สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เหตุการณ์ร้อนฉ่า ส่งตรงจากสภาสหรัฐฯ หลังการแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเวลา 21.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา ตามเวลาไทย โดยรายงานระบุว่า หลังทรัมป์จบถ้อยแถลงความยาวกว่า 90 นาที นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้ลุกขึ้นฉีกร่างถ้อยแถลงนโยบายของทรัมป์จนขาดเละเทะ
หลังจากออกจากสภา นางเพโลซีให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลในการฉีกร่างสุนทรพจน์ของทรัมป์ว่า “เพราะ(การฉีกกระดาษสุนทรพจน์)เป็นสิ่งสุภาพที่ควรทำ เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ” นางเพโลซียังบอกอีกว่า สุนทรพจน์ของทรัมป์นั้นสุดจะสกปรก
โดยบรรยากาศร้อนระอุนี้ เริ่มต้นตั้งแต่ก่อนการแถลงจะเริ่มเสียอีก เมื่อรายงานระบุว่า ในตอนเริ่มต้น นางเพโลซียื่นมือไปเพื่อจะจับมือทักทายกับทรัมป์ แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับเมินไม่ยอมจับด้วย โดยความบาดหมางของสองผู้นำนี้ กินเวลามานานหลายเดือน หลังนางเพโลซีเป็นตัวตั้งตัวตีในการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
สำหรับสุนทรพจน์ของ ประธานาธิบดีทรัมป์ ในวันนี้ หัวข้อคือ “The Great American Comeback” หรือ “อเมริกาผู้ยิ่งใหญ่กลับมาแล้ว”เขาแถลงต่อสภาว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเติบโต ช่วงเวลาแห่งความหม่นหมองทางเศรษฐกิจได้ผ่านพ้นไปแล้ว และกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมอย่างที่ไม่เคยมีมา ในขณะที่อัตราการจ้างงาน ในหมู่คนหนุ่มสาวชาวอเมริกัน พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ พร้อมทั้งบอกว่า ชาวสหรัฐควรจะต้องเลือกตนเป็นผู้นำเป็นสมัยที่สอง
รายงานระบุว่า ตลอดการแถลงของทรัมป์ นางเพโลซีแสดงอาการไม่เห็นด้วยกับถ้อยแถลง ด้วยการส่ายหน้า และโบกมือไปมา ก่อนที่จะลงมือฉีกเอกสารคำแถลงของทรัมป์ดังกล่าว
ในเวลาต่อมา เพโลซี โพสต์ภาพทางทวิตเตอร์ส่วนตัวของตนเอง เป็นภาพนาทีที่เธอยื่นมือออกไป เพื่อจะจับมือกับทรัมป์ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมจับด้วย โดยเธอเขียนข้อความระบุว่า “เดโมเครตไม่เคยหยุดยื่นมือแห่งมิตรภาพออกไป เพื่อทำให้งานสำเร็จ เพื่อประชาชน เราจะทำเต็มที่เพื่อหาทางออกร่วมกันหากเราทำได้ แต่หากทำไม่ได้ เราก็พร้อมที่จะยืนหยัดในจุดยืนของเราเช่นกัน
6 ก.พ. 2563 รอยเตอร์ - โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯพ้นผิดในการพิจารณาถอดถอนพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีในขั้นวุฒิสภาในวันพุธ(5ก.พ.) หลังได้รับความอนุเคราะห์จากผองเพื่อนรีพับลินที่ปกป้องเขามาตลอด 9 เดือน ก่อนที่เขาจะร้องขอให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงในอเมริกาที่เต็มไปด้วยความแตกแยก มอบโอกาสให้เขาอยู่ในทำเนียบขาวต่อไปเป็นสมัยที่ 2
ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่ถูกรัฐสภาไต่สวนเพื่อการถอดถอน อย่างไรก็ตามเขาพ้นจากข้อกล่าวหา และตอนนี้ทรัมป์ก็ดิ่งเข้าหาฤดูกาลเลือกตั้งซึ่งคาดหมายว่าจะนำพาประเทศแห่งนี้เข้าสู่การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายหนักกว่าเดิม
สมาชิกวุฒิสภาซึ่งรีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ลงมติตตามกรอบของพรรคให้ทรัมป์พ้นจากญัตติถอดถอนทั้ง 2 ข้อกล่าวหา หลังจากสภาผู้แทนราษฎรที่ควบคุมโดยพรรคเดโมแครตโหวตเห็นชอบญัตติถอดถอนเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม อย่างไรก็ตามในชั้นวุฒิสภา ซึ่งมีทั้งหมด 100 เสียง ผลโหวตที่ออกมานั้นห่างไกลพอสมควรจากการได้เสียงสนับสนุน 2 ใน 3 สำหรับถอดถอนเขาพ้นจากตำแหน่งภายใต้ข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ
วุฒิสมาชิกลงมติ 52-48 ให้ทรัมป์พ้นผิดจากข้อกล่าวหาใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งมีต้นตอจากกรณีที่เขาร้องขอให้ยูเครนสืบสวน โจ ไบเดน คู่แข่งทางการเมืองและตัวเต็งที่จะก้าวมาเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงเก้าอี้ประธนาธิบดีกับเขาในศึกเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม มิตต์ รอมนีย์ วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน เข้าร่วมกับฝ่ายเดโมแครต โหวตให้ทรัมป์มีความผิด ขณะที่ฝ่ายเดโมแครตไม่มีใครแหกคอกโหวตให้ทรัมป์พ้นผิดแม้แต่รายเดียว
จากนั้นวุฒิสภาก็ลงมติ 53-47 ให้ทรัมป์พ้นผิดจากข้อกล่าวหาขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส ด้วยการสกัดพยานและเอกสารที่รัฐสภาต้องการ ทั้งนี้หากลงมติว่ามีความผิดตามข้อหาใดข้อหาหนึ่ง มันจะเพิ่มโอกาสที่ ไมค์ เพนซ์ รองปะธานาธิบดี สมาชิกรีพับลิกันอีกคน จะก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแทนทรัมป์
ในข้อกล่าวหาขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส รอมนีย์ลงมติให้ทรัมป์พ้นผิดเช่นเดียวกับวุฒิสมาชิกรีพับลิกันคนอื่นๆ ส่วนฝ่ายเดโมแครตนั้นไม่มีใครโหวตให้ทรัมป์พ้นผิดแม้แต่รายเดียว
แต่ละข้อกล่าวหานั้น สมาชิกวุฒิสภาลงคะแนนแบบขานชื่อรายตัว โดยมี จอห์น โรเบิร์ตส์ ประธานศาลสูงสุดสหรัฐฯเป็นประธาน
แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ที่ลงมติให้ดำเนินการถอดถอนทรัมป์เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา กล่าวหารีพับลิกันสมรู้ร่วมคิดในการปิดบังความผิดของประธานาธิบดี
เดโมแครตต้องการสอบปากคำโบลตัน หลังมีรายงานที่อ้างอิงต้นฉบับหนังสือที่กำลังจะตีพิมพ์ว่า เขาได้รับการบอกเล่าจากทรัมป์ว่า การให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอิงกับการที่เคียฟเปิดสอบสวนอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตัวเก็งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต
มิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันในสภาสูงและเป็นพันธมิตรของทรัมป์ โต้ว่า คณะอัยการจากสภาผู้แทนราษฎรเสนอหลักฐานมากพอแล้วและไม่จำเป็นต้องเรียกพยานเพิ่ม
ตลอดดราม่าแห่งการถอดถอน ทรัมป์และพันธมิตรรีพับลิกันของเขาโจมตีอย่างไม่ลดละต่อความซื่อสัตย์ของไบเดน และจนถึงตอนนี้ยังคงไม่แน่ชัดว่ามันจะสร้างความเสียหายทางการเมืองแก่แต่ละฝ่ายมากน้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตามในการหยั่งเสียงสนามแรกที่ไอโอวา เพื่อชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตลงศึกแย่งชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวกับทรัมป์ ปรากฏว่า ไบเดน มีผลงานน่าผิดหวัง โดยมีคะแนนเป็นอันดับ 4 ท่ามกลางความอลวนจนไม่สามารถประกาศผลอย่างเป็นทางการได้ ขณะที่ แบรด ปาร์สเกล ผู้จัดการทีมหาเสียงของทรัมป์ ได้ทีออกมาวิจารณ์เดโมแครตว่า แม้แต่จัดการหยั่งเสียงเบื้องต้นยังล่ม นับประสาอะไรจะไปบริหารประเทศ
เกิดฝนตกหนักในออสเตรเลีย ช่วยดับไฟป่าในรัฐนิวเซาท์เวลส์ได้หลายสิบจุดภายในวันเดียว แต่บางพื้นที่มีความเสี่ยงถูกน้ำท่วม
สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของออสเตรเลียเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา ช่วยดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ทางตะวันออกของประเทศไปกว่า 1 ใน 3 ภายในวันเดียว แต่ก็ทำให้บางพื้นที่มีความเสี่ยงถูกน้ำท่วมเช่นกัน
สำนักงานดับเพลิงรัฐนิวเซาท์เวลส์ เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันพุธ ยังมีไฟป่าลุกใหม่ถึง 67 จุดในจำนวนนี้มี 20 จุดที่ยังควบคุมเพลิงไม่ได้ แต่ในคืนวันพฤหัสบดี เหลือไฟป่าเพียง 42 จุด และยังคุมไม่ได้เพียง 17 จุด
“วันนี้เราดีใจมากที่ได้เห็นฝนตกทั่วภาคเหนือของรัฐ เราหวังว่าจะได้เห็นฝนตกอย่างต่อเนื่อง และไปตกถึงพื้นที่ทางใต้ของนิวเซาท์เวลส์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ด้วย” เจ้าหน้าที่ดับเพลิงนิวเซาท์เวลส์โพสต์บนเฟซบุ๊ก และเผยอีกว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ราว 1,200 คนกำลังใช้โอกาสนี้ควบคุมไฟป่าที่เหลือ
ทั้งนี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียระบุว่า ตลอด 24 ชั่วโมงตั้งแต่คืนวันพุธถึงคืนวันพฤหัสบดี หลายพื้นที่บริเวณชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย ได้รับน้ำฝนสูงราว 4 ถึง 6 นิ้ว และพยากรณ์อากาศคาดว่าจะมีฝนตกลงมาเพิ่มอีก
ส่วนพื้นที่ตั้งแต่บริสเบนเรื่อยไปจนถึงเมลเบิร์น ก็อาจเผชิญฝนตกระดับเดียวกันในไม่กี่วันข้างหน้า และมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดน้ำท่วมในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะพื้นที่แถบชายฝั่ง
7 ก.พ. 2563 09:37 น.-สำนักข่าวต่างประเทศยืนยัน "หมอหลี่" ผู้ออกมาเตือนให้ระวังไวรัสปริศนา เสียชีวิตแล้ว โรงพยาบาลแถลง พยายามยื้อ แต่ไม่สำเร็จ
สำนักข่าว CNN รายงาน การเสียชีวิตของ จักษุแพทย์ "หลี่ เหวินเหลียง" วัย 34 ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในจีน เนื่องจากเป็นหมอกลุ่มแรกที่พยายามเตือนสังคม เรื่องการปรากฏของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่
โดย จักษุแพทย์ "หลี่ เหวินเหลียง" เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ที่โรงพยาบาลกลางเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเขาทำงานอยู่ โดยทางโรงพยาบาลแถลงยืนยันว่า "ในการต่อสู้กับการระบาดของโรคปอดบวม จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ หมอหลี่ เหวินเหลียง จักษุแพทย์ของโรงพยาบาลเราโชคร้ายติดเชื้อ เขาจากไปแล้ว เมื่อเวลา เวลา 02:58 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 7 กุมภาพันธ์ หลังความพยายามในการยื้อชีวิตไม่สำเร็จ"
ซึ่ง "หมอหลี่" เคยออกมาเตือนให้สังคมจีน ระวังไวรัสปริศนา ที่ทำให้เกิดอาการคล้ายโรคซาร์ส โดยมีผู้ป่วยถูกส่งมาโรงพยาบาลหลายรายแล้ว และทั้งหมดกำลังถูกกักกัน ก่อนที่เขาจะถูกเชิญตัวไปยังสำนักงานตำรวจท้องถิ่น และบังคับให้ลงนามในเอกสารสัญญาว่า จะไม่เปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับโรคนี้อีก
บรรดาชาวจีน ที่ทราบข่าวนี้ พากันแสดงความเสียใจ และส่งกำลังใจไปยังครอบครัวของคุณหมอหลี่และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่กำลังต่อสู้กับเชื้อไวรัสนี้อยู่.
วันนี้ (7 ก.พ.63) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานอ้างคำเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุข ว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ บนเรือสำราญไดมอนด์ ปริ๊นเซส เพิ่มอีก 41 ราย จากที่เมื่อวานนี้ มีการพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 10 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อ บนเรือลำนี้ เพิ่มมาอยู่ที่ 61 ราย
โดยผู้ติดเชื้อ 61 ราย ประกอบด้วย ชาวญี่ปุ่น 21 ราย, อเมริกัน 8 ราย, ออสเตรเลีย 5 ราย, แคนาดา 5 ราย, อาร์เจนตินา 1 ราย และอังกฤษ 1 ราย
โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ติดเชื้อ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดคานากาวา ขณะที่ผู้โดยสารและลูกเรืออีกประมาณ 3,700 คน ยังถูกกักตัวอยู่บนเรือตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ในญี่ปุ่น ยังน่าวิตก โดยพบผู้ติดเชื้อทั้งหมดอยู่ที่ 86 คนแล้ว.
ที่มาจาก straitstimes, NHK
ปิดตำนานสปาร์ตาคัส - วันที่ 6 ก.พ. บีบีซี รายงานข่าวความสูญเสียของวงการบันเทิงฝั่ง ฮอลลีวูด เมื่อ เคิร์ก ดักลาส นักแสดงมากฝีมือ เจ้าของบทบาท สปาร์ตาคัส จากหนังเรื่อง Spartacus เมื่อปี 2503 ผู้คว่ำหวอดอยู่ในโลกภาพยนตร์มากกว่า 6 ทศวรรษ เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยวัย 103 ปี เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา
ด้าน ไมเคิล ดักลาส ดาราคนดัง ลูกชายของเคิร์ก ดักลาส กล่าวในแถลงการณ์ว่าเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ “สำหรับโลกพ่อเป็นตำนาน เป็นนักแสดงในยุคทองของภายนตร์ แต่สำหรับผมและน้องๆ โจเอล และปีเตอร์ พ่อเป็นพ่อ ผมขอจบด้วยคำที่ผมพูดกับพ่อในวันเกิดครั้งสุดท้ายซึ่งจะเป็นความจริงเสมอ - ผมรักพ่อมาก และผมภูมิใจที่ได้เป็นลูกของพ่อ”
ทั้งนี้ เคิร์ก ดักลาส ได้รับรางวัลจากเวทีออสการ์สาขานักแสดงนำยอดเยี่ยมในเรื่อง Champion เมื่อปี 2492 ได้รับรางวัลออสการ์สาขาเกียรติยศ และได้รับเหรียญแห่งอิสรภาพของประธานาธิบดี เพื่อยกย่องทั้งงานด้านการแสดง และการทำงานอุทิศตัวเพื่อสังคม
เมื่อวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ไชน่าทาวน์ ลอสแอนเจลิส : องค์กรไทยอเมริกันสามัคคี สโมสรโรตารี่ไทยทาวน์และกลุ่มอาสาสมัครในชุมชนชาวไทย ร่วมจัดขบวนพาเหรดในชื่อกลุ่ม "Thai Community of Los Angeles " เข้าร่วมขบวนพาเหรดใน งาน 121th Golden Dragon Parade โดยมี กงสุล อารียา ประจันพาณิชย์ ฟอราสติเอรี่ ผู้แทนจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส เป็นผู้นำขบวน
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012