ข่าว
"ผู้ประกวดแขนกุด"คว้านางงามประจำรัฐสหรัฐ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 12 การประกวดนางงามประจำรัฐไอโอว่า ประจำปี 2013 เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฎว่า น.ส.นิโคล เคลลี่ ผู้ประกวดพิการแขนกุด สามารถคว้ามงกุฎมาครองได้อย่างน่าประทับใจ และเธอจะได้สิทธิร่วมประกวดเป็น"มิส อเมริกา"ในเดือนก.ย.ปีนี้

ด้านน.ส.นิโคล ได้เปิดเผยความประทับใจของตัวเองว่า เธอจะใช้เวทีของมิส อเมริกา เป็นพื้นที่รณรงค์ให้กำลังใจแก่คนพิการ จากแรงบันดาลใจส่วนตัวของเธอ ซึ่งเกิดขึ้นครั้งเธอยังเยาว์วัย เพราะเธอต้องเรียนรู้ที่"ตอบโต้"สายตาจ้องมอง"ของผู้คนที่เธอได้รับ และทำให้เธอบอกตัวเองว่า"อย่ายอมแพ้สายตาคนพวกนี้" และทำให้เธอต้องพยายามในทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่การเล่นบาสเก็ตบอล,เต้นรำ ดำน้ำ เธอลองมาหมดแล้ว โดยเธอได้ค้นพบความปราถนาของตัวเองต่อโลกนี้ รวมทั้งการให้ยอมทุกคนได้จ้องเธอได้อย่างเต็มตา ด้วยการขึ้นมาประกวดบนเวทีนางงาม

นอกจากนี้ นิโคลยังกล่าวว่า เธอไม่เชื่อตัวเองเช่นกันว่า จะได้เป็นนางงาม เพราะเธอไม่เคยเห็นแววตัวเองเลย แต่ตอนนี้ เธอกลายเป็นนางงามแล้ว และคิดว่านี่เป็นสิ่งสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง และเธอต้องขอบคุณผู้คนรอบข้างเธอที่ช่วยกระตุ้นและให้กำลังใจแก่เธอจนมาถึงจุดนี้ได้

รายงานระบุว่า นิโคล เพิ่งจบการศึกษาปริญญาตรีด้านการละคร เมื่อเดือนพ.ค.ปี 2012 และเธอฝันที่จะเป็นผู้จัดการเวทีละคร"บรอดเวย์"ปัจจุบัน เธออาศัยอยู่ในกรุงนิวยอร์ก อย่างไรก็ตาม นิโคล ไม่ใช่ผู้ประกวดพิการรายแรกที่คว้ามงกุฎนางงามรัฐสหรัฐ โดยเมื่อปี 1994 น.ส.ฮีทเธอร์ ไวท์สตัน นางงามประจำรัฐอลาบาม่า ได้คว้านางงามมิสอเมริกา และเมื่อปีที่แล้ว น.ส.อเล็กซิส ซึ่งเป็นบุคคลหูหนวก ยังได้ร่วมเวทีประกวดมิสอเมริกาด้วย

ช็อก กลุ่มมุสลิมคลั่งซีเรีย ยิงหัว"เด็กชาย"ต่อหน้าพ่อ ฐาน"ไม่ให้กาแฟศาสดา"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ว่า กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงกลุ่มหนึ่งของซีเรีย ที่เชื่อว่าเกี่ยวพันกับเครือข่ายอัล กอ อิดะห์ ได้ก่อเหตุช็อกสุดโหด ยิงเด็กชายวัย 14 ปี ที่บริเวณใบหน้า เสียชีวิตต่อหน้าพ่อตัวเอง ฐานกล่าวคำพูดหมิ่นศาสดา ขณะที่พ่อเด็กชายผู้เคราะห์ร้ายถึงกับตั้งคำถามกับการกระทำโหดร้ายดังกล่าว

รายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองอะเลปโป ทางตอนเหนือของซีเรีย กลุ่มดังกล่าวได้ยิงเด็กชายรายหนึ่งวัย 14 ปี ซึ่งขายของบริเวณริมทางเท้า และเกิดมีปากเสียงกับเพื่อน ก่อนกล่าวคำพูดไม่ยอมรับพระศาสดาของศาสนาอิสลาม บอกว่า "แม้แต่พระอัลเลาะห์ก็จะไม่ได้กาแฟจากเขา" สร้างความไม่พอใจให้แก่สมาชิกกลุ่มที่เดินผ่านมา ก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงเด็กชายรายนี้เสียชีวิตทันที ขณะที่เด็กชายนอนตายในสภาพจมกองเลือด และเหตุการณ์นี้ถูกบันทึกภาพไว้ และภายหลังได้ถูกเผยแพร่โดยกลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนของซีเรีย


ผู้ต้องหาลักตัว 3 สาวมะกัน ถูกตั้งข้อหา 329 กระทง

วันที่ 10 มิ.ย. นายอาเรียล คาสโตร อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุลักพาตัวและกักขังรวมถึงล่วงละเมิดทางเพศ หญิงสาวชาวอเมริกัน 3 คนในรัฐโอไฮโอ ในบ้านของเขานานนับสิบปี ถูกตั้งข้อกล่าวหารวมกว่า 329 กระทง ขณะที่อัยการกกำลังพิจารณาว่าคดีนี้สามารถลงโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิตหรือไม่

นายทิโมธี แมคกินตี อัยการเทศมณฑลคูยาโฮกา เปิดเผยผ่านแถลงการณ์ว่า นายคาสโตรถูกตั้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา 139 กระทง ข้อหาลักพาตัว 177 กระทง ข้อหาทรุณกรรมทางเพศ 7 กระทง ใช้กำลังทำร้ายร่างกาย 3 กระทง ครอบครองอุปกรณ์ผิดกฎหมายอีก 1 กระทง และข้อหาฆาตกรรมอีก 1 กระทง จากการใช้กำลังทำให้สตรีมีครรภ์แท้งลูก

อย่างไรก็ดี ข้อกล่าวหาดังกล่าวเกิดจากการพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนส.ค. 2002 ซึ่งหญิงสาวเคราะห์ร้าย 3 คน หายตัวไป ถึงเดือนก.พ. 2007 หรือเพียงครึ่งเดียวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเท่านั้น โดยหญิงสาวทั้งสามคนได้รับการช่วยเหลือเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ อารีล ได้กักขังหน่วงเหนี่ยวหญิงสาวภายในบ้านพัก 3 ราย คือ อแมนดา เบอร์รี่ ปัจจุบัน อายุ 27 ปี จีนา เดอจีซัส วัย 23 ปี และมิเชล ไนท์ วัย 32 ปี กระทั่ง อแมนดา ฉวยโอกาสร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ในขณะที่อารีล ออกไปทานอาหารนอกบ้าน ทำให้เธอและลูกสาววัย 6 ขวบ ได้รับอิสรภาพคืนมาอีกครั้ง ก่อนกลับมาช่วยหญิงสาวอีก 2 คนที่เหลือ.


อดีตลูกจ้างซีไอเอแฉมะกันสอดแนม

วอชิงตัน/ลอนดอน (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์)-นายเอ็ดเวิร์ด สโนวเดน อดีตลูกจ้างสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (ซีไอเอ) ที่ทำงานกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นเอสเอ) เผยว่า เขาคือแหล่งข่าวที่เปิดเผยเรื่องโครงการสอดแนมทางอินเทอร์เน็ตของรัฐบาล เพื่อปกป้องเสรีภาพขั้นพื้นฐานของคนทั่วโลก

นายสโนวเดนวัย 29 ปีซึ่งกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ที่ฮ่องกงให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษว่า เขาคิดใคร่ครวญอย่างหนักอยู่นานก่อนเปิดเผยรายละเอียดโครงการของเอ็นเอสเอที่มีชื่อรหัสว่า PRISM เพราะทนไม่ได้ที่สหรัฐสร้างเครื่องมือสอดแนมชาวอเมริกันทุกคน และตาสว่างแล้วว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา ไม่ได้ต่างจากอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช

เดอะการ์เดียนเผยว่า นายสโนวเดนทำงานกับเอ็นเอสเออยู่ 4 ปี เขาได้ทำสำเนาเอกสารลับของเอ็นเอสเอที่สำนักงานในฮาวายเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนแล้วขอลางานโดยอ้างว่าจะไปรักษาโรคลมชัก จากนั้นเดินทางเข้าฮ่องกงเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายแปลกใจว่า เหตุใดเขาจึงหนีไปฮ่องกงทั้งที่ฮ่องกงมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับสหรัฐ ขณะที่นายสโนวเดนเผยกับเดอะการ์เดียนว่า ฮ่องกงมีเสรีภาพในการแสดงออกและหวังว่าสุดท้ายแล้วเขาอาจได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยในไอซ์แลนด์ เพราะเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเสรีภาพอินเทอร์เน็ต

นายสโนวเดนเปิดเผยตัวหลังจากเดอะการ์เดียนและวอชิงตันโพสต์ลงข่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐได้สอดแนมข้อมูลการใช้โทรศัพท์และข้อมูลในอินเทอร์เน็ตของผู้คนด้วยการเข้าไปในเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทผู้ให้บริการโดยตรง แต่บริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่พากันปฏิเสธ

“ไมเคิล ดักลาส” ปัดออรัลเซ็กซ์ติดมะเร็ง

โฆษกของ“ไมเคิล ดักลาส” ออกมาปฏิเสธว่า พระเอกรุ่นเดอะไม่ได้กล่าวตำหนิว่าเป็นเพราะออรัลเซ็กซ์ทำให้เขาติดโรคมะเร็งลำคอ ตามที่ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือพิมพ์ของอังกฤษ ที่ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา วันที่ 4 มิ.ย. นายอัลเลน เบอร์รี ซึ่งทำหน้าที่โฆษกให้กับ “ไมเคิล ดักลาส” พระเอกรุ่นเดอะในวัย 68 ปี ชาวอเมริกัน ซึ่งเคยมีผลงานในเรื่อง Fatal Attraction กล่าวว่า ไมเคิล ดักลาส ได้ให้สัมภาษณ์เชื่อมโยงหลายประเด็นระหว่างโรคมะเร็งลำคอของเขากับเรื่องออรัลเซ็กซ์ หรือการทำรักด้วยปากว่าก็เป็นเสมือนปัจจัยความเสี่ยงอื่นๆที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ แต่ไม่ได้จำเพาะเจาะจงลงไปว่า การทำออรัลเซ็กซ์ ทำให้เขาเป็นมะเร็งลำคอ ตามที่ได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับหนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดี้ยน ของอังกฤษ ขณะที่ โฆษกของ การ์เดี้ยน นิวส์ แอนด์ มีเดีย แถลงว่า เท่าที่ทราบในขณะนี้ยังไม่ได้รับการร้องเรียนจากผู้อ่านจากบทความการให้สัมภาษณ์ของไมเคิล ดักลาส แต่อย่างใด แต่จะตรวจสอบเรื่องนี้ ไมเคิล ดักลาส ดารานักแสดงเจ้าบทบาทซึ่งเคยคว้ารางวัลตุ๊กตาทองออสการ์มาแล้ว 2 ครั้ง ได้เปิดเผยเมื่อปี 2553 ว่า กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายขั้นที่ 4 แล้ว แต่ก็สามารถเอาชนะโรคร้ายได้ด้วยการทำเคมีและรังสีบำบัด