชั่วโมง

4. มีการกำหนดวันจ่ายค่าจ้างที่แน่นอนและสม่ำเสมอ

5. ให้พนักงานลงเวลาเข้าออกเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยตัวเอง

6. มีเวลาให้พนักงานหยุดพักอย่างน้อย 10 นาทีสำหรับทุกๆ 4 ชั่วโมงการทำงาน

7. พนักงานต้องได้รับการหยุดพักรับประทานอาหารสำหรับทุกๆ 6 ชั่วโมง

8. มีการกำหนดสัปดาห์การทำงานเพื่อใช้ในการคำนวณค่าจ้างแรงงาน

9. หากมีการทำงานล่วงเวลาเกินกว่า 8 ชั่วโมงต่อวันและสำหรับการจ้างมากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์จะต้องจ่ายค่าจ้าง 1.5 เท่าต่อชั่วโมง

10. มีการจัดเก็บข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรตามเรื่องต่างๆ ดังนี้

10.1 รายได้ของพนักงานจากการทำงานต่อวันและรายได้จากการทำงานต่อสัปดาห์

10.2 อัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงและอัตราค่าจ้างล่วงเวลา

10.3 จำนวนเงินที่จ่าย สำหรับค่าล่วงเวลาต่อสัปดาห์การทำงาน

10.4 ค่าลดหย่อนต่างๆ

10.5 ค่าจ้างพนักงานที่ได้จ่ายทั้งหมดในแต่ละช่วงเวลาของการจ่ายเงินค่าจ้าง

10.6 วันที่จ่ายเงินค่าจ้างและช่วงเวลาของการจ้าง

10.7 ต้องทำสำเนาเอกสารดังกล่าวให้กับพนักงาน