คุณ "สตู" หรือ Stuart Skversky เชฟชื่อดังจากรายการทีวี Survivor และเป็นผู้อำนวยการบริหารและผู้ก่อตั้งองค์กรการกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กชาวเขาในภาคเหนือที่ชื่อว่า "Stu and the kids" ร่วมกับเหล่าเชฟเพื่อนฝูงจากร้านอาหารดังเกือบ 50 ร้านในลอสแอนเจลิสจัดงาน "Flavors of Asia Food Fest " ขึ้นในดาวน์ทาวน์ลอสแอนเจลิส ในวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562 นี้เพื่อนำเอารายได้จากการจัดงานไปสนับสนุนกิจกรรมขององค์กรการกุศล Stu and the kids
หนังสือพิมพ์ไทยแอลเอได้รับเกียรติจากคุณ "สตู" ให้สัมภาษณ์ถึงแรงบันดาลใจและที่มาที่ไปขององค์กร "Stu and the kids" โดยคุณ "สตู" กล่าวว่า องค์กรนี้เริ่มจุดประกายขึ้นจากความประทับใจที่เขาได้ไปเที่ยวเมืองไทยครั้งแรกเมื่อเกือบสิบปีก่อนกับเพื่อนคนไทยที่เป็นเชฟด้วยกัน ทำให้เขาพยายามหาโอกาสที่จะกลับไปเมืองไทยอยู่อีกหลายครั้ง จนถึงครั้งที่เขาได้ตัดสินใจไปทำงานเป็นอาสาสมัครอยู่ที่วัดดอนจันทร์ในจังหวัดเชียงใหม่ถึง 6 เดือน (ซึ่งสุดท้ายก็ขยายเวลาไปจนถึง 2 ปี) ด้วยความใกล้ชิดกับเด็กชาวเขาที่เดินเข้าออกอยู่ในวัดดังกล่าวทำให้เขาเข้าใจสภาพสังคมและมองเห็นโอกาสที่ตัวเขาจะสามารถช่วยเหลือทำให้เด็กเหล่านั้นมีโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองตามศักยภาพที่เขามีและเดินตามความฝันได้ ซึ่งในขณะนี้มีเด็กกว่า 40 คนได้รับทุนการศึกษาให้ไปศึกษาต่อในหลาย ๆ ด้านแล้ว
กิจกรรมการหาทุนเพื่อช่วยเด็กของเชฟ "สตู" เริ่มครั้งแรกโดยการจัดโชว์การทำอาหารในส่วนหลังบ้านของเพื่อนด้วยตัวคนเดียว และเมื่อมีเหล่าเพื่อนเชฟชื่อดังทราบข่าวถึงความตั้งใจของเขาก็ได้มาร่วมกันทำกิจกรรมกันมากขึ้น จากการทำอาหารหลังบ้าน ได้กลายเป็นการจัดงานในลานจอดรถ การจัดงานในร้านอาหาร และได้ขยายตัวเป็นเทศกาลอาหารหรือ Food Festival ในสถานที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งในปีนี้จะมีเชฟทั้งไทยและเทศจากร้านอาหารชื่อดังเกือบ 50 ร้านนำอาหารเด็ดของพวกเขามาร่วมกิจกรรมการกุศล "Flavors of Asia Food Fest" ในดาวน์ทาวน์ลอสแอนเจลิส 215 S Main St, Los Angeles, CA 90012 ตั้งแต่เวลา 15.00-19.00 น.
ในบรรดา 50 ร้านอาหารชื่อดังที่เข้ามาร่วมงานครั้งนี้ มีร้านอาหารไทยในลอสแอนเจลิส อาทิเช่น Jitlada, Otus Thai Kitchen & Coffee, Chao Krung Thai, Same Same Thai และ Ayara Thai รวมทั้งเชฟ "Jet Tila" จากรายการ Iron Chef ก็จะมาร่วมงานด้วย สำหรับเครื่องดื่มได้รับการสนับสนุนจากบริษัทสิงห์ คอร์เปอเรชั่นที่จะนำเอาเบียร์สิงห์และเบียร์ลีโอมาดับร้อนให้ความชุ่มฉ่ำแก่คนในงาน นอกจากการลิ้มรสอาหารที่หลากหลายแล้วผู้เข้าร่วมงานจะได้รับชมการแสดงรำไทย ดนตรีไทย มวยไทย เข้าร่วมการประมูลของ และสามารถซื้อของจากร้านขายของที่ระลึก โดยรายได้จากงานจะนำไปช่วยเหลือในการให้ทุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายสำหรับเด็กชาวเขาทางภาคเหนือของประเทศไทยต่อไป
ไทย-สหรัฐฯพร้อมเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค "นายกฯ"ย้ำกับ"รมต.ต่างปท.สหรัฐฯ" สถานการณ์ความวุ่นวายอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2562 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเวลา 17.30 น.ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายไมก์ ปอมเปโอ (Mr.Mike Pompeo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา
โดย นายกฯ ได้กล่าวต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมขอบคุณสำหรับแถลงการณ์ต่อการจัดตั้งรัฐบาล และการรับรองต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ว่า ไทยได้กลับคืนสู่ประชาธิปไตยภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างกันได้อย่างเต็มรูปแบบ ตลอดจนเน้นย้ำว่า ไทยพร้อมเดินหน้าร่วมมือกับสหรัฐฯ ทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า โอกาสนี้นายกฯ กล่าวเชิญประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุม ASEAN-US Summit และ East Asia Summit ที่ไทยในปลายปีนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่สหรัฐฯ ให้กับภูมิภาคตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก และยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงวิสัยทัศน์ และตอกย้ำบทบาทนำอย่างสร้างสรรค์ต่อภูมิภาคนี้ รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างพลวัตให้กับความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ
นางนฤมล กล่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ชื่นชมไทยซึ่งถือเป็นมิตรประเทศเก่าแก่ที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยเฉพาะด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ และสนับสนุนบทบาทอย่างสร้างสรรค์ของสหรัฐฯ ผ่านกรอบความร่วมมือภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะพัฒนาความร่วมมือระหว่างกัน โดยเฉพาะทางด้านความมั่นคงและการทหาร เพื่อช่วยเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนากองทัพ ส่วนด้านเศรษฐกิจทั้งสองเห็นพ้องร่วมกันสนับสนุนการลงทุนในภาคเอกชนระหว่างกัน และด้านความร่วมมือพหุภาคีไทยในฐานะประธานอาเซียน ยินดีและสนับสนุนบทบาทอย่างสร้างสรรค์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาค นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังยินดีที่ความร่วมมือในประเด็นทะเลจีนใต้มีความคืบหน้าการเจรจาจัดทำประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct in the South China Sea : COC) มีผลสำเร็จ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในระหว่างการหารือเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาในหลายๆ ด้านนั้น นายกฯ ได้แจ้งให้ นายไมก์ ปอมเปโอ และคณะ ทราบว่า ขณะนี้เหตุการณ์ความวุ่นวายอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว และได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าไม่ให้ประมาทยังคงเฝ้าระวังเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน
เตือน พายุวิภา ถล่มซ้ำ ทั่วไทยเจอฝนหนักต่อเนื่องถึงวันที่ 5 ส.ค. ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลากทะเลอันดามัน อ่าวไทยมีกำลังแรง คลื่นสูง 2-4 เมตร
พายุวิภา / เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 2 ส.ค. นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ‘พายุโซนร้อน ‘วิภา’ (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2562)’ ฉบับที่ 14 ลงวันที่ 2 ส.ค. ระบุว่า พายุโซนร้อน “วิภา” บริเวณอ่าวตังเกี๋ยตอนบน มีศูนย์กลางห่างประมาณ 300 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกของเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 21.3 องศาเหนือ ลองจิจูด 108.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งเมืองฮานอย ประเทศเวียดนามในวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.62) หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศลาวและตอนบนของภาคเหนือในช่วงวันที่ 4-5 ส.ค.62
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยมีผลกระทบตามภาคต่างๆ ดังนี้ ในช่วงวันที่ 2-3 ส.ค.62 มีฝนตกหนักบางแห่ง
ภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก และกำแพงเพชร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม
ภาคกลาง จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และอุทัยธานี
าคตะวันออก จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ในช่วงวันที่ 4-5 ส.ค.62 มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก และกำแพงเพชร ภาคกลาง จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และอุทัยธานี ภาคตะวันออก จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปเกาะไหหลำ ประเทศจีนตอนใต้ และประเทศเวียดนามตอนบน ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วย
อนึ่งร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาว และเวียดนาม ตอนบนเข้าสู่พายุโซนร้อน “วิภา” ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 6 ส.ค.62
7 พรรคฝ่ายค้านเร่งเร้าสถานการณ์การเมือง ประกาศ 4 สิงหาฯคิกออฟเล่นนอกสภาฯ ออกรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญทั่วประเทศ ชูโมเดลปี 40 ตั้งส.ส.ร.ยกเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อไทย ชี้รธน.ปัจจุบันสร้างวิกฤติทุกอย่าง
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) มีการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน(คณะการมีส่วนร่วมของประชาชน) โดยมีแกนนำจากทั้ง 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน อาทิ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพท. นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายสุภดิช อากาศฤกษ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และนายวัชรา ณ วังขนาย เลขาธิการพรรคเสรีรวมไทย
โดยวาระการประชุม 1.รายงานการประชุมคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน 2.พิจารณาแนวทางการรณรงค์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมฝ่ายค้านโดยแบ่งเป็นแนวทางตามกฏหมายและแนวทางตามการเมืองรวมไปถึงแนวทางการรณรงค์ด้วย 3.พิจารณาการดำเนินการเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณตนที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 4.พิจารณากิจกรรมฝ้ายด้านเพื่อประชาชน (โครงการสัญจร 4 ภาค) 5.พิจารณากิจกรรมฝ่ายค้านเพื่อประชาชน (แนวทางการแก้วิกฤตเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ขาดพื้นที่ให้ประชาชน)และ 6.เรื่องอื่นๆ
เวลา 15.30 น. แกนนำ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกันแถลงข่าว โดยนายปิยบุตร กล่าวว่า สำหรับการประชุมในวันนี้ประเด็นหลักที่ได้มีการพูดคุยกันคือ ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเราจะทำร่วมกับพี่น้องประชาชน ภาควิชาการ และองค์กรต่างๆ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่แต่ละพรรคจะรณรงค์กันเองตามความถนัด ซึ่งพรรคอนค.จะคิกออฟโครงการสภาร่างรัฐธรรมนูญภาคประชาชน ในวันอาทิตย์ 4 สิงหาคมนี้
อีกส่วนหนึ่งคือ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะรณรงค์ร่วมกันโดยการเดินสายจัดเวทีทั่วประเทศ ซึ่งเราจะคิดแคมเปญขึ้นมา เพื่อท้ายที่สุดแล้วเราจะทำร่างรัฐธรรมนูญที่มีการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมาเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ คล้ายกับปี 2540 แล้วให้ประชาชนมาเข้าชื่อสนับสนุน ทั้งนี้ เวลาที่เราพูดถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรามักจะถูกฝ่ายที่คัดค้านหยิบยกข้ออ้างมาว่า รัฐธรรมนูญ 60 ผ่านการออกเสียงประชามติ ถ้ามีการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำมาซึ่งความขัดแย้ง เป็นต้น หน้าที่ของเราทั้ง 7 พรรค จะต้องลงไปตอบคำถามเหล่านี้ว่ารัฐธรรมนูญ 60 เป็นพิษภัยอย่างไรต่อพี่น้องประชาชน และการแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่ความวุ่นวาย
เมื่อถามว่า การแก้รัฐธรรมนูญต้องใช้เสียงส.ว.ด้วย นายปิยบุตร กล่าวว่า ทุกท่านคงทราบดีว่ารัฐธรรมนูญปี 60 ถูกออกแบบมาให้แก้ไขยากมาก หรือในทางปฏิบัติอาจจะแก้ไม่ได้เลย และทุกท่านคงทราบต่อไปอีกว่า ส.ว. ทั้ง 250 คนนั้นมาจากการเลือกของหัวหน้า คสช. การจะแก้รัฐธรรมนูญต้องอาศัยเสียง 1 ใน 3 หรือประมาณ 84 คน จึงเป็นการยากอย่างยิ่ง แต่หากเราไปย้อนดูการเกิดขึ้นของรัฐธรรมนูญปี 40 แล้ว ก็ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นมาได้ แต่สุดท้ายก็ผ่านเพราะกระแสกดดัน และกระแสการเรียกร้องจากพี่น้องประชาชน
"ดังนั้น ผมคิดว่า แม้ว่า ส.ว.จะมาจากการแต่งตั้งของหัวหน้า คสช. ก็ตาม แต่หากประชาชนแสดงความต้องการออกมาจนเป็นที่ประจักษ์ชัดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แล้วทำรัฐธรรมนูญใหม่ร่วมกัน ตนคิดว่า ส.ว.ก็จะต้องฟังเสียงของประชาชน"นายปิยบุตร กล่าว
ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลคิดว่าวันนี้มีประเด็นปัญหาที่โต้แย้งกันเยอะ สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาให้เกิดขึ้นกับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกรณีการเลือกตั้ง การคำนวนส.ส. หรือปัญหาวิกฤติต่างๆ กว่าจะตั้งรัฐบาลได้ต้องใช้เวลายาวนาน การให้อำนาจประชาชนได้ตรวจสอบ และทบทวนเป็นสิ่งที่ควรทำ โดยอาจเปิดช่องให้ประชาชนได้ทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ และต้องเป็นประชามติที่แตกต่างจากการทำประชามติที่แล้วๆมา คือต้องเปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ตรงนี้จะเป็นทางออกที่ดี รัฐบาลอาจจะเก็บเอาสิ่งเหล่านี้ไปคิด และไปเตรียมทำก็ได้
ขณะที่พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราเชื่อว่าการแก้ปัญหาประเทศในภาพรวมคือการเอาประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย โดยการทำให้ประชาชนในประเทศมีสิทธิ เสรีภาพเท่าเทียมกัน ตนไม่อยากให้มองว่าการแก้รัฐธรมนูญฉบับนี้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เราจะแก้เพื่อประชาชน ตนอยากเรียกร้องทั้งฝ่ายรัฐบาล ส.ว. และทุกฝ่ายมาทำเพื่อประชาชนให้ประชาชนได้ประโยชน์ เพราะหากบ้านเมืองมีรัฐธรรมนูญที่ดีจะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
เมื่อถามว่า จะไปทาบทามฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลมาแก้รัฐธรรมนูญร่วมกันเลยหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนี้เราควรทำเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ใช่วาระของพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เราต้องร่วมมือกัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพรรคการเมืองหลายพรรคได้หาเสียงเรื่องนี้ไว้เยอะจนเป็นการกดดันให้รัฐบาลต้องบรรจุลงในนโนยบาย ก็หวังว่าพรรคการเมืองอื่นๆจะเข้ามาร่วมในเส้นทางนี้กับพวกเรา
เมื่อถามถึงการวางกรอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เรายังไม่ได้พูดคุยเรื่องกัน เพราะอยู่ระหว่างที่แต่ละพรรคกำลังไปศึกษาเนื่องจากเป็นวาระสำคัญ ก็ขอเวลาอีกสักนิดหนึ่ง ทั้งนี้ งบประมาณคงเป็นเรื่องหลัก เพราะประเทศจะต้องเดินหน้า รอไม่ได้ ขณะนี้รัฐบาลทำให้เรื่องนี้ช้ามานานแล้ว คงต้องเริ่มเรื่องนี้ก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที
ขณะที่นายสงคราม กล่าวว่า วันนี้เราเน้นเรื่องการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนก่อน โดยเรื่องนี้เป็นเป้าหมายของทุกพรรคที่มาประชุมร่วมกัน
สหรัฐเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธใหม่ – เอพี รายงานว่า เมื่อ 2 ส.ค. ว่า ทางการสหรัฐอเมริกาเตรียมทดสอบขีปนาวุธรุ่นใหม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลังจากสนธิสัญญาควบคุมอาวุธกับรัสเซีย The Intermediate-Range Nuclear Forces (INF) Treaty ที่ดำเนินมา 32 ปี ถึงกาลอวสานลงแล้ว เมื่อสองฝ่ายไม่มีใครยอมใคร ส่งสัญญาณการแข่งขันด้านอาวุธรอบใหม่
สหรัฐกล่าวโทษว่า สนธิสัญญาควบคุมกองกำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง ที่นายโรนัลด์ เรแกน ประธานาธิบดีสหรัฐ เคยลงนามกับนายมิกฮาอิล กอร์บาชอฟ ผู้นำสหภาพโซเวียต เมื่อปี 2530 ต้องมลายไป เป็นเพราะรัสเซียไม่รักษาสัญญาก่อน และเอาเปรียบสหรัฐ ไม่เพียงรัสเซียเท่านั้นที่ละเมิดสนธิสัญญา ยังมีจีนด้วยเดินหน้าไปทิศทางเดียวกัน ทิ้งให้สหรัฐต้องอยู่ในกฎเกณฑ์อย่างไม่ยุติธรรม
ดังนั้น การอวสานของสนธิสัญญาจึงทำให้สหรัฐมีอิสระที่จะพัฒนาอาวุธที่เดิมถูกแบนได้ทั้งหมด เริ่มจากการทดสอบขีปนาวุธในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อีกทั้งกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ยังมีงบประมาณด้านการวิจัยอาวุธเพื่อรับมือกับรัสเซีย 48 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,490 ล้านบาท แต่ยังไม่รวมขีปนาวุธบรรจุระเบิดนิวเคลียร์
ด้าน นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต แจ้งว่า นาโตจะไม่เคลื่อนขีปนาวุธนิวเคลียร์เพื่อมารับมือกับสถานการณ์ในยุโรป จากผลที่สนธิสัญญาระหว่างสองมหาอำนาจสิ้นฤทธิ์ เพราะนาโตไม่ต้องการให้เกิดการแข่งขันทางอาวุธรอบใหม่
อังกฤษเร่งป้องกันเขื่อนวัลลีย์ บริดจ์แตก พบจุดพัง ระดมสูบน้ำ และกองทัพส่งฮ.ชีนุกขนถุงปูนมาซ่อมในจุดที่พังเสียหาย หลังปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลังเขื่อนสูง จากที่มีฝนตกต่อเนื่อง สั่งอพยพประชาชน
เมื่อ 2 ส.ค.62 สำนักข่าวบีบีซี เว็บไซต์เดอะ ซัน และเดลี่เมล สื่อในอังกฤษ รายงาน ทางการอังกฤษเร่งทำงานแข่งกับเวลา เพื่อพยายามช่วยป้องกันไม่ให้เขื่อน ทอดด์บรู๊ค แตก จนน้ำจะทะลักไหลท่วมบ้านเรือนประชาชนในเมืองวัลลีย์ บริดจ์ (Whaley Bridge) มณฑลดาร์บิเชอร์ ทางภาคเหนือของอังกฤษ หลังพบบางจุดของเขื่อนพังเสียหายแล้ว จากการที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลังเขื่อนสูง เนื่องจากมีฝนตกหนักในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทางการทั้งระดมสูบน้ำออกจากบริเวณอ่างเก็บน้ำหลังเขื่อน ที่มีขนาดจุน้ำประมาณ 1,300 ล้านลิตรกันตลอดคืนวันพฤหัสฯ ที่ 1ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กองทัพอังกฤษยังได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ ชีนุก เข้าร่วมในปฏิบัติการนี้ด้วย โดยได้ขนถุงปูนมาวางเสริมในบริเวณที่เขื่อนพังและเสริมบริเวณสปิลเวย์ที่พังเสียหาย
จูลี่ ชาร์มาน หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของ Canal and River Trust กล่าวถึงสถานการณ์ในขณะนี้ด้วยความวิตกว่า สปิลเวย์ หรือทางน้ำล้นของเขื่อนพังไปแล้ว ตอนนี้พวกเรากำลังพยายามลดระดับน้ำในเขื่อนลง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้เขื่อนพังเสียหายมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้มีความเสี่ยงที่เขื่อนอาจแตก โดยทีมวิศวกรกำลังเร่งสูบน้ำลงไปสู่แม่น้ำ Goyt ซึ่งอยู่ด้านล่างเขื่อนเพื่อช่วยลดแรงดันน้ำในเขื่อน ทว่าระดับน้ำในแม่น้ำ Goyt ขณะนี้ก็อยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว เนื่องจากมีฝนตกลงมาต่อเนื่อง