ข่าว
อูเบอร์เปิดตัวรถบรรทุกไร้คนขับโฉมใหม่แล้ว

อูเบอร์ (Uber) เปิดตัวภาพพร้อมคลิปวิดีโอโชว์ความสามารถของรถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยในคลิปดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้เซ็นเซอร์ฝังลงไปในตัวรถ นอกจากนั้น ยังมีเซ็นเซอร์ LIDAR แบบ 64 แชนแนลติดตั้งบนหลังคารถด้วย

แต่จุดหนึ่งที่สังเกตได้ก็คือ อูเบอร์ได้ลบแบรนด์ Otto ออกไปจากตัวรถแล้ว ซึ่งการถอดชื่อดังกล่าวออกไป เพราะบังเอิญเป็นชื่อเดียวกับบริษัทสัญชาติแคนาดา ซึ่งพัฒนารถอัตโนมัติสำหรับภาคอุตสาหกรรมนั่นเอง

Alden Woodrow หัวหน้าฝ่ายพัฒนาโปรดักต์ของอูเบอร์ เผยว่า การเปิดตัวรถบรรทุกเวอร์ชันใหม่นี้ไม่ได้มีผลมาจากคดีความที่อูเบอร์มีกับเวย์โม (Waymo) บริษัทผู้พัฒนารถอัตโนมัติของอัลฟาเบ็ท (Alphabet) แต่อย่างใด โดยก่อนหน้านี้เวย์โมได้เคยฟ้องร้องอูเบอร์ว่า ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของเวย์โมมาใช้ในการพัฒนารถขับเคลื่อนอัตโนมัติของอูเบอร์ โดยกล่าวหาว่า พนักงานระดับสูงอย่าง Anthony Levandowski ที่ลาออกจากเวย์โมนั้น ได้ขโมยเอกสารบางอย่างออกมากับตัวเขาด้วย และนำไปใช้กับการพัฒนารถอัจฉริยะของอูเบอร์นั่นเอง ซึ่งในประเด็นนี้อูเบอร์ได้ไล่ออกวิศวกรรายนั้นไปแล้วเรียบร้อย

มะเร็งคร่าชีวิต “แหวน ฐิติมา”

นับเป็นข่าวร้ายสำหรับวงการบันเทิงอีกครั้ง หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องสูญเสียนักแสดงอาวุโส 2 ท่าน ทั้ง “คุณยายอีีด สินีนาฏ” และ “ป้าติ่ง พิมพ์พรรณ” ล่าสุดวันนี้ (7 ก.ค.) ก็มีข่าวช็อกความรู้สึกอีกครั้ง หลังจากที่คนบันเทิงต่างโพสต์ข้อความแสดงความอาลัยต่อการจากไปของอดีตร็อกเกอร์หญิงในตำนาน “แหวน ฐิติมา สุตสุนทร” ซึ่งต่อสู้โรคร้ายมะเร็งยาวนานได้เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 15.15 น. ณ รพ.ศิริราช สาเหตุการเสียชีวิตจากภาวะโรคมะเร็งลุกลามเข้ากระดูก โดยจะมีพิธีรดน้ำศพในวันที่ 10 ก.ค. เวลา 14.00 น. และสวดพระอภิธรรมตั้งแต่วันที่ 11 - 16 ก.ค. เวลา 19.00 น. ที่วัดธาตุทอง ศาลา 4 ฌาปนกิจในวันจันทร์ที่ 17 ก.ค. เวลา 16.30 น. ณ วัดธาตุทอง เมรุหลัง ศาลาดำรงชัยธรรม

แหวน ฐิติมา เข้าสู่วงการเพลงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 จากการร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “วัยระเริง” กระทั่งได้รับการยกย่องให้เป็นนักร้องหญิงในแนวเพลงร็อกคนแรกของไทย จากนั้นเจ้าตัวได้เซ็นสัญญาเข้าสังกัดแกรมมี่ มีผลงานอัลบั้มชุดแรก “ฉันเป็นฉันเอง” ออกมาในปี 2527 ที่ได้รับการต้อบรับอย่างดีเยี่ยม มีเพลงดัง อาทิ ไดอารี่สีแดง ผู้หญิงคนนี้ เชิ้ตแขนยาวไทสีเทา ฯ

ปี 2529 ออกอัลบั้ม “เรามีเรา” ต่อด้วย “คนที่รู้ใจ” พ.ศ. 2530, อัลบั้ม สัญญิงสัญญา พ.ศ. 2531, อัลบั้ม แหวน ... (จุด จุด จุด) พ.ศ. 2532, อัลบั้ม หัวแม่โป้ง ในปี พ.ศ. 2534 ซึ่งทุกชุดล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จเกือบทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับเพลงอย่าง เรามีเรา, สัญญญิงสัญญา, ฟ้ายังมีฝน ฯลฯ ก่อนที่ในเวลาต่อมาทางนักร้องหญิงเองได้ไปอยู่กับค่ายวอร์เนอร์ฯ มีผลงานอัลบั้ม “จู่โจม” ออกมาในปี พ.ศ. 2537

ในด้านชีวิตครอบครัว แหวน ฐิติมา แต่งงานกับ “บรรเจิด กฤษณายุธ” หรือ “ปุ๊ กรุงเกษม” มีลูกสาวคือ “ปันปัน เต็มฟ้า กฤษณายุธ” ซึ่งแม้ช่วงหลังจะห่างหายไปจากวงการเพลงบ้าง ทว่า เจ้าตัวก็ยังคงมีงานรวมเพลงเก่าและคอนเสิร์ตให้ขึ้นเวทีอยู่เป็นระยะๆ กระทั่งเมื่อราวๆ 6 ปีที่ผ่านมา ทางด้านนักร้องหญิงได้ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งที่เต้านม ซึ่งเธอก็ได้เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งอาการดีขึ้นเรื่อยๆ จนเรียกได้ว่าแทบจะหายขาด

แต่แล้วเมื่อราวๆ กลางเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา นักร้องหญิงก็ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกครั้ง และพบว่า เชื้อร้ายได้ลุกลามไปที่กระดูกแล้ว ทำให้อ่อนเพลียและอ่อนแรง น้ำหนักลดลง ก่อนที่จะมีอาการน้ำท่วมปอด ติดเชื้อในกระแสเลือดและเสียชีวิตลงในที่สุด

ด้าน ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เมื่อเวลา 15.15 น. นางฐิติมา สุตสุนทร หรือ แหวน ร็อกเกอร์หญิงชื่อดัง วัย 54 ปี ได้เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งที่ รพ.ศิริราช หลังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาระยะหนึ่ง


ชาวไทยในสหรัฐฯ เยือนแผ่นดินแม่ ตื้นตันใจ กราบพระบรมศพ ร.9

เมื่อตอนสาย วันที่ 6 ก.ค.2560 นายสุรศักดิ์ วงศ์ข้าหลวง ประธานฝ่ายสหรัฐอเมริกา โครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่ ครั้งที่ 11 และคณะกรรมการ ได้นำคณะเยาวชน และผู้ปกครอง จากสหรัฐอเมริกา ไปเยี่ยมให้กำลังใจ และร่วมจัดเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ทหารผ่านศึก ที่เข้ารับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ถนนวิภาวดีรังสิต พร้อมมอบเงินสนับสนุน ซึ่งเป็นเงินจากการจัดงานการกุศลของโครงการฯ ที่สหรัฐอเมริกา และมีเยาวชนและผู้ปกครองร่วมบริจาคสมทบเพิ่มเติมอีกจำนวนกว่า 5 หมื่นบาท มอบให้กับทางโรงพยาบาลทหารผ่านศึก โดยมี นพ.อัครา พงคพนาไกร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก เป็นผู้รับมอบจากนางศรีวงศ์ อาญาสิทธิ ประธานจัดงานสานสายใยน้ำใจไทยสู่แผ่นดินแม่ ครั้งที่ 6 และกรรมการโครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่

สำหรับการจัดกิจกรรมให้กำลังใจและเลี้ยงอาหารทหารผ่านศึกครั้งนี้ สมาคมเพื่อนแคลิฟอร์เนีย โดยนางอุษา ตรีดุษณีย์ และเพื่อนกลุ่มชมรมเพื่อนร่วมใจรัก ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงอาหาร โดยมี พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ นายกสมาคมเพื่อนแคลิฟอร์เนีย ให้เกียรติมาร่วมงานด้วย

นอกจากนี้ ยังมีศิลปินดารานักร้องสาวคนดัง นัท มีเรีย และเพื่อนศิลปินอีกหลายคน ได้มาร่วมให้ความบันเทิงในงาน เยาวชนและผู้ปกครองหลายคน ได้มีโอกาสขึ้นไปเยี่ยม พูดคุย และมอบสิ่งของให้แก่ทหารผ่านศึก ที่ไม่สามารถลงมาร่วมงานได้ ถึงเตียงคนไข้ บนชั้น 4 สร้างความตื้นตันใจแก่ทหารผ่านศึกทุกคน

จากนั้นเวลา 12.30 น. คณะโครงการเยาวชนไทยในสหรัฐอเมริกา เยือนแผ่นดินแม่ ครั้งที่ 11 ได้เดินทางไปที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง เพื่อถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเยาวชนไทยและผู้ปกครอง ได้เดินแถวเรียง 4 เข้าไปกราบสักการะพระบรมศพ ท่ามกลางความปลาบปลื้ม ผู้ปกครองและผู้สูงอายุ ที่ขอร่วมโครงการฯมาด้วย ต่างหลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ ที่ได้มีโอกาสมาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

นายสุรศักดิ์ วงศ์ข้าหลวง ประธานฝ่ายสหรัฐอเมริกา ของโครงการฯ เปิดเผยว่า วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของโครงการฯ คือนำคณะเข้าถวายสักการะ พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โครงการฯ ปีนี้เรา เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและผู้สูงอายุมามากกว่าทุกครั้ง เนื่องจากทุกคนต้องการมาถวายสักการะพระบรมศพ เพื่อแสดงความจงรักภักดี หลังจากได้กราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว หลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ ขณะที่เยาวชนหลายเปิดเผยความรู้สึกว่า ดีใจมากๆ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้มีโอกาสเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคนที่ช่วยให้เยาวชนที่อยู่ห่างไกลในสหรัฐอเมริกา ได้มาถวายสักการะพระบรมศพ เป็นความทรงจำที่สำคัญในชีวิต.


เจ้เล้งโฮ ปิดฉากชีวิตคู่ ควัก700ล้านหย่าสามี

“เจ้เล้ง”เปิดใจทั้งน้ำตา หลังหย่าสามี ยอมจ่าย700 ล้าน แลกอิสรภาพให้ตัวเอง เผยแต่งงานตั้งแต่อายุ 27 ปี แยกกันอยู่ก็ยังส่งเงินให้ 5.5 แสนบาททุกเดือน จนสามีฟ้องหย่า ที่ยอมจ่ายไม่ได้กลัวแพ้คดี แต่กลัวชนะแล้วต้องกลับมาอยู่ด้วยกัน นึกทีไรก็น้ำตาไหลทุกที ไม่เสียดายของแต่เสียดายเวลา ชี้เงินไม่เกิน 3 ปี หาคืนได้ เตรียมจัดงานใหญ่ คืนกำไรให้กับลูกค้า 1-10 ก.ย.นี้

เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่อาคารเจ้เล้ง พลาซ่า เลขที่ 40/90 ซอยวิภาวดีฯ 74 ถนนวิภาวดีฯ แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กทม. นาง อารียฉัตร อภิสิทธิ์อมรกุล อายุ 67 ปี หรือ “เจ้เล้ง” เจ้าของ “ร้านเจ้เล้ง” อาณาจักรสินค้าจากต่างประเทศมูลค่านับหมื่นล้านที่ใครๆ รู้จักดี เปิดใจกับผู้สื่อข่าวข่าวสด ถึงชีวิตแต่งงานที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน หลังตัดสินใจหย่าขาดกับสามี ซึ่งแต่งงานตั้งแต่อายุ 27 ปี โดยยอมยกเงินสดและทรัพย์สินรวมมูลค่า 700 ล้านบาทให้ไป เพื่อแลกกับอิสรภาพ

เจ้เล้งเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตั้งแต่แต่งงานได้ 2 สัปดาห์ สามีก็บอกว่า จะต่างคนต่างเก็บเงิน นับตั้งแต่วันนั้นก็แยกกันเก็บเงินเป็นต้นมา โดยตนเริ่มทำมาค้าขายและมี หัวทางธุรกิจ มีเงินมีทองมาตั้งแต่สาวๆ ส่วนสามีทำงานบริษัทแต่เปลี่ยนงานบ่อยจนสุดท้ายก็ไม่ได้ทำงาน จึงให้มาทำงานที่ร้าน ด้วยความที่ตนชอบทำมาค้าขาย ชอบขายของและส่วนใหญ่จะขายเองคนเดียวกับลูกน้อง วันหยุดก็ไม่เคยได้หยุด เป็นคนบ้าขายของดีใจที่ได้เงิน แต่ไม่เคยได้เก็บเงิน เพราะสามีเป็นคนเก็บ เคยทะเลาะกันเรื่องการแบ่งเงินในบัญชีไปบัญชีอื่น แต่ก็ให้สามีเก็บเงินมาตลอด 33 ปี ซึ่งภายหลังมีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ยังพบว่าเงินกำไรที่ได้จากการขายของแทบไม่เหลือ

ปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนาน แต่ไม่เคยพูดให้ใครฟัง หลังจากแยกกันอยู่สามีก็ไปอยู่สงขลาตนก็ส่งเงินให้เดือนละ 5.5 แสนบาทอยู่ทุกเดือน แต่พอแยกกันครบปีสามีก็ฟ้องหย่า เรียกตนไปพบนักการเมืองคนหนึ่งเป็นคนเจรจา ว่าสามีอยากได้เงิน 600 ล้านบาท กับที่ดินอีกส่วนหนึ่ง ถ้าตนไม่ให้จะไม่เหลืออะไรเลย

“ฉันก็งงว่า ฉันทำอะไร ฉันไม่ได้ดอกทอง ไม่เที่ยวกินเหล้า บ้าแต่ทำงาน โดนขู่ว่าจะโดน มาตรา 44 ฉันก็ไม่กลัว เพราะฉันทำมาหากินมาทุกอย่าง นักการเมืองคนนั้นจะคุมเรื่องฟ้อง มีการส่งนายตำรวจผู้ใหญ่มาคุ้มกันเวลามาศาล มีการขู่อยู่เรื่อย ว่าจะแถลงข่าวประจาน ฉันแต่งงานมา 40 ปี ไม่เคยให้ผัวเลี้ยง ฉันอายตรงไหน ชีวิตอยู่คนเดียว มีคนมาจีบเยอะแยะแต่ฉันไม่เอา” เจ้เล้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

เจ้เล้งเปิดเผยอีกว่า ข้อที่อดีตสามีฟ้องหย่าร้าง คือ 1.ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้นอนด้วยกันมา 5 ปี แต่จริงๆ ไม่ได้นอนกันมา 10 ปีแล้ว แต่ตนก็ไม่เคยมีใครอื่น ทำงานมาตลอด 2.ไม่เคารพบุพการี ซึ่งตนช่วยรักษาคุณแม่ของอดีตสามี มีหมอพยาบาลมาเป็นพยานได้ 3.ยักยอกทรัพย์สมบัติให้ลูกหลาน ซึ่งไม่จริง เพราะทุกอย่างที่ให้หลาน มีการบอกหมดทุกอย่างว่าให้อะไร อดีตสามีก็เซ็นชื่อรับทราบตลอด ให้สู้ในชั้นศาล ยังไงก็สู้คดีไม่แพ้แน่นอน เพราะตนไม่ได้ผิด ตนอยู่บ้าน เขาเป็นคนออกจากบ้าน ตนส่งเงินเดือนให้ทุกเดือน 5.5 แสนบาท

“จริงๆ สู้กัน ดิฉันชนะ แต่ไม่ขอชนะเพราะดิฉันกลัว จะต้องรับเขามาอยู่ด้วยอีก ไม่อยากให้มาอยู่ด้วยกันอีก ตอนแรกพยายามอดทนทุกอย่าง คิดว่าแก่ๆ แล้วจะดีขึ้น พยายามทำทุกอย่างแล้ว เมื่อถึงศาล สุดท้ายดิฉันกลัวดิฉันชนะ ระหว่างที่เขา ไม่อยู่บ้าน 1 ปี ทุกอย่างมันเบา มันโล่ง จึงให้เงินสดไป 300 ล้าน และทรัพย์สินส่วนหนึ่งรวมเป็น 700 ล้านบาท ตอนนี้อยู่แบบโล่ง หายใจได้เต็มปอด พนักงานในบ้าน ลูกหลานมีความสุข เพื่อนฝูงกลับมาหาอีกครั้ง ทุกอย่างมันมีความโล่งไปหมด” เจ้เล้งกล่าว


4 โจ๋รุมยำศิษย์เก่าแอลเอ. ขับรถเฉี่ยวในซอยโชคชัย

รวบ 4 โจ๋โหด รุมกระทืบลุงขับรถกะป๊ออดีตคนแอลเอ.ในซอยโชคชัย 4 จนใบหน้ายุบ-สมองบวม-กระดูกซี่โครงหัก 2 ข้าง หลังพากันแยกย้ายหลบหนี อ้างดื่มเบียร์ไปก่อน 2 ขวด ที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ขณะที่ “ศานิตย์” เล็งแจ้งข้อหาหนัก ชี้เป็นการกระทำโหดร้าย

กรณีที่มีการเปิดเผยแพร่คลิปชายถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายจนเสียชีวิต เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่บริเวณพงษ์สุขอพาร์ตเมนต์โชคชัย 4 ภายในซอยโชคชัย 4 ทราบชื่อภายหลังผู้ตายคือ นายสัจจา ปราศรัย อายุ 63 ปี อาชีพขับรถกะป๊อ ตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับ พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ร่วมแถลงจับกุม 4 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ ได้แก่ นายอาทิตย์ สอนดอนไพร, นายสุรเชษฐ โพธิ์จาด ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โดยการกระทำทารุณโหดร้าย นายอำพล คลังทอง และนายณรงค์ชัย รักล้วน ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย และบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุสาเหตุการทำร้ายดังกล่าวเกิดจากการที่ผู้ตายซึ่งมีอาชีพขับรถกะป๊อ ขับรถเฉี่ยวชนกันกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ก่อนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุจะตามไปทำร้ายร่างกายนายสัจจา และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา โดยทั้ง 2 ฝ่ายไม่เคยรู้จักหรือมีปัญหากันมาก่อน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่โหดร้าย ซึ่งอยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติม

ขณะที่ พล.ต.ต.นันทชาติ ระบุว่า หลังเกิดเหตุตำรวจไล่ดูกล้องวงจรปิดจนทราบตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 4 ราย ทราบว่าแยกย้ายกันหลบหนี กระทั่งวันนี้สามารถติดตามจับกุมตัวไว้ได้ครบ ได้สอบปากคำนายอาทิตย์ รับสารภาพว่าก่อเหตุจริง โดยก่อนเกิดเหตุได้ดื่มเบียร์ไป 2 ขวด ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ทั้งนี้ตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า นายสุรเชษฐ เคยต้องคดียาเสพติดเมื่อปี 2554 ขณะที่นายอาทิตย์เคยต้องคดียาเสพติดและพนันทายผลฟุตบอลเมื่อปี 2558 และนายอำพลเคยต้องคดีลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน พื้นที่ธัญบุรี

ขณะที่ ผลชันสูตรศพพบว่า นายสัจจามีร่องรอยฟกช้ำรอบลำตัว กระดูกใบหน้าหักยุบ กะโหลกศีรษะแตก สมองช้ำบวม และกระดูกซี่โครงหักทั้ง 2 ข้าง หลังจากนี้จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

นายสัจจา ปราศรัย มาอยู่อเมริกานานถึง 20 ปี จบการศึกษาจากอัสสัมชัญศรีราชา ปริญญาตรีด้านมาร์เก็ตติ้งจากลอนดอน อาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษ 10 ปี เคยทำงานบริษัทการบินไทย แผนกคาร์โก 10 ปี เป็นซูเปอร์ไวเซอร์แผนกการตลาด เดลต้าแอร์ไลน์

เดินทางมาอเมริกาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทำงานที่ร้านอาหารไทยเทสต์ เมืองพิตสเบิรค์ ย้ายมาอยู่ร้านสกินนา ลาสเวกัส แล้วมาทำงานที่ร้านไทยบาร์บีคิว เมืองเวสต์โควินาก่อนกลับเมืองไทยอย่างถาวรเมื่อเดือนกรกฎาคม 2559

นักเรียนแลกเปลี่ยนอเมริกา เดินตกท่อขาฉีกเย็บ100เข็ม

จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Toon Nichapat Mata" ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "เมื่อวันเสาร์ 24 มิ.ย. เวลาประมาณ 14.30 น. พวกเราเดินแห่นาคตามถนนใน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี มีคนเอากิ่งไม้มากั้นฝาท่อชำรุด น้องมองไม่เห็นตะแกรงฝาท่อ ซึ่งมันผุมากๆ พอเหยียบลงไปตะแกรงเหล็กที่ผุเลยบาดขายาวเป็นแผลลึกกว้าง เย็บทั้งชั้นนอกชั้นในนับร้อยเข็ม ลูกสาวกรีดร้องดังมากเพราะเจ็บปวดทรมาน น้องอายุ 18 ปี เขาเพิ่งกลับจากเรียนแลกเปลี่ยนจากเทกซัสได้แค่ 10 กว่าวันเองค่ะ ช่วงนี้เลยหยุดยาวเลย เพราะยังพักรักษาตัวอยู่ที่ จ.ราชบุรี แต่บ้านจริงอยู่ระยองค่ะ ได้แจ้งทางนายกเทศบาล เขาก็มาดูที่ รพ.แล้วเขาก็ให้เงินส่วนตัวมาหมื่นนึง เราก็บอกว่าไม่อยากได้ แต่อยากให้ทางการที่รับผิดชอบมารับผิดชอบมากกว่านี้ เขาบอกไม่มีงบช่วยตรงนี้ ถ้าอยากได้ต้องไปฟ้องเอา ก็เลยไปแจ้งความที่โรงพักไว้ค่ะ ทางตำรวจก็บอกให้รอเรื่องที่เขาจะดำเนินการ"

ล่าสุด ผู้สื่อข่าว มีโอกาสได้พูดคุยกับ น.ส.ภูริชญา ปันผล หรือน้องไอริน อายุ 18 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ เธอย้อนเล่าให้ทีมข่าวฟังถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ชนิดจำได้ดีว่า “ณ เวลานั้น หนูกำลังช่วยงานบุญงานบวช ด้วยการเสิร์ฟน้ำให้กับแขกที่อยู่ในขบวนแห่หน้านาค ซึ่งในระหว่างที่หนูเดิน หนูดันมองไม่เห็นฝาตะแกรงท่อที่ชำรุดอยู่ เพราะมีใบไม้ใบหญ้าขึ้นมาปกคลุม หนูเลยเหยียบลงไปโดยที่ไม่รู้”

“วินาทีแรกที่หนูเหยียบลงไป หนูยังไม่รู้สึกอะไรเลย แต่พอหันไปเห็นแผลปุ๊บ มันลึก มันเป็นหนัก เลือดมันออก หนูก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนนั้นหนูตกใจมาก ร้องไม่ออก พี่ๆ แตรวงที่เดินอยู่บริเวณนั้นพอดีก็วิ่งเข้ามาช่วย และญาติๆ หนูก็พาหนูไปส่งโรงพยาบาล พยาบาลเย็บให้สามชั้น รวมๆ แล้วก็ประมาณร้อยเข็มได้ โดยความยาวของแผลประมาณ 20 เซนติเมตร” น้องไอริน กล่าว

น้องไอริน ผู้บาดเจ็บกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนประเทศอเมริกา ซึ่งตนใช้เวลาไปอยู่ที่รัฐเทกซัสนานราว 10 เดือน จึงได้เดินทางกลับมาที่ประเทศไทย และปัจจุบันศึกษาอยู่ที่ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสาธิต พิบูลบำเพ็ญ มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่ง ณ ขณะนี้ ตนหยุดเรียนมานาน 2 อาทิตย์แล้ว เนื่องจากขาที่เป็นแผลยังไม่สามารถยันพื้นได้ และไม่สามารถยืดเหยียดได้ เพราะด้วยความที่เนื้อมันถูกดึงมาเย็บติดกันตั้งแต่ข้อเข่า