ข่าว
เด็กมะกัน 4 ขวบก่อเหตุ เป่าหัวเพื่อนวัย 6 ขวบดับ

สุดสลด! เด็กน้อยมะกันวัย 4 ขวบ ใช้ปืนยิงเป่าหัวเพื่อนรุ่นพี่วัย 6 ขวบ จนเสียชีวิตโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขณะที่สภาสูงสหรัฐฯ ลงมติเห็นชอบผลักดันกฎหมายควบคุมอาวุธแล้ว...

เมื่อวันที่ 12 เม.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเหตุสลดที่เกิดจากอาวุธปืน ครั้งที่ 2 ในสหรัฐฯ สืบเนื่องจากอุบัติเหตุจากการใช้ปืนเล่นยิงกันโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็กเล็ก โดย แบรนดอน โฮลต์ เด็กชายวัย 6 ขวบ ถูกเพื่อนเล่นตัวน้อย ทอมส์ ริเวอร์ วัย 4 ขวบ เป่าศีรษะจนเสียชีวิต ที่สนามใกล้บ้านพัก ในรัฐนิวเจอร์ซีย์

เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า เด็กชายแบรนดอน มาเล่นที่บ้านของหนูน้อยทอมส์ เมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ ก่อนพากันออกไปเล่นที่สนาม โดยทอมส์ หยิบปืนคาลิเบอร์ ขนาด .22 มม. ออกไปด้วย และใช้จ่อยิงศีรษะของแบรนดอนกระทั่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

อนึ่ง นับตั้งแต่เกิดเหตุกราดยิงที่โรงประถม ในเมืองนิวทาวน์ ทำให้เด็กนักเรียนเสียชีวิตถึง 20 ศพ และผู้ใหญ่อีก 6 ศพ เมื่อธ.ค.ปีก่อน สภาสูงหรือวุฒิสภาของสหรัฐฯ ได้ลงมติรองรับการร่างกฎหมายควบคุมอาวุธปืน ด้วยคะแนนเสียง 68 ต่อ 31 เสียง เพื่อเพิ่มการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้ซื้อปืน และมาตรการเข้มงวดอื่นๆ นับเป็นก้าวแรกของความพยายามเปลี่ยนแปลงกฎหมายควบคุมอาวุธปืนของประเทศ นอกจากนี้ยังเสริมในเรื่องบทลงโทษต่อผู้กระทำผิด ฐานลักลอบขนอาวุธ และการเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยในโรงเรียนด้วย.

ราคาที่ดินแพงเว่อร์.จับไม่ลง หาดใหญ่ขึ้นไร่ละ 160 ล้าน

แพงเว่อร์...จับไม่ลง กำลังเป็นภาวะอิหลักอิเหลื่อของผู้ประกอบการพัฒนาที่ดิน เพราะจู่ ๆ ดูเหมือนโครงการอสังหาริมทรัพย์ใต้ฟ้าเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงหรือต่างจังหวัด ทั้งหัวเมืองหลัก-หัวเมืองรอง กำลังเผชิญต้นทุนราคาที่ดินขยับขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ว่ากันว่าหลาย ๆ แปลงที่มีการตั้งราคาเสนอขายเป็นราคา "ปั่น" มากกว่าจะเป็นราคาจริง

โดยเฉพาะราคาที่ดินเมืองชายทะเลและเมืองเศรษฐกิจ เทียบราคาปีต่อปี (2555-2556) ขยับสูงขึ้น 30-100% ที่ดินหน้าหาดตอนนี้พูดกันถึงตัวเลข 100-120 ล้านบาท ที่น่าตะลึงกว่านั้นคือ "หาดใหญ่" จ.สงขลา บอกขายกันถึงไร่ละ 160 ล้านบาททีเดียว

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจความเคลื่อนไหวราคาที่ดินในเมืองชายทะเล 3 โซนหลักได้แก่ "พัทยา หัวหิน-ชะอำ ภูเก็ต" พบว่ามีราคาสูงและปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ดินติดหาดบางแปลงใน 3 เมืองดังกล่าวมีราคาตั้งแต่ไร่ละ 40-120 ล้านบาท ขณะที่เมืองเศรษฐกิจได้แก่ "ขอนแก่น อุดรธานี เชียงใหม่ หาดใหญ่" ทำเลย่านใจกลางมีราคาสูงถึงไร่ละ 40-160 ล้านบาท ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หาซื้อที่ดินที่มีราคาเหมาะสมกับการพัฒนาโครงการได้ยากขึ้น เมื่อพัฒนาแล้วไม่สามารถตั้งราคาที่สอดรับกับกำลังซื้อได้

ปีเดียวราคาพุ่ง 30-100%

"สัมมา คีตสิน" ผู้อำนวยการ REIC (ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์) บอกกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สถานการณ์ราคาที่ดินในเมืองชายทะเล ได้แก่ พัทยา หัวหิน-ชะอำ ภูเก็ต และจังหวัดเศรษฐกิจ อาทิ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา อุบลราชธานี เชียงใหม่ ฯลฯ ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ 30-100% เป็นราคาที่ขยับขึ้นเร็วและร้อนแรงเกินไป

โดยช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ที่ดินในหัวหินติดชายหาดบางแปลงราคาขยับขึ้นกว่า 30-60% จากไร่ละ 50-60 ล้านบาทเป็นไร่ละ 80 ล้านบาท เฉลี่ยตารางวาละ 2 แสนบาท ส่วนที่ดินบางแปลงบริเวณใจกลางเมืองขอนแก่นบนถนนศรีจันทร์ราคาสูงขึ้นกว่าเท่าตัว จากไร่ละ 40 ล้านบาท เป็นไร่ละกว่า 80 ล้านบาท

ขณะที่ราคาที่ดินบนถนนโพศรี ถนนสายหลักที่ตัดผ่านกลางเมืองอุดรธานีช่วงใกล้กับยูดีทาวน์ (มอลล์) และร้านวีทีแหนมเนืองจากไร่ละ 20-30 ล้านบาท เป็น 40-50 ล้านบาท

ปัจจัยมาจากบริษัทพัฒนาที่ดินจากกรุงเทพฯ และห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ขยายการลงทุนออกสู่ภูมิภาคมากขึ้น เศรษฐกิจต่างจังหวัดเติบโตดี การประกาศแผนลงทุนรถไฟความเร็วสูง และกระแสการเปิดประชาคมอาเซียนหรือเออีซี สิ่งที่ต้องติดตามคือแม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีการเก็งกำไรราคาที่ดินชัดเจน แต่หากราคาที่ดินยังปรับขึ้นร้อนแรงก็อาจจูงใจให้เข้ามาซื้อที่ดินเก็งกำไรได้

พัทยาไร่ละ 100 ล้าน

"ชนะ นันทจันทูล" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาฯ กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า ราคาที่ดินในพัทยา หัวหิน-ชะอำ และภูเก็ตเมืองชายทะเลช่วง 1 ปีที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยกว่า 30-50% ส่งผลให้การซื้อที่ดินมาพัฒนาโครงการเริ่มเป็นไปได้ยาก เพราะต้นทุนที่ดินจะขึ้นไปสูงมาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องมองหาทำเลใหม่ที่ราคาที่ดินยังไม่แพงมากนัก

ทั้งนี้ ที่ดินพัทยาและภูเก็ตรอบปีที่ผ่านมาปรับขึ้นเฉลี่ย 15-20% ถือว่าไม่มาก เนื่องจากราคาสูงอยู่แล้ว โดยโซน "นาเกลือ-วงศ์อมาตย์-ถนนพัทยาสาย 2" มีคอนโดฯและโรงแรมเกิดขึ้นจำนวนมาก จากไร่ละกว่า 70-85 ล้านบาท ปัจจุบันตั้งราคาไร่ละ 80-100 ล้านบาท หรือ ตร.ว.ละ 2-2.5 แสนบาท ขณะที่ภูเก็ตที่ดินติด "หาดกะรน-หาดกมลา-หาดป่าตอง-หาดกะตะ" ซึ่งเป็นโซนที่มีราคาแพง จากไร่ละ 100 ล้านบาท ปัจจุบันน่าจะมีราคาไร่ละ 120 ล้านบาท หรือ ตร.ว.ละ 3 แสนบาท

ชะอำ 8 ปีราคาพุ่ง 13 เท่า

"ประไพสิทธิ์ ตัณฑ์เกยูร" กรรมการผู้จัดการ บริษัท โบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน จำกัด ระบุว่า ราคาที่ดินในชะอำช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาปรับขึ้นเร็วมาก จากปี 2547-2548 บริษัทซื้อที่ดินช่วงถนนเพชรเกษม กิโลเมตรที่ 222 มาพัฒนาโครงการในราคาเฉลี่ยไร่ละ 3 ล้านบาท หรือตารางวาละ 7.5 พันบาท ปัจจุบันปรับขึ้นมา 13 เท่าตัว เป็นไร่ละ 40 ล้านบาท หรือ ตร.ว.ละ 1 แสนบาท

ส่วนที่ดินทำเลติดหาดหัวหินบางแปลงตั้งราคาสูงถึงไร่ละ 80 ล้านบาท หรือ ตร.ว.ละ 2 แสนบาท ซึ่งจะต้องทำคอนโดฯขายในราคาไม่ต่ำกว่า ตร.ม.ละ 1 แสนบาท เนื่องจากหัวหิน-ชะอำมีกฎหมายควบคุมเรื่องความสูงอาคาร

“ตั๊ก” ซัดกลับ “ลีน่า จัง” ทำบุญ ไม่สนใจพวกมาร

“ตั๊ก บงกช” ซัดกลับ “ลีน่า จัง” กรณีวิจารณ์ทำบุญ 7 ล้าน เว่อร์ และ โง่ บอกก็เงินของตน คนคิดดีทำดีก็อนุโมทนาบุญมีแต่พวกมารเท่านั้นที่ขัด แต่เชิดใส่ไม่สนใจอยู่แล้ว

ไม่ว่าจะทำอะไรเป็นข่าวไปซะหมดเลยทีเดียวสำหรับ “ตั๊ก บงกช คงมาลัย” เจ้าสาวมาดๆ ของ “บุญชัย เบญจรงคกุล” เจ้าสัวหมื่นล้าน ล่าสุดแบ่งเงินสินสอด 7 ล้านไปถวายสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ที่ตนเองนับถือก่อนนำเอาภาพเช็คที่ว่ามาโพสต์ผ่านอินสตาแกรมพร้อมคำบรรยายว่า..“ทำบุญเบาๆ (ทำไม) ก็เงินฉัน อิอิ ร่วมโมทนากันได้นะคะ ขอให้ได้บุญเท่ากัน”

ทำเอาฮือฮากันไปทั่วเพราะไม่ค่อยปรากฏดาราทำบุญในจำนวนเงินที่สูงขนาดนี้ หรือบางคนอาจจะทำแต่ปิดเป็นความลับ แต่สำหรับตั๊กได้ชื่อว่าเป็นดาราที่ค่อนข้างเปิดเผยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามถึงจะทำบุญแต่ก็ไม่วายมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา และต่อมาตั๊กก็ได้โพสต์ข้อความอีกครั้ง อธิบายถึงการโพสต์ภาพเช็ค 7 ล้านว่า

“อยากจะอวดกับเค้าบ้าง เห็นเค้าซื้ออะไร กระเป๋า รถกันแพงๆ เค้ายังอวดกันเลย ฉันทำบุญเยอะๆ จะอวดกับเค้าบ้างไม่ได้เหรอ และการทำบุญที่มีคนมาโมทนา(อนุโมทนา) กันเยอะๆ ก็จะมีบริวารมาก มีเพื่อนที่รักกันมาก เหมือนสร้างพระองค์ใหญ่ ร่วมกันโมทนา (อนุโมทนา) ก็ถือเป็นบุญใหญ่ค่ะ”

แต่ล่าสุดการทำบุญของตั๊กดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา เมื่อจู่ๆ “ลีน่า จังจรรจา” ก็ออกมาพูดถึงการทำบุญของตั๊กว่า เว่อร์ และ โง่ อายุ 28 ปีแต่อ้วนยังกะ 50 เดี๋ยวสามีก็เบื่อน่าจะเอาเงินไปทำธุรกิจ "ตั๊กใช้เงินไม่เป็น ถึงแม้จะได้สินสอดมา 100 ล้าน แต่ทำบุญทีละ 7 ล้านแบบนี้ไม่กี่ปีก็หมด และผู้ชายที่มีภรรยามาแล้ว 5 คน อย่างคุณบุญชัย ที่มี ตั๊ก บงกช เป็นคนที่ 6 อีกทั้งตั๊กก็ไม่ได้สวยอะไร ตอนนี้อ้วนน่าเกลียด อายุ 28 ปี ดูแล้วอย่างกับ 50 ปี อีกหน่อยเขาก็เบื่อ"

นอกจากนั้นลีน่า ยังวิจารณ์ว่า โง่แทนที่จะเอาเงินที่ได้มาไปทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ และตัวเองก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ตั๊กทำบุญ แต่ตั๊กเองก็จน แม่ขายน้ำพริก แล้วจะต้องขายอีกกี่ปีถึงจะได้เงิน 7 ล้าน แต่กลับทำใจใหญ่ เว่อร์เกินไป โดยที่วิจารณ์นี้ไม่ได้ห้ามตั๊กทำบุญ แต่เป็นการตำหนิว่าใช้เงินไม่เป็น เพราะยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส น่าจะเก็บเงินไว้ให้ลูกที่กำลังจะเกิดขึ้นมา ทำไมไม่คิดว่าถ้าโดนเขาทิ้งจะทำยังไง

และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่าน(12/เม.ย./56) ตั๊กก็ได้เดินทางไปทำบุญที่วัดปากน้ำ ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับช่อง Super บันเทิงถึงสิ่งที่ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ว่า

“อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยคิดที่จะทำบุญ คือจริงๆ แล้วสินสอดที่ตั๊กได้มาตั๊กก็แบ่งทำบุญด้วย เพราะตั๊กถือว่าคนเราจะคบกันจะเป็นแฟนกันมันก็ต้องมีบุญด้วยกันใช่ไหมคะ เขาให้เงินเรามาก็เหมือนให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน เราเองก็เอาสิ่งที่เขาให้เราเอามาทำบุญด้วยเพื่อสายสัมพันธ์จะยิ่งดีขึ้นไป”

“จะทำมากทำน้อยก็แล้วแต่ตั๊กน่ะมันเป็นเรื่องของตั๊ก คืออาจจะเป็นเรื่องของตั๊กด้วยที่เขาอาจจะว่าตั๊ก ตั๊กใช้เงินไม่เป็น มันก็เรื่องของตั๊กน่ะ คือคนที่เขาคิดดีนะคะ คนที่ดีส่วนใหญ่เขาก็จะอนุโมทนาบุญกับเรา แต่พวกมารที่จะต้องมีขัด แต่ก็ไม่สนใจอยู่แล้วเพราะตั๊กก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ตั๊กท้องอยู่ก็ไม่อยากจะมีเรื่องอะไร”