29 ต.ค.63 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัทโบอิง เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 3 ในวันนี้ โดยบริษัทประสบภาวะขาดทุนติดต่อกัน 4 ไตรมาส จากผลกระทบของการชะลอการผลิตเครื่องบินท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งการที่เครื่องบินรุ่น 737 MAX ยังคงถูกสั่งห้ามบิน หลังจากที่เครื่องบิน2 ลำของรุ่นดังกล่าวได้ประสบอุบัติเหตุในปี 2561 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 346 คน
อย่างไรก็ดี โบอิงเปิดเผยตัวเลขขาดทุนที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่รายได้สูงกว่าคาด ทั้งนี้ โบอิงเปิดเผยว่า บริษัทมีตัวเลขขาดทุน 1.39 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.52 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 1.414 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.390 หมื่นล้านดอลลาร์
ทางด้านสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) อาจพิจารณาทบทวนคำสั่งห้ามบินที่ได้บังคับใช้ต่อเครื่องบินโบอิง 737 MAX หาก FAA ให้การอนุมัติต่อแผนการปรับปรุงระบบซอฟท์แวร์ และการฝึกอบรมของบริษัท ซึ่งจะทำให้เครื่องบินรุ่นดังกล่าวกลับมาให้บริการในปีหน้า
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวหมายความว่า โบอิ้งต้องเลิกจ้างเพิ่มอีกประมาณ 7,000 คน เท่ากับเป็นการปรับลดพนักงานเกือบ 19% หรือราว 30,000 คน ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี หลังเมื่อปลายเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ประกาศแผนเลิกจ้างพนักงาน 12,290 คนเฉพาะในสหรัฐ โดยพนักงานที่โรงงานประกอบเครื่องบินของโบอิ้ง ที่เมืองซีแอตเติ้ล ในรัฐวอชิงตัน "จะได้รับผลกระทบมากที่สุด"
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 29 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารอินเตอร์ลิงก์ (เนชั่นทาวเวอร์) ถนนบางนา-ตราด มีประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยบริเวณด้านหน้าอาคาร มีการนำรั้วเหล็กมากั้น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางนา รักษาความปลอดภัยกว่า 20 นาย
ทั้งนี้ เวลา 16.23 น. นายณัฐวุฒิ สมบูรณ์ทรัพย์ แกนนำเยาวชนปลดแอก กล่าวว่า เราจะปักหมุดราษฎร ให้รู้ว่าเรามาเยือนเนชั่น จากนั้น นายณัฐวุฒิทำความเข้าใจสัญลักษณ์ของราษฎร ก่อนจะกล่าวว่า คนที่อยู่ในตึกพึงรู้เถิดว่า การที่อยู่ข้างประชาชน ใช้สื่อเป็นกลาง นึกถึงคุณธรรมจะไม่สิ้นคุณค่า
เวลา 16.48 น. มวลชนนั่งลงบนถนน โดยมีการปิดการจราจร 2 เลนถนน มีการเปิดเพลงอยากจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ของวงสามัญชน พร้อมประกาศว่า นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว จะมาร่วมปราศรัยในวันนี้ด้วย
28 ตุลาคม 2563 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน พายุไต้ฝุ่น โมลาเบ ซึ่งเป็นพายุรุนแรงที่สุดที่ถล่มเวียดนามในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ขึ้นฝั่งที่บริเวณจังหวัดกว๋างนัม และกว๋างหงาย จังหวัดชายฝั่งทางตอนกลางของประเทศเวียดนามแล้ว เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันพุธที่ 28 ต.ค. ด้วยความเร็วลมสูงถึง 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักทั่วภาคกลางมาตั้งแต่คืนวันอังคารที่ผ่านมา จนวัดปริมาณน้ำฝนสะสมได้แล้วถึง 250 มิลลิเมตร
อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น โมลาเบ ทำให้เมืองดานังไฟฟ้าดับ ลมพายุที่กระโชกรุนแรงส่งผลให้หลังคาบ้านเรือนอาคารต่างๆ พังเสียหาย ส่วนเมืองโบราณ ฮอยอัน ในจังหวัดกว๋างนัมนั้น ถนนหลายสายในเมือง ต้องถูกน้ำท่วม
ทางการเวียดนามรายงานว่าพบผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ศพใน จ.กว๋างหงาย ขณะที่พวกเขากำลังหาทางป้องกันบ้านจากพายุ ส่วนนายเหวียน ธิ ซวน ธือ ประธานกาชาดเวียดนาม กล่าวว่า ประชาชนชาวเวียดนามต้องเข้มแข็งเพราะนี่คือหนึ่งในพายุที่สร้างความเสียหายรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา
ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเดินหน้าปฏิบัติภารกิจค้นหาลูกเรือประมง 26 คนที่สูญหายไปในพายุที่ถือว่าเป็นพายุลูกที่สี่แล้วในเวียดนาม เพราะมีคลื่นสูง 6 เมตรพัดเข้าชายฝั่ง ไฟฟ้าขัดข้องในหลายพื้นที่
29 ต.ค.63 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง แถลงว่า มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่นี้จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันศุกร์เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือน พ.ย.นี้เป็นอย่างน้อย โดยห้ามประชาชนออกจากบ้าน ยกเว้นในบางกรณี ได้แก่การซื้อสินค้าจำเป็น พบแพทย์ หรือ ออกกำลังกายแต่ต้องไม่เกิน 1 ชั่วโมง
ส่วนการออกไปทำงาน จะอนุญาตให้สำหรับผู้ที่นายจ้างพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ ขณะที่โรงเรียนส่วนใหญ่ยังเปิดทำการสอนตามปกติ
โดยมาตรการล็อกดาวน์รอบแรกของฝรั่งเศสเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. บังคับใช้เป็นเวลานานนาน 8 สัปดาห์ ซึ่งได้ผลในการลดจำนวนผู้เสียชีวิต และผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แต่เมื่อผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. ทำให้เกิดการแพร่ระบาดอีกครั้ง
ทั้งนี้ การล็อกดาวน์จะมีผลนับตั้งแต่หลังเที่ยงคืนเข้าสู่วันศุกร์ที่ 30 ต.ค. จนถึงวันที่ 1 ธ.ค. นี้ หมายความว่าประชาชน "ต้องอยู่บ้านให้มากที่สุด" การเดินทางออกนอกเคหสถานต้องเป็นไปเพื่อการซื้อสิ่งของจำเป็น การไปพบแพทย์ หรือการไปทำงานซึ่งไม่อาจจัดการจากที่บ้านได้ โดยทุกครั้งที่ออกจากบ้านต้องมีเอกสารยืนยันพร้อมแสดงต่อเจ้าหน้าที่
29 ต.ค.63 สำนักข่าวต่างประเทรายงานว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทั่วโลกยังคงน่าเป็นห่วง ล่าสุดในช่วงเช้าวันที่ 29 ตุลาคม ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึงครึ่งล้านที่ 501,152 คนใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกขยับขึ้นไปอยู่ที่ 44,738,455 คน
ยุโรปก็เป็นอีกครั้งที่กลับมาพบว่าเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ระบาดไปอย่างรวดเร็ว โดยช่วง 7 วันที่ผ่านมา มีตัวเลขเฉลี่ยการติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่วันละเกินกว่า 220,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นอัตราเฉลี่ยการเสียชีวิตรายวันก็อยู่ที่เกือบ 2,000 คน ซึ่งรัฐบาลหลายประเทศได้ใช้มาตรการควบคุมโรค เพื่อหาทางยับยั้งการแพร่ระบาดระลอกสอง ส่วนช่วงที่ติดเชื้อสูงสุดนั้นเป็นช่วงเดือน เม.ย.พบว่า อัตราการเสียชีวิตรายวันอยู่ที่กว่า 4,000 คน
ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อหลักล้านมี 8 ประเทศ ประกอบด้วย สหรัฐ 9,117,931 ส่วนอินเดียผู้ติดเชื้อสะสมทำสถิติทะลุ 8 ล้านคนที่ 8,038,765 บราซิล 5,469,755 รัสเซีย 1,563,976 ฝรั่งเศส 1,235,132 สเปน 1,194,681 อาร์เจนตินา 13,533 และโคลอมเบีย 1,041,935
ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่ 1,178,516 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 7,093 รายในหนึ่งวันที่ผ่านมา มีสหรัฐเพียงประเทศเดียวที่มีผู้เสียชีวิตหลักพันที่ 1,040 ราย
โอมาฮา/วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซีนิวส์) - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ลุยหาเสียงใน 3 รัฐ คือมิชิแกน วิสคอนซิน และเนบราสกา ในวันอังคารหวังโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนชาวอเมริกันในช่วงโค้งสุดท้าย ขณะที่เหลือไม่ถึงสัปดาห์ก็จะเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดี 3 พฤศจิกายน ขณะที่ชาวอเมริกันออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วมากกว่า 70 ล้านคน มากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ทั้งหมดในการเลือกตั้งเมื่อปี 2559
โดยที่เมืองโอมาฮา รัฐเนบราสกา จุดสุดท้ายที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงพื้นที่หาเสียงในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น เขาปราศรัยต่อบรรดาผู้สนับสนุนจำนวนมากว่า ตนมั่นใจว่าจะคว้าชัยชนะในรัฐนี้และได้กลับสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันระหว่างตัวเขา ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถกอบกู้วิกฤติได้ทุกอย่าง กับโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตที่ตอนนี้ดูแล้วซึมเศร้าชอบกล ทรัมป์บอกว่าถ้าไบเดนชนะนั่นแปลว่าจีนชนะ และจีนก็จะเข้ามาครอบครองอเมริกา และบอกว่าถ้าไบเดนชนะก็ทำเรื่องที่ไม่ดีอีกมาก เพราะที่ผ่านมาไบเดนไม่ใช่คนดี ขณะที่บรรดาผู้สนับสนุนร้องตะโกนให้จับไบเดนขังคุกเสีย
ทรัมป์ย้ำว่าเขาและรัฐบาลยังไม่ยอมแพ้ต่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เพราะสหรัฐจะได้วัคซีนในเร็วๆ นี้ และจากนั้นโควิด-19 ก็จะหมดไปจากอเมริกา ประเทศจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งเช่นเดียวกับทั่วโลกที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม พร้อมกับเรียกร้องให้บรรดาผู้สนับสนุนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากๆ
จนถึงขณะนี้ มีชาวอเมริกันออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีล่วงหน้าแล้วมากกว่า 70 ล้านคน ก่อนหน้าวันเลือกตั้งจริงในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ มากกว่าครึ่งของจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนล่วงหน้าเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งมีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งหมด 47 ล้านคน ไปตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา จากข้อมูลพบว่า ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตออกมาเลือกตั้งล่วงหน้ามากกว่าและมักเลือกลงคะแนนทางไปรษณีย์ ขณะที่ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันเน้นการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าด้วยตัวเองที่คูหาเลือกตั้ง เนื่องจากทรัมป์กล่าวหาว่า ระบบลงคะแนนทางไปรษณีย์จะทำให้เกิดการโกงเลือกตั้ง ด้านอาจารย์มหาวิทยาลัยฟลอริดาในรัฐฟลอริดา ที่เข้าร่วมในโครงการการเลือกตั้งสหรัฐคาดการณ์ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีชาวอเมริกันออกมาใช้สิทธิ์ประมาณ 150 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 65 ของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด ซึ่งถือว่ามากที่สุดในรอบ 112 ปี
ขณะที่ผลสำรวจล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้วจนถึงวันอังคารนี้ของรอยเตอร์-อิปซอสพบว่าไบเดนที่ตอนนี้หาเสียงอยู่ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ยังคงมีคะแนนิยมนำทรัมป์ในระดับประเทศอยู่ราว 10 จุด โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 52 จะลงคะแนนเลือกไบเดน ขณะที่ร้อยละ 42 จะเลือกทรัมป์ อย่างไรก็ดีการแข่งขันในหลายรัฐที่เป็นสมรภูมิสำคัญที่สุดเช่น ฟลอริดา และเพนซิลเวเนีย ที่อาจชี้ขาดผลเลือกตั้งยังสูสีกัน โดยผลสำรวยของรอยเตอร์-อิปซอส ที่สำรวจความคิดเห็นของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในรัฐเพนซิลเวเนียระหว่างวันที่ 14-20 ตุลาคม และเผยแพร่ในวันจันทร์ พบว่าไบเดนยังมีคะแนนนิยมนำทรัมป์เล็กน้อยในรัฐเพนซิลเวเนีย กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 50 บอกว่าจะลงคะแนนให้นายไบเดน และอีกร้อยละ 45 จะเลือกทรัมป์ และยังมีผู้มีสิทธิในรัฐเพนซิลเวเนียอีกถึงร้อยละ 21 ที่บอกว่า พวกเขาตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าจะลงคะแนนให้ผู้สมัครคนใด
29 ต.ค.63 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โทนี ชุง วัย 19 ปี อดีตผู้นำกลุ่มนักศึกษาท้องถิ่นที่สนับสนุนเอกราชของฮ่องกง ถูกตั้งข้อหาแบ่งแยกดินแดน ฟอกเงินและสมคบกันเผยแพร่เนื้อหาปลุกระดมมวลชน และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว นอกจากนี้ยังมีนักเคลื่อนไหวอีกสองคน ถูกจับกุมไปด้วยกัน แต่ได้รับการประกันตัวออกไป
ทั้งนี้ โทนี ชุง ถูกจับกุมเมื่อวันอังคาร เขาถูกจับกุมภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งจีนแผ่นดินใหญ่ได้กำหนดโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต สำหรับความผิดฐานแบ่งแยกดินแดน การปลุกระดม การก่อการร้าย และการสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติ
เมื่อเดือนกรกฎาคม ชุงเคยถูกจับกุมภายใต้กฎหมายใหม่มาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรที่ประกาศจะต่อสู้เพื่อเอกราชของฮ่องกง แต่ในครั้งนั้นได้รับการประกันตัวออกไป ขณะที่กลุ่มนักศึกษาท้องถิ่น ได้ถูกยกเลิกไป ก่อนที่จีนจะบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ กับฮ่องกงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน
จีนยืนยันว่ากฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ มีความจำเป็นต่อการสร้างเสถียรภาพให้กับฮ่องกง หลังจากหนึ่งปีก่อนหน้านั้นได้เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาล ซึ่งบางครั้งเป็นการประท้วงที่รุนแรง ขณะที่นักวิจารณ์กฎหมายว่าจีนใช้กฎหมายดังกล่าวเพื่อริดรอนเสรีภาพของฮ่องกง
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012