ข่าว
สหรัฐแถลงระงับแล้ว เงินช่วยไทย ซื้ออาวุธ

วันที่ 23 พ.ค. น.ส.มารี ฮาร์ฟ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า รัฐบาลสหรัฐตัดสินใจระงับเงินช่วยเหลือด้านการทหารแก่ไทยในเบื้องต้น 3.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 112 ล้านบาท หลังจากเกิดการรัฐประหารในไทย

ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐกำลังทบทวนความช่วยเหลือระดับทวิภาคีต่อไทย มูลค่า 7 ล้านบาท หรือราว 224 ล้านบาท และความช่วยเหลือจากโครงการระดับสากลและระดับภูมิภาคเป็นลำดับต่อไป

สำหรับโครงการที่ระงับไปแล้วได้แก่ โครงการการเงินด้านการทหารต่างประเทศที่ให้ทุนสำหรับการซื้ออาวุธ โครงการอบรมและให้การศึกษาด้านการทหารระหว่างประเทศแก่เจ้าหน้าที่

รายงานระบุว่าไทยเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางทหารที่ใกล้ชิดกับสหรัฐ เหตุรัฐประหารล่าสุดนี้ นายจอห์น แคร์รี่ รมว.สหรัฐแถลงว่าไม่มีเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมายและขอให้ฟื้นฟูรัฐบาลพลเรือนพร้อมกลับสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว


ครั้งแรกในชีวิต พนักงานร้านเซเว่นฯ เจอประกาศเคอร์ฟิว ปิดร้านไม่เป็น !!

เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากคณะรักษาความสงบเรียบร้อย(คสช.) ประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 22.00-05.00 น. มีผลตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. เป็นต้นไป เป็นวันแรกของการออกประกาศเคอร์ฟิว ทำให้พนักงานต้องกลับบ้าน ปรากฎว่ามีการแชร์ภาพกันในโลกออนไลน์ เป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ 7-11 แห่งหนึ่ง กำลังปิดร้าน แต่เนื่องจากร้านเซเว่นฯเคยแต่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง หรือแทบจะไม่เคยปิดร้านเลย ทำให้การปิดร้านครั้งแรกในชีวิตเป็นไปด้วยความลำบาก

แต่ละคนไม่รู้ว่าจะปิดร้านกันอย่างไร เพราะเคยแต่ "ซาละเปาเพิ่มไหมคะ ขนมจีบ ไส้กรอก เพิ่มไหมครับ ฯลฯ" ภาพของการปิดร้านจึงออกมาดังที่เห็นและแชร์กัน

"บิ๊กตู่"แจงทูตต่างชาติ ขอปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

"บิ๊กตู่" แจงคณะทูตต่างชาติ ยันจำเป็นต้องยึดอำนาจ เพื่อยุติขัดแย้ง เตรียมตั้งสภาปฏิรูป-สนช. ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ยังไม่ให้คำตอบ "คสช."อยู่นานแค่ไหน การันตีความปลอดภัยให้ชาวต่างชาติเท่าคนไทย

เมื่อวันที่ 23 พ.ค. เวลา 16.00 น. ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้เชิญคณะทูตานุทูตต่างประเทศและผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศที่ประจำการในประเทศไทย เข้ารับฟังคำชี้แจงกรณีที่กองทัพไทยประกาศยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลชั่วคราวเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีคณะทูตานุทูต เดินทางมาร่วมรับฟัง 87 คน 58 ประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้มีระดับเอกอัครราชทูต 21 คน และมีผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศจำนวน 22 คน

ภายหลังการชี้แจงนาน 2 ชั่วโมง นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงให้คณะทูตและผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศทราบว่าเหตุใดจึงตัดสินใจทำการยึดอำนาจ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าเป็นการดำเนินการด้วยความจำเป็น เนื่องจากตอนนี้ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้ และประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ซึ่งการเข้ามาดำเนินการดังกล่าวก็เพื่อพยายามขับเคลื่อนการบริหารประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เป็นเรื่องสำคัญ อาทิ โครงการรับจำนำข้าว ทั้งนี้ ตนได้แจ้งว่า คสช.ทำหน้าที่เสมือนรัฐบาลและไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่นาน แต่เหตุที่เข้ามาเพื่อยุติความขัดแย้ง และจะมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ส่วน คสช.จะอยู่นานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยความขัดแย้งทั้งหลายจะคลี่คลายลงเมื่อใด

นายสีหศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทูตต่างประเทศส่วนใหญ่สอบถามว่า คสช.จะอยู่ถึงเมื่อใด ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่าขณะนี้คงไม่มีใครตอบได้ เพราะต้องทำเรื่องทั้งหลายให้เรียบร้อยเสียก่อน แต่พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ย้ำว่าการทำความตกลงต่าง ๆ กับประเทศที่มีการเจรจาอยู่ รวมถึงพันธกรณีระหว่างประเทศก็ยังดำเนินต่อไป และไทยยังยึดมั่น นอกจากนี้ยังมีการสอบถามว่าการปฏิรูปจะเกิดเมื่อใดนั้น พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าจะมีการตั้งสภาปฏิรูปขึ้นพร้อม ๆ กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำว่า คสช.อยู่เท่าที่จำเป็นเท่านั้น อย่างไรก็ตามเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้สอบถามถึงการจะมีนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชั่วคราว แต่คสช.จะทำหน้าที่เป็นรัฐบาลเสียเอง ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า คสช.ต้องทำหน้าที่นี้ไปก่อน และต้องให้สถานการณ์พร้อมเสียก่อน ส่วนเรื่องรัฐบาลชั่วคราวเป็นสิ่งที่ต้องว่ากันในภายหลัง แต่ทั้งหมดจะนำไปสู่การเลือกตั้ง

นอกจากนี้คณะทูตต่างประเทศได้ฝากให้ คสช.ดูแลความปลอดภัยของชาวต่างประเทศที่อยู่ในไทยด้วย ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่าจะดูแลชาวต่างประเทศเป็นอย่างดีเท่ากับที่ดูแลคนไทย.


ความในใจของ"พลเอกประยุทธ์" ไม่ได้อยากทำ ยังไม่ได้นอนเลย

ข้อความจาก เฟซบุ๊ค Chalermchai Boonyaleepun ของ นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่เข้าร่วมประชุมตามคำเชิญของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ณ สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดี

นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ สรุปว่า ผู้นำเหล่าทัพชี้แจงความจำเป็นเบื้องหลังและเหตุผลที่ต้องยึดอำนาจให้หัวหน้าส่วนราชการฟัง ขณะเรียกให้หัวหน้าส่วนราชการ ไปรายงานตัว หลังไปรายงานตัวต่อ คสช. วันนี้ พร้อมมีการแบ่ง7กลุ่มงาน

พลเอกประยุทธ์ ชี้แจงว่า มีความจำเป็นที่ต้องยึดอำนาจ เนื่องจากทุกฝ่ายขัดแย้ง ร้าวลึก ส่อว่าจะเกิดความรุนแรงเสียหายมากเพิ่มขึ้นไปอีก จะพยายามแก้ไขสิ่งต่างๆให้ดีที่สุด ยอมเสียสละและจะรับผิดชอบทุกอย่าง ยินดีรับฟังความคิดเห็น เจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจหน้าที่ตามกฎอัยการศึกอย่างเต็มที่ที่จะดูแลรับผิดชอบในเรื่องต่างๆให้เกิดความสงบเรียบร้อยขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือ

-สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมืองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆข้าราชการทุกคนต้องช่วยกันยึดมั่นในคุณธรรมทำสิ่งที่ดีละเว้นสิ่งไม่ดี ยึดจริยธรรมขององค์กร คสช.ระมัดระวังคนใกล้ตัวที่แวดล้อม แจ้งให้ทราบว่าอยู่ใกล้ต้องเสียสละจะไม่ได้อะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นที่อยู่ไกลออกไป

-ไม่ได้อยากทำรัฐประหารแต่ทุกฝ่ายไม่มีใครยอมใครอดทนมาตลอด แต่ไม่เห็นทางที่ปัญหาจะคลี่คลาย ทหารอดทนเสียสละมาตลอด6เดือน การเลือกตั้งเป็นไปไม่ได้แน่นอนในเหตุการณ์ที่ผ่านมา พยายามจะไม่ยึดอำนาจ แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำเองลำพังต่อไปไม่ได้ ข้าราชการต้องมาช่วยกันเรื่องบ้านเมือง ขอร้องแกมบังคับเล็กน้อยด้วยความเคารพ

-เล่าถึงความฝันที่อยากให้ประเทศเจริญก้าวหน้าดูแลประชาชนดูแลกำลังพลกว่า4แสนนายช่วงนี้ยังไม่ได้นอนเลยไม่ได้มีความสุข ทหารทำงานมากมายหลายอย่างไม่ได้สบายตามความเข้าใจของบางคน ฝากทหารไว้ในใจของทุกคนด้วย ฝากทุกคนไปทบทวนการทำงานที่จะดูแลประชาชนและผู้ใต้บังคับบัญชา จะทำให้ข้าราชการได้รับความเป็นธรรม

-จะทำงานไปช่วงเวลาหนึ่ง ปรองดองสมานฉันท์ ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ทุกฝ่ายมาช่วยปฏิรูปเพื่อพี่น้องประชาชน แก้ไขปัญหาของกระทรวงทบวงกรมด้วย ทุกฝ่ายเตรียมเรื่องปฏิรูปมาเสนอเพื่อใช้วิธีพิเศษผลักดันเรื่องต่างๆออกไปให้เร็วที่สุด คสช.จะรักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีของข้าราชการให้พ้นจากการครอบงำ เลือกข้างไม่ได้ อยากให้เป็นครั้งสุดท้ายของการยึดอำนาจ จะช่วยกำกับดูแลเรื่องต่างๆให้มีผลสัมฤทธิเป็นรูปธรรม

-ระงับการโยกย้ายทุกอย่างขอดูผลงานก่อนการทำครั้งนี้ไม่มีใครสั่งทั้งสิ้นสถาบันไม่เกี่ยวข้องในเรื่องทั้งปวงไม่มีใครสั่งคสช.ได้ยกเว้นแต่ความต้องการของประชาชน จะดูแลสถาบันอย่างดีที่สุด จะดำเนินการต่อผู้ละเมิดสถาบันอย่างเต็มที่

พล.อ.ประยุทธกล่าวว่ามีข่าวลือเรื่องไม่จริงมากในช่วงนี้ขอให้ช่วยกันดูแลด้วยต้องระงับยับยั้งใดยเร็ว

ทั้งนี้มีการแบ่ง7กลุ่มงาน 1.ส่วนทำหน้าที่คล้ายสำนักนายกฯ 2.ฝ่ายความมั่นคง 4กระทรวง 3.ฝ่ายเศรษฐกิจ7กระทรวง(ผบ.ทอ.ดูแล) 4.ฝ่ายสังคมจิตวิทยา7กระทรวง(ผบ.ทร.ดูแล)5.ฝ่ายกฎหมายยุติธรรม 6.ส่วนขึ้นตรง 7.ฝ่ายกิจการพิเศษ(ผบ.ตร.)

กาละแมร์ พัชรศรี ชี้แจง ไม่ได้ถูกสั่งห้ามออกนอก

เวลา 12.00น . วันที่ 23 พ.ค. จากเหตุที่ชื่อของ น.ส.พัชรศรี เบญจมาศ หรือ คุณกาละแมร์ ผู้สื่อข่าว และพิธีกร ประจำสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ที่ปรากฎในรายชื่อบุคคลห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรนั้น คุณกาละแมร์ จึงได้ออกมาชี้แจง ผ่านอินสตาแกรม (Instagram) ส่วนตัว ชื่อ “Kalamare” โพสต์ข้อความชี้แจง

โดยปรากฎข้อความว่า

“เนื่องจากมีการส่งต่อรายชื่อผู้ห้ามออกนอกประเทศแล้วมีชื่อดิฉันอยู่ด้วยนั้นได้เช็คความถูกต้องแล้ว ขอชี้แจงว่ามีการเขียนผิดพลาดเกิดขึ้น คนที่ถูกห้ามชื่อ "กาละแม" ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ M79 แต่ได้เขียนชื่อ-นามสกุลดิฉันเข้าไปด้วย แล้ววงเล็บว่า (กาละแมร์) หลายคนจึงเกิดความตกใจและคิดว่าเป็นดิฉัน จึงขอชี้แจงว่า "คนละคน" "คนละกาละแม" และชื่อดิฉันเขียนว่า "กาละแมร์" โปรดช่วยกระจายข่าวให้ทราบโดยทั่วกันด้วยค่ะ”

ผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์ ได้ติดต่อกับเลขาของคุณกาละแมร์ และ ได้รับการชี้แจงว่า “สำหรับเอกสารรายชื่อบุคคลห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ดังกล่าว ไม่ใช่ เอกสารจริงที่ออกโดยทางราชการ หากสังเกตดีๆ จะพบว่าไม่มีตราราชการ และลายเซ็นของพลเอก ประยุทธ์จันทร์ โอชา แต่เป็นเพียงกระดาษ A4 ธรรมดา ที่แชร์ต่อ ๆ กันมาในโลกออนไลน์ อีกทั้ง ชื่อที่ปรากฎดังกล่าวนั้น ระบุชื่อ กาละแมร์ แต่ แท้จริงแล้ว รายชื่อนั้นน่าจะเป็นชื่อของ คุณกาละแม การ์ด ของกลุ่ม นปช.มากกว่า”