ข่าว
“เอเปกซัมมิต” ถิ่น “ลุงแซม” ! “ไบเดน” โปรยยาหอม “สี จิ้นผิง” เพราะจีน-สหรัฐฯ “เอเชีย-แปซิฟิกจึงสันติ”

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ในฐานะประธานการประชุมสุดยอดผู้นำเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปกซัมมิต ครั้งที่ 30 ประจำปี 2023 (พ.ศ. 2566) ซึ่งมีขึ้นที่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ได้ถ่ายภาพหมู่กับบรรดาผู้นำเขตสมาชิกเอเปก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น

รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมเอเปกซัมมิตในวันดังกล่าว เหล่าผู้นำหารือในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ “ไอพีอีเอฟ” ก่อนที่จะหารือในแบบนอกรอบกับผู้นำญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ต่อไป

พร้อมกันนี้ ในระหว่างการหารือกับเหล่าผู้นำเขตเอเปก ซึ่งมีประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เข้าร่วมด้วยนั้น ทางประธานาธิบดีไบเดน ได้กล่าวชื่นชมว่า เป็นเพราะจีนและสหรัฐฯ ภายใต้การนำของเราทั้งสอง จึงทำให้ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก มีสันติภาพและมีเสถียรภาพความมั่นคง

อบรม ให้ความรู้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจฯ

เมื่อวันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 พ.ต.อ.สมชาย ขอค้า ผกก.สภ.โคกขาม, พ.ต.ท.ไพฑูรย์ อินทร์มณี รอง ผกก.ป.สภ.โคกขาม, พ.ต.ต.ภูวเศฏฐ์ เอมทอง สวป.สภ.โคกขาม พร้อมข้าราชการตำรวจ สภ.โคกขาม เข้ารับการอบรม ให้ความรู้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจฯ ณ ห้องประชุม สภ.โคกขาม จ.สมุทรสาคร โดยมี คิด ฉัตรประภาชัย เจ้าหน้าที่ตำรวจเชอร์รีฟของ ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นวิทยากร


เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.9 บริเวณตอนใต้ของเกาะมินดาเนา ประเทศฟิลิปปินส์ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต และไม่มีคำเตือนสึนามิ

ศูนย์วิจัยธรณีศาสตร์แห่งเยอรมนี (GFZ) รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.9 บริเวณตอนใต้ของเกาะมินดาเนา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อเวลาประมาณ 16.14 น. วันศุกร์ที่ 17 พ.ย. 2566 ตามเวลา โดยจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่บริเวณนอกชายฝั่งเกาะมินดาเนา ใกล้เมืองซานโตสซิตี้ และลึกจากผิวดิน 60 กิโลเมตร เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต และความเสียหาย

ด้านสำนักงานเฝ้าระวังแผ่นดินไหวของฟิลิปปินส์ ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้กินเวลาหลายวินาที พร้อมแนะนำให้ประชาชนระมัดระวังอาฟเตอร์ช็อก และความเสียหายที่อาจตามมา

อย่างไรก็ตาม สำนักงานเฝ้าระวังแผ่นดินไหวและศูนย์เตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่ได้ออกคำเตือนสึนามิ หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.9 นอกชายฝั่งเกาะมินดาเนา

ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่เผชิญแผ่นดินไหวเป็นประจำ เนื่องจากประเทศตั้งอยู่ตามแนวรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกที่เรียกว่า “วงแหวนแห่งไฟ” ซึ่งเป็นแนวภูเขาไฟที่ล้อมรอบมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว

ติดตามข่าวต่างประเทศได้ที่ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : Reuters


หัวหน้าแก๊งไซเบอร์สแกม ชิงปลิดชีพตัวเอง โดน ตร.เมียนมาจับที่เล่าก์ก่าย

หัวหน้าแก๊งหลวกลวงทางไซเบอร์ ชิงปลิดชีพตัวเอง ขณะถูกตำรวจเมียนมาจับกุมได้ที่เมืองเล่าก์ก่าย เผยเคยเป็นผู้แทนเขตปกครองพิเศษโกก้าง ในสมาชิกสภารัฐฉาน ส่วนผู้ต้องสงสัย อีก 2 คนถูกส่งตัวให้จีนแล้ว

เมื่อ 17 พ.ย. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน รัฐบาลทหารเมียนมาแถลงในวันนี้ (17 พ.ย.) ว่า เจ้าหน้าที่เมียนมาสามารถติดตามจับกุม ผู้ต้องสงสัยเป็นหัวหน้าแก๊งหลอกลวงทางไซเบอร์ หรือหัวหน้าแก๊งไซเบอร์สแกม 3 คน ซึ่งทางการจีนต้องการตัวได้แล้วที่เมืองเล่าก์ก่าย ในเขตปกครองพิเศษโกก้าง ทางตอนเหนือของรัฐฉาน ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกของเมียนมา ที่มีพรมแดนติดกับมณฑลยูนนานของจีน และหัวหน้าแก๊งคนสำคัญได้ชิงยิงตัวตายขณะถูกเจ้าหน้าที่จับกุม

รัฐบาลทหารเมียนมาออกแถลงการณ์ระบุว่า นายหมิง ซื่อฉาง และนายหมิง กั๋วผิง หัวหน้าแก๊งไซเบอร์

สแกม 2 คนได้ถูกเจ้าหน้าที่เมียนมาจับกุมได้แล้วที่เมืองเล่าก์ก่าย ในเขตปกครองพิเศษโกก้าง และต่อมา นายหมิง ซื่อฉาง วัย 69 ปี ได้ใช้ปืนยิงตัวเอง ขณะถูกจับกุม และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล

ตามรายงานของสื่อหลายแห่ง ระบุว่า นายหมิง ซื่อฉาง เคยผู้แทนเขตปกครองพิเศษโกก้าง ในสภาภูมิภาคของรัฐฉาน โดยนายหมิง กั๋วผิง และ น.ส. หมิงจู่หลัน ได้ถูกส่งตัวให้แก่ทางการจีนแล้ว เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังทางการเมียนมาสามารถติดตามจับกุมได้

การดำเนินการจับกุมผู้ต้องสงสัยทั้งสามคน มีขึ้นหลังจากทางการจีนได้ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 ว่าเป็นหัวหน้าแก๊งหลอกลวงทางไซเบอร์ และผู้ต้องสงสัยอีกคนชื่อ หมิง เสิ่นเจิ้น เมื่อสัปดาห์ก่อน

ขณะที่ตามรายงานของสื่อทางการจีน ยังระบุว่า นายหมิง ซื่อฉาง (ปลิดชีพตัวเองไปแล้ว) เป็นผู้จัดตั้งองค์กรอาชญากรรมฉ้อโกงที่ดำเนินการมานานแล้ว ผ่านการก่ออาชญากรรมฉ้อโกงโดยใช้ระบบโทรคมนาคมและเครือข่ายเน็ตเวิร์กของจีน และมีเป้าหมายหลอกลวงพลเรือนชาวจีน

สหประชาชาติรายงานว่า ในปีนี้ อาจมีประชาชนอย่างน้อย 120,000 คน อาจที่ถูกหลอกลวงหรือถูกบังคับให้ทำงานก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ในเมียนมา ในขณะที่การก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์เกิดขึ้นมากมายราวดอกเห็ด ตามชายแดนของประเทศเมียนมาติดกับจีน และพนักงานที่ดำเนินการส่วนใหญ่เป็นพลเมืองจีนและชาติอื่นๆ ในขณะที่ทางการจีนได้พยายามกดดันให้รัฐบาลทหารเมียนมาปราบปรามแก๊งไซเบอร์สแกมเหล่านี้อย่างจริงจัง

ในขณะที่การจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นหัวหน้าแก๊งไซเบอร์สแกมที่เมืองเล่าก์ก่าย ในเมียนมาครั้งนี้ ยังเกิดขึ้นขณะที่กองกำลังป้องกันของประชาชน ซึ่งต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ร่วมมือกับกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ 3 กลุ่ม ได้ลุกฮือบุกโจมตีเป้าหมายทางทหารในรัฐฉาน และหลายรัฐของเมียนมา ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ที่ผ่านา

ที่มา : straitstimes


‘ไบเดน’ เปิดคฤหาสน์รับ ‘สี จิ้นผิง’ หารือนอกรอบก่อนประชุมผู้นำเอเปก

ซานฟรานซิสโก (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส/บีบีซีนิวส์) - ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ร่วมประชุมสุดยอดที่ฟรานซานซิสโก ก่อนหน้าการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก หารือลดความขัดแย้ง ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคี ขณะที่ผู้นำจีนนั่งโต๊ะถกผู้นำญี่ปุ่นด้วย

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ให้การต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนโดยผู้นำทั้งสองจับมือกันก่อนเข้าร่วมการประชุมทวิภาคีตามกำหนดเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นในซานฟรานซิสโก ที่ “ฟีโลลีเอสเตท” (Filoli estate) คฤหาสน์ตากอากาศเก่าแก่ทรงจอร์เจีย ทางใต้ของนครซานฟรานซิสโกการประชุมของประธานาธิบดีสี กับไบเดน

จากนั้น ไบเดนก็นั่งประชุมร่วมกับสี เพื่อหารือผ่อนคลายความขัดแย้งระหว่างสองมหาอำนาจโลกเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านการทหาร การลักลอบค้ายาเสพติด และปัญญาประดิษฐ์ ไบเดน กล่าวว่า สหรัฐฯ และจีนต้องรับประกันว่าการแข่งขันระหว่างพวกเขาจะไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง และจัดการความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายอย่างมีความรับผิดชอบขณะที่สีเรียกความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนว่า เป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สำคัญที่สุดในโลก ทั้งเขาและไบเดนแบกความรับผิดชอบสำหรับประชาชนสองฝ่าย สำหรับโลกและสำหรับประวัติศาสตร์

การพบหารือครั้งนี้ เป็นการประชุมแบบเผชิญหน้าครั้งแรกระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีนในรอบหนึ่งปี ตั้งแต่จับเข่าคุยครั้งล่าสุดที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯเชื่อว่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการลดความขัดแย้งระหว่างสองคู่แข่งสำคัญที่อันตรายที่สุดในโลก อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายยังมีกำหนดจะหารือในประเด็นสำคัญอื่นๆ รวมถึงปัญหาไต้หวัน, ทะเลจีนใต้, สงครามอิสราเอล-ฮามาส,สงครามรัสเซีย-ยูเครน, เกาหลีเหนือ และด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังยาวนาน ที่ผู้นำทั้งสองยังไม่สามารถแก้ไขหรือหาทางออกร่วมกันได้

นอกจากพบหารือกับผูันำสหรัฐฯ แล้ว ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ยังได้พบหารือนอกรอบกับนายกรัฐมนตรี ฟุมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ที่นครซานฟรานซิสโก ก่อนหน้าการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกด้วย เป็นการพบกันครั้งแรกของทั้งสองฝ่ายในรอบกว่า 1 ปีเช่นกัน การหารือรอบนี้มุ่งเน้นหารือในประเด็นการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี และแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างกันที่กำลังดำเนินอยู่ เช่น กรณีที่จีนระงับการนำเข้าอาหารและสินค้าทะเลจากญี่ปุ่น จากความไม่พอใจกรณีการปล่อยน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ลงมหาสมุทรแปซิฟิก เนื่องจากกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในทะเลแม้รัฐบาลญี่ปุ่นจะยืนยันว่า

น้ำทิ้งดังกล่าวปลอดภัยจากการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีก็ตาม

ผู้นำทั้งสองฝ่ายยังหารือประเด็นข้อพิพาทเรื่องหมู่เกาะเซนคากุในทะเลจีนตะวันออก ที่ทั้งสองฝ่ายต่างแย่งกรรมสิทธิ์ครอบครองมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังอาจพูดคุยกันเรื่องที่มีพลเมืองญี่ปุน ถูกทางการจีนควบคุมตัวจากความผิดข้อหาจารกรรมข้อมูลในจีนด้วย อย่างไรก็ดี คิชิดะย้ำก่อนหน้านี้ว่าญี่ปุ่นและจีนควรจะร่วมมือกัน

ในภาคส่วนต่างๆ ต่อไป และรักษาระดับการติดต่อสื่อสารกันให้ใกล้ชิด

การสื่อสารในฉนวนกาซาล่ม ขณะอิสราเอลยังคงตรวจค้นโรงพยาบาลอัล-ชิฟา

กองกำลังอิสราเอลปฎิบัติการตรวจค้นแบบอาคารต่ออาคารในโรงพยาบาลหลักของฉนวนกาซา ขณะที่การสื่อสารในพื้นที่เกิดความขัดข้องครั้งใหม่เมื่อวันศุกร์ เพิ่มความหวาดกลัวต่อพลเรือนชาวปาเลสไตน์ที่ติดอยู่ภายในสถานที่ดังกล่าว

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2566 กล่าวว่า กองกำลังอิสราเอลยังคงดำเนินปฎิบัติการตรวจค้นแบบอาคารต่ออาคารในโรงพยาบาลอัล-ชิฟาของฉนวนกาซา

โรงพยาบาลดังกล่าวกลายเป็นจุดศูนย์กลางการปะทะระหว่างอิสราเอลและฮามาสทางตอนเหนือ โดยทหารเริ่มบุกโจมตีอาคารแห่งนี้เมื่อวันพุธ เพื่อตามหาศูนย์บัญชาการที่พวกเขาเชื่อว่ากลุ่มติดอาวุธฮามาสปฏิบัติการอยู่ที่นั่น แต่กลุ่มฮามาสและผู้อำนวยการโรงพยาบาลปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และมีความกังวลจากนานาชาติเกี่ยวกับผู้คนหลายพันคน รวมถึงผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บและทารกคลอดก่อนกำหนดที่เชื่อว่าติดอยู่ข้างใน

ยังมีการพบเห็นควันดำหนาทึบลอยขึ้นในฉนวนกาซาตอนเหนือเมื่อวันศุกร์ โดยทางการอิสราเอลปกป้องปฏิบัติการของตนเอง และทหารออกมากล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า พบปืนไรเฟิล, กระสุน, วัตถุระเบิด และทางเข้าปล่องอุโมงค์ที่โรงพยาบาลอัล-ชิฟา ทำให้นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล เชื่ออย่างจริงจังว่าตัวประกันอาจถูกควบคุมตัวที่สถานพยาบาลแห่งนี้

“เรามีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าตัวประกันถูกควบคุมตัวในโรงพยาบาลชิฟา ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เราจำเป็นต้องบุกเข้าไป และถ้าเราพบว่าพวกเขาอยู่ที่นั่น เราก็จะนำพวกเขาออกมาทันที” เนทันยาฮูกล่าว แม้ข้อกล่าวหาเหล่านี้ยังคงไม่ได้รับการพิสูจน์ความจริง

อิสราเอลยังระบุอีกว่า กองกำลังของตนกำลังค้นหาอาคารอัล-ชิฟา 'ทีละอาคาร' และกองทัพประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า สามารถเก็บกู้ศพของทหารหญิงวัย 19 ปีรายหนึ่งที่ถูกลักพาตัวไป ในบริเวณอาคารที่อยู่ติดกับโรงพยาบาล และกลุ่มทหารที่ประจำการใกล้โรงพยาบาลอัล-ชิฟา ได้พบศพของหนึ่งในบรรดาตัวประกันอีกราย

กองทัพได้ยืนยันเมื่อต้นสัปดาห์ถึงการเสียชีวิตของทหารหญิงรายนี้โดยไม่แจ้งสาเหตุ ขณะที่ฮามาสกล่าวว่าเธอถูกสังหารจากการทิ้งระเบิดของอิสราเอล

อย่างไรก็ตาม สัญญาณสื่อสารในฉนวนกาซาถูกตัดขาดอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ โดยผู้ให้บริการเครือข่ายระบุว่า โทรคมนาคมทั้งหมดหยุดทำงานเพราะแหล่งพลังงานที่ใช้สนับสนุนเครือข่ายหมดลง และยังไม่มีการอนุญาตให้นำเชื้อเพลิงเข้าไปในพื้นที่

สหประชาชาติเตือนว่า การขาดแคลนไฟฟ้าและเชื้อเพลิงจะทำให้พลเรือนได้รับความทุกข์ยาก จนส่งผลให้ความพยายามในการแจกจ่ายความช่วยเหลือมีความซับซ้อน และอาจนำไปสู่การปล้นสะดมสิ่งของต่างๆ

การเจรจาต่อรองเพื่อปล่อยตัวตัวประกันยังคงดำเนินต่อไป เพื่อแลกกับการหยุดการโจมตีชั่วคราว ตามข้อเสนอของกลุ่มฮามาส โดยมีกาตาร์และอียิปต์ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย

จนถึงขณะนี้ ปฏิบัติการภาคพื้นดินของอิสราเอลมุ่งเน้นไปที่ตอนเหนือของฉนวนกาซา ซึ่งอิสราเอลได้ประกาศยึดอาคารรัฐสภา, สถานที่ราชการ สำนักงานใหญ่ตำรวจของกลุ่มฮามาส และท่าเรือสำคัญอีกหนึ่งแห่ง โดยมีโรงพยาบาลเป็นเป้าหมายหลัก เพราะมีการค้นพบอุโมงค์และอุปกรณ์ทางทหารที่โรงพยาบาลอัล-ชิฟา, รันติซี และอัลกุดส์

รัฐบาลวอชิงตันสนับสนุนข้อกล่าวหาของอิสราเอลที่ว่ากลุ่มฮามาสใช้โรงพยาบาลเป็นศูนย์บัญชาการ ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้ปฏิบัติการต่างๆ ต้องทำอย่างระมัดระวังอย่างยิ่งยวด

นอกจากสงครามในฉนวนกาซาแล้ว ยังมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความรุนแรงในเขตเวสต์แบงก์ โดยเมื่อวันพฤหัสบดี มือปืน 3 คนได้บุกโจมตีจุดตรวจที่มุ่งหน้าสู่กรุงเยรูซาเลม ทำให้ทหารอิสราเอล 1 นายเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน และในชั่วข้ามคืน กองทหารอิสราเอลจำนวนมากจึงบุกตอบโต้โจมตีค่ายผู้ลี้ภัยเจนินในเวสต์แบงก์

ในอีกด้านหนึ่ง อิสราเอลส่งเครื่องบินรบโจมตีเป้าหมายใกล้เมืองหลวงของซีเรียอีกครั้ง ตามรายงานของสำนักข่าวซีเรีย โดยการโจมตีดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหาย แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต