ข่าว
โลกกำลังหมุนช้าลง! นาซ่าเผยผลกระทบใหญ่ แผ่นดินไหวบ่อย

โลกกำลังหมุนช้าลง! – วันที่ 25 ก.ค. เอ็กซ์เพรสรายงานว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือนาซ่า เปิดเผยว่าโลกกำลังมีอัตราการหมุนที่ช้าลง อาจส่งผลให้แผ่นดินไหวเกิดบ่อยขึ้นบนโลกโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

นายแมทธิว ฟังกี หนึ่งในสมาชิกโครงการทูตแห่งระบบสุริยะ ซึ่งเป็นโครงการเผยแพร่ความรู้ใหม่และการค้นพบต่างๆ ภายใต้การบริหารของแผนกห้องปฏิบัติการระบบขับเคลื่อนไอพ่นของนาซ่า เปิดเผยว่า โลกกำลังมีอัตราการหมุนที่ช้าลงเรื่อยๆ

นายฟังกี อธิบายว่า ตามปกติแล้วดวงจันทร์นั้นทำหน้าที่เพื่อคงอัตราการหมุนของโลกไว้ เพราะโลกหมุนช้าลงจากการสูญเสียพลังงาน

แต่ด้วยความสัมพันธ์แบบโมเมนตัมเชิงมุมของวัตถุรอบจุดกำเนิด (angular momentum) ระหว่างโลกกับดวงจันทร์ทำให้ดวงจันทร์นั้นจะลอยห่างออกไปจากโลกเล็กน้อยทำให้อัตราการหมุนของโลกเพิ่มกลับขึ้นมาได้ ปัญหาคือ ดวงจันทร์กำลังลอยห่างออกไปเรื่อยๆ ไม่กลับเข้ามา

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า การที่โลกมีอัตราการหมุนช้าลงเรื่อยๆ จะส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งมากขึ้น แต่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด คาดว่า เป็นผลมาจากภาวะเปลี่ยนแปลงในแกนโลก ซึ่งสร้างผลกระทบต่อเปลือกโลกให้เคลื่อนที่

ศาสตราจารย์โรเจอร์ บิแฮม นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโด เมืองบัลเดอร์ และศ.รีเบ็กกา เบ็นดิก จากมหาวิทยาลัยรัฐมอนแทนา เมืองมิสซูลา ซึ่งศึกษาข้อมูลการเกิดแผ่นดินไหวแม็กนิจูด 7.0 ขึ้นไป ตั้งแต่ปีค.ศ.1900 (พ.ศ.2443) ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของศตวรรษที่ 20

นักวิจัยทั้งคู่พบว่า การเกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงมากกว่าแม็กนิจูด 7.0 ขึ้น นั้นเกิดบ่อยครั้ง (25-30 ครั้ง) ในปีที่โลกมีอัตราการหมุนลดลง เมื่อเทียบกับปีที่โลกมีอัตราการหมุนปกติ มีค่าเฉลี่ยการเกิดแผ่นดินไหวแม็กนิจูดดังกล่าวอยู่ที่ราว 15 ครั้งต่อปี

ศ.บิแฮม กล่าวว่า “ความเชื่อมโยงกันระหว่างอัตราการหมุนของโลก และการเกิดแผ่นดินไหวนั้นชัดเจนมาก และบ่งชี้ว่าการเกิดแผ่นดินไหวจะถี่ขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต”

อย่างไรก็ตาม นายพอล วาลอร์สกี นักฟิสิกส์ ระบุว่า อัตราหมุนเฉลี่ยของโลกหากช้าลงจะทำให้วันเดือนมีเวลานานขึ้น ซึ่งจะคาดว่าจะเกิดขึ้นแน่นอนในอนาคตอีกหลายพันล้านปีข้างหน้า

“เมื่อถึงวันนั้นหนึ่งวันจะยาวเท่ากับประมาณหนึ่งเดือน หรือถ้าจะเอาเลขตรงๆ ก็ยาวเท่ากับ 47 วันในปัจจุบันตอนนี้ครับ” วาลอร์สกี กล่าว

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 4 สมเด็จพระราชาคณะรูปใหม่-‘ว.วชิรเมธี’ ขึ้นเจ้าคุณ

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนา เลื่อนและแต่งตั้งสมณศักดิ์พระสงฆ์ผู้ทรงคุณแก่ประเทศชาติ และพระพุทธศาสนา ประจำปี 2562 จำนวน 74 รูป เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2562

สมณศักดิ์ทั้ง 7 4 ราชทินนาม แบ่งเป็น สมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ 4 รูป พระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ 5 รูป พระราชาคณะชั้นธรรม 6 รูป พระราชาคณะชั้นเทพ 18 รูป พระราชาคณะชั้นราช 18 รูป พระราชาคณะชั้นสามัญ 23 รูป มีรายชื่อดังต่อไปนี้

สมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ คือ 1.พระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา เป็นสมเด็จพระมหาธีราจารย์ 2.พระสาสนโสภณ วัดโสมนัสวิหาร เป็นสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ 3.พระพรหมมุนี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็น สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ 4.พระพรหมมังคลาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็น สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี

พระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ คือ 1.พระธรรมโสภณ วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา เป็น พระสาสนโสภณ 2.พระธรรมเสนานุวัตร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก เป็น พระพุทธวงศมุนี 3.พระธรรมรัตนดิลก วัดสุทัศนเทพวราราม เป็นพระวิสุทธาธิบดี 4.พระธรรมเจติยาจารย์ วัดพระศรีมหาธาตุ เป็นพระพรหมมุนี 5.พระธรรมมงคลญาณ วัดธรรมมงคลฯ เป็นพระพรหมมงคลญาณ วิ.

พระราชาคณะชั้นธรรม คือ 1.พระเทพประสิทธิโสภณ วัดเทพศิรินทราวาส เป็นพระธรรมโสภณ 2.พระเทพสุเมธี วัดศรีสุริยวงศาราม จ.ราชบุรี เป็นพระธรรมวุฒาจารย์ 3.พระเทพเมธี วัดอรุณราชวราราม เป็นพระธรรมรัตนดิลก 4.พระเทพวิสุทธิญาณ วัดอนาลโยทิพยาราม จ.พะเยา เป็น พระธรรมวิสุทธิญาณ วิ. 5.พระเทพรัตนสุธี วัดเขียนเขต จ.ปทุมธานี เป็นพระธรรมรัตนาภรณ์ 6.พระเทพวีราภรณ์ วัดพระเชตุพนวิมมลมังคลาราม เป็นพระธรรมรัตนากร

พระราชาคณะชั้นเทพ คือ 1.พระราชประสิทธิวิมล วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นพระเทพประสิทธิคุณ 2.พระราชญาณปรีชา วัดราชาธิวาส เป็นพระเทพวิสุทธิญาณ 3.พระราชรัตนกวี วัดมหาธาตุ จ.ยโสธร เป็นพระเทพวงศาจารย์ 4.พระราชเจติยาจารย์ วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ เป็น พระเทพวุฒาจารย์ 5.พระราชปริยัติโสภณ วัดหนองกุง จ.ขอนแก่น เป็นพระเทพวิสุทธิคุณ 6.พระราชคุณาภรณ์ วัดภูมินทร์ จ.น่าน เป็นพระเทพนันทาจารย์ 7.พระราชสิทธิมุนี วัดมหาธาตุฯ เป็น พระเทพวิสุทธิมุนี 8.พระราชรัตนสุธี วัดชนะสงคราม เป็น พระเทพรัตนสุธี 9.พระราชธรรมสุธี วัดเกตการาม จ.สมุทรสงคราม เป็นพระเทพสุเมธี

10.พระราชวิสุทธิเมธี วัดไชยชุมพลชนะสงคราม จ.กาญจนบุรี เป็น พระเทพปริยัติโสภณ 11.พระราชโสภณ วัดราษฎร์บำรุง เป็นพระเทพญาณโสภณ 12.พระราชศิริธรรมเมธี วัดคูหาสวรรค์ จ.พัทลุง เป็น พระเทพปริยัติคุณ 13.พระราชวรมุนี วัดสังเวชวิศยาราม เป็นพระเทพเวที 14.พระราชศาสนกิจโสภณ วัดเสมียนนารี เป็น พระเทพวรสิทธาจารย์ 15.พระราชปริยัติเมธี วัดสุวรรณภูมิ จ.สุพรรณบุรี เป็น พระเทพปริยัติกวี 16.พระราชสีมาภรณ์ วัดบึง จ.นครราชสีมา เป็น พระเทพสีมาภรณ์ 17.พระราชวรเมธี วัดประยุวงศาวาส เป็น พระเทพปวรเมธี 18.พระราชสุเมธาจารย์ วัดอมราวดี กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เป็น พระเทพญาณวิเทศ

พระราชาคณะชั้นราช คือ 1.พระศรีสุธรรมโมลี วัดโมลีโลกยาราม เป็น พระราชปริยัติบดี 2.พระพิศาลสารคุณ วัดศรีจันทร์ จ.ขอนแก่น เป็น พระราชวุฒาจารย์ 3.พระวินัยโกศล วัดศรีอุบลรัตนาราม จ.อุบลราชธานี เป็น พระราชธรรมสุธี 4.พระศรีวิสุทธิคุณ วัดศาลาลอย จ.สุรินทร์ เป็น พระราชวิมลโมลี 5.พระศรีปริยัติโมลี วัดราชนัดดาราม เป็น พระราชศิริธรรมเมธี 6.พระโสภณคณาภรณ์ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็น พระราชญาณปรีชา 7.พระศรีรัตนมุนี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก เป็น พระราชรัตนสุธี 8.พระสุทธิสารเมธี วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี เป็น พระราชสารโกศล 9.พระวิบูลธรรภาณ วัดสัมมาธัญญาวาส เป็น พระราชธรรมกวี 10.พระสิริธรรมราชมุนี วัดมะนาวหวาน จ.นครศรีธรรมราช เป็น พระราชสิริธรรมมงคล

11.พระศรีธรรมประสาธน์ วัดพระมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช เป็น พระราชวิสุทธิกวี 12.พระศรีมุนีวงศ์ วัดธาตุทอง เป็น พระราชบัณฑิต 13.พระพิศาลปริยัตยาภรณ์ วัดหาดใหญ่สิตาราม จ.สงขลา เป็น พระราชปริยัติธาดา 14.พระศากยปุตติยวงศ์ วัดอรุณราชวราราม เป็น พระราชมหาเจติยาภิบาล 15.พระปัญญารัตนาภรณ์ วัดชัยมงคล จ.ชลบุรี เป็นพระราชสารโสภณ 16.พระโพธิญาณวิเทศ วัดป่าอภัยคีรี รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็น พระราชโพธิวิเทศ วิ. 17.พระวิเทศพุทธิคุณ วัดอมราวดี กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เป็น พระราชพุทธิวรคุณ วิ. 18.พระฌอน ซิเวอร์ตัน สถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี จ.นครราชสีมา เป็น พระราชพัชรมานิต วิ.

พระราชาคณะชั้นสามัญ คือ 1.พระครูปลัดสัมพิพัฒนเมธาจารย์ (อภิญญา) วัดราชบพิธฯ เป็น พระมหาคณิศร 2.พระครูธรรมาธิการ (สุรินทร์) วัดราชบพิธฯ เป็น พระจุลคณิศร 3.พระมหาโดม วัดศรีเทพประดิษฐาราม จ.นครพนม เป็น พระศรีวิสุทธินายก 4.พระครูกิตติวีรวัฒน์ (วงศ์ศักดิ์) วัดป่าสุเมฆนันทาราม จ.บึงกาฬ เป็น พระวิบูลธรรมภาณ 5.พระครูกันตธรรมานุวัฒน์ (สุขเลิศ) วัดบ้านเหล่า จ.เชียงราย เป็น พระสิริวัฒโนดม 6.พระมหาจันทร์ วัดขันเงิน จ.ชุมพร เป็น พระสิริปริยัติวงศ์ 7.พระครูศรีกิตติคุณ (สุทธิพล) วัดจรณาราม จ.พัทลุง เป็นพระศรีธรรมประสาธน์

8.พระครูศรีประจันตคณารักษ์ (สมทรง) วัดดอนบุปผาราม จ.สุพรรณบุรี เป็น พระศรีประจันตคณาภิบาล 9.พระครูธรรมวินยาลังการ (ธัญญวัฒน์) วัดเสนหา จ.นครปฐม เป็น พระวินัยโกศล 10.พระครูอนุกูลวิมลกิจ (ทองย้อย) วัดเขาวัง จ.ราชบุรี เป็น พระภาวนาวิหารกิจ 11.พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) วัดพระสิงห์ จ.เชียงราย เป็น พระเมธีวชิโรดม 12.พระมหาไชยวัฒน์ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระโสภณคณาภรณ์ 13.พระมหาถวิล วัดบรมนิวาส เป็น พระศรีวรคุณ

14.พระครูปลัดสัมพิพัฒนปัญญาจารย์ (ชนพัฒน์) วัดปากน้ำ เป็น พระอมรเมธี 15.พระครูปลัดสุวัฒนเมธาคุณ (ชัยยันต์) วัดบุรณศิริมาตยาราม เป็น พระสุทธิสารเมธี 16.พระครูพิสิฎฐ์กิจจาภิรม (วรนัยน์) วัดใหญ่อินทาราม จ.ชลบุรี เป็น พระชัยสิทธิสุนทร 17.พระครูสิริภาวนาภิรม(ชอบ) วัดพิชโสภาราม จ.อุบลราชธานี เป็น พระภาวนาสุตาภิรัต 18.พระครูมงคลสุตาภรณ์(อำนวย) วัดชัยชนะสงคราม จ.สงขลา เป็น พระภาวนาสุตาจารย์

19.พระครูปภัสสรวรพินิจ (ไพโรจน์) วัดห้วยมงคล จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็น พระพิศาลสิทธิคุณ 20.พระครูเมตตาวิหารคุณ (ทองคำ) วัดบึงบาประภาสะวัต จ.ปทุมธานี เป็น พระเมตตาวิหารี 21.พระครูวิจิตรชยานุรักษ์ (พร้า) วัดโคกดอกไม้ จ.ชัยนาท เป็น พระมงคลวิจิตร 22.พระครูปลัด ปารมี วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์ เป็นพระภาวนาวชิรปราการ 23.พระอธิการพบโชค วัดห้วยปลากั้ง จ.เชียงราย เป็น พระไพศาลประชาทร

ทั้งนี้ พระสงฆ์ทั้ง 74 รูป จะเข้ารับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ และพระราชทานสมณศักดิ์ ในวันที่ 28 ก.ค. เวลา 17.00 น. ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง


สมเด็จพระราชินี เสด็จฯ มาเป็นองค์ประธาน พิธีเปิดงานสตรีไทย 1 ส.ค. นี้

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ กระทรวง พม. ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และนายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมแถลงจัดงาน “วันสตรีไทย ประจำปี 2562” ปีนี้จัดภายใต้แนวคิด “สายธารแห่งพระบารมี สู่การพัฒนาสตรีที่ยั่งยืน”

ดร.วันดี กล่าวว่า การจัดงานในปีนี้มีความพิเศษมาก เนื่องจากได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงานสตรีไทย ประจำปี 2562 ในวันพฤหัสบดีที่ 1 ส.ค.2562 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

“สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้วันที่ 1 ส.ค.ของทุกปีเป็น “วันสตรีไทย” โดยพระราชทานแนวพระราชดำริหน้าที่สำคัญเบื้องต้นของสตรีไทยไว้ 4 ประการ ประกอบด้วย พึงทำหน้าที่ของแม่ให้สมบูรณ์ พึงทำหน้าที่ของแม่บ้านให้สมบูรณ์ รักษาเอกลักษณ์ของความเป็นสตรีไทย และฝึกฝนตนเองให้มีความรู้ความสามารถยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ สตรีไทยน้อมนำกระแสพระราชดำรัสไปใช้เป็นแนวทางดำเนินชีวิตและพัฒนาตนเอง การจัดงานครั้งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสที่จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 87 พรรษา ในวันที่ 12 ส.ค.2562

พร้อมทั้งเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมราชินี เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2562 และเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 41 พรรษา เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2562 ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและความจงรักภักดี” ประธานสมาคมสภาสตรีฯ กล่าว

ประธานสมาคมสภาสตรีฯ กล่าวอีกว่า ภายในงานมีนิทรรศการต่างๆ โดยเฉพาะการนำเสนอเรื่องราวพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านมีต่อสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมด้วยกิจกรรมของหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ร้านจิตอาสา 904 และร้านโกลเด้น เพลซ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ซึ่งจะเป็นการแสดงศักยภาพของเครือข่ายจากสตรีทั่วประเทศ ขอเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนติดตามรับชมการถ่ายทอดสด “วันสตรีไทย” ในวันพฤหัสบดีที่ 1 ส.ค.ตั้งแต่เวลา 16.00-17.00 น.

ด้าน นายปรเมธี กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ตระหนักถึงพลังของสตรีไทยซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยในทุกมิติ ดังนั้น เพื่อยกย่องเชิดชูสตรีไทยจึงร่วมกับสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ ที่ร่วมกันพัฒนาศักยภาพของสตรีไทยมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือจากองค์กรสตรีทั่วประเทศ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จึงพร้อมใจกันจัดงานเพื่อกระทำความดีถวายเป็นพระราชกุศล และกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนในสังคมตระหนักถึงความสำคัญของวันสตรีไทย


เตรียมพัฒนา กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจ มีสารซีบีดีสูงกว่ากัญชา ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ยังถือว่าเป็นสารเสพติดให้โทษ จ่อผลักดันแก้กฎหมาย

วันที่ 25 ก.ค. ที่สถานีเกษตรหลวงปางดะ จ.เชียงใหม่ นายวาทิน ดำรงเลาหพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. พร้อมด้วย ดร.สริตา ปิ่นมณี นักวิจัยสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์กรมหาชน) ได้เดินทางมาพร้อมคณะสื่อมวลชน เพื่อดำเนินงานติดตามความคืบหน้าการวิจัยพืชกัญชง เนื่องจากป็นศูนย์วิจัยศึกษาต้นกัญชงแบบครบวงจร

ดร.สริตา เปิดเผยว่า ต้นกัญชงสามารถนำมาพัฒนาใช้ประโยชน์ได้ตั้งแต่รากไปจนถึงใบ พบว่าเส้นใยนำมาถักทอเป็นเครื่องนุ่มห่มและวิจัยพัฒนาเป็นไบโอพลาสติก ส่วนแกนลำต้นนำมาทำเป็นวัสดุก่อสร้าง คอนกรีตรับแรงน้ำหนักเบา และเมล็ดพันธุ์นำสกัดเป็นโปรตีน นำมันกัญชงเพื่อบำรุงร่างกายและโภชนาการ นอกจากนี้ในปี 2561 มีการศึกษาการใช้ประโยชน์ของกัญชงพบว่ามีสาร CBD คล้ายกับกัญชาที่สามารถนำไปใช้ทางการแพทย์ได้เป็นส่วนผสมทำยารักษาและอาหารเสริม โดยจะนำส่วนของดอกกัญชงมาใช้ จะมีระยะการปลูก 120 วัน หรือ 4 เดือน ปลูกหน้าฝนและเก็บหน้าหนาวจะมีคุณภาพสูงสุด

ทั้งนี้ปัจจุบันได้รวบรวมกัญชงสายพันธุ์ไทยได้มากกว่า 20 สายพันธุ์ และพบว่ามีสาร CBD สูงกว่ากัญชา ซึ่งสามารถใช้ในการการแพทย์ได้ แต่ขณะนี้ปริมาณค่าของสาร CBD ยังถือว่าน้อย ดังนั้นจะต้องมีการศึกษาวิจัยขยายสายพันธุ์ของกัญชง ให้มีค่า CBD เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 10 รวมถึงได้ขออนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์จากยุโรป สหรัฐอเมริกาและแคนนาดา เพื่อพัฒนาสายพันธุ์ให้มีคุณภาพและนำไปใช้ทางการแพทย์ได้สูงสุด

ขณะที่ นายวาทิน กล่าวว่า ปัจจุบันการปลูกกัญชงและกัญชายังผิดกฎหมายอยู่เพราะมีสาร THC ที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นกัญชงยังถือว่าเป็นสารเสพติดให้โทษอยู่ แต่เปิดโอกาสให้สามารถปลูกในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต และเป็นพืชเศรษฐกิจ แต่หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับฝ่ายกฎหมายผลักดันแก้ไข เพื่อให้สาร CBD ไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้อย่างถูกกฎหมายต่อไป

จากนั้นได้นำสื่อมวลชนดูแปลงกัญชง ภายในสถานีเกษตรหลวงปางดะ ก่อนเดินทางไปที่กลุ่มแม่บ้านผลิตภัณฑ์เส้นใยกัญชงแม่สาใหม่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อดูผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเส้นใยกัญชง

นายวิชัย ไชยมงคล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส. มีการส่งเสริมปลูกกัญชงให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่ชาวบ้านสามารถปลูกได้เองแต่มีหน่วยงานรัฐควบคุม โดยจะครบกำหนดทดลองปลูกกัญชงในปี 2563 ขณะนี้ทางสำนักงานป.ป.ส.เตรียมร่างระเบียบเพื่อควบคุมการปลูกและเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ให้มีระยะ 120 วัน จากเดิม 90 วัน เพื่อนำมาใช้ประโยชน์และให้ค่า THC อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ส่วนที่ชาวบ้านกังวลว่าการพัฒนาสายพันธุ์ของกัญชาจะทำให้การใช้ประโยชน์จากเส้นใยยากขึ้น ขอยืนยันว่า การวิจัยพัฒนาสายพันธุ์ของกัญชงจะแยกส่วนกันระหว่างต้นกัญชงและเมล็ดพันธุ์เพื่อไม่ให้กระทบต่อการใช้ประโยชน์


ระทึกสนามบินเชียงใหม่! เพาเวอร์แบงค์ระเบิดคาเป้ไฟลุกท่วม โชคดียังไม่ขึ้นเครื่อง

วันที่ 25 ก.ค. เพจเฟซบุ๊ก Chiang Mai International Airport ได้โพสต์เตือนภัย พร้อมเปิดเผยภาพคลิปภาพขณะเกิดเหตุการณ์เพาเวอร์แบงค์ หรือแบตเตอรี่สำรอง ที่อยู่ในกระเป๋าสัมภาระของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเกิดระเบิดแล้วลุกไหม้ขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ

โดยเพจเฟซบุ๊ก Chiang Mai International Airport ระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงบ่ายวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา บริเวณชานชาลา อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งจากเหตุดังกล่าวทำให้ทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้นำคลิปเหตุการณ์มาเผยแพร่เพื่อเป็นการเตือนภัย และชี้แจงเหตุผลความจําเป็นที่ถามเจ้าหน้าที่ ต้องมีความเข้มงวดกวดขัน ในเรื่องของการนำแบตเตอรี่สำรองขึ้นไปบนเครื่องบิน

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แสดงให้เห็นถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากแบตเตอรี่สำรอง เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้มงวดกวดขันเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางด้วยอากาศยาน สำหรับข้อกำหนดการพกพาแบตเตอรี่สำรองขึ้นเครื่องบินนั้นมีดังนี้

-นำขึ้นเครื่องได้ แต่ความจุและจำนวนที่พกพาต้องไม่เกินกำหนด ทุกสายการบินฯ จะมีการกำหนดขนาดความจุไฟฟ้าของ power bank (แบตเตอรี่สำรอง) ในการนำติดตัวขึ้นเครื่องไว้อย่างชัดเจน ตามมาตรฐานความปลอดภัยของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งข้อกำหนดเหล่านั้น ล้วนเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทั้งสิ้น ใครที่ต้องการจะนำพาวเวอร์แบงค์ติดตัวขึ้นเครื่อง มาดูกันครับ

-power bank ขนาดความจุไฟฟ้ามากกว่า 32000 mAh ไม่ได้รับอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องทุกกรณี

-power bank ความจุไฟฟ้าอยู่ที่ระหว่าง 20000 – 32000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 2 ก้อน

-power bank ความจุไฟฟ้าต่ำกว่า 20000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องได้ไม่จำกัดจำนวน

นั่นหมายความว่า กรณีมี power bank ความจุไฟฟ้าอยู่ที่ 30000 mAh ก็สามารถพกได้ 2 ก้อนเท่านั้น

-ห้ามใส่กระเป๋าเดินทางเพื่อโหลดใต้เครื่องทุกกรณี

นี่คือสิ่งที่หลายคนอาจไม่ทราบ และสับสน ระหว่างการโหลดใต้เครื่อง กับนำติดตัวขึ้นเครื่อง ซึ่งที่ถูกก็คือ ห้ามนำพาวเวอร์แบงค์ใส่กระเป๋าเดินทางเพื่อโหลดใต้เครื่อง ซึ่งเป็นไปตามกฎของสายการบินทุกสาย ในการห้ามโหลดสิ่งที่เป็นแบตเตอรี่ หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดการติดไฟหรือระเบิดได้ไว้ใต้เครื่องโดยเด็ดขาด ดังนั้นให้พกไว้ในกระเป๋าที่จะนำติดตัวขึ้นเครื่องไปท่านั้น และจะต้องมีขนาดความจุไฟฟ้าและจำนวน ตามข้อกำหนดที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้เท่านั้น

นิวยอร์กอ่วมภัยพิบัติ ไฟดับ คลื่นความร้อนซัด ฝนถล่มจมบาดาล

นิวยอร์กอ่วมภัยพิบัติ – วันที่ 23 ก.ค. เดลีเมล์รายงานว่า มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เผชิญกับภัยธรรมชาติรุนแรงต่อเนื่องหลังถูกคลื่นความร้อนพัดกระหน่ำจนอุณหภูมิขึ้นสูงเกือบ 38 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดไฟฟ้าดับหลายพื้นที่ ล่าสุด ถูกพายุมรสุมพัดถล่มจนเกิดน้ำท่วมฉับพลัน

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ ได้แก่ ย่านบรู๊กลิน ควีนส์ สเตเทน ไอส์แลนด์ และบางส่วนของรัฐนิว เจอร์ซี โดยระดับน้ำนั้นท่วมสูงถึงหัวเข่า รถยนต์จมเกือบมิดคัน เศษขยะและกรวยจราจรลอยระเกะระกะเต็มท้องถนน

น้ำท่วมฉับพลันดังกล่าวยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบขนส่งรถไฟใต้ดินมีน้ำท่วมขังราง ขณะที่ถนนไฮเวย์มีน้ำท่วมขังผิวจราจรในย่านควีนส์ และทางด่วนลอง ไอส์แลนด์ และฟรานซิส ลูอิส บูเลอวาร์ด

นายโครีย์ จอห์นสัน โฆษกส่วนปกครองมหานครนิวยอร์ก กล่าวว่า สำนักงานเทศบาลสิ่งแวดล้อมกำลังส่งเจ้าหน้าที่ออกปฏิบัติการเพื่อจัดการกับขยะที่ลอยปะปนกระแสน้ำทำให้ท่อระบายน้ำมีปัญหา ขณะที่ชาวนิวยอร์กหลายคนไม่รีรอเจ้าหน้าที่ แต่ต่างช่วยกันเคลียร์ขยะตามท่อระบายด้วยมือของตัวเอง