ข่าว
ยูเอ็นเอชซีอาร์วอนคนไทยช่วยผู้ลี้ภัย

สืบเนื่องจากรายงานสถิติผู้ลี้ภัยโลกจากยูเอ็นเอชซีอาร์ฉบับล่าสุด พบว่าขณะนี้มีผู้ลี้ภัยมากกว่า 20 ล้านคนและอีกกว่า 30 ล้านคนทั่วโลกถูกบีบบังคับให้กลายเป็นบุคคลพลัดถิ่นภายในประเทศของตนเอง ตัวเลขจำนวนผู้ขอลี้ภัยก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในทวีปยุโรปเพียงภูมิภาคเดียว พบว่าในปีที่ผ่านมามีผู้ลี้ภัยและผู้อพยพมากกว่า 1 ล้านคน ที่เดินทางข้ามมาจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

ทั้งนี้ สถิติผู้ลี้ภัยทั่วโลกในปี 2558 อย่างเป็นทางการจะเปิดเผยในเดือนมิถุนายน 2559 ยูเอ็นเอชซีอาร์คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นทั่วโลกจะเกิน 60 ล้านคน ซึ่งหากเป็นจริงก็จะนับเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 หรือหมายถึงในจำนวนประชากรโลกทุก 122 คน จะมี 1 คนอยู่ในสถานะของผู้ลี้ภัยหรือผู้อพยพ

สงครามในประเทศซีเรีย ยังคงปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้จำนวนผู้ลี้ภัยและบุคคลพลัดถิ่นภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีความขัดแย้งในยูเครน สาธารณรัฐแอฟริกากลาง สาธารณรัฐบุรุนดี รวมถึงประเทศเซาท์ซูดาน ที่เป็นปัจจัยส่งให้สถิติผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

และเนื่องจากภารกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลยูเอ็นเอชซีอาร์จึงต้องการงบประมาณสูงขึ้นอีกเท่าตัว ด้วยเหตุนี้ ทางองค์กรจึงรณรงค์การบริจาคเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน ที่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนเพื่อเดินหน้าความคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยได้อย่างต่อเนื่อง

ในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ลี้ภัย 106,000 คน ส่วนมากเป็นชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยงและกะเหรี่ยงแดง ซึ่งหนีความขัดแย้งภายในประเทศเมียนมาเข้ามาขอความปลอดภัยยังฝั่งไทย เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 30 ปีแล้วที่ผู้ลี้ภัยเหล่านี้อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย หรือพื้นที่พักพิงชั่วคราว ใน 4 จังหวัดตามแนวชายแดนฝั่งตะวันตก ได้แก่ ราชบุรี กาญจนบุรี แม่ฮ่องสอนและตาก ซึ่งผู้ลี้ภัยเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ผู้หญิง และผู้พิการ

ยูเอ็นเอชซีอาร์จึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการร่วมกันสร้างวัฒนธรรมแห่งการให้และการเปลี่ยนแปลง โดยการแบ่งปันน้ำใจเพื่อมอบชีวิตใหม่แก่เด็กและครอบครัวผู้ลี้ภัยที่สูญเสีย โดยสามารถช่วยเหลือ บริจาคและดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.unhcr.or.th

'บิ๊กป้อม'เคาะรับซื้อยางแผ่นดิบโลละ 45 บาท

เมื่อวันที่ 14 ม.ค. เวลา 11.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาราคายางพารา ว่า ที่ประชุมมีมติให้รับซื้อยางแผ่นดิบ 1 แสนตันจากเกษตรในกิโลกรัมละ 45 บาท โดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. ) คณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เป็นผู้จัดซื้อ โดยใช้เงินตามที่สำนักงบประมาณแนะนำ ใช้เงินกองทุนของ กยท. หากเงินไม่พอ ให้ดึงธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) มาร่วมด้วย ส่วนตัวเลขรวมที่จะใช้ในการรับซื้อยังไม่ทราบ ทราบเพียงว่าต้องซื้อยางจากเกษตรกรมา 1 แสนตันก่อน เรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะรัฐบาลมีเงิน ซึ่งทุกฝ่ายพอใจในราคารับซื้อ ส่วนยางอื่นก็ให้ทำตามที่เคยจัดซื้อมา เมื่อซื้อมาคงไม่นำยางไปเก็บ แต่เป็นหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯ ที่จะต้องไปบูรณาการกับส่วนต่าง ๆ ส่วนที่เกษตรกรยืนยันจะให้รัฐ รับซื้อยางในราคา 60 บาทนั้น ตนไม่ทราบข่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าปัจจุบันยางมีปริมาณเยอะมาก เกษตรกรน่าจะรู้ว่าควรทำอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงเกษตรฯ ต้องบูรณาการให้ดีว่าจะทำอย่างไรต่อไป เกษตรกรบอกว่าอยู่ไม่ได้ก็ต้องทำให้เขาอยู่ได้ในขั้นหลักการ อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวต้องให้ ครม.อนุมัติเงินก่อนถึงจะรับซื้อยางได้ โดยจะนำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม.ในวันที่ 19 ม.ค.นี้ เมื่อถามว่าหลังจากออกมาตรการดังกล่าวราคายางจะดีขึ้นหรือไม่

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็แล้วแต่ วันนี้ยังไม่ได้รับซื้อราคาก็ขึ้นมาแล้ว 2 บาท และยางที่ได้มาก็ไม่ได้เอาไปไหน อยู่ในประเทศที่จะแปรรูปต่อไป ตามนโยบายของรัฐบาล” พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวถึงกรณีนายณรงค์ชัย อัครเศรณี ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ขอลาออกจากตำแหน่งว่า นายณรงค์ชัย ขอลาออกเพราะจะไปทำงานที่ต่างประเทศ และยังไม่ได้ตั้งใครมาแทน

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย ต้องการซื้อแผ่นยางปูพื้นสำหรับศูนย์เด็กเล็ก ลานกีฬา และพื้นที่อื่น ๆ ในท้องถิ่น ซึ่งมีปริมาณความต้องการใช้จำนวนมาก คาดว่าจะใช้วงเงินในส่วนนี้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่ขอไปดูในรายละเอียดก่อน เนื่องจากเป็นงบประมาณของกระทรวงเอง อย่างไรก็ตาม แต่ละภาคส่วนจะต้องทำตามขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง ทำตามกฎหมาย และในส่วนยางที่รับซื้อจะไม่ใช่ยางเก่า เป็นการซื้อยางสด ซึ่งเชื่อว่าราคายางพาราจะขยับขึ้นได้ ทั้งนี้ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกวัน เพื่อทำความเข้าใจกับชาวสวนยาง ส่วนข้อครหาว่าช่วยเหลือชาวสวนยางภาคใต้ ไม่ช่วยภาคอีสานนั้น นายกรัฐมนตรี พูดแล้วว่าภาคอีสานก็มีความเดือดร้อนในระดับหนึ่ง คงจะพิจารณามาตรการช่วยเหลือต่อไป อย่าเพิ่งไปเปิดประเด็น ขอให้แก้ปัญหาทีละส่วน เพราะแค่นี้ก็ยุ่งพอแล้ว


"ปู" อวยพรปีใหม่เพื่อไทย ให้ผ่านพ้นวิกฤติชีวิตด้วยดี

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 13 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรคเพื่อไทย มีการจัดเลี้ยงปีใหม่ 2559 โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมบรรดาแกนนำพรรคเพื่อ ไทย อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายวิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ และอดีตรมว.พาณิชย์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรค เป็นต้น โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักและสดชื่น มีการร่วมกันร้องเพลงสวัสดีปีใหม่ พรปีใหม่ และเพลงสุขกันเถิดเรา ตามลำดับ

ทั้งนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ขึ้นเวที กล่าวอวยพรให้เจ้าหน้าที่พรรคและนักการเมืองของพรรคทุกคนว่า ขอให้พบแต่ความสุขและสิ่งที่ดีๆตลอดปีใหม่และส่งกำลังใจฝากไปถึงคนอันเป็นที่รักทุกท่านให้มีความสุข มีความอดทน มีสุขภาพแข็งแรงและสามารถผ่านพ้นชีวิตที่ยากลำบากไปด้วยดี และขอบคุณทุกท่านที่ยังรักและสามัคคีกัน ไม่ทอดทิ้งกันและอยู่เป็นกำลังใจให้กันและกัน แม้ในวันที่ถือว่ายากลำบากที่สุดเพื่อรอวัน เวลา ที่จะได้กลับมาทำงานร่วมกันอีก


ยันรัฐไม่ทูลเกล้าฯชื่อ 'สังฆราชองค์ใหม่'หากยังขัดแย้ง

เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ส่งหนังสือถึง นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เพื่อรายงานผลการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) วาระลับพิเศษ เสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คณะสงฆ์ 2505 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 เพียงรูปเดียว เพื่อส่งให้นายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่ถึงมือตน ส่วนจะส่งถึงนายสุวพันธุ์ แล้วหรือไม่ ตนไม่ทราบ เท่าที่ทราบทาง ผอ.สำนักพุทธฯ จะลงนามก่อนที่จะส่งมายังรัฐบาลในวันเดียวกันนี้ เมื่อนายสุวพันธุ์รับเรื่องแล้ว จะทำความเห็นเสนอมายังตน เพื่อส่งต่อไปยังนายกฯ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน โดยไม่มีการกำหนดกรอบระยะเวลาแต่อย่างใด ส่วนจะกราบบังคมทูลฯ เมื่อใด ต้องดูความเหมาะสมหลาย ๆ อย่าง ยืนยันรัฐบาลทำตามหน้าที่ ตามกฎหมาย ตามประเพณี และตามความคาดหมายของประชาชน

“การทำหน้าที่ ก็ต้องแล้วแต่ความเหมาะสม อาทิ หน้าที่ของคณะสงฆ์จะต้องคำนึงถึงพระธรรมวินัยมาก่อนกฎหมาย แล้วจึงถึงจารีตประเพณี หาก มส.ประชุมไปแล้วจริง ส่งมติมาจริงก็ถือว่า มส.ทำหน้าที่ของท่านเสร็จแล้ว จากนั้นจึงมาเป็นหน้าที่ของรัฐบาล เมื่อเรื่องมาถึงรัฐบาลจะต้องใช้กฎหมาย ประเพณีที่เคยปฏิบัติและใช้ความคาดหมายของประชาชนมาเป็นตัวประกอบ เนื่องจากรัฐบาลบริหารประเทศจะต้องคำนึงถึงความถูกต้อง ความพอใจ และการยอมรับของประชาชน” นายวิษณุ กล่าว และว่าส่วนเสียงคัดค้านนั้น รัฐบาลไม่ถือเอาเรื่องคัดค้านเป็นใหญ่ เพราะการคัดค้านมีอยู่เสมอ แต่ถ้าค้านแล้วนำไปสู่ความไม่เข้าใจ แตกแยก ไม่สงบ ก็ต้องจัดการให้เบาบาง และไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตาม จะไม่นำเรื่องที่ ไม่เหมาะสม ที่ยังมีคนวิพากษ์วิจารณ์ ต่อต้าน ขึ้นกราบบังคมทูลฯ เป็นอันขาด ซึ่งนายกฯได้พูดแล้วว่า จะต้องให้เรื่องสงบเสียก่อน


แจ็คพอตแตก!!5.7หมื่นล. สลาก'พาวเวอร์บอล'มะกัน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ว่า ลุ้นกันจนวินาทีสุดท้ายสำหรับสลากพาวเวอร์บอลของสหรัฐ ที่เงินรางวัลในงวดนี้พุ่งทะยานสูงถึง 1,586 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 57,440 ล้านบาท) การจับรางวัลเมื่อวันพุธ เลขที่ออกคือ 08 27 34 04 และ 19 ส่วนเลขแจ็คพอตพาวเวอร์บอลคือ 10 มีรายงานผู้ถูกรางวัลอย่างน้อย 1 ราย สลากถูกซื้อไปจากร้านสะดวกซื้อในย่านชิโน ฮิลล์ ทางตะวันออกของนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สัดส่วนความน่าจะเป็นในการถูกรางวัลอยู่ที่ 1 ต่อ 292 ล้าน เป็นไปได้ว่าอาจมีผู้โชคดีรายอื่นอีก

สลากงวดนี้เริ่มสะสมเงินรางวัลมาตั้งแต่เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ซึ่งเงินรางวัลขณะนั้นคือ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,448 ล้านบาท) การจับรางวัลผ่านไป 20 งวดโดยไม่มีผู้โชคดีทำให้เงินรางวัลสะสมสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเกือบ 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงเป็นประวัติการณ์ของพาวเวอร์บอล ผู้คนใน 44 รัฐ รวมถึงกรุงวอชิงตันและอีก 2 เขตพื้นที่ในปกครองของสหรัฐ ต่างให้ความสนใจกันจนนาทีสุดท้ายก่อนออกรางวัล มีรายงานยอดจำหน่ายในรัฐเท็กซัสสูงถึงกว่า 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ราว 36.2 ล้านบาท) ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นยอดจำหน่ายที่ทำลายสถิติเช่นกัน

เงินรางวัลทั้งหมดจะถูกหักภาษีสูงถึงร้อยละ 39.5 เบ็ดเสร็จแล้วผู้โชคดีจะได้รับเงินกลับบ้านไปราว 930 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33,682 ล้านบาท) โดยเลือกได้ว่าจะรับเป็นเงินก้อนเดียว หรือรับเป็นงวดรายปีในระยะเวลา 29 ปี สถิติเงินรางวัลสูงสุดของพาวเวอร์บอลครั้งก่อนหน้าคืองวดวันที่ 30 มี.ค. 2555 อยู่ที่ 656 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 23,758 ล้านบาท) มีผู้ถูกรางวัล 3 คน ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา รัฐเท็กซัส และเครือรัฐเปอร์โตริโก โดยสลากที่มีเงินรางวัลสูงที่สุดในโลกคือสลากประจำปีวันคริสต์มาส 'เอล กอร์โด' ของสเปน โดยงวดล่าสุดวันคริสต์มาสปี 2558 คือ 2,200 ล้านยูโร (ราว 86,346 ล้านบาท) ซึ่งเฉลี่ยแล้วผู้โชคดีได้รับไปคนละ 400,000 ยูโร (ราว 15.6 ล้านบาท)

"อินโดฯ"เร่งล่าแก๊งคนร้าย ถล่มจาการ์ตา/ยอดตายพุ่ง 7

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ว่าประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ประณามเหตุการณ์ที่กรุงจาการ์ตาเป็นการก่อการร้าย พร้อมทั้งขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบและอย่าตื่นตระหนก เนื่องจากเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้แล้ว ทั้งนี้ วิโดโดยกเลิกกำหนดการลงพื้นที่ในจังหวัดชวาตะวันตก และเดินทางกลับกรุงจาการ์ตาอย่างเร่งด่วน โดยมีการกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งไล่ล่าจับกุมผู้ก่อเหตุที่หลบนีไปได้โดยเร็วที่สุด

ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของอินโดนีเซียรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 7 ศพ ในจำนวนนี้ 4 ศพเป็นคนร้าย และอีก 1 ศพเป็นตำรวจ พร้อมทั้งระดมกำลังหน่วยคอมมานโด พลซุ่มยิงหรือสไนเปอร์ และสุนัขตำรวจอีกหลายสิบตัว กระจายกำลังตรวจค้นร้านสตาร์บัคส์ และห้างสรรพสินค้าซารีนาห์ ในย่านจาลาน ธามริน ซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองหลวง ที่เต็มไปด้วยอาคารสำนักงาน และยังอยู่ในบริเวณเดียวกับสถานเอกอัครราชทูตของหลายประเทศ สำนักงานองค์การระหว่างประเทศ และทำเนียบประธานาธิบดีอินโดนีเซียด้วย ด้านสื่อท้องถิ่นหลายแห่งของอินโดนีเซียรายงานว่ากลุ่มคนร้ายรวมมือระเบิดมีอย่างน้อย 14 คน

หลังเกิดเหตุยังไม่มีบุคคลกลุ่มใดออกมาอ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งเป็นการโจมตีกรุงจาการ์ตาครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งมือระเบิดฆ่าตัวตายของกลุ่มเจมาห์ อิสลามิเยาะห์ ( เจไอ ) ก่อเหตุที่โรงแรม เจดับเบิลยู มาริออตต์ และริตซ์-คาร์ลตัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกัน 7 ศพ และได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 50 คน ส่วนศาลฎีกาของอินโดนีเซียเพิ่งตัดสินเมื่อวันอังคาร ให้ลดโทษจำคุกนายอาบู บาการ์ บาเชียร์ ผู้นำทางจิตวิญญาณวัย 78 ปี ของกลุ่มเจไอ จาก 15 ปี ตามคำพิพากษาเมื่อปี 2554 ให้เหลือ 9 ปี และกลุ่มไอเอสส่งคำข่มขู่มายังทางการอินโดนีเซียในสัปดาห์นี้ ว่าจะจัด "งานรื่นเริง" ในกรุงจาการ์ตา