ชาวเน็ตไม่ปลื้ม ครอบครัวสิงคโปร์มีประเพณีสืบต่อรุ่นต่อรุ่น ล้อมวงนั่งดูลูกชายของบ้านมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาครั้งแรก คอยให้คำปรึกษาและส่งเสียงเชียร์อยู่ข้างเตียง
เว็บไซต์ข่าวมาเลเซีย “เดอะ คอเวอร์เรจ”รายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ว่า ชาวเน็ตสิงคโปร์ไม่ปลื้ม หลังครอบครัวแห่งหนึ่ง มีประเพณีแปลกที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นคือ สมาชิกทั้งหมดจะมารวมตัวกัน ล้อมวงนั่งดูลูกชายของบ้านมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาเป็นครั้งแรก
ตั้งแต่ทั้งคู่แต่งงานกันมา ครอบครัวดังกล่าวอาศัยอยู่ที่เขตวูดแลนด์ส นิวทาวน์ของสิงคโปร์ โดยผู้เป็นลุงของบ้านนี้เป็นคนถ่ายภาพ ขณะที่หลานชายกำลังอยู่บนเตียงนอนกับภรรยา นอกจากนี้ ยังได้โพสต์รูปดังกล่าวลงบนเครือข่ายสังคมออนลไน์ จนกระทั่งเกิดการแชร์ต่อๆ กันอย่างกว้างขวาง รวมทั้งได้รับเสียงวิจารณ์จากชาวเน็ตมากมาย
หนึ่งในสมาชิกครอบครัวเผยว่า แม้คนอื่นจะมองว่า การมานั่งล้องวงดูสิ่งนี้เป็นเรื่องแปลกแต่สำหรับครอบครัวนี้ ไม่มีสิ่งใดควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง มากไปกว่าการได้เห็นลูกชาย น้องชายหรือหลานชายมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก พวกเขามองว่า นี่เป็นขั้นสุดท้ายของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และถือเป็นโอกาสพิเศษ ที่จะได้เป็นพยานในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอีกหนึ่งชีวิต
ผู้เป็นลุงได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ครอบครัวของเขาก็มานั่งเป็นพยานการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ของเขาและภรรยาเช่นกัน สมาชิกหลายคนคอยให้คำปรึกษาและส่งเสียงให้กำลังใจ ผู้เป็นแม่ของเจ้าสาวเอง ก็นั่งอยู่ปลายเตียงคอยให้คำแนะนำกับลูกสาว ส่วนตัวเขาเองรู้สึกอุ่นใจ ตื่นเต้นน้อยลงหากมีครอบครัวอยู่ด้วย คราวนี้จึงได้ถ่ายรูปหลานชายของตนเอง อัพโหลดลงบนโลกออนไลน์ด้วยความยินดี
อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตสิงคโปร์ส่วนมากไม่ค่อยเห็นด้วย กับการกระทำดังกล่าว เนื่องจากคิดว่า เป็นเรื่องแปลก ผิดปกติ และการมีเพศสัมพันธ์ควรเป็นสิ่งที่ได้รับการปกปิดไว้ ไม่จำเป็นต้องให้คนทั้งบ้านมารับรู้ด้วย..
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีกระเเสข่าวว่าท่านมีความสัมพันธ์กับ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ และประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ หรือเจ้าสัวเลสเตอร์ จะมีการรวบรวมทุนเพื่อให้ คสช.ตั้งพรรคการเมือง กล่าวพร้อมอุทานมาว่า
“ก็มันไม่จิงดิ ปัดโธ่ ผมก็บอกไปหลายทีแล้วว่าผมไม่เล่นการเมือง ทำไมไม่ตอบให้ผมบ้าง ส่วนข่าวที่ออกมาก็เพราะมีคนเขียนกันไปเองจะให้ผมทำอย่างไร ขอย้ำว่าไม่มีความสัมพันธ์กับนายวิชัยใดๆ ทั้งสิ้น และไม่เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทยอีกด้วย และเรื่องนี้อย่ามาถามผมอีกน่ะ ถามวันนี้ได้วันเดียว ถ้าถามอีกผมชกเลยน่ะ ผมไม่เล่นการเมือง เอาชื่อผมไปโยงคงสนุกมั้ง”
เมื่อถามว่า การอ้างชื่อเป็นเพราะท่านมีบารมีหรือเปล่า รองนายกฯประวิตรกล่าวว่า ไม่มีหรอกบารมี ทุกคนก็มีบารมีเหมือนกันหมด
คดีพ่อหมูแฮม‘กัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์’ไฮโซดัง ถูกชุดสืบสวนสน.สุทธิสาร จับกุมจำหน่ายและเสพไอซ์ ศาลอาญาพิพากษาลงโทษ ลดแล้วเหลือจำคุก 2 ปี 9 เดือน ปรับ2แสน ไม่รอลงอาญา...
วันที่ 27 พ.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการฝ่ายคดียาเสพติด 2 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และไฮโซชื่อดัง เป็นจำเลยฐานมีไอซ์ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และเพื่อเสพโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ กรณีสืบเนื่องมาจากหลังนายกัณฑ์เอนก ถูกตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร จับพร้อมของกลางไอซ์ น้ำหนัก 0.676 กรัม และอุปกรณ์การเสพจำนวนหนึ่ง ที่ห้องพักภายในซอย 20 มิถุนา เขตห้วยขวาง เมื่อวันที่ 12 ก.พ.58
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยอ้างว่าให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการปราบปรามยาเสพติดต่อตำรวจ แต่เห็นว่าในบันทึกการสอบสวน ระบุไว้ว่าจำเลยไม่สมัครใจให้ข้อมูลกับตำรวจชุดจับกุม และแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจชุดจับกุมด้วย ดังนั้น ที่อ้างว่าให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์นั้นไม่น่าเชื่อถือ
เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษา จำคุกฐานเสพยาเสพติด 6 เดือน ฐานครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุก 5 ปี ปรับ 4 แสนบาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 2 ปี 9 เดือน ปรับ 2 แสนบาท พิเคราะห์พฤติกรรมสืบเสาะประวัติแล้วไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ.
อัยการอยุธยา หอบสำนวนคดีเสี่ยเบนซ์‘เจนภพ วีรพร’ขับรถเบนซ์ชนท้ายรถเก๋งฟอร์ดไฟลุกคลอกร่าง2นิสิตป.โท มจร.ส่งฟ้องต่อศาล รวม8ข้อหาพร้อมความเห็นแนบท้ายเพิกถอนใบขับขี่ ห้ามเสพสุรายาเสพติด และหากเป็นโรคจิตให้คุมตัวไว้ในสถานพยาบาล...
เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานอัยการจ.พระนครศรีอยุธยา ได้นำสำนวนในคดีนายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี เสี่ยนำเข้ารถหรู ขับรถเบนซ์สีดำรุ่น ซีแอลเอส ทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนท้ายรถเก๋งฟอร์ดรุ่นเฟียสต้า ทะเบียน ฆย 6911 กรุงเทพมหานคร ที่ติดแก๊สแอลพีจีอย่างแรง จนรถคู่กรณีเกิดระเบิดไฟลุกท่วม ย่างสด นายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี คนขับและเป็นนิสิตปริญญาโท คณะพุทธศาสน์ สาขาสันติภาพของ มจร. กับ น.ส.ธันฐภัทร์ หรือเบนซ์ ฮ้อแสงชัย อายุ 34 ปี นิสิตปริญญาโทที่เดียวกัน เสียชีวิตสยอง 2 ศพ เหตุเกิด บนถนนพหลโยธิน กม.53 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 พร้อมนำตัวผู้ต้องหา คือ นายเจนภพ วีรพร ส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใน 8 ข้อหาความผิดด้วยกัน(ตร.หอบสำนวน คดีเสี่ยเบนซ์ชนฟอร์ด ส่งอัยการ ฟัน 8 ข้อหาหนัก)
ได้แก่ 1. ขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สินเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2. ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 3. ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 4. เป็นผู้ขับรถเสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
5.ขับรถในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ
6.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของบุคคลอื่น
7.ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือพนักงานสอบสวนที่สั่งให้มีการทดสอบและตรวจสอบผู้ขับรถตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 8.ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายกำหนดโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย
พร้อมกับมีคำขอท้ายฟ้อง เพิ่มคือ 1.ขอให้ศาลเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลฉบับที่ 41006330 ของนายเจนภพ 2.ขอให้ศาลใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยกับนายเจนภพ วีรพร ดังนี้
2.1 ขอศาลสั่งให้ส่งนายเจนภพ ไปคุมตัวไว้สถานพยาบาล เพราะการปล่อยตัวนายเจนภพ ซึ่งมีจิตบกพร่องโรคจิตฟั่นเฟือนและไม่ต้องรับโทษหรือได้รับการลดโทษจะเป็นการไม่ปลอดภัยแก่ประชาชนตามประมวลกฎหมายอาณามาตรา48
2.2 ขอศาลกำหนดในคำพิษากษาว่านายเจนภพ จะต้องไม่ดื่มสุราและเสพยาเสพติดให้โทษภายในเวลากำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 49 และแจ้งสิทธิแก่ญาติของนายกฤษณะ ถาวร และนางสาว ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย ผู้ตายทั้งสอง ถึง 1 .สิทธิค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญาตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช่จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ 2544 2. สิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน ตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความอาญา มาตร 44/1
ทัั้งนี้ พนักงานอัยการ มีความเห็นควรสั่งฟ้องนายเจนภพ ผู้ต้องหาทุกข้อกล่าวหา โดยในช่วงบ่าย จะนำสำนวนทั้งหมดส่งฟ้องให้กับผู้พิพากษาที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาต่อไป.
ดีเอสไอดอดพบเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจรจาลับในกุฏิ คาดมาหารือเรื่องหมายจับพระธัมมชโย แต่งดให้สัมภาษณ์สื่อ ส่วนวัดพระธรรมกายลูกศิษย์พร้อมใจมาทำบุญนับพันคน ติดป้ายปลุกระดม ยอมตายเพื่อหลวงพ่อ บรรยากาศในวัดยังคงสงบเรียบร้อย...
ช่วงบ่ายวันที่ 27 พ.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีคณะศิษยานุศิษย์ที่เดินทางมาร่วมทำบุญที่วัดจำนวนหลายพันคน ได้เดินเท้าออกจากห้องแก้วสารพัดนึกในสภาธรรมกายสากล เพื่อไปยังที่อาคาร 100 ปีคุณยายจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งอยู่ติดกับอาคารดาวดึงส์ สถานที่รักษาอาการอาพาธของหลวงพ่อธัมมชโย
ทั้งนี้ ลูกศิษย์ผู้ที่ร่วมคณะคนหนึ่งกล่าวว่า คณะศิษยานุศิษย์กำลังเดินเท้าไปบำเพ็ญประโยชน์ที่อาคาร 100 ปี คุณยายจันทร์ ขนนกยูง โดยการเดิน ได้กล่าวบทสวดสรรเสริญพระมงคลเทพมุนี หรือหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ตลอดเส้นทาง
ขณะที่โดยรอบวัดพระธรรมกาย ที่มีประตู 10 ประตู มีเจ้าหน้าที่ รปภ. ตำรวจและพระภิกษุคอยสังเกตการณ์ แต่ที่ประตู 5 ภายในวัดพระธรรมกาย ใกล้เคียงกับอาคารคุณยายจันทร์ขนนกยูง ลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกาย ได้นำป้ายมาติดจำนวน 4 ป้าย มีข้อความว่า หลวงพ่อช่วยกอบกู้พระศาสนา เราชาวพุทธขอร่วมกันปกป้องหลวงพ่อ, เรายอมตายเพื่อหลวงพ่อของเรา, ชาวพุทธรวมใจขอความโปร่งใสให้หลวงพ่อ, Blaming innocent is a severe sin.
ต่อมา เวลา 15.45 น. ที่วัดเขียนเขต พระอารามหลวง หมู่ 2 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จำนวน 2 นาย เดินทางเข้าพบพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และเจ้าอาวาสวัดเขียนเขต โดยเจ้าหน้าที่ทั้งสอง เข้าพูดคุยภายในกุฏิเจ้าอาวาสวัด ไม่ให้สื่อมวลชนเข้าภายในแต่อย่างใด ใช้เวลานานกว่า 40 นาที จากนั้นได้ออกมาโดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใดก่อนจะเดินทางกลับไป
ทางด้านพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ได้ให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในกุฏิ หลังจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทั้งสองคนกลับไปแล้ว พร้อมทั้งแจ้งว่า ไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ ได้เช่นกัน ขอไม่ให้สัมภาษณ์.
เครื่องบินรบสองลำของกองทัพเรือสหรัฐฯ ประสบอุบัติเหตุชนกัน เหนือชายฝั่งรัฐนอร์ท แคโรไลนา ระหว่างได้รับมอบหมายให้ไปเข้าร่วมหน่วยเครื่องบินรบจู่โจม 211 เดชะบุญ เรือประมงช่วยชีวิต 4 นักบินกลางทะเล
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 59 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด เครื่องบินรบของกองทัพเรือสหรัฐฯ 2 ลำ ประสบเหตุชนกันกลางอากาศ เหนือชายฝั่งทะเลของรัฐนอร์ท แคโรไลนา ในสหรัฐฯ เมื่อเวลาประมาณ 10.40 น. ของวันที่ 26 พ.ค. โชคดีที่ เรือประมงลำหนึ่งสามารถช่วยชีวิตนักบิน 4 นายจากกลางทะเลไว้ได้
จากการเปิดเผยของโฆษกกองทัพเรือสหรัฐฯ ระบุ เครื่องบินรบสหรัฐฯทั้งสองลำที่ประสบอุบัติเหตุชนกัน เป็นเครื่องบินรบ F/A-18F Super Hornets โดยเจ้าหน้าที่หน่วยยามฝั่งของรัฐนอร์ท แคโรไลนา กล่าวว่า เรือประมงพาณิชย์ลำหนึ่งได้ช่วยนักบินทั้ง 4 นาย ซึ่งประจำการบนเครื่องบินรบลำละ 2 นาย ขึ้นจากมหาสมุทรแอตแลนติก ห่างจากชายฝั่งเมืองโอรีกอน อินเล็ต ไปทางตะวันออกประมาณ 25 ไมล์ จากนั้น นักบินที่รอดชีวิต 4 นายได้ถูกนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ HH-60 เจย์ฮอว์ก และได้บินมาส่งที่โรงพยาบาลเซนทารา นอร์ฟอล์ก เบื้องต้นไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของนักบินทั้ง 4
ซีเอ็นเอ็น แจ้งว่า เครื่องบินรบ F/A-18F Super Hornets ทั้งสองลำ ถูกมอบหมายให้ไปเข้าร่วมในหน่วยเครื่องบินรบจู่โจม 211 ซึ่งมีชื่อเล่นเรียกขานว่า ‘ไฟติ้ง เช็กเมตส์’ ซึ่งมีฐานประจำการอยู่ที่เวอร์จิเนีย บีช
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012