ข่าว
ตุลาการผู้แถลงคดี เสนอให้ "อสมท" คืนเงินส่วนเกินโฆษณา 49.35 ล้าน แก่บริษัทไร่ส้ม

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ในการแถลงการณ์ สรุปสำนวนคดีที่บริษัทไร่ส้ม จำกัด เป็นผู้ฟ้อง บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ทำผิดข้อตกลงและสัญญาร่วมผลิตรายการโทรทัศน์ โดยเรียกเก็บค่าโฆษณาส่วนเกินจากผู้ฟ้องคดีและไม่ให้ส่วนลดทางการค้าตามข้อตกลง

นายอนุชา ฮุนสวัสดิกุล ตุลาการผู้แถลงคดี เสนอความเห็นต่อองค์คณะตุลาการเจ้าของสำนวน ว่า ตามการไต่สวนในคดีดังกล่าวเห็นว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีการโฆษณาเกินเวลาจริง และมีผู้เกี่ยวข้องรู้เห็นเป็นจำนวนมากซึ่งง่ายต่อการตรวจสอบ ดังนั้น การที่บริษัทไร่ส้มจะจ้างบุคคลอื่นมาดำเนินการปกปิดคิวโฆษณาที่เกินนั้นค่อยข้างทำได้ยาก จึงถือว่าเป็นความบกพร่องของผู้ถูกฟ้องที่ไม่ดำเนินการตรวจสอบ ฉะนั้นเห็นควรให้ บริษัท อสมท คืนเงินจำนวน 49.35 ล้านบาท ที่เป็นส่วนลดโฆษณา ให้กับบริษัทไร่ส้ม พร้อมชำระค่าส่วนแบ่งโฆษณาที่เบียดสิทธิ์ผู้ฟ้อง พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ด้วย

ทั้งนี้ ความเห็นดังกล่าวเป็นเพียงแนวทางประกอบการพิจารณาของคณะตุลาการผู้แถลงคดีเท่านั้น ยังไม่ถือว่าเป็นคำพิพากษาสิ้นสุดคดี

นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรและผู้ดำเนินรายการชื่อดังในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ไร่ส้ม เดินออกจากห้องพิจารณาคดีที่ 2 ภายหลังฟังคำแถลงการณ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย พร้อมระบุว่า การต่อสู้ของบริษัทไร่ส้ม เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และระบบกฎหมาย ส่วนการที่สังคมจะวิพากษ์วิจารณาอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล โดยหลังจากนี้ต้องรอคำพิพากษาอีกครั้ง และยืนยันว่าเรื่องการถอดโฆษณา ตามที่เป็นกระแสข่าวนั้นไม่เป็นความจริงทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม

กห.โต้ปชป. ยันคำสั่งถอดยศ'มาร์ค' ใช้ภาษาถูกต้อง

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า กรมเสมียนตรา กระทรวงกลาโหมได้ทำเอกสารชี้แจงเพื่อแก้ไขข่าวสารที่สร้างความเข้าใจผิด กรณีที่มีการนำสำเนาคำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 1163/55 ลงวันที่ 8 พ.ย.55 เรื่องให้ปลดนายทหารสัญญาบัตรออกจากราชการไปสำเนาแจกจ่ายให้กับสื่อมวลชน และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่ามีข้อความผิดตกบกพร่องนั้น ทางกรมเสมียนตราขอชี้แจงเพื่อให้เกิดความถูกต้องดังนี้ 1.สำเนาคำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 1163/55 ลงวันที่ 8 พ.ย.55 ที่ถูกต้อง จะต้องมีการลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง โดยเจ้ากรมเสมียนตราหรือผู้ที่เจ้ากรมเสมียนตรามอบหมาย เพราะเป็นหน่วยร่างและรับผิดชอบต่อความถูกต้องของคำสั่งดังกล่าว สำเนาคำสั่งที่อ้างว่ามีการพิมพ์คำว่า “รัฐมนตรีว่าการทรวงกลาโหม” ตกคำว่า “กระ” นั้น เป็นสำเนาที่ไม่ตรงกับข้อความในฉบับจริง ซึ่งพิมพ์คำว่า “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” ไว้อย่างถูกต้อง และเป็นสำเนาคำสั่งที่ได้นำส่งแจกจ่ายให้กับผู้รับคำสั่ง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว พ.อ.ธนาธิป กล่าวต่อว่า 2. คำว่า “ผิดหลง” ซึ่งปรากฏในคำสั่งเป็นคำที่ถูกต้องตามภาษากฎหมายแล้ว ไม่ใช่คำที่พิมพ์ผิดพลาดดังที่มีผู้กล่าวหาและพยายามทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน 3. การใช้คำว่า “ว่าที่ร้อยตรี” นำหน้าชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในย่อหน้าแรกเป็นการบรรยายถึงการกระทำและความผิดของว่าที่ร้อยตรีอภิสิทธิ์ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.31 แต่การใช้คำว่า “ร้อยตรี” นำหน้าชื่อ นายอภิสิทธิ์ ในตอนต่อๆ ไป เนื่องจากเป็นการออกคำสั่งต่อร้อยตรีอภิสิทธิ์ ในวันออกคำสั่งมียศอย่างไรก็ต้องเรียกตามนั้น แต่คำสั่งจะให้มีผลบังคับย้อนหลังไปยังวันใดตามสมควรแก่เหตุก็ย่อมทำได้ ทั้งนี้เป็นความถูกต้องและเป็นไปตามแบบธรรมเนียมทหารแล้ว 4. การกล่าวหาว่าการออกคำสั่งฯ กระทำอย่างเร่งรีบ ลุกลี้ลุกลนนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะได้ดำเนินการมานานมากแล้ว แต่ยังไม่ปรากฏผลสอบสวนการรายงาน เมื่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีหนังสือถึงกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.55 รมว.กลาโหม จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่มี พล.อ.อ.ไมตรี โอสถหงส์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ต่อมาเมื่อ พล.อ.อ.ไมตรี เกษียณอายุราชการ รมว.กลาโหม ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการกรณีต่อไป โดยมี พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน และเมื่อวันที่ 22 ต.ค.55 คณะกรรมการฯ ได้มีหนังสือแจ้งให้นายอภิสิทธิ์มาให้การหรือส่งเอกสารหลักฐาน ภายในวันที่ 6 พ.ย.55 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ไม่ได้มาให้การ หรือส่งเอกสารหลักฐานใดๆ มาให้ ดังนั้นคณะกรรมการฯ จึงได้พิจารณาตัดสินและเสนอความเห็นต่อ รมว.กลาโหม ให้ดำเนินการ 6 ขั้นตอน การพิจารณาลงความเห็นของคณะกรรมการทั้งชุดที่มี พล.อ.อ.ไมตรี เป็นประธาน และคณะกรรมการชุดที่มี พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เป็นประธาน มีการแสวงหาข้อเท็จจริงต่างๆ และพิจารณาข้อเท็จจริง ประกอบกับข้อกฎหมายต่างๆ อย่างรอบคอบใช้เวลาต่อเนื่องกันเป็นเวลา 136 วัน “จะเห็นได้ว่าไม่ใช่การกระทำที่รีบร้อน รวบรัดอย่างที่มีการกล่าวอ้าง ผู้ที่แสดงความคิดเห็นในเชิงดูถูก ดูหมิ่น หรือสร้างความเข้าใจผิดต่อคณะกรรมการฯ หรือชี้นำว่าการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ไม่น่าเชื่อถือ อาจมีความผิดฐานหมิ่นประมาท หรือดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ทั้งนี้คณะกรรมการฯ ทั้ง 2 ชุด ต่างมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ไม่มีผู้ใดเห็นต่างและคัดค้านและรายงานผลให้ รมว.กลาโหมทราบและพิจารณาใช้ดุลยพินิจในการดำเนินการต่อไป ซึ่ง รมว.กลาโหมได้อนุมัติสั่งการเมื่อวันที่ 8 พ.ย.55 ท้ายบันทึกรายงานของคณะกรรมการเพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปแล้ว ทั้งนี้การออกคำสั่งให้ปลดนายทหารสัญญาบัตรออกจากราชการนั้น เป็นการดำเนินการทางวินัยโดยแท้ ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกของข้อเสนอของคณะกรรมการ เนื่องจาก ณ วันกระทำผิดดังกล่าว คำสั่งการบรรจุและคำสั่งการแต่งตั้งเป็นนายทหารสัญญาบัตรยังมีผลบังคับอยู่ แม้จะเป็นคำสั่งโดยมิชอบ ไม่ได้นัยว่าคณะกรรมการฯ ได้รับรองเห็นชอบคำสั่งการบรรจุหรือคำสั่งการแต่งตั้งเป็นนายทหารสัญญาบัตร ว่าถูกต้องแล้วแต่อย่างใด โดยกรมเสมียนตราจะได้ดำเนินการในขั้นตอนต่อๆ ไป ตามอนุมัติสั่งการของ รมว.กลาโหม และตามระเบียบแบบของทางราชการ” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว

นายกฯพบนักธุรกิจไทยเตรียมเปิดช่องทางการตลาดในอังกฤษเพิ่ม

(13 พ.ย.) ภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 12-15 พ.ย. เมื่อเวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง) นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ นายชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์ รมว.คมนาคม ได้หารือกับนักธุรกิจไทยและสมาคมธุรกิจไทยในอังกฤษ โดยนายกรัฐมนตรรี กล่าวตอนหนึ่ง ว่า ไทยและอังกฤษ มีมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกันมากเป็นอันดับ 2 ในทวีปยุโรป การเดินทางมาครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จะมีการเจรจาเพื่อเพิ่มช่องทางการลงทุนระหว่างกัน ทั้งรัฐบาลต่อรัฐบาล รวมถึงนักธุรกิจของทั้งสองประเทศ ซึ่งในการพบหารือกับนายเดวิด แคมารอล นายกรัฐมนตรีอังกฤษที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พ.ย.นี้ รัฐบาลไทยจะถือโอกาสชี้แจงถึงแผนการบริหารการลงทุนและการบริหารจัดการน้ำหลังจากที่เกิดอุทักภัยครั้งใหญ่ด้วย เพื่อให้ภาคเอกชนของอังกฤษมีความเข้าใจ และเชื่อมั่น นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ตนจะนำข้อเสนอแนะต่างๆของภาคธุรกิจไทยเข้าหารือเพื่อขอการสนับสนุนด้วย เพราะขณะนี้มีนักลงทุนและนักเรียนไทยมาอยู่อังกฤษจำนวนมาก อาจขอให้อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับวีซ่า รวมทั้งการเดินทางเข้ามาประกอบอาชีพบางประเภท ที่ปัจจุบันมีมาตรฐานในเรื่องของภาษาที่เข้มงวดว่าจะสามารถลดเงื่อนไขในจุดนี้ได้หรือไม่ อาทิ แม่บ้าน ธุรกิจสปา หรือคนงานก่อสร้าง รวมทั้งจะหารือเกี่ยวกับธุรกิจการท่องเที่ยว โดยไทยจะยืนยันถึงการดูแลและให้ความปลอดภัยนักท่องเที่ยวอังกฤษเพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้มากขึ้น ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี พบหารือกับ Sir Dave Richards ประธาน English Premier League และเวลา 11.35 - 12.35 น. นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จากนั้นเวลา 12.30-14.00 น. นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการกล่าวถ้อยแถลง ระหว่างรับประทานอาหารกลางวันกับนักธุรกิจไทย และนักธุรกิจสหราชอาณาจักร ก่อนเยี่ยมชมระบบรถไฟความเร็วสูงที่สถานี St. Pancras ในเวลา 15.00 น.