ข่าว
มาเลเซียปฎิเสธชาวเกาะมัลดีฟส์พบเครื่องบินที่สูญหาย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ว่ารัฐบาลมาเลเซีย ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่าชาวเกาะจากมัลดีฟส์เห็นเครื่องบินโดยสารจำโบ้บินอยู่ในระดับต่ำซึ่งอาจเป็นเครื่องบินโดยสารเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ที่สูญหายไปพร้อมกับผู้โดยสาร 239 คนก็ได้ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาที่ผิดๆ อีกครั้งหนึ่งในการค้นหาเครื่องบินลำนี้ที่ย่างเข้าวันที่ 11 แล้วโดยนายฮีชัมมุดดิน ฮุสเซนรัฐมนตรีขนส่งมาเลเซียกล่าวกับผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าวในกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อบ่ายวันพุธว่าผู้บัญชาการกองทัพอากาศมัลดีฟส์ได้แจ้งเขามาแล้วว่ารายงานข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง

เจ้าหน้าที่ตำรวจมัลดีฟส์เกาะท่องเที่ยวดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในมหาสมุทรอินเดียเริ่มทำการสอบสวนเมื่อวันอังคารหลังจากหนังสือพิมพ์ฮาวีรูของมัลดีฟส์ รายงานว่ามีประชาชนในเกาะทางตอนใต้ที่อยู่ห่างไกลเห็นเครื่องบินลำใหญ่บินอยู่เหนือหัวพวกเขาเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมาฮาวีรู ระบุว่าผู้เห็นเหตุการณ์บนเกาะคูดาฮูวาดูเห็นเครื่องบินลำหนึ่งสีขาวแถบแดงบินต่ำมุ่งหน้าไปทางใต้สุดของมัลดีฟส์ในช่วงเช้าวันที่เครื่องบินสูญหายและมีประชาชนหลายคนกล่าวในลักษณะเดียวกัน

แต่กองกำลังป้องกันชาติของมัลดีฟส์แถลงเมื่อเช้าวันนี้ว่าไม่มีร่องรอยของเที่ยวบินที่สูญหายผ่านเข้ามาในเรดาร์

มัลดีฟส์อยู่ห่างจากซีกโลกเหนือและใต้ไม่เป็นเป็น 1 ใน 26 ประเทศที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการค้นหาครั้งใหญ่อย่างไรก็ตาม ศรีลังกาประเทศเพื่อนบ้าน อนุญาตให้มาเลเซียและอีก 3 ปรเทศที่เกี่ยวข้องใช้น่านฟ้าของศรีลังกาในการค้าหาได้หลังจากได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ทูต


จีนไม่พบก่อการร้ายบนมาเลเซียแอร์ไลน์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ว่า ทางการจีนระบุว่าหน่วยข่าวกรองได้ดำเนินการตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารชาวจีน153คนจากผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 239 คนบนเที่ยวบินเอ็มเอช370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ที่สูญหายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันที่ 8 มี.ค.หรือ 12 วันหลังจากขาดการติดต่อกับหอบังคับการบิน ปรากฎว่าไม่พบว่ามีผู้ใดเกี่ยวโยงกับขบวนการก่อการร้าย

นายฮวงฮุยกัง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศมาเลเซียบอกว่าไม่พบหลักฐานว่าผู้ใดเกี่ยวโยงกับการจี้เครื่องบินหรือเป็นผู้ก่อการร้ายโจมตีเครื่องบิน ขณะที่ การค้นหาเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ได้ขยายขอบเขตจากทะเลจีนใต้ไปยังมหาสมุทรอินเดียและเทือกเขาหิมาลัย กับเอเชียกลาง ซึ่งนายฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซียบอกว่า ตอนนี้การค้นหาเที่ยวบินเอ็มเอช370 ครอบคลุมพื้นที่แล้วทั้งสิ้น7.7 ล้านตารางกิโลเมตรถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าออสเตรเลียเล็กน้อย

สำหรับการค้นหาเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส มี 26 ประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะจีนได้ขยายพื้นที่การค้นหาเข้าไปน่านน้ำในอ่าวเบงกอลและทางตะวันตกของอินโดนีเซีย ส่วนกองเรือรบในมหาสมุทรแปซิฟิกของสหรัฐได้ถอนเรือพิฆาตติดจรวดนำวิถีโดยอ้างว่า พื้นที่ค้นหากว้างใหญ่เกินไป

เผยภาพ!เครื่องบินสีขาวในป่าทึบ

เผยภาพ! เครื่องบินสีขาวในป่าทึบในเว็บไซต์ค้นหาเครื่องบิน ที่คาดว่าอาจเป็นเที่ยวบิน MH370 ที่หายไปอย่างลึกลับ ขณะที่ญาติของผู้โดยสารชาวจีนขู่อดอาหารประท้วง

19 มี.ค.57 เว็บไซต์ทอมน้อด (TomNod) ที่ตั้งขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อเชิญชวนชาวเน็ต ร่วมกันเป็นอาสาสมัครค้นหาเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่หายไปอย่างลึกลับ ได้โพสต์ภาพที่แสดงให้เห็นว่า มีเครื่องบินถูกทาสีขาวบินอยู่เหนือป่าทึบ หนังสือพิมพ์ไชน่า ไทม์ส ของไต้หวัน รายงานว่า คนที่พบภาพนี้ เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยไต้หวัน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการตรวจสอบภาพ และยังไม่ทราบด้วยว่า จุดที่เห็นเครื่องบินอยู่ในบริเวณใด แต่เรื่องนี้ได้สอดคล้องกับที่ชาวบ้านและชาวประมงในมาเลเซีย บอกว่า เห็นเครื่องบิน บินอยู่ในระดับต่ำ บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ และน่าจะเป็นช่วงที่เครื่องบินกำลังหันหัวกลับ

เว็บไซต์ ทอมน้อด ที่จัดตั้งขึ้นโดยบริษัทดาวเทียมในโคโลราโดของสหรัฐ ได้ถูกใช้งานโดยผู้มีจิตอาสาไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน ที่พยายามช่วยค้นหา MH370

มีคนอย่างน้อย 9 คน ทั้งเกษตรกร ชาวประมงและชาวบ้านในกลันตัน ที่ไปแจ้งตำรวจว่า พวกเขาเห็นแสงสว่างจ้าบนท้องฟ้า และบางคนบอกว่า ได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ ซึ่งสอดคล้องกับข้อสรุปของเจ้าหน้าที่สืบสวนที่บอกว่า เครื่องบินได้บินต่ำเพื่อหลบเรดาร์ หลังจากหันหัวกลับในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่ยอมบินข้ามทะเลจีนใต้ แต่เปลี่ยนเส้นทางไปยังทิศตะวันตกแทน

เจ้าหน้าที่สืบสวน เปิดเผยต่อหนังสือพิมพ์นิว สเตรท ไทม์ส ว่า พวกเขาคิดว่า เครื่องบินได้บินอยู่เหนือหมู่บ้านทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกับที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านและชาวประมงว่า เห็นแสงจ้าและเสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์ ในคืนที่เครื่องบินล่องหนไปอย่างลึกลับ

เจ้าหน้าที่สืบสวนเชื่อว่า เครื่องบินใช้เพดานบินเพียง 5,000 ฟุต ที่นอกจากจะหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับด้วยเรดาร์แล้ว ยังใช้สภาพภูมิประเทศเป็นที่กำบังอีกด้วย ซึ่งเป็นวิธีการที่นับว่า เสี่ยงและเป็นอันตราย เนื่องจากต้องเผชิญกับแรงดันมหาศาล และการบินต่ำในตอนกลางคืน โดยปราศจากเรดาร์ช่วยนำทาง อาจทำให้เครื่องบินชนกับต้นไม้หรือภูเขาได้

ชาวบ้านคนหนึ่ง บอกว่า ปกติแล้วเครื่องบินที่บินผ่านบริเวณที่เขาอยู่อาศัย จะบินตรงไปจนลับสายตา แต่สำหรับเครื่้องบินที่เขาเห็นในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนรุ่งเช้าของวันเสาร์ กลับบินหายไปในบริเวณด้านหลังทิวมะพร้าว และหลังจากนั้น เขาก็ได้ข่าวเครื่องบิน MH370 หาย จึงได้ไปแจ้งตำรวจ

( ที่มาข่าว : http://www.dailymail.co.uk/news/article-2583807/Did-Malaysian-tuna-fisherman-missing-flight-MH370-flying-low-Gulf-Thailand-tried-stay-radar.html )

ญาติผู้โดยสารชาวจีนของเที่ยวบิน MH370 ขู่อดอาหารประท้วง

หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน ฉบับออนไลน์ รายงานว่า ครอบครัวของผู้โดยสารบนเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ER เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ได้ขู่ว่าจะอดอาหารประท้วงที่ไม่ได้รับข้อมูลความคืบหน้าว่าเครื่องบินอยู่ที่ไหน

เครื่องบินได้หายไปนาน 11 วันแล้ว ขณะที่ปฏิบัติการค้นหาครั้งใหญ่อย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ยังคงดำเนินต่อไป นับตั้งแต่เครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงหลังจากทะยานขึ้นจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ในเส้นทางไปยังกรุงปักกิ่ง ผู้โดยสารบนเครื่องบิน 153 คน จากทั้งหมด 239 คน เป็นชาวจีน และบรรดาญาติ ๆ ของพวกเขาได้ขู่ว่า จะอดอาหารประท้วงเพื่อตอกย้ำความต้องการได้รับข้อมูลจากทางการมาเลเซียให้มากนี้

ชายคนหนึ่งที่ไปรอฟังข่าวลูกชาย บอกว่า ไม่มีข่าวคืบหน้าใด และทุกคนต่างก็วิตกทุกข์ร้อนซึ่งบางคนบอกว่า จะไปที่สถานทูตมาเลเซีย เพื่อขอพบเอกอัครราชทูต และทูตก็ควรจะอยู่พบพวกเขาด้วย บรรดาญาติ ๆ ต่างไม่พอใจอย่างมากจนถึงขั้นบอกว่าจะอดอาหารประท้วง

ผู้หญิงคนหนึ่ง บอกว่า นับตั้งแต่เกิดเรื่อง ทางการมาเลเซียไม่เคยให้ข้อมูลที่เท็จจริงเกี่ยวกับชะตากรรมของคนบนเครื่องบิน จนญาติ ๆ ทุกคนกำลังมีอาการเจ็บป่วยทางใจ

ความคืบหน้าที่เกิดขึ้น มีเพียงการยืนยันว่าได้มีการตรวจสอบภูมิหลังของผู้โดยสารชาวจีนทุกคน และไม่พบความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายแต่อย่างใด ทางการจีนประกาศใช้ดาวเทียม 21 ดวง ช่วยค้นหาเครื่องบิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการมาเลเซีย เชื่อว่า เครื่องบินยังคงตกอยู่ในมือของใครบางคน

รายงานระบุด้วยว่า ได้มีการปิดระบบติดตามเครื่องบิน ซึ่งหมายความว่า แทบจะไม่สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของเครื่องบินได้เลย หลังจากเรดาร์ทหารตรวจพบครั้งสุดท้าย เมื่อเวลา 02.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะบินอยู่เหนือช่องแคบมะละกา แต่จากการตรวจสอบด้านการสื่อสารผ่านดาวเทียม เมื่อเวลา 08.11 น. ตามเวลาท้องถิ่น พบว่า เครื่องบินอาจเดินทางต่อไปได้อีก 7 ชั่วโมง

จีนได้ช่วยค้นหาเครื่องบินบนแผ่นดิน ขณะที่ออสเตรเลียและอินโดนีเซีย ช่วยกันค้นหาในพื้นที่ทางใต้ ซึ่งทางการออสเตรเลีย ระบุว่า ปฏิบัติการค้นหาในพื้นที่ 6 แสนตารางกิโลเมตรบริเวณมหาสมุทรอินเดีย ไม่ต่างจากการหาเข็มในกองฟางขนาดใหญ่


ไขปมบินโบอิ้งมาเลย์ "ล่องหนปริศนา" เพราะเหตุใด "ถึงไม่มีสัญญาณโทรกลับ" จากผู้โดยสาร

กรณีเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ ประสบชะตากรรมหายปริศนา จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถพบเครื่องบินได้ แม้ว่านานาชาติจะระดมกำลังช่วยตามหา”ร่องรอย”ของเครื่องบินดังกล่าวที่หายไปลึกลับ ท่ามกลางข้อสันนิษฐานหลายประเด็น เช่น ถูกก่อการร้ายหรือไม่ หรือจะเป็นฝีมือนักบิน ที่ก่อเหตุฆ่าตัวตายหรือไม่

ขณะที่ข้อสงสัยต่าง ๆ ยังคงผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ เป็นระยะ ๆ ล่าสุด เกิดคำถามใหม่ที่น่าสนใจว่า เพราะเหตุใด ทำไมผู้โดยสารบนเครื่องบินโบอิ้ง 777 สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ จึงไม่โทรศัพท์กลับบ้าน หรือโทรหาญาติเลย หากเกิดเหตุผิดปกติบนเครื่องบินดังกล่าว โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับกรณีผู้โดยสารของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 93 ซึ่งถูกจี้เมื่อ 11 กันยายน 2001 มีผู้โดยสาร 2 ราย ยังสามารถโทรหาญาติได้ ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนเครื่องตก โดยใช้โทรศัพท์มือถือ และยังมีการใช้โทรศัพท์ของเครื่องบิน ( Airphones) โทรออกอีกหลายครั้ง ก่อนเครื่องจะตก

ผู้บริหารสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์บอกว่า ขณะนี้ทางการยังไม่ได้รับการติดต่อจากบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใด เกี่ยวกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของผู้โดยสารเครื่องบินลำนี้ แต่ทางการมาเลเซียยืนยันว่า จะทำการตรวจสอบจากข้อมูลการใช้โทรศัพท์นับล้านต่อไป

จากข้อมูลการบิน เครื่องบินดังกล่าว บินอยู่ที่ระดับความสูง 23,00- 45,000 ฟุต หรือ 7,000-13,700 เมตร ผู้เชี่ยวชาญด้านวิเคราะห์ข้อมูลเรดาร์แห่งมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ฮ่องกง ศาสตราจารย์ วินเซนต์ เหลา เชื่อว่าผู้โดยสารเครื่องบินนี้ ไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์มือถือได้ เนื่องจากเครื่องบินในระดับสูงเกินไป แม้ระดับการบินที่ต่ำสุดคือ 7,000 เมตร ยังไกลเกินเขตสัญญาณโทรศัพท์มือถือ

ปกติการใช้โทรศัพท์มือถือแม้เป็นการโทรภาคพื้นดิน บางครั้งยังติดต่อได้ยาก หากอยู่ห่างจากสถานีส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือหลัก และในกรณีของการโทรจากเครื่องบิน ยิ่งเป็นไปได้ยากกว่าบนพื้นดิน เพราะการโทรศัพท์จากบนเครื่องบิน ไม่ได้ใช้สัญญาณจากสถานีส่งสัญญาณหลักที่พื้นดิน แต่เป็นเพียงสัญญาณที่เกินออกไปจากเสาส่งสัญญาณมือถือ ดังนั้นสัญญาณจะอ่อนมาก

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างระดับความสูงในการบินกับการขอบเขตการรับสัญญาณโทรศัพท์มือถือได้รับการยืนยันจาก นายบิล โรคาส ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบโทรคมนาคมว่า โทรศัพท์มือถือจะรับสัญญาณได้ดีในระดับความสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต หรือ 3,000 เมตร ปกติสัญญาณโทรศัพท์ในบริเวณชนบทจะถูกปรับให้ชี้ขึ้นฟ้า เสาส่งสัญญาณจะมีความสูงประมาณ 30-45 เมตร เพื่อการส่งสัญญาณที่ครอบคลุมพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ดังนั้นแม้ผู้โดยสารเครื่องบินก็สามารถใช้โทรศัพท์ได้ หากไม่เกินเขตสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นกรณีเครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ ที่บินผ่านบริเวณย่านท้องถิ่นของประเทศไทยและมาเลเซีย ก็เป็นไปได้ที่ผู้โดยสารจะใช้บริการโทรศัพท์มือถือได้

นอกจากนั้น โทรศัพท์มือถือของผู้โดยสารบนเครื่องบินลำนี้ อาจได้รับการลงทะเบียนกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือท้องถิ่น ผ่านการเปิดบริการ “โรมมิ่ง” หรือ บริการโทรข้ามแดนอัตโนมัติ ดังนั้น โทรศัพท์เครื่องดังกล่าวจะถูกลงทะเบียนกับเครือข่ายโทรศัพท์ท้องถิ่นบริเวณที่เครื่องบินบินผ่าน และเครือข่ายโทรศัพท์นั้นก็จะบันทึกข้อมูลของเบอร์โทรศัพท์นั้นไว้ หากเจ้าของเครื่องเปิดโทรศัพท์มือถือของตนเองขณะโดยสารเครื่องบิน

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เจ้าหน้าที่จะตรวจข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของผู้ให้บริการโทรศัพท์ในประเทศไทย มาเลเซีย และอาจเลยไปถึงอินโดนีเซีย เพื่อทราบว่ามีการติดต่อจากเบอร์โทรศัพท์ของผู้โดยสารเที่ยวบินหรือไม่

"ทอ." ปัดร่วมมือ "มาเลย์" ปิดข้อมูล "MH370" แจงที่ "เรด้าร์" พบสัญญาณอาจไม่ใช่เครื่องสูญหาย

พล.อ.ท.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ(ทอ.) กล่าวถึงกรณีสื่อต่างชาติตั้งข้อสังเกตกองทัพอากาศของไทยที่แถลงข้อมูลเรดาร์ตรวจจับอากาศยานกรณีพบข้อมูลสัญญาณบางอย่างที่อาจเป็นเครื่องบินโบอิ้ง777-200 สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH 370 ล่าช้า ว่า การชี้แจงของ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เกิดขึ้นจากการสอบถามของสื่อมวลชนมิใช่การเปิดแถลงข่าวเรื่องเครื่องบินมาเลเซียโดยเฉพาะ ซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศอาจเข้าใจว่าเป็นการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ซึ่งข้อมูลเรื่องดังกล่าวเป็นการตอบคำถามผู้สื่อข่าวเท่านั้น หากเป็นการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการต้องเป็นการดำเนินการในระดับรัฐบาล หรือกระทรวงคมนาคม เพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ยืนยันว่าการตรวจสอบของเรดาร์ ของกองทัพอากาศไทยเกิดจากการร้องขอของมาเลเซีย เมื่อวันอังคารที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม ว่ามีสมมติฐาน 2 ประการ คือ เครื่องบินลำดังกล่าวบินไปทางเหนือของประเทศไทย หรือ บินลงทางใต้ไปทางช่องแคบมะละกา กองทัพอากาศจึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลการบินย้อนหลังอย่างละเอียดและพบข้อมูลที่น่าสนใจดังกล่าว

พล.อ.ท.มณฑล กล่าวว่า เครื่องบินที่ตรวจพบไม่ได้ยืนยันว่าเป็นเที่ยวบิน MH 370 แต่ลักษณะการบินตามที่เรดาร์จับได้สอดคล้องกับ ข้อสันนิษฐานของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในข้อ 2 ซึ่ง ข้อมูลที่กองทัพอากาศได้เป็นเพียงข้อมูลหนึ่งที่เห็นว่าน่าจะนำไปใช้ประโยชน์ในการค้นหา เครื่องบินที่สูญหายได้ โดย ผบ.ทอ.ได้กล่าวว่า ควรจะได้นำไปตรวจสอบกับเรดาร์ของวิทยุการบินและของมาเลเซียด้วย ทั้งนี้ได้มอบข้อมูลให้ ทอ.มาเลเซียไปแล้วเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ถือเป็นความร่วมมือทางทหารระหว่างกันและเป็นสิ่งที่ทุกชาติควรร่วมมือกันเพื่อให้ค้นพบความจริงในเรื่องนี้

“เหตุที่ไม่ได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาแต่ต้นเพราะ เส้นทางบินของ เครื่องบินที่ปรากฏไม่มีความชัดเจน และไม่ได้บินผ่านพื้นที่ควบคุมการบินของไทย ไม่มีลักษณะที่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทย ถือเป็นอากาศยานไม่ทราบฝ่ายที่มีความสำคัญน้อย จึงมีการตรวจสอบย้อนหลัง ซึ่งต้องใช้เวลาและ สรุปข้อมูลของฝ่ายเจ้าหน้าที่อย่างละเอียด ก่อนที่ ผบ.ทอ.ท่านจะส่งข้อมูลไปให้ ทอ.มาเลเซีย ไม่มีมีวาระซ่อนเร้นอะไร และ ไม่ได้ร่วมมือกับมาเลเซียในการปกปิดอะไรทั้งสิ้น” พล.อ.ท. มณฑล ระบุ