ข่าว
คนร้ายบุกบ้านคนไทย โดนตำรวจทำวิสามัญ

ลอสแอนเจลิส วันที่ 3 พฤษภาคม 2556 คนร้ายชาวเม็กซิกัน หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาภายในอพาร์ทเม้นท์ของคนไทยเจ้าของห้องหลบขังตัวอยู่ในห้องน้ำ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วย คนร้ายไม่ยอมมอบตัวตามคำสั่ง เลยโดนวิสามัญ

เหตุเกิดขึ้นที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งใกล้โรงพยาบาล USC เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2556 เวลาประมาณ 22.00 น. เศษ ได้มีคนร้ายเป็นชายชาวเม็กซิกัน หนีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาภายในอพาร์ทเม้นท์ของนางวัลลภา และนายสุรินทร์ ปรมกุล เจ้าของร้านอาหาร “สิชา” เลขที่ 4403 Eagle Rock St. Los Angeles, CA 90041 ซี่งได้พักอาศัยอยู่ร่วมกับลูกชาย คนร้ายได้ทุบกระจกหน้าต่างแล้วแอบเข้ามาในห้องเพื่อหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกค้นหากันจ้าละหวั่น ทั้งทางบก และทางอากาศ โดยมีเฮลิคอปเตอร์บินวนเวียนฉายไฟตามหาคนร้ายรายนี้

สองสามีภรรยา เมื่อเห็นคนร้ายบุกรุกเข้ามาในอพาร์ทเม้นท์ ก็เลยพากันไปแอบซ่อนตัวอยู่ในบริเวณห้องน้ำ พร้อมทั้งโทรศัพท์ไปบอกให้ลูกชายทราบว่าเธอและสามีขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ แต่ไม่กล้าออกไปเพราะไม่รู้ว่าคนร้ายจะทำอันตรายหรือเปล่า โดยให้ลูกชายโทรศัพท์ไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งให้ทราบว่าเจ้าของบ้านหลบอยู่ในห้องน้ำ ในอพาร์ทเม้นท์นี้

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ความช่วยเหลือ 2 สามีภรรยา โดยให้ทุบกระจกห้องน้ำแล้วนำตัวออกมา ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งทราบแน่นอนแล้วว่า คนร้ายอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ห้องนี้ จึงประกาศให้คนร้ายออกมามอบตัว แต่คนร้ายไม่กระทำตาม เจ้าหน้าที่จึงยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปในห้อง ปรากฏว่าคนร้ายทนแก๊สน้ำตาไม่ไหว วิ่งออกมาจากบ้านและใช้อาวุธปืนต่อสู้ ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงโดนตำรวจวิสามัญจนเสียชีวิต

“ชัย”หมิ่นนายกฯ หญิงชั่วเร่ขายชาติ !

ภายหลังจาก “ชัย ราชวัตร” นักเขียนการ์ตูนการเมืองอาวุโส โพสต์ข้อความลงเฟซบุคส่วนตัวพร้อมภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 โดยมีข้อความว่า

“โปรดเข้าใจ กะหรี่ไม่ใช่หญิงคนชั่ว กระหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงคนชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ”

ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

กระทั่งในช่วงค่ำของวันที่1พฤษภาคมมีการโพสต์ข้อความทางเฟซบุค จากนักวิชาการทั้งด้านประวัติศาสตร์และด้านรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าว สามารถประมวลความเห็นดังนี้

นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า ปรากฎการณ์การโพสต์เฟซซบุคเกี่ยวกับการเมืองและเรื่องเพศ ของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ “ชัย ราชวัตร” เป็นลางแพ้ของฝ่ายอำนาจเดิม บารมีเดิม

“ถ้าพิจารณาควบ กับ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และพรรคพวก ฯลฯ การขาดสติ การใช้คำหยาบคาย ของชัย ราชวัตร

น่าจะเป็น สัญญาน และ ลางแพ้ ของฝ่ายอำนาจเดิม บารมีเดิม ครับ

ทั้งนี้ นายชาญวิทย์ ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมในสเตตัสเดียวกันว่า ขณะนี้มีกลุ่มที่มีปัญหาก้าวไม่พ้น "ยิ่งลักษณ์" โดยก่อนหน้านี้มีปัญหาก้าวไม่พ้น "ทักษิณ"

"ถ้าพิจารณาต่อ น่าเชื่อว่า คนเหล่านั้น นอกจากจะ "ก้าวไม่พ้นทักษิณ" แล้ว ตอนนี้ จะประสบปัญหา ที่ยากยิ่งกว่านั้นอีก คือ "ก้าวไม่พ้นยิ่งลักษณ์" แน่นอน

ขณะที่นายเกษียร เตชะพีระ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า การด่าทอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในระยะหลัง สะท้อนภูมิปัญญาของฝ่ายอนุรักษ์นิยมไทยที่หมดท่า

“ถ้าการด่าทอดูหมิ่นผู้อื่นบนฐานชาติและเพศ(ซึ่งเป็นเรื่องติดตัวบุคคลมาแต่เกิดเลือกไม่ได้)เป็นเครื่องชดเชยความอ่อนแอบกพร่องทั้งเหตุผลและสติปัญญาแล้ว

เสียงระดมโหมด่าทอดูหมิ่นนายกฯยิ่งลักษณ์และพวกในระยะหลังนี้ ก็สะท้อนวิกฤตภูมิปัญญาของอนุรักษ์นิยมไทยชนิดสิ้นท่าหมดปัญญาจะทำอะไรอย่างอื่นได้แล้วไม่ต้องพูดถึงเอาชนะใจและชี้นำสังคมไทย”

ด้านน.ส.ชลิดาภรณ์ส่งสัมพันธ์อาจารย์คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุค Chalidaporn Songsamphan ระบุว่า การจัดให้ผู้หญิงเป็น กะหรี่ สะท้อนความกลัวต่อการที่ผู้หญิงไม่สยบยอม ขณะเดียวกันเป็นการยกย่องในทางอ้อม เนื่องจาก หากไม่มีความกล้าและไม่เข้มแข็ง ก็เป็นกะหรี่ไม่ได้

“ผู้หญิงขบถ เรื่องเพศ/ความคิด/วิถีชีวิตมักถูกสถาปนาให้เป็นกะหรี่ การจัดให้ผู้หญิงเป็นกะหรี่สะท้อนความกลัวอำนาจของการไม่สยบยอมของเธอ

สำหรับข้าพเจ้าการถูกตีตรากะหรี่คือการยกย่องทางอ้อมในความไม่สยบยอมและขัดขืนกรอบความเป็นหญิงดีที่กำกับชีวิตไม่กล้าและเข้มแข็งมากๆเป็นกะหรี่ไม่ได้ค่ะ”

ทั้งนี้นายเกษียรได้ให้ความเห็นต่อสเตตัสของน.ส.ชลิดาภรณ์ว่าไม่แน่ว่าคนอื่นๆ อาจจะมีความเห็นแตกต่างจาก น.ส.ชลิดาภรณ์ เพราะหากใครถูกเรียกว่า กะหรี่ คงไม่ได้รอรับฟังเหตุผลที่ดีดังกล่าว

“คำที่สำคัญที่สุดในข้อความของอ.ชลิฯข้างต้นคือ"สำหรับข้าพเจ้า..."นะครับ สำหรับคนอื่นไม่แน่ และเขาย่อมอาจประเมินค่าและคิดต่างไปตามฐานทรรศนะและประสบการณ์ของเขา ทรรศนะและประสบการณ์ของเขาอาจผิด ไม่รอบด้าน บกพร่อง ฯลฯ แต่เขาคิดแบบนั้นอ่ะ และเมื่อเขาถูกเรียกด้วยถ้อยคำดังกล่าว เขาก็อาจรู้สึกต่างไปจาก อ.ชลิฯ ก็เป็นได้ ม่ายงั้นพรุ่งนี้เช้า อาจมีใครไปยืนที่สถานี BTS และโดยไม่ต้องถามไถ่ความรู้สึกความเห็นใคร ก็ชี้หน้าเรียกแต่ละคนที่เดินผ่านว่า "กะหรี่" และบอกว่าอย่าโกรธผมเลย มีเหตุผลดี ๆ กว่าของคุณอยู่ที่อ.ชลิฯ ฯลฯ” - คอมเมนท์จาก Kasian Tejapira

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun หลายสเตตัส เกี่ยวกับชัย ราชวัตร โดยมีสเตตัสหนึ่ง ที่โพสต์เป็นข้อความเสียดสีว่า

“Welcome to กะหรี่แลนด์ ..ดินแดนที่อาชีพกะหรี่นำรายได้เข้าประเทศมากมาย ...ดินแดนที่กะหรี่มีอยู่ในทุกชุมชุนไม่ว่าชุมชนนักหนังสือพิมพ์ศิลปินหรือแม้แต่ในกลุ่มสตรีสูงศักดิ์ ....ดินแดนที่ทุกลมหายใจสูดเข้าออกเป็นกะหรี่มึนเมาถึงขนาดป้ายสีคนที่ไม่ใช่กะหรี่ว่าเป็นกะหรี่แต่ที่เป็นกะหรี่จริงๆกลับไม่มีใครกล้าแตะ” นอกจากนี้ในโลกออนไลน์ยังมีการแชร์ข้อความนัดหมายไปประท้วง "ชัย ราชวัตร" ในวันที่ 2 พฤษภาคมด้วย

‘แซนด์-ชยิกา’ เป็นห่วงปชป. ยื่นหนังสือประจานตนเอง

วันที่ 2 พฤษภาคม 2556 เวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หลานสาวนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (บุตรสาวนางเยาวเรศ ชินวัตร) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว http://www.facebook.com/Sand.Chayika ข้อความดังนี้

เมื่อเย็นวันอังคารที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมาได้มีโอกาสฟัง น.พ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กับคลื่นวิทยุ FM 101 RR One กรณีการปาฐกถาพิเศษของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่ประเทศมองโกเลีย เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2556 ที่ผ่านมาเลยเก็บมาเล่าให้ฟังค่ะ

พิธีกรผู้ดำเนินรายการได้นำข้อสังเกต และคำถามจากหลายฝ่ายมาถามว่า “การปาฐกถาครั้งนี้ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพราะไม่ได้พูดถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการรัฐประหารหรือไม่”???

“น.พ.ทศพร" ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นๆกับคำถามร้อนๆนี้ ว่า “อันที่จริงบ้านเมืองเราจะเป็นอย่างไร ก็ว่ากันไปในเวทีสาธารณะได้ ถ้าเกิดการทุจริตก็ต้องตรวจสอบกันไป แต่ไม่ควรใช้กำลังทหารมาปฏิวัตินะครับ”

สิ้นเสียงตอบของโฆษกประสำนักนายกรัฐมนตรี พิธีกรก็ถามต่ออีกว่า “แล้วท่านโฆษกฯ คิดอย่างไรกับการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหนังสือถึงประธานาธิบดีมองโกเลียในฐานะเจ้าภาพผู้จัดการประชุมประชาคมประชาธิปไตย”“น.พ.ทศพร" ตอบ “เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านอยู่แล้วครับ ดีแล้วครับ ถ้าฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยยังไงก็ให้แสดงออกตามเวทีสาธารณะดีแล้ว ต้องปล่อยเขาไปครับ ดีกว่าให้เอากำลังทหารมาบังคับจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารครับ”

ส่วนตัวขอตั้งคำถามว่า การยื่นจดหมายเปิดผนึกแม้เป็นเรื่องที่ทำได้แต่ประชาคมโลกจะเชื่อหรือไม่ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยเป็นรัฐบาลที่มาจากผลพวงของการรัฐประหาร เปรียบเสมือน “เด็กที่แย่งของเล่นเพื่อนมา แล้วถือของเล่นนั้นอยู่ในมือ แต่บอกไม่ได้ขโมย แล้วไปฟ้องครูเพื่อให้ครูตีเพื่อน”

อีกประการหนึ่ง คือการประชุมระดับเวทีโลกเช่นนี้ คงต้องมีผู้สื่อข่าวต่างประเทศเข้ารับฟัง รับชมเป็นจำนวนมาก ถ้าสิ่งที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ พูดในเวทีโลกไม่เป็นความจริงก็คงไม่รอดพ้นจากการวิพากษ์วิจารณ์จากสำนักข่าวต่างประเทศแน่ๆ จะเห็นได้จากตัวอย่างเมื่อครั้งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีพยายามชี้แจงว่า “ไม่เคยสั่งใช้กระสุนเพื่อสลายการชุมนุม” ในรายการหนึ่งของ BBC ที่โดนพิธีกรรายการต้อนถามจนจำนนต่อภาพความจริงที่ขัดแย้งมาแล้ว ดีไม่ดี อาจจะกลายเป็นการประจานตัวเองอีกครั้ง ตรงนี้น่าเป็นห่วงกว่าหรือเปล่าคะ!!!