“ประยุทธ์” อัญเชิญ “ส.ค.ส.พระราชทาน 2537” ให้คนไทยใจเย็น อดทน รักษาความเพียร รักษาความดี ระบุรัฐพยายามลดช่องว่างและแก้ไขบกพร่องในอดีต เชื่อมโยงทุกภาคส่วนเป็นห่วงโซ่ที่ทุกห่วงต้องเข้มแข็งไปด้วยกัน ชี้ “จุดอ่อน”ประเทศไทยเกิดจากคนบางกลุ่มไม่เข้าใจคำว่า สิทธิ หน้าที่ และเสรีภาพ ภายใต้กฎหมายเดียวกัน จนนำไปสู่ “การละเมิดสิทธิ”ของผู้อื่น ขอทุกคนช่วยกันลดจุดอ่อนตัวเองเพื่อมุ่งไปสู่จุดหมาย “มั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน” ด้วยกัน ทั้งประเทศ
30ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติอย่างยั่งยืน” ว่า สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน นับเป็นระยะเวลา กว่า 6 ทศวรรษแล้วนะครับ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9ได้พระราชทาน บทเพลงพระราชนิพน์ “พรปีใหม่” ด้วยทรงมุ่งหวังเพื่ออำนวยพรให้พสกนิกรของพระองค์มีความสุข และเป็นระยะเวลาเกือบ 3 ทศวรรษแล้ว ที่พระองค์ ได้พระราชทาน ส.ค.ส. ให้ปวงชนชาวไทย อย่างต่อเนื่องซึ่งนอกจากมีพระราชประสงค์ ที่จะ “ส่งความสุข” ในช่วงปีใหม่ และตลอดศกใหม่แล้ว ยังทรงให้สติ ให้ปัญญา ให้ข้อคิดและแนวทางในการดำรงชีวิต รวมทั้ง ให้กำลังใจต่อสู้ เพื่อเอาชนะต่ออุปสรรค นานัปการ อีกด้วย
ในโอกาสนี้ ผมขออัญเชิญ “พรอันประเสริฐ” เหล่านั้น มาเพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิต แด่พี่น้องประชาชนชาวไทยอีกครั้ง อันประกอบด้วย “คุณธรรม” ที่สำคัญ อาทิเช่น ความซื่อสัตย์ คิดดี ทำดี เพื่อส่วนรวม, ความขยันอดทน และมีความเพียรอันบริสุทธิ์, การอดออม ประหยัด มัธยัสถ์ และมีความพอเพียง, การแสวงหาความรู้ การใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา และการฝึกฝนเพื่อพัฒนาตนเอง, ความมีสติ รู้คิด และไม่ประมาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ทรงใส่พระทัย “ทุกข์ สุข” ของปวงชนชาวไทย โดยทรงมีกระแสพระราชดำรัส ให้น้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” แห่งองค์สมเด็จพระบรมชนกนาถและแนวทางพระราชทาน ตลอดระยะเวลา 7 ทศวรรษ ที่ผ่านมา ไปประยุกต์ใช้ด้วยปัญญาและความเพียร สำหรับรัฐบาลและข้าราชการ ในการบริหารราชการแผ่นดิน และสำหรับประชาชนทุกคน ในการดำรงชีวิตประจำวัน
ในการนี้ ผมขออัญเชิญ “ส.ค.ส.พระราชทาน ปีใหม่ พ.ศ. 2537” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “ศาสตร์พระราชา” โดยมีสาระสำคัญ ที่แสดงสัจธรรมแห่งชีวิต คือ “ยิ้มบ้าง ไม่ยิ้มบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง เหมือน “จราจร” มาจากคำว่า “จร” แปลว่า แล่น “อะจร” แปลว่า ไม่แล่น ดังนั้น เมื่อสนธิเป็นคำใหม่ว่า “จราจร” จึงหมายถึง แล่นบ้าง ไม่แล่นบ้าง ให้ใจเย็น ต้องอดทน รักษาความเพียร รักษาความดี เพราะอุปสรรคเป็นเครื่องทดสอบคนดี ที่จะไม่ยอมให้ความทุกข์ ความลำบาก ชักนำสู่หนทางเสื่อม ทั้งนี้ ผมหวังว่า สัจธรรมง่ายๆ นี้ จะเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ที่ยึดมั่นในความดี และไม่อยากให้ท้อถอย หมดกำลังใจ ตลอดปีใหม่ และตลอดไปนะครับ
ขอบคุณครับ ขอให้ “ทุกคน” มีความสุข ในวันช่วงเทศกาล “ส่งท้ายปีเก่า...ต้อนรับปีใหม่” สวัสดีครับ
วันที่ 29 ธันวาคม พระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย และแกนนำกปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กตอบโต้ พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรณีไม่เห็นด้วยกับมติของ สนช. โดยระบุว่า หากเมธีไม่ยอมรับในพระราชอำนาจ ก็ออกไปหาประเทศอยู่ใหม่ไป๊! โดยอธิบายอ้างว่า พฤติกรรมของสมเด็จช่วง ก่อให้เกิดคำถามต่อสังคม โดยคดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ก็จะไม่เกิดขึ้น หากมีการปฏิบัติที่ซื่อตรง ทั้งนี้ กรณี สนช.แก้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ในมาตรา 7 เพื่อถวายคืนพระราชอำนาจ ขอถามว่าทำให้พระเมธีธรรมาจารย์ เดือดร้อนอะไร
“พุทธะอิสระขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า หากวันใด พระเมธีธรรมาจารย์ออกมาประท้วงเคลื่อนไหวเรื่องถวายคืนพระราชอำนาจใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์มาตรา 7 วันนั้น จะได้เจอกับม็อบน้ำหมาก ม็อบโคโยตี้ ม็อบจ้ำบ๊ะ ม็อบชีวภาพ คงจะได้พากันออกมาปิดล้อมม็อบล็อกคอทหารของเฮียได้ เคนะเฮีย รออยู่ รออยู่ ให้ไว ให้ไว” พุทธะอิสระระบุ
กรุงเทพโพลล์ เผยผลสำรวจประชาชน "ที่สุดแห่งปี 2559" ชี้ ประชาชนเกาะติดข่าวการเสด็จสวรรคตของ "ในหลวงรัชกาลที่ 9" มากที่สุด "ลุงตู่" คือที่สุดของบุคคลในสังคมไทยที่น่ายกย่อง ซิโก้-พี่ตูน-แต้ว ณฐพร ฮิตฮอต ส่วนวลีเด็ด "กราบรถกู"...
วันที่ 29 ธ.ค. 59 กรุงเทพโพลล์ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง "ที่สุดแห่งปี 2559" โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1,160 คน ระหว่างวันที่ 16-20 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ที่สุดของข่าวที่ประชาชนสนใจ ติดตาม และเกาะติดแห่งปี คือ ข่าวการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และการเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ร้อยละ 96.0 รองลงมาร้อยละ 50.6 ข่าวออกหมายจับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ร้อยละ 49.0 ข่าว "ตูน บอดี้สแลม" วิ่งการกุศลเพื่อระดมเงินซื้ออุปกรณ์การแพทย์ รพ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร้อยละ 45.2 ข่าวเกี่ยวกับการออกมาขายข้าวเองของชาวนา
ขณะที่ บุคคลในสังคมไทยที่น่ายกย่องชื่นชมที่สุด คือ ร้อยละ 51.0 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในเรื่อง การบริหารและการปฏิรูปประเทศไทย ปราบทุจริตคอร์รัปชัน, ปราบผู้มีอิทธิพล และจัดระเบียบต่างๆ รองลงมา ร้อยละ 37.1 นายอาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน Bodyslam) เรื่อง วิ่งการกุศลเพื่อระดมเงินซื้ออุปกรณ์การแพทย์ รพ.บางสะพาน ในโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อโรงพยาบาลบางสะพาน
นอกจากนี้ ยังมีที่สุดของวงการต่างๆ ประกอบด้วย ที่สุดแห่งปีของวงกีฬา "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่สุดของดารา/นักร้องชาย ตูน Bodyslam ที่สุดของดารา/นักร้องหญิง ที่มีผลงานโดดเด่น "แต้ว" ณฐพร เตมีรักษ์ ที่สุดของละครไทยที่ชื่นชอบ "นาคี" และที่สุดของคำพูดหรือวลีเด็ดแห่งปี คือ "กราบรถกู!"
โกรธไม่โกรธ? “เมย์ พิชญ์นาฏ” ชมน่ารักมากหลังสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯ ให้ฉายา “เจ ชนาธิป” ว่า “ลิงน้อยสอยป้า” จนทำแฟนหนุ่มด่าปากหมา เจ้าตัวบอกขอบคุณแต่โพสต์ “เรียกกุป้าดูหน้าเมียเมิงด้วยค่ะ”
ทำเอาหนุ่ม “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” ถึงกับออกอาการไม่พอใจทีเดียว หลังสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ตั้งฉายาให้กับเจ้าตัวว่า “ลิงน้อยสอยป้า” จนนักบอลชื่อดังต้องไปโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวบอกถึงความรู้สึกตนเอง โดยระบุว่า “ปากหมาเนาะ คนเขียนอ้ะ #ผมไม่อยากให้สัมภาษณ์ก็ปากแม่งหมา”
ขณะที่ในส่วนของนักแสดงหญิง “เมย์ พิชญ์นาฏ สาขากร” แฟนสาวของนักฟุตบอลคนดังเอง หลังจากที่มีเรื่องนี้ออกมาเจ้าตัวก็ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมตนเองเช่นกัน โดยระบุว่า “แหม่.. เรียกตรูเป็นป้า อยากดูหน้าเมิงจัง” รวมถึง “ถ้าเราเป็น ป้า เราก็เป็นป้าที่สวยนะ หรือใครจะเถียง..เรียกกุป้าดูหน้าเมียเมิงด้วยค่ะ #ขอดูหน้าแฟนคุณหน่อยค่ะ” ซึ่งก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจกับทั้งสองมากมาย ขณะที่บางคนก็มีคนมาชี้เป้าด้วยว่านักข่าวกีฬาคนไหนที่มักจะเรียกเธอว่าเป็นป้าอยู่เป็นประจำ
เกิดข่าวเศร้าขึ้นอย่างต่อเนื่องในวงการบันเทิงอเมริกัน เมื่อล่าสุด เดบบี เรย์โนลด์ส นักแสดงหญิง มารดาของ แคร์รี ฟิชเชอร์ เสียชีวิตเพียงวันเดียวหลังจากลูกสาวของเธอจากโลกนี้ไป...
เดบบี เรย์โนลด์ส นักแสดงหญิงผู้เคยแสดงในละครเพลงชื่อดังอย่าง ‘Singin' in the Rain’ และอื่นๆ ในยุค 1950-60 เสียชีวิตแล้วในวันพุธที่ 28 ธ.ค. ขณะมีอายุ 84 ปี เพียงวันเดียวหลังจากลูกสาวของเธอคือ แคร์รี ฟิชเชอร์ ผู้เป็นที่รู้จักกันดีในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ‘สตาร์ วอร์ส’ เสียชีวิตจากอาการหัวใจวายในวัย 60 ปี
นางเรย์โนลด์สอยู่กับลูกชายของเธอคือ ทอดด์ ฟิชเชอร์ ผู้เป็นน้องชายของแคร์รี ฟิชเชอร์ ที่บ้านในเมืองเบเวอร์ลี ฮิลส์ คาดว่าเพื่อหารือเรื่องการจัดพิธีศพให้แก่ลูกสาวของเธอ ก่อนจะเกิดอาการป่วยและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ซีดาร์ส-ไซนาย โดยเธอมีอาการหายใจลำบาก และถูกประกาศว่าเสียชีวิตในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา โดยเชื่อว่าสาเหตุมาจากโรคเส้นเลือดในสมอง
นาย ทอดด์ ฟิชเชอร์ บอกกับสื่อหลังการตายของมารดาว่า การเสียชีวิตของพี่สาวของเขาหนักหนาสาหัสเกินไปสำหรับนางเรย์โนลด์ส และคำพูดสุดท้ายของเธอคือ เธอจะอยากไปอยูกับแคร์รี “ตอนนี้เธออยู่กับแคร์รีแล้ว และเราทุกคนต่างใจสลาย” นายฟิชเชอร์กล่าว
ทั้งนี้ เดบบี เรย์โนลด์ส หรือชื่อจริงคือ แมรี ฟรานเซส เรย์โนลด์ส เกิดเมื่อ 1 เม.ย. 1932 เป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่ประสบความสำเร็จในวงการละครเพลงและละครตลกของฮอลีวูด มีชื่อเสียงสูงสุดในยุคปี 1950-60 โดยเป็นที่รู้จักจากบทบาทในละครเพลงเรื่อง ‘Singin' in the Rain’ ขณะมีอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น และเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในปี 1964 ด้วย จากละครเพลงเรื่อง ‘Unsinkable Molly Brown
ปี 2559 คงถือเป็นปีที่ไม่มีผู้นำคนใดจะมีอิทธิพลมากที่สุดในโลกเท่ากับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซียไปได้ จนนิตยสารฟอร์บส์ยกให้ปูติน ผู้นำคนดังของรัสเซีย เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกประจำปี 2559 และเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ในขณะที่ชาวรัสเซียและชาวโลกได้ยินชื่อปูตินในฐานะเป็นประธานาธิบดีรักษาการแทนอดีตประธานาธิบดีขี้เมา ‘บอริส เยลต์ซิน’ มาตั้งแต่ปี 2542 สมัยรัสเซียทำสงครามปราบกบฏแบ่งแยกดินแดนแคว้นเชชเนียโน่นแล้ว
หนำซ้ำโลกยังต้องจับตามากขึ้น สมกับคำที่ว่าอนิจจัง ไม่เที่ยง อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เพราะใครจะไปคาดคิดว่า ปูติน และโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ กลับมาเกิดอาการ ถูกโฉลก รักใคร่กันดี ผิดแผกแตกต่างไปสายสัมพันธ์ที่เฉยชากับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่กำลังจะโบกมืออำลาตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2 สมัยในเดือนมกราคม ที่จะถึงนี้ แถมทรัมป์ กับปูติน ยังสนิทสนมถึงขนาดหน่วยข่าวกรองและทำเนียบขาวออกมาโวยปูตินเป็นคนสั่งการ ให้ทีมแฮกเกอร์มือฉมัง ‘แฮก’ เจาะข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งเหนือนางฮิลลารี คลินตัน กันเลยทีเดียว
*ฟอร์บส์ ยกปูติน นำพารัสเซียแผ่อิทธิพลเหนือโลกปูติน อดีตสายลับเคจีบีในวัย 64 ปี นับวันจะยิ่งเก่งและแกร่ง จนนิตยสารฟอร์บส์ ยกเหตุผลที่เลือกให้ปูติน เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของโลก ประจำปี 2559ว่า เนื่องจากเขามีบทบาทอย่างยิ่งต่อเรื่องราวต่างๆ ในประเทศรัสเซีย โดยเฉพาะการนำพาประเทศรัสเซีย เข้าไปมีอิทธิพลต่อสงครามกลางเมืองในซีเรีย ไปจนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ
ถ้าจำกันได้ปี 2557 จุดยืนที่แข็งแกร่งของปูติน ในการสนับสนุนกบฏแบ่งแยกดินแดนในแคว้นโดเนสก์และลูฮานสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ถึงแม้ทำให้รัสเซียโดนสหรัฐฯและชาติตะวันตกประณามเสียงขรม แต่ปูตินก็ไม่สน และยังได้ใจชาวยูเครนที่พูดภาษารัสเซีย อีกทั้งปูติน ยังเดินหน้าผนวกแคว้นไครเมียที่เต็มใจจะแยกตัวจากยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคม 2558
* เรียกเสียงปรบมือลั่นสภา ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับชาติใดประธานาธิบดีปูติน ได้กล่าวสุนทรพจน์ระหว่างการแถลงนโยบายและผลงานประจำปีต่อสมาชิกรัฐสภา หรือสภาดูมา ที่ทำเนียบเครมลิน ในกรุงมอสโก เมื่อต้นเดือนธันวาคม ที่ผ่านมาว่า รัสเซียต้องการปรับปรุงความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ (ยุคโดนัลด์ ทรัมป์) แม้ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติ จะลดลงไปอยู่ในระดับต่ำสุด นับตั้งแต่ยุคสงครามเย็นก็ตาม
ปูติน พูดชัดว่า รัฐบาลรัสเซียจะเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ พร้อมทั้งจะผลักดันให้ทั้งสองประเทศร่วมมือกันต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายสากลกลุ่มต่างๆ ปูตินชี้ว่า การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจให้กลับมาแน่นแฟ้นดังเดิมถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ประเทศชาติสามารถเดินหน้าความร่วมมือต่างๆ ในรูปแบบทวิภาคีในการแก้ปัญหาระดับโลกและระดับภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน
*แฝงความกร้าว ไม่ยอมให้แทรกแซงกิจการภายในประเทศถึงแม้ถ้อยแถลงของปูติน ถึงทิศทางนโยบายของประเทศในปีใหม่ คือการจะหวนมาสานสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ และยังต้องการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับหลายชาติ แต่ปูตินยังคงย้ำว่า จะไม่ยอมให้ความสัมพันธ์ดังกล่าวมาละเมิดสิทธิภายในประเทศ และรัสเซียจะต้องเป็นผู้ชี้ชะตาอนาคตของประเทศด้วยตนเอง
*โจทย์ใหญ่ สหรัฐฯ-รัสเซีย คือ สงครามกลางเมืองในซีเรียนอกจากนโยบายต่างประเทศที่รัสเซียจะหวนกลับมาจับมือกับรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งคงทำให้สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯคลี่คลายลงแล้ว ปูติน คงต้องบรรลุข้อตกลงกับทรัมป์ ถึงบทบาทต่อสงครามกลางเมืองในซีเรีย เพราะทุกวันนี้ ชาวโลกทราบกันดีว่า รัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้การหนุนหลังฝ่ายกบฏต่อต้านรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด แห่งซีเรีย ขณะที่ รัฐบาลปูติน สนับสนุนรัฐบาลประธานาธิบดีอัสซาด โจมตีทางอากาศถล่มโจมตีฝ่ายกบฏ และได้ชัยที่เมืองอเลปโปแล้วเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา สามารถขับไล่ฝ่ายกบฏออกไปจากด้านตะวันออกของเมืองได้สำเร็จ หลังยึดครองมานานกว่า 4 ปี
*ปูติน-ทรัมป์ ‘แมน ออฟ เดอะ เยียร์ 2016’ในขณะที่ ประธานาธิบดีปูติน โดดเด่นมายาวนานต่อเนื่องหลายปีแล้ว ตอนนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ก็กำลังมาแรงสุดๆ ขณะที่จะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯในวันที่ 20 มกราคม ที่จะถึงนี้ โดย ไทม์ นิตยสารทรงอิทธิพลในสหรัฐฯ ได้ยกทรัมป์เป็นบุคคลแห่งปี 2559 เฉือนเอาชนะฮิลลารี คลินตัน ที่ตามมาเป็นที่ 2 โดยแนนญี่ กิ๊บส์ บรรณาธิการฝ่ายบริหารของไทม์ เผยในรายการทูเดย์โชว์ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีด้วยว่า สาเหตุที่เลือกทรัมป์ เป็นบุคคลแห่งปี 2559 เพราะเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม สามารถดันตัวเองจากมหาเศรษฐีนักธุรกิจจากนิวยอร์ก ‘ม้านอกสายตา’ จนได้รับเลือกเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกัน และชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ อย่างพลิกล็อกช็อกโลก
และสิ่งที่ชาวอเมริกันและชาวโลกกำลังจับตาต่อไป คือการมาของทรัมป์ จะทำให้สหรัฐฯเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน และจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสหรัฐฯกับชาติยักษ์ใหญ่ของเอเชีย อย่างจีนออกมาในทิศทางใด หลังจากตอนนี้พากันโล่งอกที่ทรัมป์ จับมือกับปูติน ชาติมหาอำนาจที่บาดหมางกับรัฐบาลโอบามาจนทำให้สหรัฐฯกับรัสเซียอยู่ในภาวะตึงเครียดมากที่สุดนับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น
*จัสติน ทรูโด นายกฯหล่อแห่งปี 2559ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ตกอยู่ในความตึงเครียดในหลายภูมิภาค บวกกับภัยจากกลุ่มก่อการร้ายที่เข่นฆ่าชีวิตผู้บริสุทธิ์อย่างต่อเนื่องมาตลอดทั้งปี 2558-59 และแล้ว จัสติน ทรูโด นักการเมืองหนุ่มหล่อชาวแคนาดา วัย 45 ปี บุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีปิแอร์ เอลเลียตต์ ทรูโด ก็ทำให้การเมืองในแคนาดาที่ดูนิ่งๆ เย็นๆ เหมือนกับอากาศในแคนาดา ก็มีสีสันสดใสขึ้นมาทันที เมื่อทรูโด จากพรรคเสรีนิยม สามารถชนะเลือกตั้ง ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของแคนาดา ในช่วงปลายปี 2558
ทรูโด ไม่ใช่แค่ได้รับการบันทึกในฐานะเป็นนักการเมืองที่ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแคนาดาที่อายุน้อยที่สุดเท่านั้น แต่เขากำลังเป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ด้วยบุคลิกแบบสบายๆ ถอดเสื้อสูท พับแขนเสื้อเชิ้ตให้เห็นเป็นนิตย์ และยังแถลงข่าวอย่างเป็นกันเอง ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นมิตรต่อผู้คนอย่างยิ่ง ที่สำคัญ ทรูโด ยังประกาศตนเป็นนักเฟมินิสต์ตัวยง หรือคนที่ยึดว่าเพศทุกเพศ ไม่ว่าจะชายหรือหญิง มีความเท่าเทียมกัน...(ที่ใครฟังก็รู้สึกดี๊ดี...)