ข่าว
'ประชา'อัดปชป.เสนอกม.เป็นหน้าที่สส. อย่ากดดันถ้าไม่เห็นด้วยไปท้วงในสภาฯ

ประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย วอนพรรคประชาธิปัตย์อย่ามั่ว ลากนายกฯมาเอี่ยวร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง-นิรโทษ ชี้การเสนอกฎหมายเป็นหน้าที่ ส.ส. ไม่พอใจไปท้วงในสภาฯ อย่าเล่นเกมกดดันนอกระบบ ...

นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ระบุให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ห้ามปรามการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และ พ.ร.บ.ปรองดอง ของส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า เรื่องการเสนอกฎหมายเป็นสิทธิหน้าที่ของ ส.ส.ที่เป็นผู้แทนประชาชน ไม่ใช่ธุระอะไรของใครที่จะมาสั่งนายกฯ ให้ไปเจ้ากี้เจ้าการกับฝ่ายนิติบัญญัติ ถ้าไม่เห็นด้วยอย่างไรก็ไปพูดในสภา จะโหวตไม่เห็นด้วยก็ทำไป แต่อย่ามากดดันคุกคาม

วันนี้เรากำลังเยียวยาปัญหาสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลแล้วสั่งสลายการชุมนุม สร้างบาดแผลเอาไว้ แต่พวกคุณกลับพยายามขยายความขัดแย้งออกไป ส่วนตัวกำลังเฝ้าดูกฎแห่งกรรม กำลังจะตามไปเล่นงานใครบางคน ที่เอาอุจจาระตัวเองไปขว้างปาคนอื่น วันนี้วาทกรรมเผาบ้านเผาเมืองชัดเจนว่าคือการปั้นน้ำเป็นตัว ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม หมกเม็ด ซ่อนเร้น น่ากลัว แอบแฝงเจตนาช่วยเหลือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯให้ได้เงินคืนนั้น อยากถามว่าเอาสมองส่วนไหนคิด พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยเอ่ยปากขอเอาเงินคืน มีแต่เรียกร้องขอความเป็นธรรม ความพยายามกล่าวหา โยงใยให้ พ.ต.ท.ทักษิณมาเกี่ยวข้อง ล้วนเป็นพฤติกรรมซ้ำซากน่าเบื่อ ติดหล่มก้าวไม่พ้น เป็นอาการของพรรคการเมืองที่กำลังเดินเข้าสู่ยุคตกต่ำ เพลี่ยงพล้ำ วันนี้ถูกต้องแล้วที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องปฏิรูปตัวเอง ก็ขอฝากให้ไปปฏิรูปขัดเกลาทัศนคติของตัวเองเสียใหม่ด้วย

"ยิ่งลักษณ์"สปีช"อนาคตเอเชีย" ถึงเวลาเป็นผู้กำหนดอนาคตโลก

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมนานาชาติว่าด้วยอนาคตของเอเชีย (The Future of Asia) ว่า หลายศตวรรษที่ผ่านมา ภูมิภาคเอเชียเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมหลายครั้งหลายหน ซึ่งปัจจุบันโลกได้มาถึงทางแยกสำคัญ ที่เอเชียจะเป็นผู้กำหนดอนาคตของโลกอีกครั้งหนึ่ง

เอเชียถือเป็นภูมิภาคที่มีความแตกต่างหลากหลาย ดิฉันมีความเชื่อเสมอว่าความแข็งแกร่งเกิดขึ้นได้ท่ามกลางความหลากหลาย และยิ่งไปกว่านั้น เอเชียไม่ใช่แค่เพียงพื้นที่เอเชียตะวันออก แต่รวมถึงภูมิภาคอื่นที่มีการเจริญเติบโตและมีศักยภาพ เช่น เอเชียใต้ เอเชียกลาง และตะวันออกกลาง ซึ่งเมื่อผนึกกำลังรวมตัวกันในระหว่างภูมิภาคต่างๆ ดังกล่าว จะช่วยขับเคลื่อนให้โลกเจริญเติบโตได้

ความซบเซาทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องของยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่จะเป็นบททดสอบสำคัญของภูมิภาคเอเชีย พื้นฐานของเอเชียนั้นแข็งแรงดังที่ดิฉันได้กล่าวไว้แล้วก่อนหน้านี้ แต่การดำเนินการของเราวันนี้จะกำหนดอนาคตของเราทุกคน มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (Quantitative Easing Measures) ของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้า (Capital Inflow) สู่ภูมิภาคเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจมองว่ามีเหตุจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่เอเชียต้องร่วมมือกันบริหารจัดการการไหลเข้าของเงินทุนเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความมั่นคงในภูมิภาค

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียเป็นภูมิภาคที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสมสำหรับการทำการเกษตร ซึ่งประเทศไทยได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตทางการเกษตร โดยมีการจัดโซนนิ่ง (Zoning) และพัฒนาความสามารถในการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อให้อาหารมีคุณภาพที่สูงขึ้น และในขณะเดียวกันเพื่อเป็นการรับรองความมั่นคงทางอาหารสำหรับประเทศไทย เอเชีย และโลก

"ดิฉันเชื่อว่า เอเชียมีศักยภาพในการสร้างร่วมมือระหว่างภูมิภาค ที่ซึ่งความมั่นคงทางด้านอาหารสามารถนำมาแลกเปลี่ยนกับความมั่นคงทางด้านพลังงานได้ เช่น ระหว่างประเทศอาเซียนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council : GCC) ในตะวันออกกลาง" น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น แอฟริกา อเมริกา หรือยุโรป จะต้องร่วมมือกันและเติบโตไปด้วยกัน อนาคตของเอเชียอยู่ในมือเรา และขึ้นอยู่กับคนรุ่นเราที่จะกำหนดทิศทางอนาคต เพื่อนำสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของเราทุกคน และเป็นเส้นทางที่เราจะร่วมมือร่วมใจกัน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และเติบโตด้วยกัน ไม่เพียงเพื่อภูมิภาคเราเท่านั้น แต่รวมถึงโลกใบนี้ด้วย

"มาร์ค"ยินดี"ปู"ติดอันดับ ผู้ทรงอิทธิพลของโลกที่ 31

23 พ.ค.2556 เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การปรองดองแห่งชาติ ฉบับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เข้าสู่การพิจารณาของสภาว่า ไม่แปลกใจ ถือเป็นการเดินหน้าเพื่อผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ประชาชนก็มองออกว่า กำลังถูกตบตา

เมื่อถามว่า มีองค์กรฟอร์บจัดอันดับให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นสตรีผู้ทรงอิทธิพล อันดับที่ 31 ของโลก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีด้วย แต่เมื่อนายกฯมีอำนาจและต่างประเทศจัดให้เป็นผู้มีอิทธิพล ก็ขอให้ใช้อิทธิพลนั้น ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ

นิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐ ได้เปิดเผยการจัดอันดับ 100 ผู้หญิงทรงอิทธิพลประจำปีค.ศ.2013 ซึ่งผลปรากฏว่า นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมนียังคงติดอันดับ 1 ตามมาด้วยนางดิลมา รุสเซฟฟ์ ประธานาธิบดีหญิงแห่งบราซิล อันดับ 3 นางเมลินดา เกตส์ ประธานร่วมมูลนิธิบิล และ เมลินดา เกตส์ อันดับ 4 ได้แก่นางมิเชลล์ โอบามา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ และอันดับ 5 นางฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ

ส่วนนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก 100 คน ในอันดับที่ 31 ประจำปีนี้ ลดลงจากปีที่แล้ว ที่อยู่ในลำดับที่ 30 โดยติดอยู่ในกลุ่มลำดับต้นๆของผู้นำหญิงของเอเชีย ร่วมกับนาง ปาร์ก กึน-ฮเย ประธานาธิบดีหญิงเกาหลีใต้ ที่อันดับ 11 ,นาง จูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ที่อันดับ 28 และ นาง ออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของพม่า ซึ่งอยู่ที่อันดับ 29