ข่าว
พล.ท.นอนคุก อ่วม13ข้อหา ทูตมะกันพอใจไทยปราบจริง

ส่งตัวพล.ท.มนัสนอนคุก หลังศาลไม่ให้ประกันตัว ชี้เป็นผู้ต้องหาสำคัญ อาจเข้าไป ยุ่งเหยิงพยานได้ เผยตำรวจสอบเครียดนาน 8 ชั่วโมงก่อนตั้ง 13 ข้อหาหนัก ทั้งเรื่องค้ามนุษย์และอาชญากรข้ามชาติ แต่เจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ด้านพล.ท.ประวุฒิ ยันไม่หนักใจ ในคดี ยันดำเนินการตามพยานหลักฐาน บิ๊กป้อมโวย ไม่ได้อุ้มพล.ท.มนัส ยันสนับสนุนตำรวจทำงานเต็มที่ อุปทูตสหรัฐพอใจไทยดำเนินคดีค้ามนุษย์จริงจัง จากกรณีออกหมายจับพล.ท. ขณะที่รบ.กำหนด 5 มิ.ย. วันต่อต้านการค้ามนุษย์ ลูกสาวโกหนุ่ย เจ้าพ่อแพปลาระนอง แถลงขอความเป็นธรรมให้พ่อ ยันไม่เกี่ยวค้าโรฮิงยาเป็นแค่พ่อค้าธรรมดา เจ้าหน้าที่มาเลย์เข้าไทย เตรียมสร้างแคมป์ลำเลียงศพโรฮิงยาผ่านไทยเข้ามาเลย์ ล่าสุดพบแล้ว 90 ศพ

วันที่ 4 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า สภ.หาดใหญ่ ว่าพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ นำโดย พล.ต.ต.ปวีณ พงษ์สิรินทร์ รองผบช.ภูธรภาค 8 หัวหน้าฝ่ายสอบสวน ร่วมกันสอบปากคำ พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก หลังจากที่ได้เข้ามอบตัวกับผบ.ตร. นานกว่า 8 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 16.00-24.00 น. ของวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา และต้องสับเปลี่ยนพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ 2 ชุด โดยมีนายทหารพระธรรมนูญจาก มทบ.42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ เข้าร่วมรับฟังและทหารมาเฝ้าสังเกตการณ์

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ท.มนัสให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยพล.ท.มนัส ได้ถูกแจ้งข้อหาทั้งหมด 13 ข้อหาเช่นเดียวกับกลุ่มผู้ต้องหาคนอื่นที่ถูกควบคุมตัวไปก่อนทั้ง 51 คน อาทิ สมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ โดยกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์โดยกระทำต่อบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันเรียกค่าไถ่ อาชญากรข้ามชาติ ร้ายร่างกาย ช่วยซ้อนเร้นศพ

ทั้งนี้ หลังจากสอบสวนเสร็จ เจ้าหน้าที่คัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน และคุมตัว พล.ท.มนัส ไว้ภายในห้องสอบสวน โดยไม่ได้นำไปควบคุมในห้องขังของ สภ.หาดใหญ่ เหมือนกับผู้ต้องหาคนอื่น เนื่องจากสวมเครื่องแบบทหาร ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างทหารกับตำรวจ ในกรณีที่ทหารถูกดำเนินคดีโดยมีตำรวจคอยเฝ้าดูแลอยู่บริเวณหน้าห้องสอบสวน และจะนำตัว พล.ท. มนัสไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนาทวีเป็นผัดแรก ในช่วงเช้า สำหรับคดีค้ามนุษย์โรฮิงยาล่าสุดมีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ 84 คน จับกุม มอบตัวและอายัดตัว 52 คน เหลืออีก 32 คน ที่ยังหลบหนี

ต่อมาเวลา 10.45 น. พนักงานสอบสวน สภ.ปาดังเบซาร์ เดินทางมารับตัว พล.ท.มนัส เพื่อไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนาทวีผัดแรกแล้ว โดยจัดขบวนรถพิเศษซึ่งประกอบด้วยกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ตำรวจสภ.หาดใหญ่ ดูแลและอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง ตั้งแต่สภ.หาดใหญ่จนถึงศาลจังหวัดนาทวี โดยพล.ท.มนัส ยังคงสวมเครื่องแบบทหารเต็มยศใบหน้าเคร่งขรึมและไม่ตอบคำถามใดๆ และมีนายทหารพระธรรมนูญและสห.จากมทบ.42 มาคอยเฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด

รายงานข่าวว่า พล.ท.มนัส ยื่นหลักทรัพย์วงเงิน 2.6 ล้านบาท เพื่อประกันตัว แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามที่พนักงานสอบสวนยื่นเรื่องคัดค้านการประกันตัว เพราะเป็น ผู้ต้องหาคนสำคัญและกลัวว่ายุ่งเหยิงต่อพยาน ส่งผลให้พล.ท.มนัส ต้องถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำนาทวี อย่างไรก็ตามในวันที่ 5 มิ.ย. ทนายความจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอีกครั้งเพื่อขอประกันตัว

‘บิ๊กตู่’ต่อ 2 ปีไม่ขัดข้อง อยู่ที่ทำประชามติได้ไหม

“บิ๊กตู่” อ้างไม่อยากตัดรอนกองเชียร์ให้อยู่อีก 2 ปี ทุกอย่างขึ้นกับสถานการณ์ ไม่ขัดข้องถ้าเสียงส่วนใหญ่ต้องการ ปรี๊ดอีกถูกจี้ถามลากยาวอำนาจ รับหงุดหงิดก้าวไม่พ้น “เขา” ซะที จูนอารมณ์แซวนักข่าวพูดแทบตายยังนั่งหาว “วิษณุ” ซัดมือชงไม่มีสิทธิเสนอ ร่างแก้รธน.ชั่วคราวเปิดช่องทำประชามติใกล้ถึงมือ สนช. “พุทธะอิสระ” ล่าล้านชื่อหนุนปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง สปช.เสียงแตก “วันชัย” เชียร์นายกฯดีสุดในรอบ ทศวรรษ ปชป.-พท.ประสานเสียงต้าน “นิพิฏฐ์” กระทุ้งผู้นำอย่าหลงลมปาก เตือนยิ่งสูงยิ่งหนาว “ปึ้ง” ปลงอยากทำอะไรก็ทำ ผบ.ตร.จี้ “ชัยยะ” ทำปมถอดยศ “แม้ว” ให้เคลียร์ ยันไม่ยื้อพร้อมเซ็นถ้าถูกต้อง

ตามที่มีข้อเสนอจากสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ให้จัดทำประชามติสอบถามประชาชนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 2 ปี เพื่อทำการปฏิรูปประเทศให้สำเร็จแล้วจึงจัดการเลือกตั้งได้นั้น

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 5 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกระแสสนับสนุนจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอให้อยู่ในตำแหน่งนายกฯไปอีก 2 ปี เพื่อดำเนินการปฏิรูปให้เสร็จแล้วจะจัดการเลือกตั้งว่า สนช.เป็นประชาชนหรือเปล่า ประชาชนในประเทศไทยมี 60-70 ล้านคน ข้อเสนอทำประชามติเพื่อให้รัฐบาลอยู่ปฏิรูปต่อทำได้หรือเปล่า ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ไม่ใช่บอกว่าตนไปตอบรับอันนั้นไม่ใช่ ต้องเข้าใจว่าการจะเป็นผู้บังคับบัญชาคนหรือผู้นำ ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ในเมื่อเขาพูดมาตนจะไปตัดรอนเลยก็ไม่ใช่ ต้องขอบคุณถ้าทำได้ก็เป็นเรื่องของประชาชนที่จะต้องทำ ไม่ใช่ตนไปตอบรับหรือยินดี ถ้าไม่ต้องทำต่อจบแค่นี้ตนก็สบาย ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลหน้า ถ้าจะให้ตนทำจะอยู่ได้อย่างไร ทำอย่างไรให้ต่างชาติยอมรับหรือไม่คือปัญหาของตน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายมองว่าทั้ง สปช.และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ควรทำให้รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาเสียของ เพราะใช้งบประมาณแผ่นดินปฏิบัติหน้าที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า อย่าไปโทษ มองอย่างนี้ไม่ได้ ประเทศไทยประกอบด้วยคนหลายส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม โดยภาครัฐมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ พลเรือน ทหาร ฝ่ายการเมืองที่ผ่านมาก็มี ส.ส.-ส.ว. วันนี้มี สนช. สปช.ทำหน้าที่คล้ายกัน จะทำสำเร็จหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้ แต่อยู่ที่คนกำกับดูแลจะให้งานเหล่านี้ต่อเนื่องได้อย่างไร ตนถึงบอกอำนาจประชาชนอยู่ที่การเลือกตั้ง ถ้าเลือกรัฐบาลได้ดีก็จะทำต่อในสิ่งที่ตนคาดหวังไว้ และอยากให้คนไทยคาดหวังอย่างนั้น แต่เรื่องอะไรจะเกิดขึ้น สถานการณ์จะเป็นตัวบังคับ ถ้าเลือกได้คนไม่ดีมาก็ถอยหลัง หรือไม่ก็หยุดอยู่กับที่ แล้วจะไปทำอะไรได้ในเมื่อตนก็ไม่ได้อยู่ แต่ช่วงเวลาที่เหลือจะแก้ปัญหาทุกอย่างให้ดีที่สุด เร็วที่สุด เพราะประชาชนคาดหวังมาก บางอย่างอีนุงตุงนังไปหมดต้องรื้อทั้งระบบ ต้องใช้เวลา ไม่ได้หมายความว่าตนจะผูกขาดแต่เป็นคนทำและเริ่มแล้ว

เมื่อถามว่า ถ้าเสียงประชามติส่วนใหญ่ให้อยู่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า ประชามติทำอย่างไร ต้องแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวใช่ไหม ถ้าแก้ให้มีการทำประชามติต้องไปถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งตนไม่รู้ แต่อย่าเอาตนไปเกี่ยวข้องตรงนี้ เมื่อถามอีกว่าถ้าทำประชามติได้และประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าควรอยู่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ก็อยู่ที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้หรือเปล่า เมื่อถามย้ำว่า ถ้ามีการเสนอให้อยู่ต่อ 2 ปีไม่ขัดข้องใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า อย่ามาถาม แต่ถ้าเป็นเสียงประชาชนจะขัดข้องได้อย่างไร ถ้าเขาอยากให้ทำก็ต้องไปสร้างความเข้าใจให้ได้ ทั้งคนในประเทศ นักการเมือง ตนไม่ต้องการอำนาจอยู่ที่ว่าทุกคนจะให้ประเทศไทยมีอนาคตอย่างไร ทุกคนมีส่วนร่วมกันตรงไหน อาจไม่ใช่ตนก็ได้ การทำประชามติจะเอาใครมาก็ได้ไม่ใช่ตน

เมื่อถามว่า ตราบใดที่ยังไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็สามารถอยู่ไปได้เรื่อยๆ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบด้วยอาการโมโหว่า “เรื่อยๆอย่างไร รัฐธรรมนูญเขาเขียนว่าอย่างไร ไม่ใช่เรื่อยๆ พูดให้รู้เรื่อง อย่าใช้คำว่าเรื่อยๆ ชาติหน้าหรือไง พูดให้มันถูก รัฐธรรมนูญเขียนว่าอย่างไร ถ้ามันไม่ได้ก็ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มีเวลา 60 วัน 90 วัน 120 วัน อ่านซะบ้าง” เมื่อถามย้ำว่าอาจมีบางส่วนที่อยากให้อยู่ต่อ แต่บางส่วนไม่เห็นด้วย พล.อ.ประยุทธ์ตอบด้วยท่าทีหงุดหงิดว่า “อ้าว ก็รู้อยู่แล้ว ก็มันอย่างนั้นอยู่แล้ว แล้วจะมาถามทำไม” เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าจะเกิดกระแสต้าน พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ถามให้มีปัญหาหมดทุกเรื่อง เขียนให้มีปัญหาหมด


14 มิ.ย. 'เจ๊ติ๋ม' ต้องจ่าย กสทช. จ่อยึดแบงก์การันตี ขึ้นบัญชีดำ

เลขาฯ กสทช.ระบุได้รับแผนเยียวยาทีวีดิจิตอล ช่อง ”เจ๊ติ๋ม” แล้ว จ่อนำเข้าถก กสท. 15 มิ.ย.นี้ ย้ำชัดต้องจ่ายเงินค่าประมูลที่ค้าง ภายใน 14 มิ.ย. หากยังเฉย จ่อยึดเงินแบงก์การันตี แถมติดแบล็กลิสต์ 3 ปี ไม่สามารถประกอบกิจการได้ กระทบยันช่องดาวเทียม...

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ระบุว่า บริษัท ไทยทีวี จำกัด เจ้าของใบอนุญาตทีวีดิจิตอลช่องโลก้า และช่องไทยทีวี ได้ส่งแผนเยียวยามาที่สำนักงาน กสทช.แล้ว ตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย.58 ที่ผ่านมา ซึ่งเนื้อหาในแผนเยียวยานั้น ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ แต่จะนำเรื่องส่งเข้าเป็นวาระการประชุมของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและ กิจการโทรทัศน์ (กสท.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 มิ.ย. 58 นี้ คาดว่า กสท.จะสามารถหาข้อสรุปหลังพิจารณาแล้ว

ส่วนเรื่องเงินค่าประมูลที่ทางบริษัท ไทยทีวี ยังคงค้างชำระนั้น หลังจากส่งหนังสือทวงถามและชี้แจงรายละเอียดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.58 จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้มีการตอบกลับมาแต่อย่างใด จึงต้องขอย้ำอีกครั้งว่า หากทางบริษัท ไทยทีวี ไม่รีบดำเนินการภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือ ซึ่งมีการเซ็นต์รับหนังสือในวันที่ 30 พ.ค.58 ที่ผ่านมา ทำให้วันที่ 14 มิ.ย.58 จะเป็นวันสุดท้ายของการจ่ายค่างวด

“หากยังนิ่งเฉย ในวันที่ 15 มิ.ย. กสทช.จะดำเนินการส่งหนังสือไปยังธนาคารกรุงเทพ เพื่อทำการขอขึ้นเงินในส่วน แบงก์การันตีทันที และตามมติกสท.เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. หากไม่จ่ายในส่วนนี้จะมีผลให้ถูกพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาต”

อย่างไรก็ตาม หากต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาต จะส่งผลต่อเนื่องไปยังคุณสมบัติของผู้ประกอบกิจการที่จะขอใบอนุญาตดำเนินกิจการต่อไป ซึ่งบริษัท ไทยทีวี มีช่องทีวีดาวเทียมในครอบครองอีก 1 ช่อง คือ ช่องมิสทรี หากถูกเพิกถอนใบอนุญาตทีวีดิจิตอล อาจส่งผลไปยังช่องดาวเทียมด้วย เพราะประกาศ กสทช.เรื่องคุณสมบัติผู้ขอใบอนุญาต ระบุว่า ผู้ประกอบกิจการจะต้องไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตมาก่อน ซึ่งจะถูกติดชื่อในแบล็กลิสต์ 3 ปี ที่ไม่สามารถขอใบอนุญาตประกอบกิจการได้อีก.


"บิ๊กอ๊อด" ตีกลับกรณีถอดยศทักษิณ เหตุประมวลเรื่องเสนอมาไม่ชัดเจน

วันที่ 4 มิ.ย. 58 ที่สำนักตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่าภายหลังที่ พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา สบ 10 หัวหน้าคณะกรรมการฯ ได้นำเรื่องที่คณะกรรมการ พิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับไปให้คณะกรรมการฯ ลงลายมือชื่อรับรองมติที่ประชุมนั้น แล้วได้นำเรื่องดังกล่าว กลับไปให้ พล.ต.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พิจารณาเสนอตามลำดับชั้นนั้น ปรากฏว่า ล่าสุดได้ถูก พล.ต.อ.สมยศ สั่งให้ส่งเรื่องดังกล่าวกลับไปดูในรายละเอียดที่ยังไม่ครบถ้วนตามระเบียบของ ตร. เพราะถ้าหากการเสนอขอถอดยศ ตามระเบียบ ตร. ว่าด้วยการถอดยศ พ.ศ.2547 มี 2 องค์ประกอบ คือ ข้อที่หนึ่ง พฤติการณ์เป็นเหตุให้เสนอขอถอดยศได้ 7 เหตุ ตามข้อ หนึ่ง ของระเบียบฯ ข้อที่สอง พฤติการณ์ไม่สมควรดำรงอยู่ในยศตำรวจ นำความเสื่อมเสียมาสู่หมู่คณะ หรือ ไม่เหมาะสมแก่เกียรติศักดิ์ตามวรรคแรกของระเบียบฯ

ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้มีมติเฉพาะองค์ประกอบตามข้อแรกมาเท่านั้นแต่ไม่ได้พิจารณาข้อสองมาด้วยซึ่งการส่งเรื่องคืนคราวที่แล้วเป็นกรณีเกี่ยวกับเอกสารลงลายมือชื่อไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่การส่งเรื่องคืนคราวนี้ เป็นกรณีความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ของประเด็นและเนื้อหาที่มีไม่เพียงพอที่จะพิจารณาสั่งการในทางใดทางหนึ่งได้เลยให้นำกลับไปให้ดูในรายละเอียดให้ครบถ้วนสมบูรณ์โดยได้กำชับกรอบเวลาให้รีบดำเนินการให้แล้วเสร็จแล้วนำกลับมาเสนอใหม่และต้องครบถ้วนทุกประเด็นภายในวันที่ 11มิ.ย. 58 นี้

ทั้งนี้ยังมีรายงานว่าพล.ต.อ.สมยศ จะเชิญ พล.ต.อ.ชัยยะ ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ มาหารือในรายละเอียดให้ครบถ้วนทุกประเด็นเพื่อเสนอเรื่องดังกล่าวต่อไปตามลำดับชั้น โดยกรณีนี้มีการตั้งข้อสังเกต หากเรื่องดังกล่าวล่าช้าอาจจะทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยได้

ทักษิณอันดับ 10 เศรษฐีของไทย

ฟอร์บส์จัดอันดับเศรษฐีไทย เจ้าสัวซีพีทวงอันดับหนึ่งคืน ด้วยทรัพย์สินร่วม 5 แสนล้าน เพิ่มขึ้นเกือบแสนล้าน ส่วนแชมป์เก่าตระกูลจิราธิวัฒน์ ตกไปอยู่อันดับ 3 ขณะที่"แม้ว"อยู่ที่ 10 มีทรัพย์สินกว่า 5 หมื่นล. เพิ่มขึ้นราว 4 พันล. ฟอร์บส์ยังชี้แม้เศรษฐกิจไทยตก แต่มูลค่าทรัพย์สินเศรษฐีไทยกลับเพิ่มขึ้นกว่า 3.3 ล้านล้านบาท

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. นิตยสารฟอร์บส์ประเทศไทย เปิดเผยผลการจัดอันดับมหาเศรษฐีของไทยประจำปี 2558 โดยระบุว่า แม้เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตช้าลง ท่ามกลางบรรยากาศภายในประเทศที่อยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่มูลค่าทรัพย์สินของ 50 มหาเศรษฐีไทยกลับเพิ่มสูงขึ้นถึงหลัก 1 แสนล้านเหรียญ หรือกว่า 3.3 ล้านล้านบาท เทียบเป็น 1 ส่วน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพี

พร้อมรายงานว่า สำหรับรายชื่อมหาเศรษฐีไทยในปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอันดับอย่างน่าสนใจ โดยนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือที่รู้จักกันดีในนามของซีพี ผู้ผลิตสินค้าทางการเกษตรรายใหญ่ของโลก กลับขึ้นสู่อันดับ 1 อีกครั้งด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 14,700 ล้านดอลลาร์ หรือราว 495,199 ล้านบาท ในอัตรา (1 ดอลลาร์เท่ากับ 33.73 บาท) เพิ่มขึ้นประมาณ 9 หมื่น 7 พันล้านบาท หรือร้อยละ 25 หลังจากที่ราคาหุ้นที่ธนินท์ซื้อกับผิงอัน บริษัทประกันชีวิตยักษ์ใหญ่ของจีน ทะยานขึ้นในรอบปี ส่งผลให้ขึ้นแท่นกลับมาครองเป็นที่ 1 อีกครั้ง หลังต้องเสียตำแหน่งนี้ให้กับทศ จิราธิวัฒน์แห่งเครือเซ็นทรัลพัฒนาเมื่อปีที่ผ่านมา

โดยมีนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานบริษัทไทยเบฟเวอเรจและเบียร์ช้าง ขยับจากอันดับ 3 ขึ้นมาอันดับ 2 มูลค่าทรัพย์สิน 12,800 ล้านดอลลาร์ หรือราว 431,194 บาท ขึ้นจากอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้ว แม้เจอนโยบายควบคุมแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง แต่เจ้าสัวเจริญยังคงมองหาธุรกิจใหม่ต่อ โดยล่าสุดกำลังเจรจากับรัฐบาลเวียดนามเพื่อขอซื้อ Sabeco รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตเบียร์ Saigon ในมูลค่า 3 หมื่น 3 พันล้านบาท และอาจต้องขายหุ้นของ F&N ในโรงงานผลิตเบียร์ของเมียนมาหลังพ่ายในข้อพิพาททางกฎหมาย

อันดับที่ 3 ตระกูลจิราธิวัฒน์ ผู้นำห้างค้าปลีกรายใหญ่ของไทย เครือเซ็นทรัลพัฒนา แชมป์เก่าอันดับที่ 1 เมื่อปีก่อน ตกลงมาอยู่อันดับที่ 3 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 12,300 ล้านดอลลาร์ หรือ 414,879 ล้านบาท เนื่องจากภาวะกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่ลดลงและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศ ลดลงอีก

ส่วนมหาเศรษฐีในลำดับอื่นลงมานั้น ได้แก่ 4.นายเฉลิม อยู่วิทยา เจ้าของบริษัทเครื่องดื่มชูกำลัง กระทิงแดง มี 9,600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 323,897 ล้านบาท, 5.นายกฤษณ์ รัตนรักษ์ ประธานกรรมการบริษัทกรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด มี 4,500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 151,591 ล้านบาท, 6.นายวานิช ไชยวรรณ แห่งไทยประกันชีวิต มี 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 134,957 ล้านบาท

7.นายสันติ ภิรมย์ภักดี แห่งเบียร์สิงห์ มี 2,900 ล้านดอลลาร์ ราว 97,844 ล้านบาท, 8.นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เครือกรุงเทพดุสิตเวชการและสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส มี 2,600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 91,906 ล้านบาท, 9.นายวิชัย ศรีวัฒนประภา แห่งคิง เพาเวอร์ มี 2,500 ล้านดอลลาร์ ราว 84,348 ล้านบาท

ส่วนอันดับที่ 10 ยังคงเป็นของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มี 1,700 ล้านดอลลาร์ หรือราว 57,356 ล้านบาท โดยมีตัวเลขทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 4 พันล้านบาท