ข่าว
สหรัฐฯ เปิดก่อน!! สั่งยึดบิตคอยน์ 4.9 แสนล้าน ‘เฉิน จื้อ’สแกมเมอร์จีน-เขมรตัวเป้ง

มีรายงานล่าสุดว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) สั่งยึด Bitcoin ของนายเฉินจื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา มูลค่าหลายพันล้านจากกลโกงคริปโต ครั้งใหญ่ในกัมพูชา

นายเฉิน จื้อ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าดำเนินค่ายแรงงานบังคับในกัมพูชา โดยบังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกายและทรมาน ที่ถูกค้ามนุษย์ดำเนินการฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัล และสามารถกวาดเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์

สหรัฐ กล่าวว่า เฉิน จื้อ แห่ง Prince Holding Group และพวกพ้องของเขาถูกกล่าวหาว่าสร้างรายได้มากถึง 30 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวันจากการหลอกลวงครั้งหนึ่ง และฉินเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และบิดาของเขา อดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน และได้รับเกียรติด้วยบรรดาศักดิ์ “ออกญา” ซึ่งเทียบเท่ากับขุนนางอังกฤษ และไทยในอดีต

เฉิน จื้อ ชายวัย 37 ปี ซึ่งรู้จักกันในชื่อวินเซนต์ เป็นผู้ก่อตั้ง Prince Holding Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่ทางการระบุว่าทำหน้าที่เป็นฉากหน้าของ "หนึ่งในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย" ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ

กระทรวงยุติธรรมยังได้ยื่นฟ้องริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยยึด Bitcoin ได้ประมาณ 127,271 บิตคอยน์ คิดเป็นมูลค่าราว 15,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 4.9 แสนล้านบาท ในราคาปัจจุบัน

“การดำเนินการในวันนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่สำคัญที่สุดในการปราบปรามการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงทางการเงินผ่านไซเบอร์ ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงระดับโลก” อัยการสูงสุด แพม บอนดี กล่าว

มีรายงานว่าเฉินได้สั่งการให้มีการบังคับใช้แรงงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกัมพูชา โดยมีการกักขังแรงงานค้ามนุษย์หลายร้อยคนไว้ในสถานที่คล้ายเรือนจำที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและลวดหนาม

ปีที่แล้ว ชาวอเมริกันสูญเสียเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับการหลอกลวงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 66% จากปี 2023 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุ และเรียก Prince Holding Group ว่าเป็น “ผู้เล่นหลัก” ในอุตสาหกรรมนี้ ทางการจีนได้ดำเนินการสืบสวนบริษัทนี้ในข้อหาหลอกลวงทางไซเบอร์และการฟอกเงินมาตั้งแต่ต้นปี 2020 ตามบันทึกของศาลที่ตรวจสอบโดยสถาบันสันติภาพสหรัฐฯ

ภายใต้การคุกคามของความรุนแรง พวกเขาถูกบังคับให้ดำเนินการตามกลลวงที่เรียกว่า "การฆ่าหมู" ซึ่งเป็นแผนการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างความไว้วางใจกับเหยื่อในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะขโมยเงินของพวกเขาไป แผนการดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลก ทำให้เกิดการสูญเสียนับพันล้าน

ศูนย์หลอกลวงทั่วทั้งกัมพูชา เมียนมาร์ และภูมิภาคอื่นๆ ใช้โฆษณาหางานปลอมเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ ซึ่งหลายคนเป็นชาวจีน ให้มาทำงานในสถานที่ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ โดยคนเหล่านี้ถูกบังคับให้ฉ้อโกงทางออนไลน์ภายใต้ภัยคุกคามของการทรมาน

เฉินเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ติดตามผลกำไรและแผนการต่างๆ และยังมีภาพการทุบตีและการทรมานเหยื่ออีกด้วย เขาพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับการลงโทษผู้ที่ “ก่อปัญหา” แต่เน้นย้ำว่าคนงาน “ไม่ควรถูกตีจนตาย” ผู้หลอกลวงมักติดต่อเหยื่อผ่านแอปส่งข้อความหรือโซเชียลมีเดีย โดยสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงจากการลงทุน ตามที่ฟ้องระบุ

นับตั้งแต่ประมาณปี 2015 Prince Group ได้ดำเนินกิจการในกว่า 30 ประเทศภายใต้ข้ออ้างของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน และผู้บริโภคที่ถูกกฎหมาย อัยการกล่าว

เฉินและผู้บริหารระดับสูงถูกกล่าวหาว่าใช้อิทธิพลทางการเมืองและติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหลายประเทศเพื่อปกป้องการดำเนินงาน รายได้ส่วนหนึ่งถูกฟอกเงินผ่านการพนันและการขุดสกุลเงินดิจิทัลของ Prince Group เอง

เจ้าหน้าที่เผยว่าเงินที่ถูกขโมยไปนั้นจะถูกนำไปใช้ในการซื้อของหรูหราต่างๆ รวมถึงนาฬิกา เรือยอทช์ เครื่องบินส่วนตัว บ้านพักตากอากาศ และภาพวาดของปิกัสโซที่ซื้อจากบ้านประมูลแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก

เฉินอาจต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 40 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงทางสายโทรศัพท์และสมคบคิดฟอกเงิน

ในการดำเนินการประสานงานกัน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อังกฤษได้อายัดทรัพย์สิน 19 แห่งในลอนดอน มูลค่ากว่า 100 ล้านปอนด์ ซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายของเฉิน รวมถึงคฤหาสน์มูลค่า 12 ล้านปอนด์ในลอนดอนตอนเหนือ

มาตรการคว่ำบาตรยังมุ่งเป้าไปที่ Qiu Wei Ren ผู้ร่วมงานของ Chen ซึ่งเป็นคนสัญชาติจีนที่มีสัญชาติกัมพูชา ไซปรัส และฮ่องกงอีกด้วย

การสืบสวนของ AFP เมื่อวันอังคารพบว่าศูนย์หลอกลวงในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่เดือนหลังจากการปราบปรามในประเทศดังกล่าว

จีน ไทย และเมียนมาร์ บังคับให้กองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลทหารของเมียนมาร์ซึ่งปกป้องศูนย์เหล่านี้สัญญาว่าจะปิดศูนย์เหล่านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยปล่อยตัวผู้คนไปประมาณ 7,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองจีน

แต่ระบบคอลเซ็นเตอร์แบบโหดกำลังกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในเมียนมาร์ โดยขณะนี้ใช้ระบบดาวเทียม Starlink ของ Elon Musk เพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

ขอบคุณเนื้อหาจาก : Army Military Force

'พ่อค้าหมูปิ้ง-ไก่ปิ้ง'สบายใจ! 'จักรพล'กาง'พรบ.อากาศสะอาด'เน้นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม อดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า จากที่มีนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมออกมาแสดงข้อกังวลเรื่องการค้าขายของพ่อค้าหมูปิ้งไก่ปิ้งว่าจะต้องโดนปรับจาก พ.ร.บ.อากาศสะอาด เป็นแสนเป็นล้านหรือไม่จากการประกอบอาชีพที่มีการปล่อยควัน

ผมขอเรียนว่า พ.ร.บ.อากาศสะอาด มีการกำหนดประเภทรายการ ชนิด สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศต่อรัฐมนตรีครับ ซึ่งคณะกรรมการเศรษฐศาสตร์จะเป็นผู้เสนอ ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 23/7 (2)

รวมทั้งในหมวด 6 ส่วนที่ 2 เรื่องค่าธรรมเนียมเพื่ออากาศสะอาด ที่มาตรา 68/3 มีการกำหนดอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต ผู้นำเข้าตามกฎหมายว่าด้วยกฎหมายศุลกากร หรือผู้ประกอบการ สำหรับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมอากาศ เช่น เครื่องจักรอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำมัน ก๊าซ ถ่านหิน เชื้อเพลิงฟอสซิล หรือสินค้าหรือผลิตภัณฑ์อื่นที่มีแนวโน้มสูงในการระบายสารมลพิษทางอากาศตามคำแนะนำของคณะกรรมการเศรษฐศาสตร์ และจะมีการออกกฎหมายลำดับรอง เช่น ประกาศเรื่องการกำหนดประเภท รายการ ชนิด ขนาดของสินค้า ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ซึ่งแน่นอนว่าไม่รวมผู้ประกอบการรายย่อยอย่างหมูปิ้ง ไก่ย่าง เพราะเราเน้นผู้ที่ปล่อยสารมลพิษสูงและเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ครับ ขอให้ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้ารายย่อย สบายใจในตรงนี้ว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้จะกำหนดประเภทกิจการที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพื่ออากาศสะอาดอย่างเหมาะสมครับ


หนักสุดในรอบ20ปี! น้ำป่าจากเทือกเขาหลัก-เขาโตนถล่ม ถนนเพชรเกษมถูกตัดขาด

วันที่ 22 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ เขาหลัก ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ฝนตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน ‘เฟิงเฉิน’ ส่งผลให้น้ำป่าจากเทือกเขาหลักและเขาโตนไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ชุมชนแหล่งท่องเที่ยวเขาหลัก-นางทอง เป็นวงกว้าง โดยสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ถูกประเมินว่า รุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อโรงแรม ร้านค้า และบ้านเรือนประชาชน

โดย ถนนสายเพชรเกษม ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางระหว่างตะกั่วป่าและภูเก็ต ถูกน้ำท่วมสูงในหลายช่วง จนรถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ การจราจรบนถนนเพชรเกษมสายตะกั่วป่า - อ.ท้ายเหมือง ถูกน้ำท่วมขังเป็นระยะทางยาว สร้างความยากลำบากในการสัญจร

จึงทำให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาหลัก, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอตะกั่วป่า, เทศบาลตำบลคึกคัก, เจ้าหน้าที่กู้ภัย, และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องระดมกำลังเข้าอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ แต่เนื่องจากมีน้ำเหนือไหลลงมาสมทบอย่างต่อเนื่อง การระบายน้ำจึงเป็นไปอย่างล่าช้า

ทางจังหวัดพังงาได้สั่งการให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์ว่า จะมีฝนตกหนักในพื้นที่ต่อไปอีกหลายวันจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน ‘เฟิงเฉิน’ พร้อมขอให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ติดตามข้อมูลข่าวสารและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด


โวย‘ค่าอาหารแพง’! นทท.โพสต์ร้องเรียน ‘นอภ.บ่อเกลือ’รุดตรวจสอบ กำชับแนวปฏิบัติ

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.น่าน ว่า เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 นายวุฒิพงษ์ แก้วปาเฟือย นายอำเภอบ่อเกลือ จ.น่าน มอบหมายให้ นายชนาธิป พรมมี ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดน อ.บ่อเกลือ ที่ 12 ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์โพสต์ร้องเรียนเรื่อง “อาหารราคาแพง” ของร้านอาหารแห่งหนึ่ง

นักท่องเที่ยวโพสต์ข้อความในเพจ “น่านน่าเที่ยว” ระบุว่า ได้เดินทางมารับประทานอาหารที่ร้าน และสั่งเมนู ข้าวผัดกะเพราไก่ โปะไข่เจียวหมูสับ แต่ได้รับแจ้งราคาที่สูงผิดปกติ คือ ข้าวกะเพราไก่ ราคา 80 บาท ไข่เจียวหมูสับ (คิดเป็นกับข้าว) ราคา 120 บาท โดยผู้โพสต์ระบุว่าไม่ได้รับการชี้แจงราคาก่อนสั่งอาหาร ทำให้เกิดความไม่เข้าใจ และเห็นว่าควรแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของฝ่ายปกครองอำเภอบ่อเกลือ พบว่า ผู้โพสต์ได้มารับประทานอาหารจริง เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 เวลา 11.07 น. โดยได้สั่งเมนู ข้าวกะเพราไก่พร้อมไข่เจียวหมูสับโปะหน้า และได้ย้ำรายการอาหารจำนวน 2 ครั้ง

ผู้ดูแลร้านให้ข้อมูลว่าข้าวกะเพราไก่ ราคา 80 บาท ไข่เจียวหมูสับ (กับข้าว) ราคา 120 บาท เป็นราคาจำหน่ายอาหารของร้านที่ใช้มาตั้งแต่เปิดกิจการจนถึงปัจจุบัน

เพื่อนของผู้โพสต์เป็นผู้ชำระค่าอาหารรวม 610 บาท และเดินทางกลับ โดยมิได้สอบถามราคากับทางร้านหรือพนักงานเพิ่มเติม

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเข้าใจคลาดเคลื่อนระหว่างผู้บริโภคและผู้ประกอบการ นายอำเภอบ่อเกลือ ได้มอบหมายให้ผู้ดูแลร้านดำเนินการ จัดทำ ป้ายราคาอาหารให้ชัดเจน ทั้งในเมนูและบริเวณภายในร้าน กำชับพนักงาน แจ้งราคาอาหารให้ลูกค้าทราบทุกครั้งก่อนรับออเดอร์ ดูแลการสื่อสารกับลูกค้าให้โปร่งใส และเป็นธรรมต่อผู้บริโภค

อำเภอบ่อเกลือขอความร่วมมือร้านค้าและผู้ประกอบการทุกแห่งในพื้นที่ แสดงราคาสินค้าและอาหารอย่างชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาเยือน


'กันจอมพลัง'เผยเปลี่ยนข้อบังคับถ้าเลิกมูลนิธิ ให้ทรัพย์สินเป็นของมูลนิธิอื่นที่น่าเชื่อถือ

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 หล้งมีการเปิดเผยข้อบังคับมูลนิธิกันจอมพลัง ที่ระบุใน หมวดที่ 11 การเลิกมูลนิธิ ข้อ 39 ถ้ามูลนิธิต้องเลิกล้มไปโดยมติของคณะกรรมการหรือโดยเหตุใดก็ตาม ทรัพย์สินทั้งหมดของมูลนิธิที่เหลืออยู่ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่ มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า ปรากฎว่า ในช่วงค่ำวันเดียวกัน "กันจอมพลัง" คอมเมนต์ในคลิปไลฟ์สดของตัวเองว่า "ส่วนข้อ 39 หากเลิกมูลนิธิ กันจอมพลัง ตอนนี้ผมให้ทีมงานดำเนินการเปลี่ยน ให้ทรัพย์สินทั้งหมดไปเป็นของมูลนิธิที่มีความน่าเชื่อถือและมั่นคงแห่งนึง ซึ่งปัจจุบันมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ก็ยังไม่ได้เลิกยังคงทำงานอยู่ และปัจจุบันไม่มีเงินออกไปที่มูลนิธิธรรมนัส เวลาจะคัดคนครับ"


ตร.เขมรจับไกด์นำเที่ยว โพสต์ปลุกปั่นเลียนแบบเนปาล ล้มล้างรัฐบาลกัมพูชา

22 ตุลาคม 2568 สำนักข่าว ขแมร์ไทม์ส ของกัมพูชารายงานว่า ไกด์นำเที่ยวจากเสียมราฐถูกศาลเทศบาลกรุงพนมเปญควบคุมตัวและตั้งข้อหาในข้อหายุยงปลุกปั่นผู้อื่น โดยเฉพาะเยาวชน ให้ล้มล้างรัฐบาล โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการกระทำของนักศึกษาชาวเนปาลเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

หมายจับลงวันที่ 18 ตุลาคม 2568 ระบุว่า ชายคนดังกล่าวคือ ปิน โพช อายุ 51 ปี ถูกตั้งข้อหาวางแผนล้มล้างรัฐบาลตามมาตรา 453 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หากถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาอาจต้องโทษจำคุก 5-10 ปี เขาถูกจับกุมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 และปัจจุบันถูกควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดีที่เรือนจำในกรุงพนมเปญ

พันโท อุก โสพัทธ์ จากกรมป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ประจำจังหวัดเสียมราฐ กล่าวว่า ปิน โพช อายุ 51 ปี ไกด์นำเที่ยวชื่อดังที่เคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดีย ถูกควบคุมตัวที่บ้านพัก หลังจากโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว มีเนื้อหาวิจารณ์การตอบสนองของรัฐบาลต่อกองทัพไทยที่ถูกกล่าวหาว่าเข้ามายึดครองที่ดินของประชาชนชนชาวกัมพูชาในหมู่บ้านโจกเจยและเปรยจัน (บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว)

โดยนอกจากวิจารณ์แล้ว 'ปิน โพช' ยังสนับสนุนให้เยาวชนเลียนแบบชาวเนปาลในการท้าทายอำนาจรัฐบาล หลังจากถูกจับกุม เขาถูกส่งตัวไปยังสถานีตำรวจนครบาลพนมเปญเพื่อสอบสวนและดำเนินคดี

ยี ซกซาน ผู้ตรวจสอบอาวุโสของสมาคมสิทธิมนุษยชนและการพัฒนากัมพูชา กล่าวว่า ข้อกล่าวหาต่อโพชเป็นเรื่องร้ายแรง เพราะเขาเพียงแสดงความคิดเห็นที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำรัฐบาลเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดน

ยี ซกซาน กล่าวเสริมว่า ชาวกัมพูชาจำนวนมากมีความกังวลเกี่ยวกับบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของประเทศ เนื่องจากข้อพิพาทชายแดนที่ยังคงดำเนินอยู่กับไทย ทำให้บางคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับการกระทำของรัฐบาลอย่างเปิดเผยบนเฟซบุ๊ก เขาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะผู้นำรัฐบาล ปล่อยตัวโพชและนักโทษทางความคิดคนอื่นๆ มีรายงานระบุว่า ณ เดือน ต.ค. 68 มีผู้ถูกจับกุมและตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นในกัมพูชามากกว่า 80 คนแล้ว

สุดสลด! สาวเกาหลีใต้จุดไฟเผาแมลงสาบ ทำไฟไหม้อพาร์ตเมนต์เพื่อนบ้านดับ1ราย

21 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตำรวจเมืองโอซัน จังหวัดคย็องกี เตรียมขอหมายจับหญิงวัย 20 ปี หลังเกิดเหตุไฟไหม้อพาร์ตเมนต์จากการใช้ไฟแช็กและสเปรย์ไวไฟทำเป็นเครื่องพ่นไฟไล่แมลงสาบ จนลุกลามกลายเป็นโศกนาฏกรรม มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บหลายคน

เหตุเกิดขึ้นเมื่อหญิงรายดังกล่าวพยายามกำจัดแมลงสาบภายในห้องพัก ด้วยการจุดไฟเผาสเปรย์ไวไฟ ซึ่งเป็นวิธีที่เธอเคยใช้มาก่อนโดยไม่เกิดปัญหา แต่ครั้งนี้เพลิงกลับลุกลามอย่างรวดเร็ว ทำให้ทั้งอาคารถูกไฟคลอกและเกิดควันหนาทึบ

ผู้เสียชีวิตเป็นหญิงชาวจีนวัยประมาณ 30 ปี อาศัยอยู่บนชั้น 5 ของอพาร์ตเมนต์กับสามีและลูกน้อยวัยเพียง 2 เดือน โดยทั้งคู่พยายามเปิดหน้าต่างร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนจะส่งลูกให้เพื่อนบ้านในตึกใกล้เคียงช่วยรับไว้ได้อย่างปลอดภัย

สามีของผู้ตายสามารถปีนข้ามไปยังอาคารข้างเคียงได้สำเร็จ แต่ภรรยาพยายามตามออกไปและพลัดตกลงมา ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ตำรวจเชื่อว่า เหยื่อพยายามหลบหนีออกทางหน้าต่างเนื่องจากควันไฟหนาทึบปิดกั้นบันได ซึ่งเป็นทางออกหลักของอาคาร

อพาร์ตเมนต์ดังกล่าวมีร้านค้าอยู่ชั้นล่าง และห้องพักอีก 32 ยูนิต ตั้งแต่ชั้น 2 ถึงชั้น 5 โดยเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ทำให้ผู้อยู่อาศัยอีกอย่างน้อย 8 ราย ได้รับบาดเจ็บจากการสูดควันไฟ

ทางเจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อหากับหญิงต้นเพลิง ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และก่อให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท