วันที่ 11 ธันวาคม 2568 ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข (PHEOC) นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุม ว่า จากเหตุปะทะที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ต้องมีการปิดโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงใน จ.สระแก้ว เพิ่มอีก 2 แห่ง คือ รพ.อรัญประเทศ และ รพ.คลองหาด จากที่ปิดไปแล้ว 10 แห่ง (รพ.น้ำยืน รพ.นาจะหลวย รพ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี, รพ.กันทรลักษ์ รพ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ, รพ.กาบเชิง รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติฯ จ.สุรินทร์, รพ.ตาพระยา รพ.โคกสูง จ.สระแก้ว และ รพ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์) รวมเป็น 12 แห่ง และปิดบริการบางส่วนอีก 8 แห่ง ได้แก่ รพ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ, รพ.ปราสาท รพ.สังขะ รพ.บัวเชด จ.สุรินทร์, รพ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์, รพ.บ่อไร่ รพ.คลองใหญ่ จ.ตราด และ รพ.จิตเวชสระแก้วราชนครินทร์ พร้อมทั้งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยใน 634 ราย ไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ปลอดภัย ส่วน รพ.สต. ในพื้นที่เสี่ยงขณะนี้ได้ปิดบริการบางส่วน 7 แห่ง และปิดชั่วคราว 198 แห่ง ทั้งนี้ มีการตั้งโรงพยาบาลสนาม 1 แห่ง รองรับได้ 100 เตียง ที่ จ.สระแก้ว
นพ.เอกชัยกล่าวต่อว่า จากการซ้อมแผนบนโต๊ะ (Table Top Exercise) เพื่อเตรียมการอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหากสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น ได้กำหนดคู่โรงพยาบาลระหว่างเขตสุขภาพในการรับส่งต่อผู้ป่วยและสนับสนุนอัตรากำลังบุคลากร โดยเขตสุขภาพที่ 10 ส่งต่อเขตสุขภาพที่ 8, เขตสุขภาพที่ 9 ส่งต่อเขตสุขภาพที่ 7 และเขตสุขภาพที่ 6 ส่งต่อเขตสุขภาพที่ 4 พร้อมทั้งกำหนดเส้นทาง ระยะเวลาเดินทาง ลำดับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและระดับรถฉุกเฉินที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายอย่างชัดเจน สามารถปฏิบัติการได้ทันทีเมื่อได้รับแจ้งสถานการณ์ สำหรับการดูแลประชาชนทั่วไปในศูนย์พักพิงที่ขณะนี้เพิ่มเป็น 934 จุด ผู้เข้าพัก 258,617 คน เป็นกลุ่มเปราะบาง 46,252 คน ได้ส่งผู้ที่มีอาการป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลในพื้นที่ปลอดภัย 317 คน จัดทีมปฏิบัติการด้านสุขภาพลงพื้นที่เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ (MERT/Mini-MERT) 43 ทีม ทีมปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินระดับสูง (ALS) 43 ทีม ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค 114 ทีม ทีมปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัยด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม 76 ทีม และทีมช่วยเหลือทางด้านจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต 88 ทีม โดยจากการคัดกรองสุขภาพจิตประชาชน 27,413 ราย พบเครียดสูงและเสี่ยงทำร้ายตนเองรวม 388 ราย ได้ให้การปฐมพยาบาลทางจิตใจและส่งเข้ารับการดูแลตามกระบวนการ พร้อมติดตามดูแลใกล้ชิด
วันที่ 9 ธันวาคม 2568 เวลา 19.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปทรงเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ.2568 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ณ ราชมังคลากีฬาสถาน การกีฬาแห่งประเทศไทย เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการจัดการแข่งขัน ฯ และผู้บริหารการกีฬาแห่งประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องประทับรับรอง ชั้น 2 ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดที่ระลึก เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ประทับหน้าอัฒจันทร์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตรและของที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตรและของที่ระลึก แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จากนั้น ทอดพระเนตรวีดิทัศน์น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง “ธ สถิตในดวงใจปวงชนตลอดไป” และถวายความอาลัย
เสร็จแล้ว ทอดพระเนตรการแสดงประกอบด้วย การแสดงร่ายรำประกอบสื่อผสม แสง สี เสียง และการแสดงกีฬาทางน้ำบนสายน้ำชุด “WE ARE ONE - WE ARE CONNECTERD BY THE SEA - สายน้ำหลอมดวงใจเป็นหนึ่งเดียว” การแสดงศิลปะมวยไทยประกอบสื่อผสม แสง สี เสียง ชุด “ONE SPIRIT – จิตวิญญาณแห่งความเป็นหนึ่ง” การแสดงการเบ่งบานของดอกไม้ที่เป็นตัวแทนจาก 11 ประเทศ ประกอบบทเพลงของศิลปินนักร้อง และสื่อผสม แสง สี เสียง ชุด “BLOOMING OF ONE VICTORY - มิตรภาพ คือ ชัยชนะ”
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรถไฟฟ้าพระที่นั่ง เพื่อทรงพระดำเนินร่วมกับนักกีฬาทีมชาติไทยเดินเข้าสู่สนาม จากนั้น ทอดพระเนตรขบวนเชิญธงชาติ และขบวนนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 11 ประเทศ เดินเข้าสู่สนาม
วันที่ 9 ธันวาคม 2568 มูลนิธิชัยพัฒนา ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี นายกกิตติมศักดิ์และประธานกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา ทรงมีพระราชหฤทัยห่วงใยและทรงตระหนักถึงความจำเป็นในการฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จึงได้พระราชทานเงินจำนวน 798,000 บาท จาก “กองทุนบูรณะฟื้นฟูอุบัติภัย” มูลนิธิชัยพัฒนา มอบแก่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ในการร่วมจัดตั้ง “ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน” (Fix it Center) ของวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่
นอกจากนี้ มูลนิธิชัยพัฒนา ได้ร่วมกับบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ในการสนับสนุนอุปกรณ์และอะไหล่รถจักรยานยนต์ส่วนหนึ่ง เพื่อใช้ในศูนย์ดังกล่าวด้วย
ในการนี้ วันที่ 9 ธันวาคม 2568 นายสุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้มอบเงินดังกล่าวแก่นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และคณะ โดยมีหม่อมหลวงจิรพันธุ์ ทวีวงศ์ กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และนายเทอดศักดิ์ บุณยขจร รองเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมในพิธีดังกล่าว ณ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา กรุงเทพมหานคร
ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชนจัดตั้งขึ้นภายในวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการซ่อมรถจักรยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยครั้งร้ายแรงในอำเภอหาดใหญ่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2568 พร้อมกันนี้ยังเป็นการสนับสนุนให้นักเรียนอาชีวศึกษาได้เรียนรู้และฝึกทักษะอาชีพจากการปฏิบัติงานจริง
การช่วยเหลือประชาชนในการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่หลังภัยพิบัติ เป็นหนึ่งในภารกิจของมูลนิธิชัยพัฒนา ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและช่วยเหลือประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถพึ่งพาตนเองได้
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ท่านสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการ "ให้" พร้อมกับมูลนิธิชัยพัฒนา ด้วยการบริจาคสมทบมูลนิธิชัยพัฒนา
ชื่อบัญชี “กองทุนบูรณะฟื้นฟูอุบัติภัย”
ธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีกระแสรายวัน สาขาสวนจิตรลดา เลขที่ 0673005308
รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02 447 8585 - 8 ต่อ 103, 109
หรือ LineID: @chaipat19
วันที่ 11 ธันวาคม 2568 เวลา 16.00 น. ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พลเรือตรีสุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงภาพรวมการทหารทุกเหล่าทัพว่า ทั้งกองทัพอากาศ กองทัพบก และกองทัพเรือ ยังคงปฏิบัติภารกิจ ลิดรอนและป้องปรามขีดความสามารถของกัมพูชา อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อาจก่อให้เกิดความสูญเสียแก่ฝ่ายไทย หากปล่อยให้เป็นช่องโหว่ด้านความมั่นคง กองทัพบกยังคงตอบโต้การรุกคืบของกำลังฝ่ายตรงข้าม ขณะที่กองทัพเรือก็ปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อป้องกันภัยจากทิศทะเล เช่นเดียวกับกองทัพอากาศที่ให้การสนับสนุนทางอากาศในทุกยุทธบริเวณ
นาวาเอก นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีตรวจพบกองกำลังกองบัญชาการองครักษ์ (BHQ)ในพื้นที่กองทัพเรือ ว่า ตลอด 2 วันที่ผ่านมา กองทัพเรือได้ย้ำหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับ การดัดแปลงอาคารในฝั่งกัมพูชาให้เป็นฐานที่ตั้งทางทหาร ซึ่งหน่วยข่าวกรองของไทยสามารถตรวจยืนยันได้ผ่านระบบโดรนตรวจการณ์ เพื่อชี้ชัดว่า เป้าหมายที่กองทัพเรือเข้าดำเนินการโจมตี เป็นการทำลายขีดความสามารถทางทหารของฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะ ทั้งนี้อาคารดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ของกัมพูชา แต่มีพฤติการณ์เชิงยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน จำเป็นต้องถูกจำกัดความสามารถเพื่อป้องกันภัยต่อไทย
ด้าน พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ระบุว่า การใช้กำลังทางอากาศในขณะนี้ จะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ และยังคงเดินหน้าเป็นขั้นเป็นตอนตามสถานการณ์ ซึ่งเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกนาที กองทัพอากาศยืนยันยังคงดำเนินยุทธการทางอากาศ จนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะยุติความพยายามเป็นภัยคุกคามต่อเอกราช ความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชนไทย พร้อมสนับสนุนกำลังทางบกและทางเรือในปฏิบัติการผลักดันกองกำลังกัมพูชาออกจากพื้นที่ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะทำให้ยุทธภารกิจทั้งหมดบรรลุผลตามเป้าหมาย
นาง มาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผย การเร่งประสานพาคนไทยในกัมพูชากลับประเทศไทย ว่า สถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยในกัมพูชา ได้เร่งประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายกัมพูชา เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนไทยเดินทางกลับประเทศไทยโดยเร็วที่สุด โดยผู้ที่อยู่ในชุมชนไทยซึ่งมี เอกสารถูกต้อง สามารถเลือกเดินทางออกจากกัมพูชาได้ทั้งทางบกและทางอากาศ ขณะที่สถานทูตพร้อมเร่งออก เอกสารเดินทางฉุกเฉิน (Emergency Travel Document) ให้ทันที เพื่อให้คนไทยที่สามารถเดินทางออกได้ก่อน ไม่จำเป็นต้องรอขั้นตอนจากฝ่ายกัมพูชา
ขณะนี้ตัวเลขคนไทยที่มีเอกสารครบถ้วน อยู่ที่ประมาณ หลักร้อยคน และยังทยอยลงทะเบียนเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยทีมเจ้าหน้าที่สถานทูตยังสามารถรองรับและให้การช่วยเหลือได้อย่างเต็มกำลัง พร้อมประชาสัมพันธ์หมายเลขติดต่อฉุกเฉินเพื่อให้คนไทยแจ้งความประสงค์เดินทางกลับอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดตราด
นายเกรียงไกร ปัญญาพงศธร นายอำเภอเมืองตราด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงตราด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายบริเวณถนนสุขุมวิท (ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก) ต.ชำราก อ.เมืองตราด รวมถึงพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน หลังเมื่อวานนี้มีกระสุนปืนใหญ่จากฝั่งกัมพูชาตกเข้ามาในเขตไทย จากการตรวจสอบเบื้องต้นประเมินว่า มีวัตถุระเบิดตกเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทยประมาณ 8 ลูก โดยพบว่ามีระเบิดที่ยังไม่ทำงาน (ด้าน) หลงเหลืออยู่อย่างน้อย 2-3 ลูก ทั้งบนพื้นผิวจราจรและในสวนผลไม้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นพื้นที่และประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) เข้าดำเนินการเก็บกู้เพื่อความปลอดภัย
ต่อมาเวลา 10.10 น. สถานการณ์ได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ฉก.นย.ตราด) ได้เปิดปฏิบัติการทางทหารบริเวณพื้นที่บ้านสามหลัง ส่งผลให้มีเสียงปืนและเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ด้านฝ่ายความมั่นคงจังหวัดตราด ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้ช่วยเป็นหูเป็นตา โดยเฉพาะการสอดส่องพฤติกรรมบุคคลต้องสงสัยชาวกัมพูชา หลังการข่าวพบว่ามีการขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนถ่ายภาพฐานปฏิบัติการของทหารหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าว ให้ทำการควบคุมตัวไว้ทันที แล้วรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทหารหรือฝ่ายปกครองในพื้นที่เพื่อดำเนินการจับกุม
ล่าสุด ฝ่ายความมั่นคงได้มีคำสั่งด่วนให้ อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ 100% ในเขต 4 ตำบลชายแดนอำเภอเมืองตราด ได้แก่ ต.ชำราก, ต.ตะกาง, ต.ท่ากุ่ม และ ต.แหลมกลัด เนื่องจากสถานการณ์การปะทะมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น จากการที่ฝ่ายกัมพูชาได้มีการเสริมกำลังพลและเคลื่อนย้ายอาวุธหนักเข้ามาประชิดแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นเวลา 11.00 น.ฐานปืนใหญ่ของฝั่งจังหวัดตราดได้ยิงปืนใหญ่สนับสนุนทหารนาวิกโยธินตราดบุกยึดพื้นที่บ้าน 3 หลัง และบริเวณกาสิโนที่บ้านทมอดา ต.เวียงเวล อ.เวียลเวง จ.โพธิสัต ที่ตรงข้ามกับบ้านท่าเส้น ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด กว่า 10 นัด ซึ่งเสียงปืนได้ยินถึงตัวเมืองตราดเป็นระยะๆ ท่ามกลางการเฝ้าติดตามของประชาชนในพื้นที่จังหวัดตราด
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012