ข่าว
'ณัฐวุฒิ' เย้ย 'สุเทพ' ส.ว.ไม่ร่วมหานายกฯ

เลขาฯ นปช. ชี้ท่าทีของ ส.ว. วันนี้ ไม่เหลือความหวังตามข้อเรียกร้องให้ 'สุเทพ'แล้ว ย้ำระดมมวลชนมากที่สุด 17-19 พ.ค. ลั่นหากสถานการณ์วิกฤติจะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา...

เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 1 พ.ค. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ปราศรัยบนเวทีการชุมนุม ถ.อักษะ โดยระบุถึงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส. กับนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา แถลงท่าทีของวุฒิสภา 3 ข้อกรณีทางออกประเทศ พร้อมทิศทางการชุมนุมของ นปช.

ทั้งนี้ นายจตุพร ระบุว่า ขณะนี้ ระหว่างนายสุเทพและนายสุรชัยจบลงแล้วหลังผลประชุมของวุฒิสภาออกมา อย่างไรก็ตาม จะชุมนุมใหญ่ 3 วันติด จะระดมมวลชนทั่วประเทศให้มากที่สุดระหว่างวันที่ 17-19 พ.ค. ส่วนการยกระดับการชุมนุมนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

มีรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาฯ นปช. ปราศรัยว่า นายสุเทพต้องการให้นายสุรชัย และวุฒิสภาตอบสนองกรณี นายกฯ ม.7 แต่ไม่เป็นผล นายสุรชัย มีคำตอบระมัดระวังที่สุดต่อนายสุเทพและมวลชน ที่ประชุมวุฒิสภาไม่เหลือความหวังให้นายสุเทพแล้ว

เลขาฯ นปช. ระบุอีกว่า อยากให้นายสุเทพใช้ความเป็นแกนนำพูดความจริงกับมวลชน ขอให้เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายจริงๆ ดังที่เคยพูด จะได้ยุติ นอกจากนั้น ยังอยากเห็นท่าที ผบ.ทบ.ตามแถลงการณ์กรณีนายสุเทพจะเรียกข้าราชการระดับสูงไปรายงานตัวในวันที่ 19 พ.ค. อย่างไรก็ตาม วัน 17-19 พ.ค.นี้ ระดม นปช.ทั่วประเทศเต็มที่ กรณีถ้าจำเป็นสถานการณ์วิกฤติก็จะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา.

ศาลยกคำร้อง'DSI'ขอฝากขัง'สมบัติ'

ศาลยกคำร้อง 'ดีเอสไอ' ขอฝากขัง 'สมบัติ ธำรงธัญวงศ์' หลังถูกจับตามหมายจับร่วมแกนนำกปปส.เป็นกบฏ ชี้ออกหมายจับเพื่อให้นำตัวส่งอัยการยื่นฟ้องคดีเท่านั้น

16 พ.ค. 57 เมื่อเวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล 3 ได้นำตัว นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และแกนนำ กปปส. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับคดีกบฏ และข้อหาหนักอื่นๆ เดินทางมายังอาคารสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถ ภายในสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โดยนายสมบัติ ยอมรับว่า เป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำประวัติ

ต่อมาเวลา 11.45 น. นายสมบัติ เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลาประมาณ 09.00 น. ตนเดินทางไปทำงานที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ตามปกติ ไม่ได้คิดจะหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายจับไปเชิญตัวมา ทั้งนี้ เมื่อศาลออกหมายจับ บรรดานักวิชาการของ กปปส.ได้ปรึกษาหารือกันว่า จะมารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้วในสัปดาห์หน้า ไม่ได้คิดหลบหนีไปไหน เพราะเราเชื่อว่าข้อกล่าวหาแบบนี้ ที่สุดแล้วในชั้นศาลจะสามารถต่อสู้ได้ เนื่องจากพวกเราเป็นนักวิชาการมาให้ความรู้เรื่องการเมือง และเป็นการมาชุมนุมตามสิทธิ เสรีภาพ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งในมาตรา 27 องค์กรของรัฐต้องให้ความคุ้มครองเราด้วย เพราะการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 องค์กรของรัฐทุกองค์กรต้องปฏิบัติตาม และให้การคุ้มครองเราด้วย แต่ว่าการที่ศาลออกหมายจับตามคำขอของอัยการ ซึ่งขณะนี้เรื่องก็ยังไม่ค่อยเรียบร้อย

"เขาก็ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ซึ่งประมวลกฎหมายอาญามาตราดังกล่าว มีศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ แต่เรามาใช้สิทธิ์ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ"

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าพนักงานสอบสวน จะไม่ให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน นายสมบัติ กล่าวว่า ตนไม่รู้สึกกังวลอะไร ชีวิตตนเป็นนักต่อสู้ตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ เป็นผู้นำนักศึกษาเหตุการณ์ 14 ตุลา เรื่องที่เกิดขึ้นในแง่ของการจะทำให้เสียกำลังใจ หวาดกลัวคงไม่มี เรายังมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำ ซึ่งหน้าที่หลักในการมาร่วมชุมนุมกับ กปปส.คือการให้ความรู้ ความเห็นทางวิชาการเป็นหลัก

นายสมบัติ กล่าวว่า หลังจากถูกจับ ยังไม่ได้คุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. แต่คุยกับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย และนายถาวร เสนเนียม และแกนนำอีกหลายคนแล้ว บอกว่าไม่ต้องห่วง เพราะ กปปส.มีทีมทนายที่ส่งมาอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ จะใช้ตำแหน่งมาประกันตัวให้ เนื่องจากเป็นข้าราชการระดับ 10

เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะเคลื่อนไหวกับ กปปส.ต่อหรือไม่ นายสมบัติ กล่าวว่า เรื่องการต่อสู้คงหยุดไม่ได้ เราจะใช้สิทธิ์ของเราตามรัฐธรรมนูญ เท่าที่ผ่านมา ศาลได้รับรองว่าเป็นการใช้สิทธิ์ตามมาตรา 63 แต่หากมีเงื่อนไขอื่นๆ เพิ่มเติมก็ให้เป็นเรื่องของอนาคต

ศาลยกคำร้อง 'DSI' ขอฝากขัง 'สมบัติ'

เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.ไกรวิทย์ อรสว่าง รอง ผบ.สำนักการเงิน และธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสยบไพรี ของ บช.ปส. ประมาณ 10 นาย พร้อมอาวุธ ควบคุม นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมได้ ตามหมายจับศาลอาญา ที่อัยการมีความเห็นควรสั่งฟ้องร่วมกันแกนนำ กปปส.เป็นกบฏ และความผิดอื่น รวม 8 ข้อหา มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 - 27 พ.ค. นี้ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจสอบพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ต้องหา และอื่นๆ ซึ่งท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้คัดค้านการปล่อยชั่วคราวด้วย เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาอาจจะไปขึ้นเวทีปราศรัยปลุกระดมมวลชน และกระทำผิดซ้ำอีก

ขณะที่นายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทีมทนายความ กปปส. ก็ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใช้ตำแหน่งของ รศ.ดร.ประดิษฐ์ วรรณรัตน์ อธิการบดี นิด้า เป็นหลักทรัพย์ แต่อย่างไรก็ดี ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับผู้ต้องหา โดยระบุในหมายจับว่า ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจควบคุมผู้ถูกจับได้เพียงเท่าที่จำเป็นในการนำตัวส่งฟ้องต่อศาลเท่านั้น เจ้าพนักงานตำรวจจึงมีหน้าที่ต้องส่งตัวผู้ต้องหา ให้แก่พนักงานอัยการเพื่อให้พนักงานอัยการนำตัวมาฟ้องคดีต่อศาลเท่านั้น พนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบสวนต่อ หรือสอบสวนเพิ่มเติมไม่ได้ จึงไม่มีเหตุที่จะขอฝากขังผู้ต้องหา ดังนั้นให้ยกคำร้องฝากขังดังกล่าว

ภายหลังนายวันธงชัย ชำนาญกิจ ทีมทนายความ กปปส. กล่าวว่า ศาลมีคำสั่งยกคำร้องฝากขังของดีเอสไอ เนื่องจากเห็นว่าพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการผิดจากที่เคยแถลงต่อศาล ว่าอัยการพร้อมนำสำนวนและผู้ต้องหายื่นฟ้องต่อศาล แต่อย่างไรก็ดี ทราบว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ กำลังประสานอัยการเพื่อยื่นฟ้องศาลให้ทันภายในวันนี้ ทั้งนี้หากอัยการยังยื่นฟ้องไม่ทัน ตามขั้นตอนก็ต้องปล่อยตัวนายสมบัติไปก่อน เพราะเจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจควบคุมตัว

ผบ.ทบ.ออกแถลงการณ์ 7 ข้อ อาจใช้กำลังทหาร ถ้าจำเป็น

ผบ.ทบ.ออกแถลงการณ์ 7 ข้อ ขอช่วยกันนำประเทศออกจากความขัดแย้งโดยเร็ว กร้าว!อาจใช้กำลังทหารเข้าคลี่คลาย หากจำเป็น เรียกร้องทุกฝ่าย หยุดสร้างความรุนแรง ประณามคนร้ายทำให้ ปชช.เสียชีวิต ต้องหยุดไม่เช่นนั้นขู่ใช้มาตรการเด็ดขาด

วันที่ 15 พ.ค. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษก ทบ.ชี้แจง คำแถลง ผบ.ทบ. 1.ขอเป็นกำลังใจให้ทุกพวกทุกฝ่ายที่กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมือง เพื่อนำประเทศชาติไปสู่ความสงบเรียบร้อย ทั้งด้วยวิธีการทางกฎหมายก็ดี หรือการพูดคุยเจรจาก็ดี หรือสันติวิธีอื่นๆ ก็ดี อย่างไรก็ตาม การใช้ช่องทางตามกฎหมาย หรือการพูดคุยประชุมหารือกัน อาจไม่ประสบผลมากนักในห้วงเวลานี้ เพราะมีข้อถกเถียงและโต้แย้งมากมาย และอาจไม่ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งมีแนวโน้มเกิดความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นทุกฝ่ายควรดำเนินการด้วยวิธีการอันสงบสันติ ไม่สร้างเงื่อนไขและปัญหาเพิ่มมากขึ้น ต้องหยุดสร้างความรุนแรง และช่วยกันนำพาประเทศชาติออกจากความขัดแย้งให้ได้โดยเร็ว

2.จากสถานการณ์การใช้อาวุธเมื่อคืนวันที่ 14 พ.ค.57 ซึ่งมีทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้กระทำ ล้วนแต่เป็นการกระทำผิดกฎหมายทั้งสิ้น จึงขอให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ช่วยกันประณามทุกฝ่ายที่ใช้ความรุนแรง และใช้อาวุธสงครามต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งขอให้ส่งข้อมูลหรือเบาะแสให้กองทัพบกทันทีเมื่อได้รับทราบ

3.การที่หลายฝ่ายกล่าวพาดพิง ผบ.ทบ และผบ.เหล่าทัพว่า อยู่เฉย ไม่ดำเนินการใดๆ ขอเรียนว่า กองทัพได้ดำเนินการทุกอย่าง มาด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาในครั้งนี้ มีความซับซ้อน และมีผลกระทบในหลายมิติ

4. ขอเตือนผู้ที่กล่าวให้ร้ายกองทัพ ให้ระมัดระวังคำพูด ซึ่งถือว่า เป็นการหมิ่นเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของกองทัพทหารทุกคนไม่สามารถยอมรับได้

5.ขอเตือนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธสงครามต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ให้หยุดการกระทำนั้นตั้งแต่บัดนี้ เพราะหากสถานการณ์ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทหารอาจจำเป็น ต้องออกมาระงับเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและประเทศชาติโดยรวม

6.หรือหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้น จนมีแนวโน้มถึงขั้นจะเกิดการจลาจล เพื่อความสงบเรียบร้อย กองทัพอาจมีความจำเป็นต้องใช้กำลังทหารเข้าคลี่คลายสถานการณ์ ในขั้นนั้นหากมีผู้หนึ่งผู้ใด หรือกลุ่มบุคคล หรือกองกำลังติดอาวุธ ตอบโต้กองทัพ หรือทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์อีก บุคคลผู้นั้น หรือกลุ่มบุคคลนั้นจะต้องถูก จนท.ใช้มาตรการทางกฎหมายปราบปรามอย่างเด็ดขาด โดยผู้ที่กระทำความผิดดังกล่าวอาจจะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ได้ เช่นกันกับกลุ่มบุคคลที่มีความคิด จะบุกรุกหรือปิดล้อมหน่วยทหาร ขอให้ยุติแนวคิดการกระทำดังกล่าวโดยทันที

7. กองทัพเป็นของ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนคนไทยทุกคน มิได้เป็นของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่กองทัพก็ต้องปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ และประชาชน เมื่อมีความจำเป็น อย่างเต็มความสามารถ