ข่าว
บีโอไอแอล.เอ.จัดสัมมนา ส่งเสริมการลงทุนในไทย

สำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน นครลอสแอนเจลิส จัดสัมมนา "Investment Opportunities in Thailand" วันพุธที่ 30 กรกฎาคม 2557 ที่ โคลัมเบีย ทาวเวอร์ เมืองซีแอตเติ้ล

นายสุรศักดิ์ เพ็งธรรม ผู้ช่วยดำเนินการด้านการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครลอสแอนเจลิส (บีโอไอ) แถลงว่า บีโอไอ แอล.เอ. จะจัดสัมมนาในหัวข้อ " Investment Opportunities in Thailand " ในวันพุธที่ 30 กรกฎาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 7.30 น. - 10.00 น. ณ Columbia Tower, 701 5th Ave., Suite 7500 Seattle WA 98104

โดยมี นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ที่ปรึกษาด้านการลงทุนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ให้เกียรติเป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนในประเทศไทย และนักลงทุนจากบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ ร่วมบรรยายเกี่ยวกับประสบการณ์การลงทุนในประเทศไทย

ในการนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครลอสแอนเจลิส จึงขอเชิญชาวไทยแจ้งตอบรับเข้าร่วมงานดังกล่าวที่หมายเลขโทรศัพท์ 323-960-1199 หรือที่อีเมล์ boila@sbcglobal.net

กสญ.- หอการค้าไทย หารือ CAMTC รับรองหลักสูตรนวดไทยจากสาธารณสุข

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้ร่วมกับหอการค้าไทยอเมริกันแห่งแคลิฟอร์เนีย จัดการประชุมหารือเพื่อพัฒนาและขยายโอกาสการประกอบอาชีพด้านการนวดให้กับคนไทยในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยได้เชิญผู้บริหารระดับสูงของ California Massage Therapy Council (CAMTC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ออกใบรับรองการประกอบวิชาชีพด้านการนวดในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นส่วนราชการไทยที่กำกับดูแลมาตรฐานการนวดและจัดทำหลักสูตรผู้ประกอบวิชาชีพด้านการนวดในไทย มาร่วมการหารือ

กงสุลใหญ่เจษฎา กตเวทิน ได้เป็นประธานการประชุมและชี้แจงเป้าประสงค์ของฝ่ายไทยที่ จะแสวงหาความร่วมมือกับ CAMTC เพื่อให้มีการรับรองหลักสูตรการสอนนวดในประเทศไทยร่วมกัน เพื่อให้ผู้ที่จบหลักสูตรดังกล่าวที่ดำเนินการโดยกระทรวงสาธารณสุข สามารถยื่นขอรับใบรับรองการประกอบวิชาชีพด้านการนวดในมลรัฐแคลิฟอร์เนียกับ CAMTC และสามารถประกอบอาชีพดังกล่าวได้อย่างถูกกฎหมายทั่วมลรัฐแคลิฟอร์เนีย การดำเนินการดังกล่าวไม่เพียงขยายโอกาสการประกอบอาชีพด้านการนวดให้กับชาวไทย แต่ยังช่วยเพิ่มจำนวนผู้ประกอบอาชีพด้านการนวดที่ได้คุณภาพ มาตรฐาน และถูกกฎหมายในธุรกิจ สปาและนวดในมลรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีการขยายตัวอย่างมากในปัจจุบัน จึงเป็นประโยชน์ที่ได้รับร่วมกันทุกฝ่าย

จากนั้น กงสุลใหญ่เจษฎา กตเวทิน นาวาอากาศตรีบุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายพลเทพ อินทุรัตน์ ประธานหอการค้าไทยอเมริกันฯ และนายดอน ชูเกียรติ ผู้แทนหอการค้าไทยอเมริกันฯ ได้เจรจากับผู้แทนของ CAMTC ซึ่งประกอบด้วย นาย Mark Dixon, Chairman of Board of Directors นาย Joe Bob Smith, Member of Board of Directors และนาง Beverly May Director of Governmental Affairs โดยได้พูดคุยในรายละเอียดเกี่ยวกับหลักสูตรการสอนนวดของไทยที่กระทรวงสาธารณสุขให้การรับรอง และ CAMTC ได้ชี้แจงหลักเกณฑ์หรือข้อกำหนดต่างๆ ของ CAMTC รวมทั้งสถานะปัจจุบันของ CAMTC ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งครอบคลุมเรื่องรับรองหลักสูตรการสอนนวดของสถาบัน หรือโรงเรียนนอกมลรัฐแคลิฟอร์เนีย และเรื่องการปรับปรุงกระบวนการขอรับใบรับรองการประกอบวิชาชีพด้านการนวดของ CAMTC ซึ่งจะมีการกำหนดให้ผู้ขอใบรับรองต้องผ่านการสอบข้อสอบมาตรฐานของรัฐด้วย

ทั้งนี้ รายละเอียดต่างๆ จะมีความชัดเจนมากขึ้นภายในประมาณ 3 – 6 เดือน โดยในเรื่องการเพิ่มขั้นตอนการสอบเข้าไปในกระบวนการขอรับใบรับรอง จะมีการออกเป็นกฎหมายของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ California State Assembly หากผ่านการพิจารณาจะ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558

ในการประชุมครั้งนี้ นับได้ว่าประสบผลสำเร็จด้วยดี ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันที่จะพัฒนาความร่วมมือไปสู่การรับรองหลักสูตรการสอนนวดในประเทศไทยร่วมกัน โดยเริ่มจากโรงเรียนหรือสถาบันที่ดำเนินการสอนโดยกระทรวงสาธารณสุข และได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งประสานงานกันในรายละเอียด และผลักดันให้เกิดผลสำเร็จโดยเร็วภายหลังที่ CAMTC ได้ปรับโครงสร้างองค์กรและมีกระบวนการต่างๆ ที่ชัดเจนแล้ว ซึ่งสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิสจะได้ติดตามความคืบหน้าต่อไป

การดำเนินการดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งความพยายามของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส และหอการค้าไทยอเมริกันฯ ที่ร่วมกันขยายโอกาสให้กับชาวไทยที่ประกอบวิชาชีพด้านการนวดในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย และผลักดันให้หน่วยงานของสหรัฐฯ ยอมรับและให้การรับรองมาตรฐานการนวดของไทย


ตำรวจชี้ ตุ๋นโทรหลอก ระบาดหนักกว่าเดิม

บริษัทไฟฟ้า เอดิสัน เผย แกงค์มิฉาชีพโทรเรียกเก็บค่าไฟ ยกระดับแผนลวง หลอกคนซื้อบัตรเงินสดร้านสะดวกซื้อ จ่ายซ้ำ สอง-สามครั้ง พบลูกค้าตกเป็นเหยื่อแล้ว 8,000 ราย สูญเงินร่วม 2.5 แสนเหรียญ ด้านนักสืบกรมตำรวจเอลมอนเต้ ยอมรับจับตัวยาก เหตุเพราะต้นสายโทรจากต่างประเทศ และใช้เบอร์แบบเติมเงิน เตือนผู้บริโภค ตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อน และห้ามให้ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านโทรศัพท์เด็ดขาด

บริษัทเซาท์เทินแคลิฟอร์เนียเอดิสัน-เอซีอี ได้ประกาศเรื่อง มีนักต้มตุ๋นใช้โทรศัพท์ไปหาลูกค้า แอบอ้างว่าเป็นพนักงานของบริษัทฯ และแจ้งกับผู้รับปลายสายว่าท่านติดค่าไฟค้างชำระอยู่ 2 เดือน ทางบริษัทกำลังส่งรถไปที่นั่นเพื่อดำเนินการตัดไฟภายใน 30 นาที ซึ่งจะทำให้ไม่มีไฟฟ้าใช้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ทั้งนี้นักต้มตุ๋นจะบอกวิธีแก้ปัญหาว่า ให้ผู้รับปลายสายชำระค่าไฟผ่านทางโทรศัพท์เป็นจำนวน 500 เหรียญด้วยบัตรเงินสดทันที ทำให้ผู้รับต้องรีบไปซื้อบัตรเงินสดที่ร้านสะดวกซื้อและรีบกลับมาให้หมายเลขบัตรเพื่อจ่ายค่าบริการ ปฏิบัติการนี้ใช้เวลาเพียง 5 นาที และลูกค้าก็ไม่รู้เลยว่าพวกเขาถูกหลอกฉกเงินไปแล้ว 500 เหรียญ

ตั้งแต่มีข่าวการหลอกเรียกเก็บค่าไฟครั้งแรกเมื่อราว 8 เดือนก่อน ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดการปัญหาบุคคลแอบอ้างมาตลอด เจ้าหน้าที่กล่าวว่ามันเริ่มหนักข้อและมีความซับซ้อนมากขึ้นเวลาล่าเหยื่อ

ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2010 มีลูกค่ามากกว่า 8,000 ราย ตกเป็นเป้าในพื้นที่ให้บริการของเอสซีอี ในจำนวนดังกล่าวมีลูกค้าระหว่าง 800-900 ราย สูญเสียไปถัวเฉลี่ยประมาณ 1,000-2,000 เหรียญ พบว่ามูลค่าความเสียหายทั้งหมดมากกว่า 250,000 เหรียญที่เกิดขึ้นกับลูกค้าเอสซีอี

เจ้าหน้าที่ Chico ที่ทำงานใกล้ชิดกับสำนักงานบังคับใช้กฎหมายในการตรวจสอบมิจฉาชีพทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศกล่าวว่า "สิ่งที่ยากที่สุดในการหยุดปฏิบัติการหลอกลวงนี้คือ ส่วนใหญ่สายที่โทรเข้ามานั้นเป็นสายที่โทรมาจากนอกประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้การจับกุมต้นตอมีความท้าทายมากขึ้น"

"มีจำนวนมากที่โทรจากนอกประเทศ ความไม่มีลักษณะเฉพาะของอินเตอร์เน็ตทำให้การติดตามการโทรยากมากขึ้น" Tim Sidentopp นักสืบอาวุโส กรมตำรวจเอลมอนเต้ ผู้ที่ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ Chico เพื่อหยุดการหลอกลวงดังกล่าว กล่าวว่า "เราไม่รู้ว่าใครคือคนต้นสายที่ทำเรื่องนี้ และไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามันคือใคร เพราะมันเป็นหมายเลขโทรศัพท์แบบเติมเงิน"

เจ้าหน้าที่บอกด้วยว่า วิธีการหลอกแบบใหม่ มาในลักษณะ "หลอกซ้ำสอง" และ "หลอกซ้ำครั้งที่สาม" เหยื่อที่ถูกหลอกจะได้รับโทรศัพท์ในวันถัดมาหลังจากที่พวกเขาได้จ่ายเงินไปแล้ว มิจฉาชีพจะแจ้งพวกเขาว่าหมายเลขที่ให้ไว้ชาร์จไม่ผ่าน และให้ทำการชำระใหม่ครั้งที่สองหรือครั้งที่สาม

"มิจฉาชีพรู้ดีว่ามีโอกาสเรียกเงินได้โดยไม่ผ่านขั้นตอนยุ่งยากอะไรเลย" เจ้าหน้าที่ Chico กล่าว "ลูกค้าส่วนใหญ่กลัวว่าถ้าพวกเขาไม่จ่ายพวกเขาจะสูญเสียรายได้จากธุรกิจและพวกเขาก็ไม่รู้ขั้นตอนของเอสซีอีด้วย"

ประมารณ 90% เป็นลูกค้ากลุ่มธุรกิจ ที่ตกเป็นกลุ่มเป้าหมาย โดยเล็งไปที่เจ้าของร้านค้า ร้านอาหาร เจ้าของตลาดขนาดเล็ก ร้านพิซซ่า ศูนย์ล้างรถ และร้านตัดผม ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองของพวกเขา

ชุมชนไทยแอล.เอ. เตรียมจัดสมานฉันท์ไร้สี

คณะกรรมการไทยนิวเยียร์ได้ประธานคนใหม่ พร้อมบอกกงสุลใหญ่ต้องการให้ชุมชนไทยในแอล.เอ. สมานฉันท์ไร้สี เตรียมจัดงานพบปะกันเพื่อสมานฉันท์ กันยายน หรือตุลาคมนี้ หนุนนโยบาย คสช. ด้วย

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2557 นางสาวสุจิต พุ่มวิเศษ ประธานคณะกรรมการจัดงานสงกรานต์ ไทยนิวเยียร์ จัดงานเลี้ยงขอบคุณคณะกรรมการ สปอนเซอร์ และผู้มีส่วนร่วมช่วยเหลือในการจัดงานเทศกาลไทยนิวเยียร์ สงกราน เฟสติวัล ครั้งที่ 11 ประจำปี 2014 ที่ร้านอาหารไทยคิทเช่น เมืองเบอร์แบงค์ พร้อมกับมอบประกาศเกียรติคุณจากเมืองลอสแอนเจลิสให้แก่คณะทำงานอีกด้วย

ทางด้านศรีวงศ์ อาญาสิทธิ์ ประธานบอร์ดไทยนิวเยียร์กล่าวว่า งานเทศกาลไทยนิวเยียร์ สงกรานต์ เฟสติวัล ครั้งที่ 12 จะตัดตรงกับวันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน 2015 การจัดงานเทศกาลนี้ เราขาดทุนมาทุกปี จึงต้องวิ่งหาเงินมาชดเชยกันเป็นธรรมดา แต่งานปีนี้ มีเงินเหลือบ้าง จึงได้พิจารณาจัดสรรแบ่งปันกันให้กับองค์กรที่ช่วยเหลืองาน ประกอบด้วย ศูนย์ส่งเสริมชาวไทย 500 เหรียญ ศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมไทยแห่งนครลอสแอนเจลิส 500 เหรียญ สภาสตรีไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ 500 เหรียญ และศูนย์พัฒนาสุขภาพชุมชนอีก 500 เหรียญ

ประธานบอร์ดไทยนิวเยียร์กล่าวต่อว่า วันนี้สมาชิกสภาเทศมนตรีเมืองลอสแอนเจลิส นายทอม ลาบอนจ์ มาร่วมงานครั้งนี้กับเราไม่ได้ เพราะกำลังอยู่ในยุโรป ซึ่งนายทอม ลาบอนจ์ ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้แก่พวกเรามาก เราจึงมอบเงินจำนวน 500 เหรียญให้แก่สำนักงานของนายทอม ลาบอนจ์เป็นการสนับสนุน

ปัจจุบันนายทอม ลาบอนจ์ ยังเป็นผู้อำนวยการโครงการ L.A. Sister Cities ของเมืองนครลอสแอนเจลิส และสนับสนุนชุมชนไทยของเรามาตลอด หลังจากนั้น นางสาวคริสตี้ นุชลออ เจ้าหน้าที่คนไทยประจำสำนักงานนายทอม ลาบอนจ์ เป็นผู้รับเงินสนับสนุนจากไทยนิวเยียร์ สงกรานต์ เฟสติวัล

นางศรีวงศ์ เปิดเผยว่าคณะกรรมการบอร์ดมีความเห็นสมควรเลือกให้นายณัฐพล ตรียะวงค์ รับหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการจัดงานไทย นิวเยียร์ สงกรานต์ เฟสติวัล ครั้งที่ 12 ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน 2015

ในงานเดียวกันนี้ นางวนิดา ศรีวรมย์ อดีตประธานคณะกรรมการจัดงานไทยนิวเยียร์ฯ ได้ขึ้นมากล่าวว่า "ได้พูดคุยกับท่านกงสุลใหญ่ ซึ่งท่านปรารถนาที่อยากจะเห็นชุมชนไทยของเราไม่มีการแบ่งแยกสีกัน เพราะเวลานั้นมันผ่านไปแล้ว และถือว่า พวกเราโชว์สปิริตสนับสนุน คสช. อีกด้วย ทางเราก็จะสนองนโยบายของท่านกงสุลใหญ่ และคสช. โดยจะเชิญทุกคนมาพูดคุยกันในเรื่องการจัดงานสมานฉันท์ในอนาคตอันใกล้นี้ ถ้าเป็นไปได้ก็ประมาณเดือนกันยายน หรือไม่ก็เดือนตุลาคม ซึ่งเป็นวันปิยมหาราช ดูว่าความเป็นไปได้มันจะมีแค่ไหน"

นางวนิดาเปิดเผยว่า สภาสตรีฯ จะไปเยือนประเทศไทยในเดือนสองเดือนนี้ และจะนำเอาภาพยนตร์เรื่องพระนเรศวรมาฉายที่นี่โดยไม่คิดค่าผ่านประตู แต่เรื่องนี้เป็นเพียงนโยบายเบื้องต้นเท่านั้น

"สถานกงสุลใหญ่ก็จะมีงานเหมือนกัน แต่จะจัดไปกับงานเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องจะไปปรึกษาหารือกันอีกทีว่าจะทำกันอย่างไรจะให้คนไทยมีความสามัคคีกัน" นางวนิดา ศรีวรมย์ ผู้รับอาสาเป็นประธานจัดงานสมานฉันท์กล่าว


ไมโครซอฟท์ปลดพนง.กว่า 18,000 คน ซีอีโอชี้เพื่อสู้กับ "กูเกิล-แอปเปิล"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ไมโครซอฟท์เตรียมปลดพนักงาน 18,000 คน ซึ่งถือเป็นการปลดพนักงานครั้งใหญ่มากที่สุดของประวัติศาสตร์ของไมโครซอฟท์ในรอบ 39 ปี

รายงานระบุว่า การปลดพนักงานนี้คิดเป็น 14 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานทั้งหมดของไมโครซอฟท์ โดยพนักงานที่จะถูกปลด 12,500 ราย เป็นพนักงานของโนเกีย ซึ่งไมโครซอฟท์เพิ่งเข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนเม.ย. โดยพนักงานกลุ่มดังกล่าวจะถูกปลดจากงานในอีก 6 เดือนข้างหน้าและในช่วงเดือนมิ.ย.ปีหน้า

การปลดพนักงานครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้เข้าซื้อกิจการของโนเกีย ในยุคของนายสตีฟ บัลเมอร์ ซีอีโอคนก่อน ซึ่งส่งผลให้ไมโครซอฟท์มีพนักงานจากโนเกียเพิ่มเข้ามาอีกกว่า 25,000 คน ซึ่งนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทมองว่า การซื้อกิจการนี้ทำให้ไมโครซอฟท์มีพนักงานมากเกินไป แต่ตัวเลขการปลดพนักงานนี้ถือว่าสูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ก่อนหน้านี้ ที่คาดว่าไมโครซอฟท์จะมีการปลดพนักงานราว 6 พันคน ก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์ได้ประกาศว่า จะลดภาระใช้จ่ายราว 600 ล้านดอลลาร์ ภายหลังเข้าซื้อกิจการของโนเกีย

อย่างไรก็ตาม ด้านนายซัตยา นาเดลล่า เจ้าหน้าที่ซีอีโอของไมโครซอฟท์ เผยว่า สาเหตุของการปลดพนักงานครั้งใหญ่นี้เป็นไปเพื่อปรับโครงสร้างองค์กร รวมทั้งการที่ไมโครซอฟท์ต้องการจะมุ่งเน้นการให้บริการไปในด้านการให้บริการออนไลน์ แอพพลิเคชั่น อุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ และเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งอย่างกูเกิลและแอปเปิล

ทั้งนี้ สำหรับไมโครซอฟท์มีพนักงานทั่วโลกทั้งหมด 127,000 คน การปลดพนักงานครั้งนี้จะทำให้ไมโครซอฟท์ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย 1,100 พันล้าน-1,600 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีหน้า ซึ่งรวมถึงการจ่ายเงินชดเชยพนักงานที่ถูกปลดด้วย