ข่าว
สี จิ้นผิง เสร็จสิ้นเยือนรัสเซีย หลังประกาศ‘ยุคใหม่แห่งความสัมพันธ์’กับรัสเซีย

มอสโก/วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์/ซินหัว) - ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน เดินทางออกจากกรุงมอสโกแล้วหลังประชุมสุดยอดทวิภาคีกับประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซีย โดยที่ผู้นำทั้งสองต่างชื่นชมความสัมพันธ์ที่ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ด้านสหรัฐฯ ระบุ ยังมองไม่เห็นว่าจีนจะมีความสามารถที่จะเป็นคนเจรจาที่มีความเป็นกลางในการไกล่เกลี่ยระหว่างรัฐบาลรัสเซียกับยูเครน กรณีความขัดแย้งและสงครามในยูเครน

สำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสติ ของรัสเซีย รายงานว่า เครื่องบินของประธานาธิบดี สี จิ้นผิิง ผู้นำจีน ออกจากท่าอากาศยานนานาชาติวนูโคโว ในกรุงมอสโกแล้วหลังจากเสร็จสิ้นพิธีส่งผู้นำจีน โดยทหารกองเกียรติยศบรรเลงเพลงชาติของรัสเซียและจีน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลรัสเซียเข้าร่วมในพิธีนี้ด้วย

ประธานาธิบดีปูตินและประธานาธิบดีสีต่างชื่นชมยุคสมัยใหม่ของความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในระหว่างที่สีเดินทางเยือนกรุงมอสโกในครั้งนี้ โดยได้มีการหารือถึงข้อเสนอของจีนในการยุติความขัดแย้งในยูเครน และออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดบั่นทอนความมั่นคงทั้งในระดับโลกและภูมิภาคและเสถียรภาพยุทธศาสตร์โลกเพื่อหวังความได้เปรียบทางการทหารแต่ฝ่ายเดียว พร้อมกับแสดงความกังวลอย่างยิ่งที่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต เข้ามาแสดงบทบาทในเอเชียเพิ่มมากขึ้น

ชาติตะวันตกกล่าวก่อนหน้านี้ว่า ข้อเสนอสันติภาพของจีนจะทำให้รัสเซียสามารถอายัดดินแดนที่ยึดไปจากยูเครนได้มากเท่าที่ยึดได้ในตอนนี้ และมองว่า การเยือนรัสเซียของผู้นำจีนในครั้งนี้เป็นการช่วยสนับสนุนปูติน ซึ่งเพิ่งถูกศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือไอซีซี ออกหมายจับจากข้อกล่าวหาว่า สั่งเนรเทศเด็กๆ ชาวยูเครนอย่างผิดกฎหมาย

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ประธานาธิบดีสีได้เชิญผู้นำประเทศในเอเชียกลางที่เป็นอดีตสาธารณรัฐในสหภาพโซเวียต เข้าร่วมการประชุมสุดยอดร่วมกันเป็นครั้งแรกในประเทศจีนในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นความพยายามของจีนในการขยายบทบาทในภูมิภาคนี้ โดยผู้นำจีนส่งโทรเลขที่เป็นหนังสือเชิญออกไปในวันจันทร์และอังคารไปให้แก่ผู้นำคาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถานและอุซเบกิสถาน แต่เติร์กเมนิสถาน ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกแก๊สรายใหญ่ให้กับจีนยังไม่ได้เปิดเผยว่า ได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งนี้หรือไม่

ในอีกด้านหนึ่ง จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาไม่คิดว่าจะสามารถมองไปที่จีนอย่างสมเหตุสมผลได้ว่าจะเป็นผู้ที่มีความเป็นกลาง เขากล่าวด้วยว่า จีนหลีกเลี่ยงการตำหนิรัสเซียที่ใช้กำลังรุกรานยูเครนและยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซียแม้ว่าชาติตะวันตกหลายชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมพลังงานของรัสเซียเพื่อให้รัสเซียมีรายได้ลดลงและไม่มีเงินใช้จ่ายในการทำสงคราม การแสดงความเห็นครั้งนี้ถือเป็นการวิพากษ์วิจารณ์จีนโดยตรงที่สุดจนถึงขณะนี้กรณีที่จีนตั้งเป้าหมายจะเป็นคนกลางในความพยายามยุติสงครามในครั้งนี้ที่ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว

ก่อนหน้านี้จีนยื่นข้อเสนอ 12 ข้อในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งรวมถึงการเรียกร้องให้มีการเจรจาและการเคารพในอธิปไตยของทุกประเทศ ขณะที่ปูตินว่า เขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาเรื่องยูเครนและยกย่องเอกสารจุดยืนของจีน

เปิดปมเหตุ‘ชายคลั่ง’กราดยิงเพชรบุรี เผยประกาศกับเพื่อนขอสู้ตาย ก่อนโดนวิสามัญ

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ตำรวจได้นำเชือกมาปิดล้อมรอบบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น พบว่า กระจกหน้าต่างแตก มีปลอกกระสุนปืนตกเกลื่อน ด้านหน้าบ้านมีแผ่นสติ๊กเกอร์ ติดอยู่บนผนังระบุว่า “เขตปลอดอาวุธ” ซึ่งอยู่ระหว่างรอพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้น พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7. , พล.ต.ต. ปิติ นฤขัตพิชัย ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี , นายณัฏฐชัย นำพูลสุขสันติ์ ผวจ.เพชรบุรี , อัยการ , แพทย์ , ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ พบอาวุธปืนสั้นยี่ห้อกล๊อก 19 ที่ตัวผู้ตาย 1 กระบอก และกระสุนจำนวนมาก

พล.ต.ท.ธนายุตม์ เปิดเผยว่า การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามขั้นตอนยุทธวิธีจากเบาไปหาหนัก พยายามป้องกันประชาชน และดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ปลอดภัยทุกนาย ตามนโยบายที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. มอบไว้ ที่สถานการณ์ยืดเยื้อเพราะไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย พยายามให้โอกาสเกลี้ยกล่อมให้มอบตัวหลายครั้ง ทั้งให้แม่ และเพื่อนพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ไม่เป็นผล คนร้ายยังยิงต่อสู้อย่างต่อเนื่อง และมีพฤติกรรมรุนแรงทำให้รวมมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ประชาชนและตำรวจบาดเจ็บรวม 3 ราย จึงจำเป็นต้องใช้ปฏิบัติการการเด็ดขาด

“ขณะชุดจับกุมเข้าปฏิบัติการพบผู้กระทำผิดยังต่อสู้และยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจกระสุนถูกโล่กันกระสุนถึง 6 นัด เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องวิสามัญคนร้าย ทั้งที่ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียเช่นนี้ ขอแสดงความเสียใจกับญาติ และผู้สูญเสียทุกรายด้วยความจริงใจ ส่วนแรงจูงใจและสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างการตรวจสอบเชิงลึก” ผบช.ภ.7 กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี เปิดเผยว่า คนก่อเหตุทักบอกเพื่อน ยืนยันว่า ไม่เจรจา จะต่อสู้กับตำรวจอย่างแน่นอน หลังจากควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบปืนขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก และแม็กกาซีนบรรจุกระสุน 2 ชุด ซึ่งญาติ บอกว่า ผู้ก่อเหตุมักจะสั่งซื้อกระสุนทางออนไลน์มาเก็บไว้ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบจำนวนที่แน่ชัด

นอกจากนี้ ยังพบว่าบริเวณพื้นบ้าน ผู้ก่อเหตุได้ราดน้ำมันพืชไปทั่วบ้าน คาดว่าป้องกันการเข้าจู่โจมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนประวัติของผู้ก่อเหตุนั้น เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน เมื่อปี 2563 ซึ่งทำงานได้แค่ 6 เดือน ก่อนที่หน่วยงานไม่ต่อสัญญา

“สำหรับปมการก่อเหตุในครั้งนี้ ผู้ก่อเหตุมีปัญหากับคู่กรณี ซึ่งเป็นนักศึกษา 2 คน ที่เช่าบ้านอยู่ตรงข้าม เมื่อเดือน พ.ย.65 มีปัญญาทะเลาะวิวาทเป็นคดีความ ขึ้นศาลมาแล้ว 2 ครั้ง โดยผู้ก่อเหตุเป็นจำเลย ซึ่งช่วงบ่าย เมื่อวานนี้ (22 มี.ค.65) ทั้ง 2 ฝ่าย มีนัดขึ้นศาลเป็นครั้งที่ 3 แต่ไม่มาตามนัด จนมารู้ข่าวเหตุการณ์กราดยิง” ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี กล่าว

ด้านนายณัฏฐชัย นำพูลสุขสันติ์ ผวจ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า จะดูแลเยียวยา ผู้สูญเสียอย่างเต็มที่ในทุกด้าน ไม่อยากให้เกิดการสูญเสียเช่นนี้อีก


‘สสจ.ปราจีนฯ’เผยไม่พบรังสี‘ซีเซียม-137’กระจายออกนอกโรงหลอม

22 มี.ค. 2566 นพ.สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี แถลงแนวทางซีเซียม-137 กับสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ว่า นับตั้งแต่ทราบข่าวซีเซียม-137 หายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่ง ก็ได้สั่งการให้ทุกโรงพยาบาลเฝ้าระวังอาการที่อาจเข้าข่ายเกิดจากการไปสัมผัสกับซีเซียม-137 โดยเป็นการเฝ้าระวังย้อนหลังไป 1 เดือน แต่ก็ไม่พบว่ามีผู้ป่วยอาการต้องสงสัยเข้ารับการรักษาแต่อย่างใด

ต่อมาเมื่อทราบข่าวว่า ซีเซียม-137 ที่หายไปนั้นไปพบอยู่ที่โรงหลอมเหล็กแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจึงเริ่มมาตรการเฝ้าระวังทางสุขภาพ เริ่มจากการรับฟังข้อมูลจากทางสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และกรมควบคุมมลพิษ ว่าหากมีการนำไปหลอมแล้วจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่โดยรอบมาก-น้อยเพียงใด ซึ่งจากการลงพื้นที่โรงงานหลอมเหล็กดังกล่าวพบตัวโรงงานอยู่ห่างจากชุมชนประมาณ 2 กิโลเมตร

“กรมควบคุมมลพิษตรวจสอบสภาพการปนเปื้อนของซีเซียม-137 ระยะห่าง 2 กิโลเมตร วัดต่อเนื่อง 3 วันติดต่อกัน อาทิตย์-จันทร์-อังคาร โดยสรุปมีวัดประมาณ 10 จุด ก็ไม่มีการปนเปื้อนของซีเซียม-137 บริเวณรอบโรงงาน ซึ่งก็ทำให้ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ก็ได้มีการวางแผนในการควบคุมป้องกันได้ แล้วก็มีข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่า กรณีซีเซียม-137 ที่อยู่ในฝุ่นแดงมีการแผ่รังสี ไม่ออกห่างมาจากสถานที่เก็บ คือห่างจากสถานที่เก็บประมาณ 2 เมตร ก็จะไม่มีปริมาณรังสีออกมา ก็สรุปได้ว่านอกโรงงานซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดก็จะไม่มีปริมาณรังสีออกมา” นพ.สุรินทร์ ระบุ

นพ.สุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อได้ข้อสรุปแล้วสิ่งที่ดำเนินการต่อคือการรักษาพยาบาล อย่างแรกคือการดูกลุ่มเสี่ยงในโรงงานแห่งนี้ โดยพนักงานในโรงงานทั้งหมด 70 คน ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด ส่วนภายนอกโรงงาน เมื่อทั้งสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และกรมควบคุมมลพิษ ให้ข้อมูลว่าไม่มีการแพร่กระจายออกไป รวมถึงการตรวจวัดต่อเนื่อง 3 วัน ก็ไม่พบปริมาณรังสีกระจายออกไปนอกโรงงาน อีกทั้งโรงงานก็มีรั้วรอบขอบชิดชัดเจน กลุ่มเสี่ยงด้านสุขภาพจึงมีเพียงพนักงานโรงงานดังกล่าวจำนวน 70 คนเท่านั้น

สำหรับการตรวจสุขภาพนั้นเริ่มมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 20 มี.ค. 2566 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรตรวจหาการปนเปื้อนซีเซียม-137 ในร่างกายและตามเสื้อผ้าของพนักงาน แต่เมื่อใช้เครื่องมือตรวจวัดซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติก็ไม่พบการปนเปื้อน เท่ากับว่าพนักงานทุกคนไม่มีการปนเปื้อนซีเซียม-137 จากนั้นในวันเดียวกันยังมีการเจาะเลือดเพื่อตรวจเม็ดเลือดขาวกับเกล็ดเลือด เพราะรังสีจากซีเซียม-137 มีฤทธิ์ทำลายไขกระดูกซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเม็ดเลือดชาว ถึงขั้นทำให้เกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้

“ผลได้ออกมาเมื่อวานนี้ คือเมื่อวันอังคาร โดยสรุปคือปกติทั้งหมด 70 คน โดยภาพรวมเป็นการมั่นใจได้ว่า เมื่อพนักงานที่อยู่ใกล้ชิด ทำงานในโรงงานเกือบทั้งวันหรือบางท่านก็พักในโรงงานยังไม่มีการเปรอะเปื้อนตามร่างกาย ไม่มีผลต่อเม็ดเลือดขาว-เกล็ดเลือด ในเบื้องต้นก็ทำให้เราพอจะมั่นใจได้ว่ารังสีนี้ไม่มีการแพร่กระจายออกมาในพนักงานที่อยู่ใกล้เคียง และโอกาสออกนอกโรงงานก็ไม่มี ผมก็เพิ่งไปเยี่ยมประชาชน สร้างความมั่นใจเมื่อวานนี้ รอบโรงงานแห่งนี้ แต่อยู่ห่าง 2 กิโลเมตร โดยสรุปคือประชาชนก็เริ่มคลายกังวลไปบางส่วน” นพ.สุรินทร์ กล่าว

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี ยังกล่าวอีกว่า ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 มี.ค. 2566 หรือวันนี้ ตนได้ให้ทีมเยียวยาจิตใจ ลงพื้นที่ไปให้ความรู้ที่ถูกต้องกับประชาชน ว่าเรื่องซีเซียม-137 ไม่มีปัญหาที่ต้องกังวลมาก และให้คำแนะนำที่ถูกต้อง และหากยังมีความกังวลอยู่ก็จะดำเนินการตามมาตรฐานของด้านสุขภาพจิตต่อไป โดยภาพรวมคือยังมีกังวลบ้างบางส่วนแต่ก็ไม่รุนแรงมาก ทางทีมสุขภาพจิตก็ยังต้องทำงานต่อไปเพื่อสร้างความมั่นใจ

ส่วนพนักงานโรงงานทั้ง 70 คน จะยังคงมีการตรวจประเมินต่อไปอีก 5 ปี เพื่อเฝ้าระวังด้านสุขภาพต่อไป แต่ประชาชนรอบโรงงานนั้นสามารถมั่นใจได้ว่าเมื่อมีการตรวจวัดแล้วไม่พบก็ไม่น่าจะต้องมีประเด็นกังวล แต่ทางกรมควบคุมมลพิษก็คงจะตรวจวัดต่ออีกสักระยะหนึ่ง ส่วนข้อมูลอื่นๆ นอกเหนือจากด้านสุขภาพ ก็ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อไป

นิวยอร์กรับมือคนประท้วง หาก ‘ทรัมป์’ ถูกจับฐานจ่ายเงินปิดปากดาวโป๊

นิวยอร์ก (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส/ซีเอ็นเอ็น) - หน่วยงานความมั่นคงในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ตั้งสิ่งกีดขวางใกล้อาคารทรัมป์ทาวเวอร์ และให้ตำรวจเตรียมพร้อมรับมือกับการประท้วงที่จะเกิดขึ้น หาก โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีและจับกุมตามที่เขากล่าวอ้าง

อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ เผชิญข้อหาจ่ายเงิน 130,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.88 ล้านบาท) เพื่อปิดปากสตอร์มี แดเนียลส์ นักแสดงหนังผู้ใหญ่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 ไม่ให้เปิดโปงเรื่องเคยมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับเขา ซึ่งทรัมป์ประกาศเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตนเองจะถูกจับกุมในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นแต่ปรากฏว่า กระบวนการของศาลยังไม่แล้วเสร็จ เพราะคณะลูกขุน อัยการและทนาย ยังคงสอบพยานและตรวจหลักฐานกันอยู่ จึงอาจเป็นวันนี้ที่ทรัมป์จะถูกควบคุมตัวและตั้งข้อหาอาญา กลายเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯคนแรกที่เป็นจำเลยคดีอาญา

ขณะที่สื่อบางสำนักคาดการณ์ว่า คณะลูกขุนใหญ่ที่ไต่สวนคดีนี้อาจจะลงความเห็นให้ฟ้องดำเนินคดีทรัมป์ในวันนี้ แต่อาจต้องรอจนถึงสัปดาห์หน้า อัลวิน แบรกก์ อัยการแขวงแมนฮัตตันจึงจะแจ้งข้อหา และทรัมป์จะถูกนำตัวขึ้นศาล

อย่างไรก็ดี บริเวณสถานที่สำคัญเช่น อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ และที่ทำการศาล ในนครนิวยอร์ก รวมไปถึงเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ มีตำรวจมารักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ เนื่องจากทรัมป์ได้ประกาศเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนออกมาประท้วง โดยบอกว่า “ประท้วงเพื่อทวงคืนประเทศ”ก่อนหน้านี้ มีผู้สนับสนุนทรัมป์จำนวนสิบกว่าคนมารวมตัวประท้วงที่ย่านโลวเวอร์แมนฮัตตันเมื่อเย็นวันจันทร์ จนเกือบเผชิญหน้ากับกลุ่มต้านทรัมป์ที่ปักหลักประท้วงไม่ไกลกัน และมีผู้สนับสนุนทรัมป์ประมาณ 40 คน ชุมนุมให้กำลังใจที่หน้าบ้านพักของทรัมป์ในรัฐฟลอริดาเมื่อวันอังคาร นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มขวาจัดสุดโต่งที่ประกาศว่าจะก่อสงครามกลางเมือง หากทรัมป์ถูกจับกุมและดำเนินคดี จนเกรงกันว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอยจลาจลรัฐสภาโดยผู้สนับสนุนทรัมป์เมื่อ 2 ปีก่อนโดยคดีนี้ เป็นหนึ่งในหลายข้อกล่าวหาที่ทรัมป์เผชิญ ซึ่งอาจทำให้เขาหมดสิทธิ์

ในการลงชิงทำเนียบขาวอีกครั้งในปีหน้า