14 ธ.ค. นิ้ง โศภิดา กาญจนรินทร์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 เปิดใจหลังการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 รอบพรีลิมมินารี (Preliminary) ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ว่า หลังจากผ่านรอบพรีลิมมินารี มีความสุขและดีใจมาก สิ่งที่เรียนมาได้ใช้หมดแล้ว ที่จริงตื่นเต้นมากแต่รู้สึกว่ามันคือวันของเรา เราจะทำให้ดีที่สุด
“มีคนชมว่าเดินดีขึ้น ก็ขอบคุณนะคะ เป็นสิ่งที่ฝึกมาตลอด ที่ผ่านมานิ้งเรียนเดินเรียนพูดตั้งแต่ตี 5 ถึง 5 ทุ่ม ได้ใช้แล้ว ภูมิใจ ไม่มีประหม่า เพราะเราคิดว่าวันนี้คือวันที่ฝัน เรารอมานานมากแล้ว รู้สึกว่านี่แหละโอกาสของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ตอนเด็กๆ เรารักนางงามมากแค่ไหน วันนี้เราเอามาใส่ให้เต็มที่”
“เมื่อวานเสียงเชียร์ดังมาก นิ้งรู้สึกถึงความรัก นิ้งได้ความรักจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่อยู่ในฮอลล์ พลังในตัวมันเลยออกมาได้เรื่อยๆ กำลังใจสำคัญมาก พลังบวกสำคัญกับเรามาก มีความหวังที่จะทำหน้าที่ให้ดีต่อไป ไม่มีแรงกดดันแล้ว ที่ผ่านมาเป็นความตื้นตันที่นิ้งมีฝันและทำสำเร็จออกมาได้ ความมั่นใจมันมาเต็มเปี่ยมแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราพร้อมทำหน้าที่แล้ว”
“วันจันทร์นี้ นิ้งจะใช้ความเป็น นิ้ง โศภิดา The one and Only In this world ในการทำหน้าที่ พรีเซนท์ความเป็นตัวแทนของประเทศไทย และอยากจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนบนโลกนี้ว่าถ้าทุกคนมีฝันอย่าหยุดทำ ให้ทำให้ดีที่สุด เป็นผู้หญิงที่เป็นนักล่าฝัน และผู้หญิงคนนี้ประสบความสำเร็จได้โดยที่เขาไม่หยุดล่าฝัน และแชร์ความสำเร็จนั้นให้คนอื่นรู้สึกมีคุณค่าพร้อมทำตามฝันต่อไป และมาช่วยโลกให้ดีขึ้นไปด้วยกัน” นิ้ง โศภิดา กล่าว
นิ้ง โศภิดา ทิ้งท้ายว่า “สิ่งท้าทายในการประกวดครั้งนี้มากที่สุด คือการที่นิ้งได้ก้าวออกจากความกลัว เคยกลัวการขึ้นเวที การทำตามฝัน พ่อแม่ไม่เคยเห็นด้วยกับการประกวดนางงาม แต่ตอนนี้พ่อกลายเป็นแฟนนางงาม เรากลัวไปเอง จากเคยใส่ส้นสูงไม่ได้ก็ใส่ได้ จากเดินไม่ดีก็เดินดี อยากเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนต่อไป เวลานี้เป็นโค้งสุดท้ายแล้วของการประกวดมิสยูนิเวิร์ส รู้ว่าแฟนๆ มีความสุขและคาดหวังมาก นิ้งจะไปต่อ จะเอาของขวัญที่พิเศษที่สุดมาให้คนไทย สัญญาว่าจะทำเต็มที่”
ร่วมส่งแรงใจเชียร์ นิ้ง โศภิดา กาญจนรินทร์ และสาวงามผู้เข้าประกวดรวม 94 ประเทศในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 รอบตัดสิน (Final Round) วันจันทร์ที่ 17 ธ.ค. เวลา 07.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ถ่ายทอดสด ณ อิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี ผ่านพีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 เว็บไซต์ www.pptvhd36.com และแอพพลิเคชั่น PPTVHD36
นางฟ้า 30 ปี “ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์” มอบเงิน 1.3 ล้าน เพื่อเด็กไทย อยากให้มีอนาคตที่ดี สัญญากับตัวเองจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ตื่นเต้นร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินประกวดมิสยูนิเวิร์ส เผยนางงามบางคนร้องไห้ที่เจอตน หนักใจเพราะสวยเก่งทุกคน โล่งไฟไหม้ป่าไม่โดนบ้าน
กลับมาประเทศไทยอีกครั้ง สำหรับนางงามขวัญใจชาวไทย “ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ไซมอน” และเหมือนกับทุกครั้งที่มาเหยียบเมืองไทย เจ้าตัวก็มอบเงินเป็นจำนวนถึง 1.3 ล้าน มอบหนังสือให้กับห้องสมุดโรงเรียนวัดเวรุฬวนาราม เขตดอนเมือง อีกทั้งมอบคอมพิวเตอร์ จำนวน 40 เครื่อง ให้กับชุมชนหมู่บ้านพัฒนาสกุล คลองเตย ซึ่งปุ๋ยก็เผยว่า ดีใจที่ได้ทำให้เด็กๆ ที่เป็นอนาคตของชาติไทยได้มีโอกาสดีๆ และตนก็จะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
“รู้สึกเหมือนฝันที่ได้เป็นจริงค่ะ ทุกครั้งที่ปุ๋ยกลับเมืองไทยปุ๋ยก็อยากจะมาเยี่ยมน้องๆ มาเห็นโรงเรียนที่ประเทศไทยว่าเป็นยังไง และมีวิธียังไงที่ Angels Wings จะเข้ามาร่วมกับคุณครูและอาจารย์และกรรมการที่จะเสริมความช่วยเหลือให้เขาค่ะ ถามว่าอะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้ปุ๋ยช่วยเหลือเด็กๆ มากว่า 30 ปีนะคะ คือความน่ารักของเด็กใครจะไม่ประทับใจและไม่รัก และถ้าเราไม่ช่วยกันดูแลเขาก็จะไม่มีโอกาสที่ดี และปุ๋ยก็เป็นห่วงเขา ยิ่งเด็กที่ไม่มีพ่อแม่ ปุ๋ยก็พยายามที่จะให้กำลังใจ ให้เขารู้ว่าอย่างน้อยเขายังมีพี่คนหนึ่งที่เป็นห่วงเขา และปุ๋ยก็จะพยายามให้พี่ๆ น้องๆ ที่เมืองไทยอย่าลืมเขา เป็นหน้าที่ของทุกๆ คนที่จะมาดูแลอนาคตของประเทศชาติ อนาคตก็เริ่มจากน้องๆ ของประเทศของเราค่ะ เพราะฉะนั้นปุ๋ยก็พยายามจะช่วยให้เต็มที่ค่ะ”
“ก็เป็นคำสัญญาที่ปุ๋ยให้กับตัวเองด้วยค่ะ ไม่ได้เป็นคำสัญญาที่มีใครมาบังคับปุ๋ยทำ แต่ปุ๋ยทำเพื่อความสุขของปุ๋ยเอง ทุกครั้งที่ปุ๋ยได้มาคุยกับน้อง เห็นเขาอยู่ดี เห็นเขามีอนาคตที่ดีก็ยิ่งทำให้ปุ๋ยมีแรงใจที่จะทำยิ่งขึ้นค่ะ และทุกปีที่ปุ๋ยมาเมืองไทยปุ๋ยก็รู้สึกว่าปุ๋ยยังทำไม่เต็มที่ ก็พยายามจะหาโอกาสที่จะช่วยเขา ตอนนี้ปุ๋ยก็เน้นเป็นการศึกษา เพราะการศึกษาจะช่วยให้น้องๆ มีอนาคตที่ดีที่สุดและกว้างที่สุดค่ะ”
ปลื้มและสบายใจ ได้เห็นรอยยิ้มเด็กไทย ปีหน้าที่จะกลับมาก็มีโครงการช่วยเหลือเตรียมไว้ให้อีก 3 ที่
“วันนี้ได้เห็นรอยยิ้มน้องๆ ตอนแรกปุ๋ยก็รู้สึกคิดถึงลูกตัวเอง เพราะครั้งนี้ลูกไม่ได้มาด้วย (หัวเราะ) แต่พอเห็นรอยยิ้มของน้องก็ทำให้ปุ๋ยปลื้มใจและสบายใจ ประทับใจที่เขาอยากเห็นเรากลับมาเยี่ยมเขาเร็วๆ (ยิ้ม) วิธีเลือกโรงเรียนที่จะช่วยเหลือของปุ๋ย คือทุกครั้งที่ปุ๋ยมาปุ๋ยก็จะเก็บข้อมูลและสังเกตว่าโรงเรียนไหนที่มีอาจารย์ที่เป็นห่วงเขาและมีแพลนยังไง เพราะเรามีไอเดียที่ดี แต่ถ้าเราไม่มีแพลนที่จะทำให้ความคิดนั้นเป็นจริง ปุ๋ยก็จะให้เวลาเขา แต่ถ้าปุ๋ยเห็นว่าเขามีไอเดียที่ดีและเขาพร้อมที่จะให้ปุ๋ยเข้ามาช่วยก็จะง่ายที่สุด เพราะปุ๋ยไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยและเวลาก็น้อย เพราะฉะนั้นก็จะให้กรรมการที่ปุ๋ยตั้งไว้ในเมืองไทยให้เขาเก็บข้อมูลให้ และปุ๋ยก็พยายามให้กำลังใจ ถ้าอันไหนเหมาะที่ปุ๋ยจะเข้ามาสนับสนุน ปุ๋ยก็จะทำทันทีค่ะ”
“ตอนนี้ก็มีหลายโรงเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือ วันนี้ปุ๋ยเลือกเป็นสองที่ เพราะเวลาก็น้อยและโรงเรียนก็อยู่ไกล เที่ยวนี้ปุ๋ยไปไม่ถึง แต่เที่ยวหน้าในเดือนสิงหาคมปีหน้าปุ๋ยจะกลับมาใหม่ และมีอีก 3 ที่ที่ปุ๋ยรับปากแล้วที่จะเข้าไปช่วย มีที่นึงที่เชียงรายและอีก 2 ที่ที่กรุงเทพฯ ค่ะ”
“ความคาดหวังหลังจากที่เราเข้าไปช่วยเหลือ ก็อยากจะให้น้องๆ มีกำลังใจ ถ้าเขามีกำลังใจที่จะเรียน เขามีความหวังที่จะมีอนาคตที่ดี สิ่งนี้ปุ๋ยก็ทำให้เขาได้ค่ะ ไม่ว่าปุ๋ยจะอยู่ที่นี่หรืออยู่ที่อเมริกา อย่างน้อยปุ๋ยก็ให้กำลังใจเขาได้ ให้เขารู้ว่ายังไงทุกคนทั้งปุ๋ย ทั้งพ่อแม่ ทั้งคุณครูอยากจะให้เขามีอนาคตที่ดีค่ะ”
ยอมรับหนักใจในฐานะกรรมการตัดสินมิสยูนิเวิร์ส เพราะสาวงามสวยและมีความสามารถทุกคน
“มาครั้งนี้ก็มาในฐานะกรรมการตัดสินมิสยูนิเวิร์สด้วย ต้องบอกว่าหนักใจมากเลยค่ะเมื่อวาน (หัวเราะ) ทุกคนเก่งและสวยและมีความสามารถ วันสุดท้ายจะหนักใจจริงๆ ค่ะ (ยิ้ม) ถามว่าเชียร์ใคร อันนี้ปุ๋ยบอกไม่ได้ ทางกรรมการเขาบอกว่าห้ามพูดถึง เราต้องเก็บไว้ก่อน (หัวเราะ) แต่เราก็ให้กำลังใจน้องๆ ทุกคนค่ะ และปีนี้จัดที่ประเทศไทยด้วย ปุ๋ยก็ต้องมาให้ได้ค่ะ เขาก็ขอให้ปุ๋ยมาสนับสนุน ปุ๋ยก็ปฏิเสธไม่ได้ แม้ว่าลูกจะอยู่อเมริกา ปุ๋ยก็ต้องขอลูกมาเป็นกำลังใจให้กับประเทศของเราค่ะ”
“ในสายตาปุ๋ยคิดว่ามิสยูนิเวิร์สปีนี้ทุกคนเก่งมากนะคะ เขามีความคิดที่กว้างกว่าสมัยก่อน ปุ๋ยสังเกตว่ากรุ๊ปนี้ใหญ่ที่สุด 94 คนในปีนี้ แต่ทุกคนเขาสนับสนุนกัน ฉลาด และดูเขาก็ตื่นเต้นกันมากในคืนที่จะตัดสินนะคะ และทุกคนก็สวยมากค่ะ นางงามทุกคนเขาประทับใจในเมืองไทยมากนะคะ แต่ละคนปุ๋ยก็ถามเขานะคะว่ารู้สึกยังไงที่เขามาเที่ยวเมืองไทย มีแค่สองคนที่เคยมาก่อนหน้านี้ แต่คนอื่นๆ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขามา สิ่งแรกที่ทุกคนต้องชมก็คือน้ำใจคนไทย อีกอย่างคืออาหาร (หัวเราะ) ทุกคนชอบอาหารไทย และปุ๋ยก็ถามเขาว่าทริปไหนที่ประทับใจเขามากที่สุด เขาก็พูดถึงวัด เขาบอกว่าไม่เคยเห็นวัดสวยขนาดนี้ ทุกคนก็ประทับใจค่ะ”
“ก็ไม่มีใครมาถามถึงเคล็ดลับการได้มงกุฎนะคะ เพราะตอนสัมภาษณ์เราจะเป็นคนถาม (หัวเราะ) แต่ทุกคนก็น่ารักและเขาตื่นเต้น บางคนก็ร้องไห้ เขาตื่นเต้นมาก ปุ๋ยก็ให้กำลังใจเขาค่ะ ก็อยากให้คนไทยรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่เราจะให้โลกเห็นว่าอะไรที่เป็นความพิเศษของประเทศไทยบ้าง เราก็จะมีชาวต่างชาติมากันเยอะ ก็อยากจะให้ทุกคนถือว่าเราเป็นตัวแทนของประเทศไทยไม่ใช่นางงามอย่างเดียว ทุกคนในประเทศไทยเป็นตัวแทนของไทย”
เผยเหตุไฟไหม้ป่าใกล้บริเวณบ้านที่อเมริกา บอกโชคดีที่ไม่โดนบ้าน
“ที่ไฟไหม้ป่าใกล้บ้านก่อนหน้านี้ก็น่ากลัวมากค่ะ แต่ทุกอย่างเรียบร้อยค่ะ ไม่เป็นอะไรค่ะ ขอบคุณมากที่ถาม แต่ตอนนั้นไม่ได้เข้าบ้านเกือบสองเดือน บ้านยังโอเคค่ะ เราโชคดีว่าบ้านไม่เป็นอะไร แต่ก็ต้องทำความสะอาดเยอะค่ะ นี่ก็เป็นครั้งที่สองแล้ว แต่เราก็ไม่มีสิทธิที่จะบ่น เพราะว่าบ้านเราไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
งามระดับโลก สวยแท้ต้องหยุดจ้อง ต้องอยู่จีนต่อ เพื่อทำหน้าที่รองอันดับ 1 มิสเวิลด์ Miss World 2018 นิโคลีน พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ วันนี้ได้เวลาดีแล้ว ที่จะมาเปิดใจชัดๆ ให้สัมภาษณ์สดตรงจากเมืองชานย่า จีน
ความรู้สึกที่ได้เป็นรอง 1 มิสเวิลด์? "ดีใจมากค่ะ ดีใจที่สุด! ถือว่านิโคลได้ทำเต็มที่แล้ว ตำแหน่งไหนก็น่าภูมิใจ และถือเป็นของขวัญให้คนไทยทั้งประเทศด้วยค่ะ"
อีกนิดเดียวก็จะได้ที่ 1 แล้ว ถามจริงๆ มีแอบเสียดายมั้ย? "ไม่เสียดายนะ อย่างที่บอกนิโคลทำเต็มที่ทุกอย่างแล้ว อีกอย่างตำแหน่งนี้ก็สำคัญมากๆ ได้ไปทำภารกิจร่วมกับมิสเวิลด์ 2018 ได้สานต่อเรื่องการกุศลทั่วโลก มันคือสุดยอดมากแล้ว อีกอย่างพี่วาเนสซ่า ได้ที่ 1 มิสเวิลด์ 2018 ก็เก่งมาก เป็นคนที่น่าทึ่ง คิดว่านิโคลจะได้อะไรอีกเยอะ จากตรงนี้ค่ะ"
อยากบอกอะไรกับแฟนนางงามชาวไทย ที่คอยเชียร์คอยสนับสนุนามาตลอด? "อยากบอกแฟนๆ ชาวไทยว่า ถึงนิโคลไม่ชนะก็อย่าเสียใจนะ นิโคลทำเต็มที่แล้ว อยากให้ทุกคนมีความสุขมากกว่าเสียดายค่ะ แล้วเดี๋ยวพบกันที่ประเทศไทย คิดถึงทุกคนมาก ขอบคุณทุกเสียงเชียร์ และแรงโหวตที่ส่งให้นิโคลตั้งแต่ต้นจนจบ วันนี้เราทำได้แล้วไทยแลนด์".
13 ธ.ค.61 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการรณรงค์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย(พท.) โพสต์เฟชบุ๊กตอบโต้ทางการเมืองอย่างดุเดือด โดยระบุว่า
1.นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่คุณให้สัมภาษณ์ว่าคุณไม่รู้จักผมและไม่รู้ว่าผมเป็นใครต้องขอขอบคุณอย่างมากเพราะผมก็ไม่อยากรู้จักคุณ และไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ผลสำรวจวันนี้ประชาชนทั่วประเทศ 91% ไม่เห็นด้วยที่พวกคุณ ทั้ง 4 รัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งพร้อมตั้งพรรคการเมือง ผมขอบอกให้คุณทราบว่าทำอย่างนี้เป็นเรื่องน่าละอายและผมมั่นใจว่าคนทั้งประเทศรู้จักผมมากกว่าคุณ
2.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่คุณให้สัมภาษณ์ว่า ผมชอบต่อรอง และสร้างข่าวเท็จ ผมยืนยันว่าชีวิตทางการเมืองของผมยาวนานกว่าคุณมาก ผมไม่เคยต่อรอง ผมไม่เคยสร้างข่าวเท็จ และผมไม่เคยไปเก็บเงินในการก่อสร้างทาง สะพาน ถนน จากกระทรวงคมนาคม การที่คุณแนะนำให้พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนผู้ทำหน้าที่หัวหน้าทีมปราศรัยเป็นคนอื่น
ผมถือว่าคุณเผือกเพราะไม่ใช่หน้าที่ของคุณ เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย คุณบอกว่าการหาเสียงต้องประนีประนอมและไม่สร้างความขัดแย้ง ผมขอท้าคุณให้มาแสดงความคิดเห็นพร้อมกันที่ไหนก็ได้เพราะรัฐบาล คสช. ยึดอำนาจมาจากพรรคเพื่อไทยขณะผมทำหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย ผมรู้ข้อเท็จจริงมากกว่าคุณโดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาเสียงมันจะประนีประนอมกันไม่ได้ ผมจะนำเสนอแนวทางของพรรคซึ่งพรรคเพื่อไทยมีอยู่แล้ว
ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และการต่างประเทศ และพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะอยู่ฟากฝั่งประชาธิปไตยและไม่ยอมรับฝ่ายเผด็จการ ส่วนคุณสุริยะจะหาเสียงโดยประนีประนอมอย่างไรเป็นเรื่องของคุณ
14 ธ.ค.61 พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการคุมขังนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก 1 ปี ในคดีหมิ่นประมาทนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในความผิดหมิ่นประมาทคดีก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่งว่า แม้ผู้ต้องขังจะเคยเป็นอดีตข้าราชการระดับสูง แต่จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆทั้งสิ้น โดยการควบคุมตัวจะเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ ผู้ต้องขังทุกรายมีสิทธิเท่าเทียมกัน
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า เมื่อนายธาริต ถูกส่งตัวเข้ามาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามขั้นตอนจะต้องถ่ายภาพ พิมพ์ลายนิ้วมือ ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ และตรวจร่างกายว่ามี โรคประจำตัวที่เป็นอันตรายร้ายแรงหรือไม่ อย่างไรก็ตามสำหรับนักโทษที่มีเกณฑ์อายุตั้งแต่ 60 ขึ้นไปมักจะมีโรคประจำตัว โดยผู้ต้องขังสามารถนำใบรับรองแพทย์มาแสดงเพื่อนำยาที่แพทย์จัดให้เข้ามารักษาอาการป่วยตัวเองได้
ทั้งนี้หากมีอาการเจ็บป่วยภายในเรือนจำก็สามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลได้ตามปกติ ในกรณีที่อาการเจ็บป่วยไม่ร้ายแรงก็สามารถรักษาภายในแดนพยาบาลได้ ยกเว้นกรณีเจ็บป่วยหนักต้องถูกส่งตัวไปทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่าเมื่อเสร็จสิ้นการรับตัวผู้ต้องขังใหม่ ผู้คุมเรือนจำจะนำตัวผู้ต้องขังเข้าไปควบคุมไว้ภายแดนแรกรับเพื่ออบรมระเบียบวินัยและชี้แจงกฎของเรือนจำ เพื่อให้ผู้ต้องขังใหม่ปรับตัวไม่กระทำผิดวินัยหรือฝ่าฝืนกฎระเบียบของเรือนจำ ซึ่งถือเป็นปกติที่ผู้ต้องขังใหม่จะต้องใช้เวลาปรับตัวทำใจรับสภาพความเป็นอยู่ภายในเรือนจำและเพื่อนผู้ต้องขัง โดยเบื้องต้น จะให้ผู้ต้องขังพักอยู่ในแดนแรกรับประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงจะจำแนกให้ไปแดนคุมขังตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ส่วนตัวไม่หนักใจเพราะถือเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ตามคำสั่งศาลแม้นายธาริตจะเป็นเคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาก็ตาม