ข่าว
ผู้นำฟุ้งตุรกีสังหารนักรบไอเอส 3,000 ศพ

สำนักข่าวเอพีและรอยเตอร์รายงานจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ว่า ประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี กล่าวต่อที่ประชุมผู้นำกองทัพ กลุ่มประเทศแห่งคาบสมุทรบอลข่าน ที่เมืองอิสตันบูล เมื่อวันพุธ ว่า กองกำลังความมั่นคงตุรกีสังหารนักรบกลุ่มไอเอส ในอิรักและซีเรียประมาณ 3,000 ศพแล้ว ไม่มีประเทศใดที่กำลังต่อสู้กับกลุ่มหัวรุนแรงของชาวนิกายสุหนี่ สามารถทำได้เทียบเท่า

ในที่ประชุมเดียวกันก่อนหน้านั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดตุรกี ได้กล่าวให้สัมภาษณ์ว่า จำนวนนักรบไอเอสในซีเรียและอิรักที่ถูกกองกำลังตุรกีสังหาร อยู่ที่ประมาณ 1,300 ศพ เบื้องต้นสื่อมวลชนยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนสนิทของเออร์โดกัน เพื่อขอคำอธิบายเกี่ยวกับตัวเลขที่แตกต่างกัน

เออร์โดกันยังได้กล่าวประณาม หลายประเทศที่กล่าวหาตุรกีให้การสนับสนุนกลุ่มไอเอส ว่า เลวทราม (vile) "มีพวกชั่วร้ายเลวทราม ที่พยายามแสดงว่าตุรกีสนับสนุนดาเอช (กลุ่มไอเอส) ไม่มีประเทศใดในโลก ที่ปราบปรามไอเอสได้เหมือนกับที่ตุรกีกำลังทำ" เออร์โดกัน กล่าว

ตุรกี ประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เริ่มแรกเป็นหุ้นส่วนที่ไม่ค่อยจะเต็มใจ ในการร่วมเป็นพันธมิตรนำโดยสหรัฐ ในการต่อสู้กับกลุ่มไอเอส และเผชิญเสียงวิจารณ์ในช่วงแรกของสงครามกลางเมืองซีเรีย จากความล้มเหลวในการสกัดนักรบต่างชาติ ไม่ให้ข้ามแดนตุรกีเข้าไปร่วมกับกลุ่มไอเอสในซีเรียและอิรัก

‘จาตุรนต์’ ทวีตแรง คำชี้แจงไทยสอบตก ตลกร้าย น่าขายหน้าที่สุดตั้งแต่เคยมีประชุมมา

วันนี้ (11 พ.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทวีตข้อความประเด็นการเข้าชี้แจงประเด็นคำถามเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่เวทีสหประชาชาติ ประเทศสวิตเซอร์แลนต์ ระบุว่า

ขณะที่ประเทศต่างๆกำลังรุมถามเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานจนตัวแทนตอบไม่ถูก ที่ไทยก็ยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง สังคมไทยกำลังจะได้เรียนรู้ว่าเมื่อไปตกลงกับประเทศต่างๆ เขาไว้แล้ว จะละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานตามอำเภอใจนั้นทำไม่ได้และไม่มีใครเขายอม

น่าเห็นใจผู้ที่ต้องทำหน้าที่ชี้แจงแทนรัฐบาลไทย คงจะอายผู้เข้าร่วมประชุมเต็มที ผู้มีอำนาจมักบอกว่าต่างประเทศไม่เข้าใจไทย คราวนี้เขาก็แสดงออกว่าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมไทยถึงไม่ทำตามข้อตกลงระหว่างประเทศที่ไปประกาศกับเขาไว้

การประชุมครั้งนี้น่าจะทำให้ไทยเป็นจุดสนใจในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้มากที่สุดและน่าขายหน้าที่สุดตั้งแต่เคยมีการประชุมกันมา ประเทศต่างๆเขาคงรู้สึกว่าผู้แทนประเทศไทยที่ไปชี้แจงขาดความเข้าใจอยู่อย่างหนึ่งว่าในการชี้แจงเขาต้องชี้แจงแต่ความจริง

เมื่อชี้แจงจบแล้ว ประเทศไทยนอกจากจะสอบตกแล้ว ยังจะกลายเป็นตัวตลกเพราะการชี้แจงด้วย แย่ตรงที่มันเป็นตลกร้าย ตลกบนความเจ็บปวดของคนไทย

ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่ถูกใช้มาตรการเกือบทุก ผมจึงขอยืนยันว่าประเทศไทยมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงดังที่ประเทศต่างๆเป็นห่วงและซักถาม

การประชุมครั้งนี้ยังทำให้เห็นว่าที่นักวิชาการไปร้องเรียนต่อตัวแทนข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในไทยไม่ใช่ไม่ใช่การชักศึกเข้าบ้าน

เมื่อประเทศไทยไปรับข้อตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพทางการเมืองฯลฯแล้ว คำว่าประชาธิปไตยแบบไทยๆจึงไม่อาจเป็นที่ยอมรับ


โฆษกบัวแก้วปฏิเสธข่าวสหรัฐประณามไทยจับแม่จ่านิว

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีสื่อต่างประเทศบางสำนักได้นำเสนอรายงานข่าวว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐประณามไทย กรณีการจับกุมผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ว่า กระทรวงได้ตรวจสอบกับฝ่ายสหรัฐแล้วและขอชี้แจงว่ากระทรวงต่างประเทศสหรัฐมิได้ออกแถลงการณ์ใดๆ ในประเด็นดังกล่าว ทั้งนี้ ข้อความที่สื่อบางสำนักรายงานเป็นเพียงการตอบคำถามโดยเจ้าหน้าที่เวรข่าวของกรมเอเชียตะวันออกของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ มิใช่การตอบคำถามโดยโฆษกระดับกรมอย่างที่มีการรายงาน อีกทั้ง มิได้ใช้ถ้อยคำว่า “ประณาม” ตามที่สื่อบางสำนักรายงานแต่อย่างใด

“รัฐบาลขอยืนยันว่า ประเทศไทยเคารพหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและให้ความสำคัญกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ดี ต้องคำนึงถึงการรักษาความสงบเรียบร้อย การป้องกันความแตกแยกในสังคม เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงของการปฏิรูปประเทศเพื่อนำสู่ประชาธิปไตยที่มั่นคงและความสามัคคีภายในชาติ” นายเสขกล่าว


เน็ตเทียบไมเคิล แอนเจโล

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโซเชียลเน็ตเวิร์กมีการแชร์ภาพชุดเปิดสมุดภาพ “ขรัวอินโข่ง” สมุดไทย ร่างภาพลายเส้น ฝีมือขรัวอินโข่งวัดราชบูรณะ จิตรกรเอกในสมัยรัชกาลที่ 4 จากสำนักหอสมุดแห่งชาติ

สมุดดังกล่าว มีลักษณะเป็นสมุดข่อย หรือสมุดไทยขาว เป็นกระดาษที่พับไปมาต่อเนื่องกันเป็นเล่ม มีร่องรอยการวาดทับและระบายสีบางส่วน เชื่อว่าน่าจะวาดทับลงไปบนเส้นเดิมโดยช่างรุ่นหลัง ที่เป็นฝีมือของพระอาจารย์อินทร์ (ขรัวอินโข่ง) จะเป็นเส้นดินสอดำและเส้นหมึก เป็นภาพร่างบุคคล ยักษ์ ลิง สัตว์ ลวดลายพันธุ์พฤกษา และสถาปัตยกรรม น่าจะเป็นภาพร่างก่อนที่จะเขียนลงบนพระบฏ หรือฝาผนัง

ข้อมูลจากสำนักหอสมุดแห่งชาติ ระบุว่า พระอธิการวัดพลับพลาชัย เพชรบุรี ผู้เป็นศิษย์ มอบให้หอสมุดแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. 2453

ขรัว อินโข่ง มีชีวิตอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 3 – รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เดิม ชื่อ อิน เป็นชาวเพชรบุรี เดินทางเข้ามาบวชจำพรรษาอยู่ที่วัดราชบูรณะ หรือวัดเลียบในกรุงเทพฯ

แม้จะเป็นจิตรกรเอกในสมัยรักชาลที่ 4 แต่ไม่ปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่า ขรัวอินโข่ง ร่ำเรียนการเขียนภาพจากใคร และเมื่อใด จึงเชื่อว่าเป็นพรสวรรค์ของท่านเอง รวมถึงการหัดเขียนกับช่างเขียนบางท่านในยุคเดียวกัน

จุดเด่นของผลงานขรัวอินโข่งคือการเขียนแบบผสมผสานอิทธิพลศิลปะตะวันตกที่เข้ามาในสยามในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยเขียนภาพให้มีแสงเงา มีมิติเหมือนธรรมชาติ และมีความคิดสร้างสรรค์ที่ต่างไปจากจิตรกรรมไทยประเพณีในยุคก่อนหน้า

ทั้งนี้ สมุดภาพดังกล่าว เคยถูกนำมาจัดแสดงนิทรรศการงานช่างหลวง ใน พ.ศ. 2554 แต่เพิ่งกลับมาเป็นกระแสกว้างขวางในขณะนี้ เนื่องจากมีผู้มีชื่อเสียงหลายราย กล่าวถึงสมุดภาพดังกล่าวขึ้นมา เช่น ศาสตราจารย์ ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ ธรรมศาสตราภิชาน วิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์ โดยกล่าวในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เป็นสิ่งที่หาชมได้ยาก นอกจากนี้ ยังทำการวิเคราะห์ถึงพัฒนาการด้านศิลปะของไทยหลังจากยุคของขรัวอินโข่งว่า หากเทียบกับจิตรกรรมฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียแล้ว สยามแทบไม่มีพัฒนาการด้านนี้เลย ซึ่งหากตอบแบบสูตรสำเร็จก็เพราะไม่ได้เป็นอาณานิคมตะวันตก จึงไม่ได้การศึกษาและปฏิบัติกันอย่างจริงจัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดกระแสการแชร์ภาพชุดนี้ ได้มีผู้แสดงความเห็นชื่นชมฝีมือของขรัวอินโข่งจำนวนมาก บางรายถึงกับเทียบกับสมุดบันทึกของไมเคิล แอนเจโล ศิลปินระดับโลกชาวอิตาเลียน ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ(Renaissance) เมื่อราว 500 ปีที่แล้วอีกด้วย


จีนจับกุมแก๊งขายแมงกะพรุนปลอม

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ว่า ตำรวจจีนจับกุมและยึดของกลาง แมงกะพรุนปลอมน้ำหนักรวมประมาณ 1 ตัน ในมณฑลเจียงซู บนชายฝั่งทางภาคตะวันออกตอนกลางของประเทศ นับเป็นอีกกรณีอื้อฉาว เกี่ยวกับอาหารปลอมในจีน

แมงกะพรุน สัตว์ทะเลที่เป็นหนึ่งในเมนูอาหารเรียกน้ำย่อยยอดนิยมของชาวจีน จากความที่มีเนื้อนุ่มกรุบกรอบ ส่วนใหญ่มักจะหั่นเป็นชิ้น และดองในน้ำส้มสายชู ผสมเกลือและน้ำตาล

เจ้าหน้าที่เผยว่า แมงกะพรุนปลอมทำจากสารเคมี ค้นพบครั้งแรกในตลาดสดเมืองหูโจว มณฑลเจ้อเจียง จากการตรวจสอบพบว่ามีส่วนผสมของสารอลูมิเนียมสูง การบริโภคในระยะยาวอาจทำลายกระดูกและเส้นประสาท รวมทั้งนำไปสู่การสูญเสียความทรงจำ และประสาทเสื่อม

กลุ่มผู้ค้าส่งในมณฑลเจียงซู ที่อยู่ติดกับเจ้อเจียงทางเหนือ เผยว่า ขายแมงกะพรุนปลอมแก่ลูกค้าไปแล้วกว่า 10 ตัน ก่อนจะถูกตำรวจจับกุม โดย 2 แก๊งที่ขายแมงกะพรุนปลอมใน 2 มณฑล ทำเงินได้กว่า 170,000 หยวน (ประมาณ 917,000 บาท) การจับกุมในเจียงซูและเจ้อเจียง ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 6 คน และกำลังสอบปากคำเพื่อขยายผล

เปิดแล้ว ข้อมูล‘ปานามาเปเปอร์ส’ โชว์ชื่อ นักธุรกิจไทย 1,413 ราย

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สาธารณชนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับของนิติบุคคลนอกอาณาเขต 200,000 แห่งที่ก่อตั้งขึ้นโดยมหาเศรษฐีทั่วโลกในเอกสารลับปานามาหรือ “ปานามาเปเปอร์ส” ได้แล้ว หลังจากที่เครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ไอซีไอเจ) นำเอกสารดังกล่าวมาเผยแพร่ไว้บนฐานข้อมูลออนไลน์ที่สามารถสืบค้นได้ที่เว็บไซต์ออฟชอร์ลีกส์ (offshoreleaks.icij.org) ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 9 พฤษภาคม ตามเวลามาตรฐานเมืองกรีนิช (จีเอ็มที) ตรงกับ 01.00 น. ของวันที่ 10 พฤษภาคมตามเวลาไทย

ไอซีไอเจเปิดเผยว่า ข้อมูลดังกล่าวที่จัดทำขึ้นมาจากส่วนหนึ่งของเอกสารซึ่งรั่วไหลออกมาจำนวน 11.5 ล้านชิ้นของบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมายมอสแสค ฟอนเซกาในประเทศปานามา เปิดเผยรายชื่อบุคคลและบริษัทมากกว่า 360,000 รายที่อยู่เบื้องหลังบริษัทบังหน้าเหล่านี้ และเผยให้เห็นขอบเขตว่ามหาเศรษฐีทั่วโลกตลอดจนอาชญากรจัดตั้งบริษัทตัวแทนเพื่อหลบซ่อนและโอนย้ายสินทรัพย์ให้พ้นสายตาของกฎหมายและเจ้าหน้าที่ด้านภาษีอย่างไร

จนถึงขณะนี้ ผู้ที่สามารถเข้าถึงเอกสารทั้งหมดที่มาจากข้อมูล 2.6 เทราไบต์ที่ทางหนังสือพิมพ์ซูดดอยช์ไซตุ้งของเยอรมนีได้รับมาจากแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตนที่ใช้นามสมมติว่า จอห์น โด เมื่อราว 1 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา มีแค่ไอซีไอเจและกลุ่มของสื่อมวลชนนานาชาติจำนวนหนึ่งเท่านั้น

ไอซีไอเจเปิดเผยว่า การเผยแพร่บัญชีรายชื่อต่างๆ เหล่านี้ไว้บนฐานข้อมูลเป็นไป “เพื่อผลประโยชน์ของสาธารณชน” ในช่วงที่การเคลื่อนไหวต่อต้านการหลบเลี่ยงภาษีทั่วโลกและการปกปิดความลับของผู้ได้รับผลประโยชน์จากบริษัทบังหน้าเหล่านี้เริ่มได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง โดยฐานข้อมูลดังกล่าว “ยินยอมให้ผู้ใช้งานสืบค้นเครือข่ายของบริษัทและบุคคลที่ใช้การปกปิดความลับของบริษัทนอกอาณาเขตและบางทีในทางที่ผิด จากความช่วยเหลือของมอสแสค ฟอนเซกาและบริษัทสื่อกลางแห่งอื่นๆ”

อย่างไรก็ตาม ไอซีไอเจระบุว่าจะไม่นำข้อมูลดิบทั้งหมดใส่ไว้บนออนไลน์รวมถึงจะไม่เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ ส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลบัญชีธนาคารและข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชี โดยในฐานข้อมูลจะสามารถสืบค้นรายชื่อของบุคคลและบริษัทและที่อยู่ รวมถึงแสดงความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับนิติบุคคลนอกอาณาเขตที่อยู่ในฐานข้อมูลเท่านั้น แต่นอกเหนือไปจากนั้นแล้วจะไม่มีข้อมูลอื่นๆ รวมถึงสินทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับรายชื่อของนิติบุคคลนอกอาณาเขตเหล่านั้น

ทั้งนี้ ข่าวระบุว่ารายชื่อส่วนใหญ่ที่มีความเชื่อมโยงกับนิติบุคคลนอกอาณาเขตมาจากแทบทุกมุมโลก โดยส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ตะวันออกกลาง ละตินอเมริกาและชาวยุโรป โดยก่อนหน้านี้มีชื่อของผู้นำโลกที่เกี่ยวข้องโดยตรงถูกเปิดเผยออกมาทั้งนายกรัฐมนตรีซิกมุนดูร์ เดวิด กุนลักส์ซอน ของไอซ์แลนด์ที่ต้องลาออกไปในที่สุด และประธานาธิบดีเมาริซิโอ มากรีของอาร์เจนตินา รวมถึงมีรายชื่อคนดังอาทิ ลิโอเนล เมสซี่ นักฟุตบอลซุปเปอร์สตาร์ชาวอาร์เจนตินา แจ๊กกี้ ชาน นักแสดงชาวฮ่องกง และเปโดร อัลโมโดวาร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวสเปน

ทั้งนี้ในส่วนของประเทศไทพบชื่อนิติบุคคลนอกอาณาเขตปรากฏอยู่ 1,013 แห่ง และมีชื่อบุคคลอีกกว่า 1,413 ราย ซึ่งมีทั้งนักธุรกิจไทยและนักธุรกิจต่างชาติ โดยในส่วนของนักธุรกิจไทยพบว่ามาจากตระกูลนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงจำนวนหนึ่ง และยังมีรายชื่อของผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางอีก 362 คน