ข่าว
จับผีน้อยเกาหลีใช้อุดรฯลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ เงินหมุนเวียน 100 ล้านบาท/เดือน

วันที่ 22 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามนโยบายของรัฐบาล โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุม กลุ่มมิจฉาชีพ ที่มีพฤติการณ์หลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะการหลอกลวงหรือฉ้อโกงออนไลน์ พล.ต.อ.กิตที่รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตามสังการของนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด และให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ภาญมาศ บุญญลักษณ์ ผมช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รรท.รอง ผบช.สตม.., พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ รรท.ผบก.ตม.พ.ต.ต.อ.มนุวัฒน์ กอสมาน รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.สำราญ กลันมา ผกก.สส.บก.ตม.4, พ.ต.ท.รชต ธรรมนันท์รอง ผกก.สส.บก.ตม.4, พ.ต.ท.ปรีชา ประดิษฐ์ศิลป์ สวญ.ตม.จว.อุดรธานี เข้าสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มกระบวนการฉ้อโกงออนไลน์และการพนันออนไลน์

โดยการจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.4 ร่วมกับ ตม.จว.อุดรธานี ได้สืบทราบว่ามีกลุ่มชาวต่างชาติเกาหลีได้ได้ลักลอบใช้เมืองไทย ที่จ.อุดรธานี เปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ชื่อ vinus ganning , 100d-1 มีพนักงานดูแลระบบหลายคน อยู่ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานทำการขออนุมัติหมายค้นบ้านเช่าหลังดังกล่าว และศาลแขวงอุดรธานีอนุมัติหมายค้นให้เข้าทำการตรวจค้นในวันที่ 21 ม.ค. 2568 และนำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านเช่าตามหมายค้นปรากฏว่าพบคนเกาหลีใต้จำนวน 2 คน กำลังทำงานเกี่ยวกับพนันออนไลน์ โดยทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลระบบ (admin) เว็บไซต์พนันออนไลน์ vinus garning , 100d และพบเว็บไชต์สำหรับดูแลระบบหลังบ้านจำนวนหลาย URL ทำหน้าที่ดูแลการเงิน ทำหน้าที่ชักชวนลูกค้าต่างชาติให้เข้าเล่น ผ่านแอพลิเคชั่นโชเชียล Telegram

เบื้องต้นตรวจสอบพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนเกาหลีใต้ ใช้เงินวอนเกาหลีใต้ในการเล่นพนัน ยอดเงินหมุนเวียนต่อเดือนกว่า 4000 ล้านวอนเกาหลีได้ (ประมาณ 100 ล้านบาท) โดยชาวเกาหลีใต้ทั้ง 2 รายรับสารภาพว่า ลักลอบอาศัยสถานะเป็นนักท่องเที่ยวทำงานผิดกฎหมายดังกล่าว ได้ค่าจ้างประมาณ 80,000-100,000 บาทต่อเดือน ตร.จึงได้ทำการจับกุมตัวพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และตรวจยึดของกลาง คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ hardware token จำนวนหนึ่ง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

'นายกฯอิ๊งค์'อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะจากภาคใต้ ร่วมประชุม WEF

วันที่ 22 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส) ที่ศูนย์ประชุม Davos Congress Centre เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับศาสตราจารย์ เคล้าส์ ชวาป ผู้ก่อตั้ง World Economic Forum (WEF) และประธานคณะกรรมการ ผู้ดูแลผลประโยชน์องค์กร (Chairman of the Board of Trustees) สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกฯยินดีที่ได้พบศ.เคล้าส์ ชวาป อีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ที่พบกันในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่เวียงจันทน์ ซึ่งตนเองจะนำเสนอ “Soft power" ไทยในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ ไทยและ WEF เป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งร่วมกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งไทยพร้อมที่จะขยายความร่วมมือกับ WEF อย่างต่อเนื่องในด้านที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน

ด้าน ศ.เคล้าส์ ชวาป ยินดีที่ได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรี WEF มั่นใจไทยมีศักยภาพพร้อมขยายความร่วมมือผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับ WEF ได้อีกมาก โดยเฉพาะด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี การเกษตร และอาหาร

ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งนายกฯยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของประเทศผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ผ่าน Forum ของ WEF ในปีนี้ นอกจากนี้ ไทยสนใจที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม WEF Special Meeting ในปี 2569 และความเป็นไปได้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Young Global Leaders’ Summit เพื่อเสริมพลังเยาวชน ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่อเสริมสร้างโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์สำหรับคนรุ่นใหม่ บ่มเพาะความคิดใหม่ ๆ และสร้างนวัตกรรมในระดับโลก

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญศ.คล้าส์ ชวาป ร่วมเป็น keynote speaker ในการประชุม ACD High-level Conference on Global Architecture ในเดือนพฤษภาคม 2568 ที่จังหวัดภูเก็ตด้วย


จุดจบสายแข็ง! นักมวยปล้ำดัง'เดอะ ร็อก'อัดคลิปขณะอยู่บ้าน โดนลูกสาวจับแปลงโฉมเป็นบาร์บี้

22 มกราคม 2568 กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกเมื่อ 'The Rock' (เดอะ ร็อก) หรือ ดเวย์น จอห์นสัน นักมวยปล้ำ-นักแสดงชื่อดังระดับตำนาน วัย 52 ปี ได้โพสต์คลิปลงในติ๊กต็อก "The Rock" ขณะอยู่ที่บ้านกับลูกสาว ก่อนที่จะโดน จัสมินและเทียน่า ลูกสาว 2 คน จับแปลงโฉมแต่งหน้าแปะสติ๊กเกอร์จนแทบจำไม่ได้

ซึ่ง'The Rock' เขียนแคปชั่นว่า สิ่งนี้เริ่มต้นขึ้นจากลูกสาวทั้งสองของผม แจซซี่ และ เทีย ถามว่า "พ่อคะ เราทาอายแชโดว์ให้พ่อหน่อยได้ไหม" ก่อนมันจะกลายเป็นสิ่งนี้ ซึ่งผมตอบตกลง แต่บอกให้พวกเขาทำอย่างรวดเร็ว และขอให้ออกมาเท่ๆ เพราะผมต้องไปยิม พร้อมกันนี้ยังเขียนข้อความที่ทำให้คนเป็นพ่อเท่านั้นที่จะเข้าใจว่า ผมรู้ว่าพวกเขาจะไม่ตัวเล็ก หรืออยากอยู่กับพ่อเมื่อพวกเขาโตขึ้น แต่พวกเขาจะเป็นลูกสาวตัวน้อยของผมตลอดไป ดังนั้นผมจะยอมรับการทารุณกรรมนี้ตลอดทั้งวัน เอาเลย!

หลังจากที่โพสต์คลิปนี้ออกไปก็กลายเป็นไวรัลมากโดยมียอดเข้าชมกว่า 100 ล้านครั้ง กดหัวใจกว่า 12 ล้านครั้ง และคอมเมนต์ 1 แสนคอมเมนต์ โดยมีทั้งแฟนคลับชาวไทยและต่างประเทศคอมเมนต์กันเป็ยจำนวนมาก


ไล่บี้เอกชนด้วย! ‘ทรัมป์’เลิกนโยบาย‘ความหลากหลาย’ขยายวงไม่เฉพาะหน่วยงานรัฐ

22 ม.ค. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Trump escalates campaign against diversity, threatens private sector probes ระบุว่า หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงนามคำสั่งเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2568 ยุติโครงการความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว (DEI) ซึ่งพยายามส่งเสริมโอกาสสำหรับผู้หญิง ชนกลุ่มน้อย ชาว LGBTQ+ และกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ได้รับการยอมรับตามจารีตเดิม ผู้นำสหรัฐฯ ยังมีความพยายามขยายนโยบายดังกล่าวที่บังคับใช้กับหน่วยงานภาครัฐไปยังภาคเอกชนด้วย

คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์มีจุดมุ่งหมายเพื่อห้ามไม่ให้บริษัทเอกชนที่ได้รับสัญญาจากรัฐบาลจ้างพนักงาน โดยคำสั่งนี้อธิบายว่า การจ้างงานอันมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติและการให้สิทธิพิเศษ DEI ที่ผิดกฎหมาย และได้ขอให้หน่วยงานของรัฐระบุบริษัทเอกชนที่อาจถูกสอบสวนทางแพ่ง แต่รายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับวิธีการที่รัฐบาลทรัมป์จะบังคับใช้การสอบสวนการปฏิบัติตามกฎหมายแพ่ง ยังไม่มีการเปิดเผยในทันที

ภายใต้แผนดังกล่าว หน่วยงานแต่ละแห่งจะต้องระบุการสอบสวนการปฏิบัติตามกฎหมายแพ่งที่อาจเกิดขึ้นได้สูงสุดถึง 9 กรณี ได้แก่ บริษัทมหาชน บริษัทหรือสมาคมที่ไม่แสวงหากำไรขนาดใหญ่ มูลนิธิที่มีทรัพย์สิน 500 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป สมาคมทนายความและการแพทย์ของรัฐและท้องถิ่น และสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีเงินบริจาคมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม การให้สิทธิพิเศษในการจ้างงานแก่ทหารผ่านศึกในภาครัฐและภาคเอกชนสามารถดำเนินต่อไปได้

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2568 ซึ่งยุติแผนริเริ่มในยุครัฐบาล โจ ไบเดน (Joe Biden) ในการส่งเสริมความหลากหลายในสำนักงานบริหารการบินแห่งสหรัฐฯ (FAA) โดยสั่งให้ผู้บริหาร FAA หยุดโปรแกรมการจ้างงานตามหลัก DEI ทันที โดยทรัมป์สั่งให้ FAA ดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งจะแทนที่พนักงานคนใดก็ตามที่ไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงความสามารถของตนได้ และการจ้างงานของ FAA ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับการรับรองความปลอดภัยของผู้โดยสารสายการบินและความเป็นเลิศในการทำงานโดยรวมเท่านั้น

ในส่วนของภาครัฐ ทรัมป์สั่งให้หน่วยงานและแผนกต่างๆ ของรัฐบาลกลางยกเลิกโปรแกรม DEI ทั้งหมด และแจ้งให้พนักงานของโปรแกรมดังกล่าวทราบว่าจะถูกพักงานแต่ยังคงได้รับเงินเดือน ทั้งนี้ การออกคำสั่งดังกล่าวของทรัมป์ เป็นเพิกถอนคำสั่งฝ่ายบริหารที่มีมาตั้งแต่ปี 2508 ซึ่งลงนามโดย ลินดอน จอห์นสัน (Lyndon Johnson) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเวลานั้น เพื่อปกป้องสิทธิของคนงานที่ทำงานให้กับผู้รับเหมาของรัฐบาลกลาง เพื่อให้แน่ใจว่าจะปราศจากการเลือกปฏิบัติบนพื้นฐานของเชื้อชาติ สีผิว ศาสนา เพศ รสนิยมทางเพศ อัตลักษณ์ทางเพศ หรือชาติกำเนิด

บาซิล สมิเคิล จูเนียร์ (Basil Smikle Jr) นักยุทธศาสตร์การเมืองและที่ปรึกษาทางนโยบาย กล่าวว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจกับคำกล่าวอ้างของรัฐบาลทรัมป์ที่ว่าโครงการความหลากหลายทำให้ความสำคัญของคุณธรรม ความรู้ความสามารถ การทำงานหนัก และความมุ่งมั่นของแต่ละบุคคลลดน้อยลง เนื่องจากคำกล่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่าผู้หญิงและคนผิวสีขาดคุณธรรมหรือคุณสมบัติ มีความพยายามอย่างชัดเจนที่จะขัดขวางหรือทำลายอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจของคนผิวสีและผู้หญิง ซึ่งสิ่งที่ทำคือการเปิดประตูให้เกิดการเล่นพรรคเล่นพวกมากขึ้น

สาบานตนนั่งปธน.สหรัฐสมัย 2 ‘ทรัมป์’เขย่าโลก! ลงนามคำสั่งทันที 10 ฉบับรวด

เมื่อวันที่ 21มกราคม2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี ได้ทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่47 ของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 12.01 น.ของวันที่ 20 มกราคม (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยมีนายจอห์น โรเบิร์ต ประธานศาลสูงสุดของสหรัฐ เป็นผู้นำกล่าว โดยทรัมป์กล่าวให้คำมั่นว่า”จะรักษา พิทักษ์และปกป้อง” รัฐธรรมนูญสหรัฐ ภายหลังจากนายเจดี แวนซ์ คู่หูของเขาได้กล่าวสาบานตนรับตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐไปราว 1นาทีก่อนหน้านั้น ในพิธีที่จัดขึ้น ณ ห้องโถงกลมภายในอาคารรัฐสภาสหรัฐ ในกรุงวอชิงตัน โดยมีครอบครัวของทั้งสอง อดีตประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งรวมถึงอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนและอดีตรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่งไป ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติจำนวนมาก รวมถึงเหล่ามหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทรัมป์ อาทิ อีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทเทสลาและหนึ่งในคณะทำงานของรัฐบาลทรัมป์ เจฟฟ์ เบซอส ประธานบริษัทแอมะซอน มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก เจ้าของบริษัทเมตา อิงค์และรูเพิร์ต เมอร์ดอค อดีตประธานบริหารของฟ็อกซ์คอร์ปเข้าร่วม

จากนั้นทรัมป์ได้กล่าวสุนทรพจน์โดยเริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า “ยุคทองของอเมริกาเริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ บัดนี้ ประเทศของเราจะเจริญรุ่งเรืองและได้รับความเคารพนับถือจากทั่วโลกอีกครั้ง” และว่า ความเสื่อมถอยของอเมริกาได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยการกลับสู่อำนาจของเขาเป็นการปฏิเสธสถาบันที่รุนแรงและคอรัปชั่นที่เป็นการอ้างถึงการเป็นประธานาธิบดีสมัยไบเดน ทรัมป์กล่าวต่อว่า เขาจะออกคำสั่งผู้บริหารชุดหนึ่งโดยมีเป้าหมายเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีที่สหรัฐจะจัดการกับสถานะพลเมืองและการอพยพย้ายถิ่นฐาน โดยเขาจะประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติทางชายแดนตอนใต้ติดกับเม็กซิโก ซึ่งการเข้าเมืองผิดกฎหมายจะถูกระงับทันทีและจะเริ่มกระบวนการเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายนับหลายล้านคนกลับไปยังต้นทางที่พวกเขาจากมา

ทรัมป์ยังให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงการค้าของสหรัฐ โดยสัญญาว่าจะดำเนินการเก็บภาษีจากประเทศอื่นๆ เพื่อนำมาช่วยเหลือชาวอเมริกัน โดยจะเริ่มต้นด้วยการยกเครื่องระบบการค้าเพื่อปกป้องแรงงานชาวอเมริกันและครอบครัว

ทรัมป์ ยังให้คำมั่นว่าสหรัฐจะนำคลองปานามากลับคืนมา โดยกล่าวหาจีนว่าได้เข้าควบคุมคลองดังกล่าว “เราไม่ได้ให้กับจีน เราให้กับปานามา เรากำลังจะเอากลับคืนมา”ทรัมป์กล่าว และว่า ชาติเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้จะเห็นตัวเองเป็นประเทศที่กำลังเติบโตอีกครั้ง ซึ่งจะขยายอาณาเขตของตนเอง โดยจะนำธงชาติสหรัฐไปปักบนดาวอังคาร

หลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ใน ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหารชุดแรก ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญมากมาย ซึ่งรวมถึงการถอนตัวจากข้อตกลงกรุงปารีสว่าด้วยการลดโลกร้อน ข้อตกลงดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมอุณหภูมิโลกซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนในระยะยาวให้ไม่เกิน 1.5องศาเซลเซียส เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม หรือหากทำไม่ได้ตามเป้าหมายดังกล่าว ก็ให้คงอุณหภูมิไว้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม

จากนั้น ทรัมป์ ได้ลงนามคำสั่ง10ฉบับ ประกอบด้วย 1.ถอนตัวจากความตกลงกรุงปารีสแก้ปัญหาโลกร้อน เพิ่มผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล 2.ถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) 3.ยึดกรีนแลนด์-คลองปานามา 4.รื้อโครงสร้างศก.ขึ้นภาษีสินค้าแคนาดา-เม็กซิโก 25% มีผล1ก.พ.5.อภัยโทษผู้ก่อจลาจลบุกคองเกรสกว่า 1,500คน 6.ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดนใต้ เนรเทศผู้อพยพผิดกม.ยกเลิกให้สัญญาติโดยกำเนิด 7.ขยายเวลาบังคับใช้กม.แบน TikTok ออกไป 75วัน 8.ยกเลิกรับ LGBTQ+ในหน่วยงานรบ.กลาง-รับคนทำงานตามเพศสภาพแรกเกิด 9.ยกเลิกนโยบายคุมปัญญาประดิษฐ์-รถยนต์ไฟฟ้า 10.ประกาศส่งนักบินอวกาศไปดาวอังคาร