จากกรณีที่มีผู้ใช้ Facebook ที่ได้โพสต์แบบสาธารณะความรู้สึกขำ เป็นภาพหญิงสาวแก้ผ้าเปลือยกายล่อนจ้อน นอนและยืนถ่ายรูปกลางสะพานเทพสุดา ข้ามเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ พร้อมกับโพสต์ข้อความว่า “จังหวะเปิดแชตขึ้นมาล่ะเจอแบบนี้ มู่กุแต่ล่ะคน #ทีมเวิร์ก. 55555” ทำให้ชาวโซเชียลฯ ที่เห็นโพสต์ดังกล่าว วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมกับโพสต์ ต่างแชร์และคอมเมนต์กันอย่างแพร่หลาย
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบโพสต์ดังกล่าวพบว่าไม่สามารถเห็นโพสต์แล้ว สาเหตุอาจเกิดจากเจ้าของโพสต์ได้ลบโพสต์หรือปิดบัญชีของตนเองไปแล้ว
ล่าสุดวันนี้ (13 เม.ย.) จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบตัวหญิงสาวที่แก้ผ้าคนดังกล่าว มีอายุ 22 ปี เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม แต่มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.กาฬสินธุ์ และผู้ถ่ายภาพเป็นนักศึกษาชายอายุ 23 ปี อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และเป็นชาว อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน
โดยเจ้าหน้าที่นำตัวมาสอบถามถึงสาเหตุที่แก้ผ้าและถ่ายภาพ โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ และ พ.ต.อ.ประยุทธ อรัญโชติ ผกก.สภ.สหัสขันธ์ ร่วมกันซักถาม
พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการสอบถามเบื้องต้นเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.30 น.วันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา ทั้งสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกันได้ขับรถยนต์ไปยังสะพานเทพสุดา และจอดรถไว้ข้างทาง จากนั้นลงจากรถและหญิงสาวก็ได้แก้ผ้า โดยมีเพื่อนชายเป็นผู้ถ่ายภาพเก็บไว้ เนื่องจากเห็นว่าช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีคนและรถผ่านไปมา อีกทั้งยังบรรยากาศดี ต้องการถ่ายภาพเก็บไว้เท่านั้น
ทั้งนี้ ทั้งสองคนบอกว่าสาเหตุที่ทำลงไปได้เมาและดื่มสุรา เป็นความคึกคะนอง และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะไม่รู้ว่าภาพที่ถ่ายเก็บไว้หลุดออกจากโทรศัพท์จนไปอยู่ในโลกโชเชียลฯ ได้อย่างไร
พ.ต.อ.ประยุทธ อรัญโชติ ผกก.สภ.สหัสขันธ์ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้นักศึกษาทั้งสองคนได้ฝากขอโทษพี่น้องชาวกาฬสินธุ์ทุกคนกับสิ่งที่กระทำลงไปซึ่งเป็นความคึกคะนอง แต่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงภาพลักษณ์ที่ดีของเมืองแห่งการท่องเที่ยว โดยเฉพาะ อ.สหัสขันธ์ และในส่วนของคดีจะต้องว่ากันไปตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากระทำการอันควรขายหน้าโดยเปิดเผยส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ปรับเป็นเงินจำนวน 1,000 บาท ก่อนปล่อยตัวไป
ขณะที่นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ได้ฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองซึ่งต้องหมั่นดูแลเอาใจใส่บุตรหลานอย่างให้ชิด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะครอบครัวถือเป็นด่านแรกที่จะต้องช่วยกันเหตุที่เกิดขึ้น เช่นครอบครัวต้องช่วยกันห้ามเวลาดื่มสุราแล้วอย่าขับรถ เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่เตือนใจพี่น้องประชาชนชาวกาฬสินธุ์ที่จะต้องช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองไปสิ่งที่ดีๆ ตามสโลแกนสร้างสรรค์ที่กาฬสินธุ์ ซึ่งสิ่งดีๆเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่ต้องเป็นความร่วมมือของพี่น้องชาวกาฬสินธุ์ทุกคน
วันนี้ (13 เม.ย.) บรรยากาศการเล่นน้ำสงกรานต์ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทั่วประ เทศไทย เป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศออก มาเล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะบรรยากาศที่ถนนข้าวสาร แขวงชนะสงคราม กรุงเทพฯ ซึ่งจะเปิดให้เล่นสาดน้ำกันเป้นประจำทุกปี มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่าง ชาติทยอยออกมาเล่นสาดน้ำกันอย่างคึกคักหลังจากเจ้าหน้าที่เปิดให้เข้าพื้นที่อย่างเป็นทางการในเวลา 12.00 น.โดยก่อนที่จะเข้าพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจ เพื่อให้เป็นไปตาม ข้อห้าม ปลอดภัย ปลอดแอลกอฮอล์ ปลอดโป๊ ปลอดแป้ง และประหยัดน้ำ
พ.ต.อ.จักรกริศน์ โฉสูงเนิน ผกก.สน.ชนะสงคราม เปิดเผยว่า ได้มีการประชาสัมพันธ์ ไปถึงผู้ประกอบการร้านค้าภายในถนนข้าวสารให้ปฏิบัติตามระเบียบในเรื่องของข้อห้ามก่อนการเข้าพื้นที่เพื่อปลอดแอลกอฮอล์ ปลอดโป๊ ปลอดแป้ง ประหยัดน้ำ รวมถึงงดจำหน่ายสิ่ง ของที่จะนำมาใช้ในการก่อเหตุ เช่น ไฟแช็ค ใบมีดโกนด้วย
นอกจากนี้ยังได้มีการซักซ้อมในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยพื้นที่บริเวณโดย รอบถนนข้าวสารเพื่อที่จะรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ จะเดินทางมาร่วมเล่นน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยในแต่ละวันได้มีการเตรียม กำลังเจ้า หน้าที่จำนวน 480 นาย ทั้งในส่วนของหน่วยเคลื่อนที่เร็วชุดเฉพาะกิจ หน่วยตรวจสอบวัตถุ ระเบิด เพื่อตรวจเข้มคัดกรองบุคคลที่จะเดินทางเข้าร่วมเล่นน้ำ เพื่อให้ปลอดจากอาวุธ รวมถึงอุปกรณ์ใดๆที่จะก่อให้เกิดอาชญากรรมได้
ส่วนบรรยากาศการเล่นสาดน้ำที่บนถนนสีลมเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและ ชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาเล่นน้ำตั้งแต่ช่วงเที่ยง ซึ่งที่สีลมถือได้ว่าเป็นสีสันการเล่นน้ำสง กรานต์ของคนเมืองกรุงอีกแห่งหนึ่งที่สร้างความสนุกสนานเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ คาดว่าในช่วง เย็นถึงค่ำวันนี้จะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวกันอย่างเนื่องแน่นเหมือนทุกปีแน่นอน
สำหรับการเล่นสงกรานต์บนถนนสีลมนั้นจะไปจนถึงวันที่ 15 เม.ย.นี้ โดยเริ่มให้เล่นน้ำ ตั้งแต่เวลา 12.00-20.00 น.และปิดถนนตั้งแต่แยกศาลาแดงจนถึงแยกนรารมย์ เป็นระยะทาง กว่า 1 กิโลเมตร โดยห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล ห้ามรถบรรทุกน้ำ รถบรรทุกติดตั้งเครื่อง เสียง เข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และต้องปฏิบัติตามมาตราการ5 ป.ปลอดปืนฉีดน้ำขนาดใหญ่ ปลอดแอลกอฮอล์ ปลอดโป๊ ปลอดแป้ง และประหยัดน้ำ
ใกล้เทศกาลสงกรานต์แบบนี้ ก็จะมีดาราที่ได้รับเลือกให้เป็น นางสงกรานต์ ในแต่ละปี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งปีนี้นางเอกสาว คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ ก็ได้รับเลือกเป็นนางสงกรานต์ต่อเนื่องอีกปี ปีนี้เธอมาในโฉมนางมโหธรเทวี เครื่องทรงสีม่วง สวยหวานมากๆ เลยทีเดียว
โดยในงาน “เทศกาลเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์” : Amazing Songkran 2018 ปีนี้ คิมเบอร์ลี่ปรากฏตัวในโฉมนางมโหธรเทวี เป็นนางสงกรานต์ประจำวันเสาร์ ทัดดอกสามหาว (ผักตบชวา) มีนิลรัตน์เป็นเครื่องประดับ ภักษาหารคือเนื้อทราย อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือจักร พระหัตถ์ซ้ายถือตรีศูล เสด็จประทับเหนือมยุราปักษา (นกยูง) ซึ่งมีคำทำนายว่าปีนี้ฝนจะเยอะ
และเนื่องด้วยเป็นนางสงกรานต์ประจำวันเสาร์ เธอจึงแต่งสีม่วง เมคอัพก็เป็นโทนชมพูม่วง สวยหวานแบบสุดๆ เลยทีเดียว แถมยังดูงามสง่า แม้จะเป็นสาวลูกครึ่ง แต่ก็แต่งชุดไทยได้สวยมากๆ
และถ้าหากจำกันได้ ปีที่แล้วสาวคิมก็ได้รับเลือกเป็นนางสงกรานต์เช่นเดียวกัน โดยเป็นนางกิริณีเทวี นางสงกรานต์ประจำวันพฤหัสบดี ทรงพาหุรัด ทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา หัตถ์ขวาทรงขอช้าง หัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จไสยาสน์หลับเนตร(นอนหลับตา). มาเหนือหลังกุญชร(ช้าง)เป็นพาหนะ ตอนนั้นเธอก็มาในชุดสีทอง และเมคอัพโทนนู้ดส้ม ที่ดูสวยสง่างดงามสมความเป็นไทยไม่ใช่น้อยเลย
นายกฯ เตือนทุกคนให้ความสำคัญต่อ "วันผู้สูงอายุ-วันครอบครัว" ขอมีความสุข-ความปลอดภัย ตลอดสงกรานต์ แนะเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้ม เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนว่า ในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ของไทยนี้ ยังมี "วันผู้สูงอายุแห่งชาติ" และ "วันครอบครัว" อีกด้วย ขอให้ทุกคนได้ให้ความสำคัญด้วย โดยขอให้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข สวัสดี มีสวัสดิภาพในการเดินทางไป และกลับจากภูมิลำเนาของตน "สืบสาน รักษา ต่อยอด" วัฒนธรรม ประเพณี และความเป็นไทยของเรา ให้อยู่ในกรอบในจารีต ตามครรลองที่เหมาะสมและงดงาม ดูแลลูกหลานในการเล่นน้ำสงกรานต์ และการลงเล่นในแอ่งน้ำด้วย ให้อยู่ในสายตา ให้รู้จักการดูแลตนเอง ดูแลซึ่งกันและกัน เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยรอยยิ้ม และมิตรไมตรี ซึ่งเป็นไทยนิยมอยู่แล้ว ขอให้ทุกคนทุกครอบครัวมีความสุขและปลอดภัย ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขของเรา
“เปลว สีเงิน” ยกย่องผลงานวิจัย สเปรย์กัญชาบรรเทาอาการปวด ของ ม.รังสิต เป็นผลงานที่คนไทยภูมิใจ บ่งชี้ไทยก้าวหน้าด้วยนวัตกรรมได้ แนะรัฐบาลทุ่มเทสนับสนุน พร้อมแก้ พ.ร.บ.ยาเสพติดเปลี่ยนจากประเภท 5 เป็นประเภท 2 ให้ปลูกแบบควบคุมเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ชู “ดร.อาทิตย์”รวยแล้วมุ่งมั่นพัฒนาชาติ
วันนี้(13 เม.ย.) เว็บไซต์ไทยโพสต์ ได้เผยแพร่บทความของ “เปลว สีเงิน” หรือ นายโรจน์ งามแม้น ประธานกรรมการบริหารบริหารหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ หัวข้อเรื่อง “'อาทิตย์ อุไรรัตน์' กับงานวิจัย มีใจความสำคัญว่า เมืองไทยคนรวยมีเยอะแต่รวยแล้วใช้ความรวยสร้างคน-สร้างชาติ-พัฒนา แบบสุจริตมุ่งมั่นก็อาจมีเยอะ แต่ที่ชัดเจนคนหนึ่ง ก็คือ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเมื่อ 3-4 วันก่อนได้แถลงว่า คณาจารย์นักวิจัยคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ทำยาสเปรย์ Cannabis กัญชา บรรเทารักษาอาการเจ็บปวดและอาเจียนจากการรักษาทางเคมีบำบัด สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งได้สำเร็จแล้ว
ดร.อาทิตย์ อดีตเป็นนักการเมือง เป็นทั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร ทั้งรัฐมนตรีถึง 3 กระทรวง คือ วิทยาศาสตร์, ต่างประเทศ และสาธารณสุข ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า การสร้างชาติบ้านเมืองนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมือง มีตำแหน่งทางการเมือง จึงจะทำได้ เป็นราษฎรเต็มขั้นใช้เพียงสุจริตจริงใจ ก็สร้างประโยชน์สร้างสรรค์ต่อชาติบ้านเมืองได้เช่นกัน ดีกว่านักการเมืองบางยุค-บางสมัยด้วยซ้ำ
กัญชานั้น ก็คือพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ป่าเขตร้อนชื้นบ้านเรามีพันธุ์พืชมากกว่า 2 หมื่นชนิด ใช้เป็นสมุนไพรได้ร่วม 2 พันชนิด สมุนไพรอย่างเดียวกัน เช่น กัญชา มีอยู่ทั่วไปในโลก แต่วิจัยแล้ว อย่างเดียวกันมีแร่ธาตุเป็นสรรพคุณทางยาไม่เหมือนกัน ด้วยภูมิศาสตร์ทางดิน-ฟ้า-อากาศ สมุนไพรในเขตป่าร้อนชื้นของไทยสรรพคุณ ครบเครื่อง เจ๋งสุด ไม่งั้น สหรัฐไม่ยิกๆ จะทำ TPP กับไทย ในเงื่อนไข-สัญญามุ่งไปที่พืชสมุนไพรไทยด้วยหรอก
ตอนนี้ โลกตื่นเรื่องพืชกัญชามาก ยอมรับกันว่า กัญชามีสรรพคุณทางยา ใช้บำบัด-รักษาได้หลายโรค โดยเฉพาะมะเร็ง บางประเทศ ผลิตเป็นยาออกใช้แล้วก็มี เช่นในสหรัฐ บางประเทศ ถึงขั้นเอาพืชกัญชาไปจดสิทธิบัตรก็มี แพทย์ไทย สาธารณสุขไทย ใช่ว่าไม่รู้ ไม่ประสีประสาว่ากัญชามีคุณมหันต์ทางยา นักวิชาการไทยนำกัญชา-ใบกระท่อม เข้าขบวนการวิจัย-ทดลองมาตลอด ไปดูได้ตามวารสารวิชาการและฐานข้อมูลนานาชาติจะพบงานวิจัย-ทดลอง-วิเคราะห์ด้านสมุนไพรไทย จากนักวิชาการไทยหลายร้อยเรื่อง ไม่ใช่ใครก็นำไปลง-ไปรวบรวมไว้ ที่ปรากฏนั่นหมายความว่างานวิจัยชิ้นนั้น เป็นที่ยอมรับของนานาชาติแล้ว
กรณีคณะเภสัชศาสตร์ ม.รังสิต ทำสเปรย์ Cannabis กัญชาออกมาครั้งนี้ ถือเป็นผลิตผลงานวิจัยเข้าสู่ขั้นทดลอง เพื่อใช้กับมนุษย์ ด้วยวิสัยทัศน์ ดร.อาทิตย์ มาถึงขั้นนี้ก็ประเสริฐแล้ว คนไทยควรภูมิใจผลงาน ม.รังสิต ในภาพรวมแห่ง"ศักยภาพประเทศ" ไม่ควรนำนวัตกรรมจากกัญชานี้ ไปเป็นประเด็นค่อนขอดประเทศ และเร่าร้อนกันดิบๆ ในด้านว่า ในเมื่อกัญชามีคุณเป็นยาก็เลิกควบคุม ให้ปลูก-ให้ใช้ เหมือนผักชี โหระพา กะเพรา เลยซี อย่าถึงขนาดนั้นเลย แค่แก้ พ.ร.บ.ยาเสพติด เปลี่ยนกัญชาและพืชอีกบางชนิด จากประเภท 5 เป็นประเภท 2 ให้ปลูกแบบ "ควบคุม" เฉพาะที่-เฉพาะแห่ง เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ก็พอก่อนแล้ว
สเปรย์ Cannabis กัญชา ของ ม.รังสิตไม่ได้ทำกันเองในความเป็นมหาวิทยาลัย แล้วโอ่อ้าง หากแต่ถูกต้องด้วยงานวิจัยและตามขั้นตอน บนการรับรู้-ติดตามของ อย. กระทรวงสาธารณสุข ขณะนี้ ก้าวหน้าถึงขั้นเตรียมลงนามบันทึกความร่วมมือ 3 ฝ่าย เรื่อง วิจัยกัญชาในมนุษย์ตามตำรับยาแพทย์แผนไทยแล้ว ประกอบด้วย ผู้แทนสถาบันการแพทย์แผนไทย,กรมแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข,คณะเภสัชศาสตร์ ม.รังสิต และสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ม.รังสิต
อันที่จริง รัฐบาล คสช.คลอดแผนแม่บทแห่งชาติเป็นฉบับแรกว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่ 1 พ.ศ.2560-2564 ไว้แล้ว ผลงานคณะเภสัชศาสตร์ ม.รังสิต ด้วยงานวิจัยพืชกัญชานี้ เป็นตัวบ่งชี้ว่า ไทยจะก้าวหน้าด้วยนวัตกรรมได้ งานวิจัย-ทดลอง เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทุ่มและสนับสนุนจริงจังอย่างที่ ดร.อาทิตย์ ทำให้เห็นวันนี้
การแข่งขันฟุตบอลหญิงเอเชียนคัพ 2018 ที่สนามกีฬาคิงอับดุลลาห์ที่สอง เมืองอัมมาน ประเทศจอร์แดน วันที่ 12 เม.ย. กลุ่มเอนัดสุดท้ายระหว่าง ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติฟิลิปปินส์ ซึ่งเหมือนตัดสินกันว่าใครจะได้ตั๋วไปฟุตบอลโลก 2019
เปิดฉากเกมขึ้นมาเป็น ฟิลิปปินส์ ดูดีกว่า แต่เกมผ่านไปสัก 20 นาทีทีมชาติไทยเริ่มตั้งเกมได้ และมาได้จุดโทษในนาทีที่ 27 จากลูกที่ฟิลิปปินส์ทำแฮนด์บอล ก่อนที่ กาญจนา สังข์เงิน จะยิงเสียบเสาเข้าประตูไป ชบาแก้วออกนำไปก่อน 1-0 และครึ่งแรกก็จบลงที่สกอร์นี้
เข้าสู่ครึ่งหลังทีมชาติไทยอาศัยลูกโต้กลับ และมาได้ประตูหนีห่าง 2-0 นาทีที่ 53 ต้องชม มิรันดา สุชาวดี นิลธำรงค์ แหวกถึงเส้นหลังก่อนถวายพานให้ กาญจนา สังข์เงิน เจ้าเก่ายิงง่ายๆ เข้าไป
นาทีที่ 62 ทีมชาติไทยหนีห่าง 3-0 ศิลาวรรณ์ อินต๊ะมี แผลงฤทธิ์อีกแล้วปั่นลูกฟรีคิกบริเวณริมเส้นด้านขวา ปั่นโค้งด้วยซ้ายเสียบเสาสองเข้าไป
เวลาที่เหลือทีมชาติไทยประคองเกม และทดเจ็บฟิลิปปินส์ก็มาได้ประตูตีไข่แตก 1-3 จาก เจสซี ซุง แต่ก็ไม่ทันแล้ว จบการแข่งขันทัพชบาแก้วทำได้ เอาชนะ ฟิลิปปินส์ 3-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศในฐานะรองแชมป์กลุ่มเอ พร้อมกับตีตั๋วไปฟุตบอลโลก 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศสเรียบร้อย
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012